เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่996 ข้อตกลงที่ลับคมคมใน
ในใจของไอรีนไม่พอใจอย่างยิ่ง!
เดิมทีนึกว่าแฟชั่นโชว์ของครั้งนี้ หลวนจื่อไม่มีสิทธิ์ขึ้นเวทีเลยด้วยซ้ำ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะผ่านการประเมินและทดสอบของหลุยส์
เป็นนางแบบพาร์ทไทม์ ได้โอกาสในการขึ้นเวที
เดิมที เธออยากใช้วิธีการเชิงรุกให้หลวนจื่อถอนตัว แต่คิดไม่ถึง ช่วงเวลานี้ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง หลวนจื่อก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เลย
เธอรู้ว่าหลวนจื่อเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าคนอื่นพูดคำนึง เธอก็จะเถียงเป็นสิบคำเลย
แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนตาลปัตรไปหมด กลายเป็นคนที่สงบและยับยั้งชั่งใจมากยิ่งขึ้น แต่ความเป็นนางแบบมืออาชีพบนเวทีเดินแบบของเธอกลับไม่มีลดน้อยถอยลงเลยสักนิด ทำให้คนรู้สึกยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป สักวัน ตำแหน่งที่ตัวเองอุตส่าห์ได้มาจะต้องถูกหลวนจื่อแย่งไปแน่ๆ
ไอรีนกัดฟันพูด: “วันแข่งขันฉันจะต้องอยู่ในงานอยู่แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าแกจะแอบไปทำข้อตกลงอะไรที่ลับคมคมในกับเจ้าหน้าที่หรือเปล่า?”
“ได้ยินมาว่า สามีคนปัจจุบันของแก แกก็ใช้วิธีการถึงได้แต่งงานกับเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่แน่แกก็ใช้แผนการดิมล่ะ”
พอพูดถึงตรงนี้ ผู้คนต่างก็พยักหน้า และซุบซิบวิพากวิจารณ์กันขึ้นมา
เรื่องของหลวนจื่อกับหมินอันเกอ ถึงคนที่อยู่ต่างประเทศก็พอรู้บ้างอยู่
ได้ยินคนพวกนั้นวิจารณ์กันเสียงเบา นางแบบคนนั้นยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ ไอรีนได้สำรวจหลวนจื่อตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบนึงด้วยสายตาหาเรื่อง น้ำเสียงบาดลึกเสียดแทง
“คนที่ออกจากวงการมาเป็นปี และยังมีลูกคนนึงแล้ว จะเป็นนางแบบได้ยังไง? ดูหุ่นตอนนี้ของแกสิ เหมือนป้าที่มีอายุเลย แกจะสามารถสื่อคอนเซ็ปต์ที่หลุยส์ออกแบบมาหรือเปล่า?”
“เหอะ ฉันเตือนแกกลับรีบไปป้อนนมให้ลูกแกเถอะ? วงการนางแบบของตอนนี้ไม่ใช่วงการที่แกเคยอยู่แล้ว”
“หลวนจื่อ หมดยุคของเธอแล้ว รู้ความจริงนี้เอาไว้ด้วย”
“ใช่ๆๆ”
มีคนไม่น้อยที่ต่างก็พยักหน้า
ถ้าไม่มีหลวนจื่อคนนึง แรงกดดันในแข่งขันก็จะลดลงส่วนหนึ่ง โอกาสที่พวกเธอจะได้ขึ้นเวทีก็จะมีมากขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าวงการที่หลวนจื่ออยู่ จะมีการแก่งแย่งชิงดีมากมายขนาดนี้
เธอสุดจะทนจริงๆ จึงได้เปิดปากพูดว่า: “ฉันไม่รู้สึกว่าหุ่นของหลวนจื่อจะแย่ตรงไหนเลย หลังจากเธอท้องก็เคยเดินแบบอยู่หลายงาน ฉันแทบจะอยู่ในงานด้วยทุกครั้ง”
“เทียบกับก่อนแต่งงาน ฉันชอบการแสดงออกหลังแต่งงานของเธอมากกว่า เป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อน และมีเสน่ห์มากกว่า หุ่นก็ไม่ได้เสียเลย กลับกันยังเพอร์เฟคกว่าเดิมด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างจริงจังมาก ถ้าบอกว่าหลวนจื่อในเมื่อก่อนเป็นเด็กผู้หญิงร่าเริงแจ่มใสและโอ้อวด
งั้นตอนนี้เธอก็เป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ฉลาดหลักแหลม แถมเป็นคนที่มีออร่ามาก นี่ไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้เลย
ผู้คนได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว ต่างก็หันมามองเวินเที๋ยนเที๋ยน
บางคนไม่รู้จักเธอเลย ได้ขมวดคิ้วถามว่า: “เธอเป็นใคร? ฉันจำได้เธอน่าจะไม่ใช่นางแบบมั้ง? พวกเราพูดคุยกัน เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดแทรก?”
