เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่969 คุณผิดกติกา!
“เที๋ยนเที๋ยน ทำไมเธอใจร้อนขนาดนี้?”
“ขอโทษค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “แต่ฉันไม่สามารถดูพวกเขาใส่ร้ายและดูถูกพวกเราแบบนี้ได้ การแข่งขันครั้งนี้ฉันจะทุ่มเทแรงกายแรงใจให้ถึงที่สุด!”
“แต่ว่า เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองจะเอาชนะได้? ถ้าหากว่าแพ้……”
แน่นอนว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้คิดถึงจุดนี้ เธอหันไปสอบถามอาจารย์ฉู่ “อาจารย์ คุณคิดว่านิวมั้นคนนั้นทักษะการบูรณะเป็นอย่างไรบ้าง?”
ได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้ว แล้วก็นึกขึ้นได้
เอ่ย “เขามาที่ประเทศเราคราวก่อนได้แสดงฝีมือการบูรณะของตัวเอง ถ้าคิดตามระดับเมื่อหลายปีก่อนน่าจะอยู่เหนือกว่าเธอ แต่ว่าผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว แม้ว่าช่วงนี้เธอจะได้รับการฝึกฝนจากพวกฉัน แต่เขาก็น่าจะมีการพัฒนาเหมือนกัน ดูไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะชนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นกลับรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็มีโอกาสที่จะชนะ”
เธอโค้งตัวให้อาจารย์ฉู่เล็กน้อย เอ่ยรับประกัน “วางใจเถอะ อาจารย์ ฉันจะไม่ทำให้พวกคุณขายหน้าแน่นอน”
อาจารย์ฉู่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า
“ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็สู้ๆ ต้องชนะนะ ให้พวกเขาได้เห็นความสามารถของเธอ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกมุ่งมั่นฮึกเหิมขึ้นมาทันที
“คุณวางใจเถอะ” พูดจบแล้วหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องทำงานกับคนอื่นๆ
ห้องทำงานนี้ปกติเป็นห้องพวกเขาใช้ในการฝึกฝน มีของที่ได้รับการบูรณะไปแล้วเล็กน้อยวางอยู่บนโต๊ะ เครื่องมือสำหรับการบูรณะก็มีครบทุกอย่าง เพียงพอสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้
นักบูรพาวัตถุโบราณชาวต่างชาติมองเครื่องมือที่อยู่โดยรอบอย่างจับผิดราวกับจะหากระดูกในไข่ไก่ แต่ก็ไม่เจออะไร
เอ่ยอย่างหยิ่งยโสว่า “เครื่องมือก็ไม่เลว แต่ฝีมือการบูรณะของพวกเธอจะเป็นอย่างไรนั้นก็ไม่แน่”
นิวมั้นพูดพลางนั่งลงด้านหน้าโต๊ะทำงานอย่างวางมาด
“ตอนนี้ก็ให้พวกเธอเห็นความแตกต่างระหว่างตัวเองกับพวกเรา จะได้เตรียมตัวไว้ก่อน ถึงเวลาจะได้ไม่แพ้อย่างน่าเวทนาเกินไป”
น้ำเสียงของทั้งสองคนเจือความดูถูก กวาดสายตามองเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเดินเข้าไปนั่ง
อาจารย์ฉู่นำวัตถุสองชิ้นที่ก่อนหน้านี้ได้บูรณะไปครึ่งหนึ่งวางลงบนโต๊ะ
“นี่คือที่ก่อนหน้านี้พวกเราใช้ในการฝึกฝน ขวดทั้งสองใบเหมือนกันทุกประการ มีรอยแตกเหมือนกัน พวกเราบูรณะไปครึ่งหนึ่งแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ง่ายมากๆ สามารถทำให้เสร็จได้อย่ารวดเร็ว เหมาะสำหรับเอามาใช้ในการแข่งขันวันนี้”
“ทั้งสองท่าน เลือกมาหนึ่งใบใช้แข่งกันเถอะ”
ไม่รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องลงมือเอง ทั้งสองคนก็หยิบไปดูด้วยความรวดเร็ว
ของสองใบที่อาจารย์ฉู่เลือกนั้นยุติธรรมมาก รอยแตกที่ต้องการบูรณะขนาดเท่ากัน ขวดก็เหมือนกัน
เหมาะสำหรับเอามาใช้ในการแข่งขัน
นิวมั้นเลือกจากหนึ่งในนั้นถือไว้ในมือ
“ของเล็กๆ แบบนี้บูรณะให้เสร็จเรียบร้อยได้อย่างรวดเร็ว เดี๋ยวพวกเธอก็รอดูอย่างละเอียด!”
พูดจบก็ก้มหน้าเริ่มทำการบูรณะ
อาจารย์ที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็ขมวดคิ้วแล้วรีบเอ่ย “ยังไม่ได้เริ่มเลย คุณผิดกติกา!”
