เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่971 เสมอ!
จี้จิ่งเชินคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ จึงค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา
กอดเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ ก้มหน้าลงเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังแว่วมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วก็ไม่เข้าใจ
“ทำไมเหรอ? มีอะไรไม่ถูกตรงไหนหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่” จี้จิ่งเชินกอดเธอ น้ำเสียงเจือความขบขัน
“เที๋ยนเที๋ยนของผม น่ารักจนผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับคุณดี”
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หน้าแดงทันที ไม่ได้พูดอะไรอีก
แม้ว่าห้องทำงานจะใหญ่ แต่อาจารย์ฉู่กับคนอื่นๆ ยังยืนอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้ยินหรือไม่
จี้จิ่งเชินกลับไม่ได้สนใจการมีตัวตนอยู่ของคนเหล่านั้นเลย
กำลังจะพูดขึ้น ทันใดนั้นเสียงที่ไม่กลมกลืนกันเลยก็ลอยมา
“ยียียายาคุณแม่!”
แม้กระทั่งขากางเกงของจี้จิ่งเชินก็ถูกมือเล็กๆ คว้าไว้แน่น เห็นได้ชัดว่าต้องการเป็นก้างขวางคอของทั้งสองคน
ต่อให้เป็นสถานการณ์แบบนี้ ก็ไม่อยากโดนมองข้าม
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว จนปรากฏรอยย่นเส้นเล็กขึ้นมา
เดิมคิดจะไม่สนใจเสียงนั้น แต่อีกฝ่ายกลับตัดสินใจแน่วแน่จะรบกวนพวกเขา พูดจาอ้อแอ้ไม่หยุด
จี้จิ่งเชินไม่ได้ตอบกลับ อีกฝ่ายจึงตะโกนเสียงดังขึ้น
ในที่สุดเขาก็ก้มหน้าไปมองจี้หยู๋ชิงอย่างช่วยไม่ได้
มองจากบนลงมาด้านล่าง มองจากที่สูงลงมาหาเขา น้ำเสียงเจือความฉุนเฉียว
“ทำไม? หนูพูดเหตุผลที่รบกวนพวกเรามาดีกว่า”
จี้หยู๋ชิงไถรถหัดเดินเด็ก ขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าเล็กน่ารักไม่น้อยไปกว่ารังสีที่แผ่ออกมาจากจี้จิ่งเชิน
เสียงพูดอ้อแอ้ที่เคร่งขรึมดังขึ้น
จี้จิ่งเชินฟังไม่เข้าใจ ขมวดคิ้วแน่นขึ้น อยากจะมองข้ามเขาไป
แต่จี้หยู๋ชิงกลับไม่ยินยอม คว้าขากางเกงของเขาแน่นไม่ยอมปล่อยมือ
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกท่าทางน่ารักของเขาทำให้ขบขัน ค้อมตัวลงเล็กน้อยแล้วอุ้มเขาขึ้นมาวางไว้ตรงกลางระหว่างสองคน
“ฉันว่า หยู๋ชิงต้องอยากร่วมกับพวกเราด้วยใช่ไหม?”
จี้จิ่งเชินมองเด็กที่เพิ่มขึ้นมาระหว่างพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่ปกปิดความไม่ชอบใจเลยแม้แต่น้อย
แต่จี้หยู๋ชิงก็ไม่ได้ตามไม่ทันเลยแม้แต่น้อย มองเขาด้วยสีหน้าไม่ชอบใจเหมือนกัน เทียบความแข็งแกร่งกันเอง
อีกด้านหนึ่ง อาจารย์หลายคนก็ได้เปรียบเทียบและวิเคราะห์ขวดทั้งสองใบอย่างละเอียด
เพราะไม่รู้ว่าขวดใบไหนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนบูรณะ ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าข้าง และเริ่มตัดสินจากมุมมองที่เป็นกลางที่สุด
สิบนาทีผ่านไป ในที่สุดหลายคนก็หยุดลง หันมามองหน้ากันแล้วพยักหน้า มีความคิดในใจแล้ว
ชาวต่างชาติทั้งสองคนเห็นดังนั้น ก็รีบก้าวเข้ามาแล้วเอ่ย “เป็นอย่างไรบ้าง? อันไหนบูรณะได้สมบูรณ์แบบที่สุด?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินการเคลื่อนไหวด้านนั้น ก็เดินตามไป
อาจารย์อีกหลายคนกลับยังลังเลอยู่เล็กน้อย
พวกเขามองเห็นถึงปัญหาของขวดทั้งสองใบแล้วจริงๆ และมองออกว่าใบไหนสมบูรณ์แบบ แต่กังวลที่ถ้าไม่ใช่ใบที่เวินเที๋ยนเที๋ยนบูรณะ พวกเขาเกรงว่าจะต้องแพ้แล้ว
หลายวันมานี้พวกเขาฝึกซ้อมด้วยกันกับเวินเที๋ยนเที๋ยน เข้าใจฝีมือการบูรณะของเธออยู่บ้าง
ให้เธอทำให้สำเร็จในเวลาสั้นๆ นั้นความจริงแล้วก็เรื่องยากเหมือนกัน
ไม่มีใครรู้ว่าเธอแสดงความสามารถออกมาได้แค่ไหน
เห็นหลายคนลังเล นักบูรพาวัตถุโบราณชาวต่างชาติก็ยิ้มออกมาอย่างลำพองใจ
เอ่ยเสียงเย็น “ฉันจะบอกพวกคุณไว้ก่อน ถ้าจงใจเลือกอันที่บูรณะได้ไม่ดี ก็ทำจะให้ฉันผิดหวังมากไปแล้ว ถึงตอนนั้นฉันคงสงสัยเกี่ยวกับมาตรฐานของการบูรณะในประเทศ”
นิวมั้นก็เอ่ยอย่างลำพอง “เพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนบูรณะไม่ได้ดีไปกว่าของฉัน พวกคุณคงไม่จงใจเลือกอันที่แย่กว่าหรอกใช่ไหม”
“พวกเราไม่ทำแบบนั้นแน่นอน!”
อาจารย์ฉู่สีหน้าครึ้มลงทันที รีบเอ่ยโต้แย้ง โบกมืออย่างรุนแรงและเข้มงวด
“ก่อนหน้านี้พวกเรารับปากคุณแล้ว ว่าจะเลือกด้วยความยุติธรรมที่สุด ไม่โกหกหรือโกงอย่างแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” นิวมั้นเอ่ยอย่างพอใจ
อาจารย์ฉู่ทำตัวไม่ถูก เอ่ย “พวกเราจะเลือกใบที่ตัวเองคิดว่าบูรณะได้ดีที่สุด ใครได้คะแนนโหวตมากกว่าถือว่าชนะ”
นิวมั้นสองมือกอดอกมองพวกเขาเลือกอย่างวางมาด
อาจารย์หลายท่านพยักหน้าให้กัน หนึ่งในนั้นจึงเดินออกมา
“ถ้าอย่างนั้นฉันเริ่มก่อน”
เขามองผลงานการบูรณะทั้งสองใบตรงหน้า แล้วเอ่ย “ผลงานทั้งสองชิ้นนี้ขนาดและรูปร่างเหมือนกัน แม้แต่รอยแตกก็คล้ายกันมาก ผ่านการบูรณะแล้วก็แยกไม่ออกว่าผลงานของใครเป็นของใคร ตอนฉันพิจารณาครั้งแรกเองก็ให้ความคิดเห็นค่อนข้างยาก แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดแล้ว พบว่าหนึ่งในผลงานมีรอยด่างพร้อย”
อาจารย์คนนั้นพูดพลางชี้ไปขวดใบที่วางอยู่ทางซ้ายมือ
“ฉันเลือกใบนี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับนิวมั้นเห็นคะแนนโหวตแรกเลือกออกมาแล้ว กลับไม่มีสีหน้าอะไร
ตอนนั้นพึ่งเป็นคะแนนโหวตแรก เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้กังวล และนิวมั้นที่อยู่ข้างๆ กังวลว่าคนพวกนี้จะคาดเดาเจ้าของขวดจากสีหน้าของเขาและเวินเที๋ยนเที๋ยน ดังนั้นต่อให้คลื่นอารมณ์สาดซัดอยู่ในใจ ก็ไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า
อาจารย์ฉู่เห็นท่าทางของทั้งสองคน ก็คาดการณ์อะไรไม่ได้อยู่ดี
เขามาตรงหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วเอ่ยถามเสียงเบา “เที๋ยนเที๋ยน เธอมั่นใจกับการแข่งขันครั้งนี้ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มแต่กลับไม่ได้ตอบกลับอะไร แล้วเอ่ย “อาจารย์ฉู่ คุณทำตามเจตนาเดิมของตัวเองเถอะ ใบไหนดี คุณเลือกใบนั้นก็ได้แล้ว”
เห็นเธอเชื่อมั่นในตัวเองแบบนี้ อาจารย์ฉู่จึงพยักหน้า
“ได้!”
แต่คำพูดนี้นิวมั้นกลับได้ยินเข้า
เขาหัวเราะเสียงเย็น
“เวินเที๋ยนเที๋ยน เธอนี่มั่นใจเต็มเปี่ยมเสียจริง รอหลังโหวตเสร็จ ฉันจะรอดูว่าจะยังยิ้มออกอยู่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ตอบ แต่จี้จิ่งเชินกลับปรายตามองเขาอย่างเย็นชา
นิวมั้นตกใจจนชะงักไปทันที ไม่กล้าพูดอะไรอีก
อาจารย์คนที่สองก็เดินเข้ามาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่ได้ไตร่ตรองอะไรเพิ่มอีก แล้วให้คำตอบทันที
โหวตไม่เหมือนกับคนแรก โดยเลือกขวดใบที่อยู่ทางด้านขวา
ทั้งสองคนจึงมีคะแนนโหวตเท่ากันทันที
ต่อมาอาจารย์สองคนก็โหวตให้อีกคนละหนึ่งคะแนน สี่คนผ่านไป ผลงานของทั้งสองคนจึงมีคะแนนโหวตเท่ากันสองคะแนน!
คนที่ช่วงนี้ได้มาฝึกฝนกับเวินเที๋ยนเที๋ยน นอกจากอีกสามคนคนที่เข้าร่วมการแข่งขันกับเธอ ยังมีอาจารย์ท่าอื่นอีกสองท่านจากในวังมาช่วยให้คำแนะนำพวกเธอ
ทั้งหมดห้าคน ตอนนี้สี่คนโหวตไปแล้ว สิทธิ์ขาดในการตัดสินแพ้ชนะตกมาอยู่ที่อาจารย์ฉู่
สายตาของทุกคนมองไปที่เขา อาจารย์ฉู่จึงเดินเข้ามา
เขาไม่รีบตัดสิน แล้วตรวจสอบผลงานตรงหน้าอย่างละเอียดอีกครั้ง
ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ความจริงแล้วต้องการการตรวจสอบซ้ำไปซ้ำมา
แต่นิวมั้นกับอีกคนหนึ่งกลับไม่พอใจเป็นอย่างมาก เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณดูเสร็จหรือยัง? ดูเสร็จแล้วก็รีบเลือก! ดูต่อไปก็ไม่มีประโยชน์!”
อาจารย์ฉู่ไม่ได้สนใจคำพูดนั้นอยู่แล้ว แล้วดูอีกสักพักหนึ่งในที่สุดก็พยักหน้า
“ตอนนี้ฉันรู้ผลแล้ว”