“เธอเป็นเพื่อนที่ฉันเชิญมาโดยเฉพาะ ย่อมมีสิทธิ์พูดอยู่แล้ว”
หลวนจื่อก้าวออกมา สายตาเฉียบคมสุดๆ เธอพูดอย่างแน่วแน่: “ฉันจะสามารถรับหน้าที่การเดินแบบของครั้งนี้ได้หรือเปล่า จะสามารถแสดงความคิดที่หลุยส์ต้องการจะสื่อออกมาได้หรือเปล่า? เดี๋ยวขึ้นเวทีพวกเธอก็รู้เอง”
เธอยิ้มอ่อนๆ กลับทรงอำนาจสุดๆ
“ประเทศฉันมีสำนวนนึง ทะเลใหญ่ไม่เยาะเย้ยหยดน้ำ ภูเขาใหญ่ไม่เยาะเย้ยหินก้อนเล็ก(หมานความว่าอยากดูถูกคนอื่นง่ายๆ) ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยอมรับว่าฉันเป็นแค่ก้อนหินเล็กๆก้อนนึง จะมีค่าอะไรให้พวกเธอมาเยาะเย้ย!”
มีหลายคนฟังแล้วต่างก็อึ้งไปตามๆกัน
ถึงแม้ไม่ได้เปิดปากพูดอีก แต่หมัดที่กำไว้แน่น กลับเผยบรรยากาศในใจของพวกเธอออกมา
เวลานี้ หลุยส์และผู้ช่วยทั้งหลายได้เดินเข้ามาพอดี เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ค่อนข้างผิดสังเกต จึงได้ถามว่า: “พวกเธอเป็นอะไร?”
ได้ยินเสียงของเขา นางแบบทั้งหลายดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาเสี้ยวนึง พร้อมแสร้งทำเป็นไม่มีอะไร
“พวกเราก็แค่พูดคุยกันเฉยๆค่ะ ไม่มีอะไร”
หลุยส์ไม่ได้ถามให้มากความ แต่ได้พยักหน้าแล้วมองไปที่หลวนจื่อ
พอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยืนอยู่ข้างๆปุ๊บก็ตื่นตกใจทันที เขารีบเดินไปถามว่า: “คุณ คุณก็คือคุณเวินใช่มั้ยครับ?”
“เป็นเกียรติจังเลยครับ! ไม่คิดเลยว่าคุณก็มาร่วมงานแถลงข่าวของผมด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังแล้วค่อนข้างมึนงง เธอมองไปที่เขาอย่างละเอียด กลับพบว่าตัวเองไม่รู้จักคนๆนี้เลย
ฝ่ายตรงข้ามรีบอธิบายว่า: “ขอโทษครับ ผมลืมแนะนำตัวเลย ผม หลุยส์ ดีไซน์เนอร์ของแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ครับ หลายวันก่อนคุณได้เข้าร่วมการแข่งขันบูรณะวัตถุโบราณใช่มั้ยครับ?”