นิวมั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้า
“ก่อนหน้านี้พวกเธอไม่ได้บอกกติกาเอง ฉันจะรู้ได้อย่างไร? ถึงอย่างไรฉันก็เริ่มทำไปแล้ว จะให้ฉันหยุดก็คงไม่ได้”
อาจารย์หลายท่านคิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะแปลกและเจ้าเล่ห์ขี้โกงแบบนี้ ไม่มีเหตุผล ก็โกรธจนต้องกัดฟัน
“ไม่เป็นไร” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ย
พูดพลางหยิบเอวขวดที่เหลืออยู่ นั่งลงอีกฝั่ง แล้วมองอย่างละเอียด
เมื่อมั่นใจแล้ว ในที่สุดก็เริ่มลงมือ
เมื่อเริ่มการแข่งขัน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็เงียบเสียงลง ใครก็ไม่พูดอะไร คอยจ้องความคืบหน้าของทั้งสองคนอย่างไม่ละสายตา
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อสำรวจคู่ต่อสู้ ในขณะเดียวกันก็เพื่อศักดิ์ศรีของนักบูรพาวัตถุโบราณของประเทศอีกด้วย
พูดตามตรงถูกต่างชาติทั้งสองคนดูถูกถึงขนาดนี้ ในใจอาจารย์ฉู่และอีกหลายคนก็รู้สึกไม่พอใจ
ถ้าวันนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนแข่งกับพวกเขา ถ้าหากว่าชนะ ก็จะสามารถกู้เกียรติยศบนหน้าของพวกเขากลับมาได้บ้าง
แต่ถ้าหากว่าแพ้ เกรงว่าต่อไปคนพวกนี้จะยิ่งอวดดี
ทุกคนต่างตึงเครียด เผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
แม้แต่จี้หยู๋ชิงก็คอยมองอยู่ข้างๆ อย่างเป็นห่วง ใบหน้าเล็กขมวดเป็นก้อน สายตาจับจ้องที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
ในตอนนั้นเอง ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่ห้อยคออยู่ก็สั่นขึ้นมา
เขารีบหยิบขึ้นมา เมื่อเห็นแจ้งเตือนบนจอก็ขมวดคิ้วทันที
จึงหันหลังกลับแล้วรับสายโทรศัพท์ การกระทำเหล่านั้นสุขุมและเยือกเย็น ไม่เหมือนปฏิกิริยาของเด็กอายุแค่นี้ควรมี
พูดขึ้นทันที
“ยียียายา”
เสียงอ่อนวัยดังขึ้น แต่กลับถือโทรศัพท์คุยกลับปลายสายอย่างจริงจัง
ภาพนี้มองไปแล้วทำให้คนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาจริงๆ
ปลายสายเป็นเสียงของจี้จิ่งเชินดังขึ้น เขาราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของเด็กเล็ก เอ่ยถามอย่างเป็นจริงเป็นจัง
“เที๋ยนเที๋ยนทานมื้อเที่ยงแล้วพักหรือยัง?”
“ตาตาตา!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ต่อไปก็ดูแลเธอให้ดี อย่าให้เที๋ยนเที๋ยนฝืนตัวเอง เข้าใจไหม?”
จี้หยู๋ชิงหันไปมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน กำลังแข่งขันกับคนอื่น ในใจก็รู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย จึงส่งเสียงอ้อแอ้ออกมา
แต่จี้จิ่งเชินที่ฟังไม่เข้าใจอยู่แล้ว เอ่ย “ตามนี้แหละ”
พูดจบ ก็ไม่รอแม้แต่น้อย วางสายไปทันที
หยู๋ชิงไม่พอใจ แค่นหัวเราะออกมา โยนโทรศัพท์ไปอีกด้านหนึ่ง แล้วดูการแข่งขันของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างจริงจัง
อาจารย์หลายท่านที่อยู่ข้างๆ กำลังพูดถึงความก้าวหน้าของการบูรณะของทั้งสองคนเสียงเบาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ต่อให้ผลงานทั้งสองชิ้นนั้นก่อนหน้านี้จะได้รับการบูรณะเกินครึ่งแล้ว ที่เหลืออยู่คือการเก็บงานครั้งสุดท้าย แต่การบูรณะวัตถุโบราณต้องใช้เวลาและกำลังเป็นอย่างมากถึงจะสำเร็จได้
แม้ว่าจะยาวนาน แต่ก็ไม่มีใครที่อยู่ตรงนี้เอ่ยปาก
จี้หยู๋ชิงเป็นห่วงเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ตลอด ตามที่จี้จิ่งเชินบอกไว้ก่อนหน้านี้ เวลานี้เวินเที๋ยนเที๋ยนควรไปพักได้แล้ว
แต่เพราะการแข่งขันครั้งนี้ จึงต้องทำต่อไป
ในตอนนั้นเอง ประตูที่อยู่ด้านหลังก็ถูกเคาะเบาๆ
จี้หยู๋ชิงได้ยินเสียงจึงหันไปมอง เห็นจี้จิ่งเชินเดินเข้ามา ก็แปลกใจทันที
ระยะจากที่เขาวางสาย ผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น หรือว่าออกมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว กำลังจะกลับอยู่แล้ว?”
ทันทีที่จี้จิ่งเชินเดินเข้ามา กวาดสายตามองคนที่กำลังอยู่ในการแข่งขัน ก็ขมวดคิ้วในทันที เดินไปข้างๆ จี้หยู๋ชิง
จี้หยู๋ชิงเงยหน้าขึ้น สายตาปรากฏความงงงวยเล็กน้อย
ไม่ต้องเอ่ยถาม จี้จิ่งเชินก็ลดเสียงต่ำลงแล้ว
“เมื่อกี้ตอนโทรศัพท์ได้ยินอาจารย์ฉู่เขาคุยกัน ไม่สบายใจเล็กน้อยก็เลยมาหา การแข่งขันจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
จี้หยู๋ชิงพูดอ้อแอ้ จี้จิ่งเชินไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
“ช่างเถอะ ถามหนูไปก็ไม่รู้เรื่อง”
พูดพลางหันกลับมา สายตาจับไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน