เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่958 อยากปกป้องหัวใจของแม่
ไม่คิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะหาวิธีได้แล้ว นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?
วิธีอะไรกันแน่?
พ่อบ้านเดินออกไปอย่างอิ่มอกอิ่มใจ แต่เซียวหยี่อันนั้นกลับยิ่งรู้สึกกังวลขึ้นมา
เธอมองดูรอบๆ เห็นในห้องรับแขกไม่มีคนอยู่ จึงลุกขึ้นมาแล้วมองพิจารณาไปรอบๆ แล้วเดินขึ้นไปด้านบน
เซียวหยี่อันไม่เชื่อ จะต้องเห็นให้ได้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนคิดวิธีอะไรได้แล้วกันแน่!
เธอขึ้นไปสืบเสาะดูด้านบน ไม่คิดเลยว่าเธอจะหาห้องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนใช้เป็นห้องทำงานในเวลาปกติเจอ
ผลักประตูเข้าไป เห็นแท่นทำงานขนาดใหญ่ที่วางอยู่ตรงข้างๆหน้าต่าง อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการใช้ซ่อมแซมวัตถุโบราณวางอยู่ด้านบน ส่วนตรงกลางโต๊ะนั้นมีเซรามิกสีขาววางอยู่หนึ่งอัน
รูปร่างเซรามิกนั้นแปลกประหลาดมาก รูปแบบสร้างสรรค์นี้เชื่อมต่อกันด้วยเซรามิกและโลหะ เทคนิคการซ่อมทั้งสองแบบตัดสลับกัน
ถึงแม้ว่าเซียวหยี่อันจะถนัดเรื่องการซ่อมโลหะมากที่สุด แต่สำหรับเซรามิกนั้นก็พอรู้คร่าวๆเพียงเท่านั้น
เมื่อเห็นก็รู้แล้ว ว่าผลงานที่อยู่ตรงหน้าชิ้นนี้ไม่ใช่ว่าจะสามารถสร้างให้เสร็จขึ้นมาได้ง่ายๆ
เธอเดินเข้าไปด้วยความสงสัย และหลังจากที่มองดูแล้วก็พบว่าผลงานชิ้นนี้ไม่ใช่การเอาเซรามิกที่แตกแล้วมาต่อติดกัน แต่ใช้งานเซรามิกที่เสร็จสิ้นแล้วมาประกอบเข้าด้วยกัน!
ใช้เทคนิคการซ่อมแซมที่ยอดเยี่ยมมาหลอมรวมให้เป็นหนึ่ง ดูสมบูรณ์แบบอย่างเป็นธรรมชาติ และสวยงามยิ่งนัก!
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!
เห็นผลงานนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว เซียวหยี่อันก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันใด ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึงกับวิธีแบบนี้บ้างกัน?
สองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เธอสร้างเครื่องสำริดและเซรามิก หลังจากที่เธอทำแตกแล้ว กลับไม่รู้สึกพอใจเลย
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่ายังมีวิธีแบบนี้อยู่ด้วย!
ใช่สิ
ตอนที่อาจารย์ฉู่ประกาศหัวข้อนั้น ไม่ได้พูดถึงว่าจะต้องทำให้เซรามิกพวกนั้นแตกกับมือ นี่เป็นการสร้างสรรค์ที่สมบูรณ์แบบมาก!
อีกทั้งสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุดก็คือการซ่อมแซมโลหะ ถ้าหากเป็นตัวเธอเองล่ะก็ ผลงานชิ้นนี้จะต้องเสร็จสิ้นได้ดีมากยิ่งขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน!
“อ้า!”
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงใสๆเสียงหนึ่งกลับดังขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ
เซียวหยี่อันหันไปมองอย่างประหลาดใจ เห็นเพียงเด็กทารกตัวน้อยๆตัวขาวๆอมชมพูคนหนึ่งกำลังคว่ำอยู่บนพรมตรงหน้าประตู
เห็นได้ชัดว่าคลานมา และกำลังเงยหน้าขึ้นมองเธออยู่
สีหน้าท่าทางนั้นดูแล้วจริงจังเป็นอย่างมาก มองเธอด้วยแววตาที่ดูระมัดระวังอย่างเห็นได้ชัด พลางร้องแงๆออกมาราวกับกำลังเอ่ยถาม : มาทำอะไรที่นี่? รีบออกไปเดี๋ยวนี้!
ทั้งๆที่ตรงหน้าเป็นเพียงแค่เด็กที่ยังพูดไม่ได้ และแม้กระทั่งยังยืนไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับสร้างความกดดันที่มองไม่เห็นอยู่ด้วย ทำให้เซียวหยี่อันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที เธอจึงรีบเก็บมือไปแล้วหันกลับมามองเขา
ผ่านไปซักพักหนึ่ง ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมา พลางเยาะเย้ย : ก็เป็นเพียงแค่เด็กคนเดียว มีอะไรให้กลัวกัน?
เธอก้าวเท้าเดินเข้าไป แล้วก้มลงมองลงมายังจี้หยู๋ชิงที่อยู่ตรงหน้า
“เราเป็นลูกของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างนั้นหรือ?”
เธอมองจี้หยู๋ชิงอย่างละเอียด ด้วยใบหน้าที่ไม่ชอบใจนัก
“หลบไป อยู่ห่างจากฉันหน่อย ฉันเกลียดเด็กที่สุดแล้ว……”
เธอเพิ่งจะพูดจบ ก็มีมือคู่หนึ่งที่ยื่นเข้ามาแล้วอุ้มจี้หยู๋ชิงที่อยู่บนพื้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
เซียวหยี่อันมองด้วยความประหลาดใจ เห็นเพียงแค่จี้จิ่งเชินที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังยืนอยู่ตรงด้านนอกประตู
ในมือกำลังอุ้มเด็กคนนั้นอยู่ แล้วมองเธอด้วยสายตาที่ระมัดระวัง
เหมือนสายตาที่เด็กคนนี้มองเธอเมื่อครู่นี้เลย
“เธอมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงที่เย็นชาของจี้จิ่งเชินเอ่ยถามขึ้น
สายตามองไปที่ร่างของเธอ แล้วก็มองไปยังผลงานของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ทำเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ในใจของเซียวหยี่อันนั้นลุกลี้ลุกลน แล้วรีบอธิบาย : “ฉันเป็นเพื่อนร่วมงานของเวินเที๋ยนเที๋ยน มาคุยกับเธอเรื่องกิจกรรมครั้งนี้ค่ะ”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว กลับไม่ได้ตอบอะไร แต่สายตานั้นมองเธออย่างจริงจัง
เซียวหยี่อันถูกเขามองแล้วก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก ทางด้านหลังนั้นมีเหงื่อซึมออกมา สีหน้าซีดเล็กน้อย
ซักพักหนึ่ง เธอถึงได้พูดติดอ่างออกมา : “ในเมื่อเธอติดธุระมาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนแล้วกันนะคะ…..”
ว่าแล้วก็เดินไปทางประตู เตรียมตัวจะรีบออกไป
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ตรงประตู ไม่ให้เธอไป
เธอทำได้เพียงต้องเอียงตัวหลบ
และตอนที่จะออกไปนั้น จี้หยู๋ชิงที่อยู่ในอ้อมแขนของจี้จิ่งเชินจู่ๆกลับยื่นมือออกมาแล้วดึงเสื้อเธอเอาไว้ ขมวดคิ้วและมีแววตาที่จริงจัง
การกระทำที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันคาดคิดนี้ ทำให้เซียวหยี่อันตกใจเสียจนแทบจะส่งเสียงร้องออกมา
“อ๊ะอ้า!”
ท่าทางที่จริงจังนี้ ราวกับกำลังพูดว่า : ไม่ให้เธอไป!
จี้จิ่งเชินจึงขมวดคิ้วขึ้น แล้วเอ่ยพูดกับจี้หยู๋ชิง : “ปล่อยมือเถอะ ลูกไม่กลัวไปทำเธอแล้วมือตัวเองจะสกปรกหรอกหรือ?”