“ต้องขอบคุณการแข่งขันของคุณมากเลย ที่ทำให้จู่ๆผมมีแรงบันดาลใจใหม่ๆขึ้นมาเยอะเลย แม้แต่งานแถลงข่าวของครั้งนี้ก็ยังมีความคิดสร้างสรรค์และดีไซน์ที่เกี่ยวกับวัตถุโบราณและบูรณะวัตุโบราณด้วยครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังแล้วตะลึงสุดๆ
“คุณเคยดูการแข่งขันของฉัน?”
หลุยส์พยักหน้า “ผมไม่พลาดสักการแข่งขันเลย คุณแสดงออกได้โดดเด่นมากเลยครับ! พวกวัตถุโบราณที่ผ่านการบูรณะจากมือของคุณ สามารถเรียกได้ว่างานศิลปะชัดๆเลยครับ! เดิมทีก่อนหน้านี้ผมอยากเรียนเชิญคุณมาร่วมงานแถลงข่าวของครั้งนี้ แต่ก็กังวลว่าจะกระทบกับการแข่งขันต่อจากนี้ของคุณ จึงได้แต่ล้มเลิกไปครับ”
“ไม่คิดเลยว่าคุณจะมาจริงๆด้วย ทำผมเซอร์ไพรส์จริงๆเลย!”
เขาพูดอย่างตื้นตันใจ เห็นได้ชัดว่าเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นไอดอลของตัวเองแล้ว
นางแบบทั้งหลายที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยินคำพูดเหล่านี้ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่
หลุยส์ ดีไซน์เนอร์ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้
อยู่ในวงการดีไซน์เนอร์มีฐานะที่ไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นนางแบบคนนี้ยังได้เห็นเขาเป็นบุคคลที่น่าเลื่อมใสยังไงอย่างงั้น
ขอแค่สามารถเข้าร่วมงานแถลงข่าวของเขา ปรากฎตัวอยู่บนเวที ต่อไปก็จะได้ร่วมงานอย่างไม่ขาดสาย นับตั้งแต่นี้ไปก็จะดังเปรี้ยงปร้างแน่นอน
เพราะฉะนั้น งานแถลงข่าวของครั้งนี้ ซุปเปอร์โมเดลทั้งหมดต่างก็แข่งขันกันอย่างดุเดือดเผ็ดมัน
แต่คิดไม่ถึง เบ้าหน้าเอเชียที่พวกเธอไม่พอใจในเมื่อครู่นี้จะได้รับความสนใจมากมายขนาดนี้
นางแบบที่เมื่อครู่เอะอะโวยวายบอกเวินเที๋ยนเที๋ยนว่าอย่ามาแทรกแซง สีหน้าเริ่มซีดนิดหน่อยแล้ว เสียใจมากกับคำพูดที่ตนเองพูดไปในเมื่อครู่ และไม่กล้าเปิดปากพูดอีก
ดีไซน์เนอร์คนนั้นยิ่งกระตือรือร้นสุดๆและสีหน้าคาดหวังกับเวินเที๋ยนเที๋ยนสุดๆ
“ในเมื่อคุณมาถึงที่นี่เองเลย งั้นเรียนเชิญคุณช่วยผมดูผลงานที่ผมสร้างออกมา จากแรงบันดาลใจที่ได้จากการแข่งขันได้หรือเปล่าครับ? ผมว่ามีผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณมาดู จะทำให้งานออกแบบอันนั้นเพอร์เฟคกว่าเดิมแน่นอนครับ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังแล้ว ยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญ
“แต่ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องด้านดีไซน์เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” หลุยส์พูดด้วยความตื่นเต้น: “ถึงเวลาผมจะอธิบายอย่างละเอียดกับคุณ คุณแค่บอกวัตถุดิบด้านบูรณะวัตถุโบราณกับผมก็พอครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่หลวนจื่อแว๊บนึง เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเธอ
หลวนจื่อพยักหน้า
“วางใจเถอะ เธอไปเถอะ เดี๋ยวไม่ต้องมาหาฉันแล้ว รอฉันขึ้นเวทีอยู่ใต้เวทีโดยตรงเลย”
“งั้นก็ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปพูดกับหลุยส์อีก: “คุณนำทางเลยค่ะ”
หลุยส์ดีใจสุดๆ เขารีบพาเธอเดินออกไปข้างนอก