ได้ยินแล้ว เซียวหยี่อันก็หน้าซีด แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา
จี้หยู๋ชิงจึงต้องยอมปล่อยมือตัวเองอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
เซียวหยี่อันไม่กล้าอยู่ต่ออีก จึงรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
และเพิ่งจะลงมาจากด้านบนนั้น กลับพบกับเวินเที๋ยนเที๋ยนที่เธอเตรียมตัวจะมาหาเข้าเสียก่อน
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึง ว่าเซียวหยี่อันจะมาหาเธอในเวลาแบบนี้ รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
แต่ถึงห้องรับแขกแล้วกลับไม่เห็นว่ามีคนอยู่
จากนั้นก็เห็นเธอลงมาจากทางด้านบนอย่างรีบร้อน ก็ยิ่งเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ : “เซียวหยี่อัน? เป็นอะไรน่ะ? ทำไมเธอถึงไปอยู่ข้างบนได้?”
เมื่อเซียวหยี่อันเห็นเธอแล้ว ก็รีบส่ายหน้าด้วยความตกใจ
“ฉันไม่เป็นไร วันนี้ วันนี้ฉันไปก่อนนะ แล้วค่อยว่ากัน”
ว่าแล้วก็ไม่รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดต่อ ก็เดินออกไปทางด้านนอกอย่างรีบร้อน
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตามเบื้องหลังของเธอไปด้วยความสับสน
จี้จิ่งเชินอุ้มจี้หยู๋ชิงเดินลงมาจากทางด้านบน ด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“เกิดอะไรขึ้นคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรครับ เมื่อกี้หยู๋ชิงจอเซียวหยี่อันไปอยู่ที่ห้องทำงาน”
ประโยคสั้นๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดาได้ถึงสิ่งที่จี้จิ่งเชินคิดอยู่ในใจแล้ว จึงมองเขาด้วยความแปลกใจ
“เธอมาดูงานของฉัน?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลง
เพียงแต่กลัวว่าที่เซียวหยี่อันมาครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่จะมาดูผลงานของเธอง่ายๆเพียงเท่านั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดแล้วถึงได้เอ่ยพูดขึ้น : “ไม่รู้ว่าเธอจะคิดหัวข้อที่จะแข่งขันได้หรือยัง?”
จี้จิ่งเชินพูดเลี่ยง : “เธอดูมั่นใจ คงจะหาวิธีได้แล้วมั้งครับ”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้” เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ทำให้ตัวเองกระปี้กระเป่าขึ้นมาอีกครั้ง : “ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็ต้องพยายามต่อเหมือนกัน”
ว่าแล้วก็เดินขึ้นไปด้านบนแล้วเริ่มทำงานต่อ
ภายในห้องรับแขกนั้นจึงเหลือเพียงแค่จี้จิ่งเชินกับจี้หยู๋ชิงสองคนเท่านั้น
จี้จิ่งเชินรอหลังจากเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปแล้ว ถึงขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าปรากฏความไม่พอใจและความระวังตัวออกมา
“เธอทำอะไรในห้องทำงาน?”เขาเอ่ยถามจี้หยู๋ชิงที่อยู่ในอ้อมแขนตัวเอง
จี้หยู๋ชิงพูดอ้อแอ้ๆออกมา คนที่อยู่ข้างๆนั้นไม่สามารถฟังเข้าใจได้เลย
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้วจึงวิเคราะห์อยู่พักหนึ่ง แต่กลับเป็นเพราะครั้งนี้คำพูดของเขานั้นซับซ้อนเกินไป แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่
จึงขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น : “ทางที่ดีที่สุดคือลูกควรจะหัดพูดให้ได้เร็วๆนะ แบบนี้ถึงจะสามารถปกป้องแม่ของลูกได้”
เห็นว่าเขาฟังที่ตัวเองพูดไม่ออกนั้น จี้หยู๋ชิงก็ยิ่งรู้สึกโมโหเสียจนหน้ามุ่ย
แต่ก็ยังคงพยักหน้าลง แล้วตัดสินใจ
เขาจะต้องโตให้เร็วๆเพื่อปกป้องแม่ให้ได้!
ใบหน้ากลมๆนั้นเต็มไปด้วยความตั้งใจ ช่างน่ารักยิ่งนัก
จี้จิ่งเชินมองเขา แล้วอดที่จะออกปากพูดกระทบเขาไม่ได้
“แต่เห็นกำปั้นของเราแล้ว อาจจะยังไม่สามารถเทียบกับนิ้วของคนอื่นได้หรอกนะ”
เพียงประโยคเดียว ทำให้เสี่ยวหยู๋ชิงโกรธเสียจนร้องออกมา