เมื่อนายน้อยมีลูกสาว Young Master Has a Daughter - ตอนที่ 53
บทที่ 53 ความเกลียดชัง
“นายน้อยยุ่นหลิงมาแล้ว!” หนึ่งในผู้เฝ้ายามราตรีของตระกูลยุ่นประกาศเสียงดังเพื่อแจ้งให้ทุกคนในตระกูลทราบ
ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ตระกูลยุ่นทั้งหมดอยู่ในความเงียบสงบ สมาชิกตระกูลบางคนเข้านอนแล้วในขณะที่บางคนกำลังฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งในห้องของพวกเขาในความเงียบ บางคนกำลังศึกษาพระคัมภีร์ในขณะที่บางคนกำลังอ่านหนังสือคู่มือการฝึกตนเพื่อเพิ่มพูนความรู้และช่วยเหลือพวกเขาในการฝึกตนขั้นสูงต่อไป
อย่างไรก็ตามทันทีที่พวกเขาได้ยินประกาศของข้ารับใช้ทุกคนก็ละทิ้งสิ่งที่พวกเขาทำทันทีขณะที่พวกเขารีบวิ่งออกมาจากห้องของพวกเขา
เพียงไม่กี่วินาทีตระกูลที่อยู่ในความเงียบสงบอยู่แล้วก็เต็มไปด้วยความครึกครื้น ข้ารับใช้ทุกคนที่กำลังจะกลับเข้ามาในคืนนี้รีบเข้าประจำตำแหน่งตามลำดับขณะที่พวกเขารออย่างอดทนเพื่อให้นายน้อยมาถึง
ในขณะเดียวกันข้ารับใช้คนหนึ่งก็เข้ามาในห้องทำงานของยุ่นซานและห้องของสมาชิกในครอบครัวสายตรงของยุ่นหลิงเพื่อแจ้งให้พวกเขาทราบถึงการมาของยุ่นหลิง ห้องของพวกเขาอยู่ห่างจากประตูมากที่สุดและได้รับการเสริมด้วยที่ปิดเสียงดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถูกรบกวนด้วยเสียงที่ดังมาจากภายนอก
“ท่านหัวหน้าตระกูล ยุ่นหลิงกลับมาจากภารกิจของเขาแล้ว” ข้ารับใช้แสดงความเคารพต่อยุ่นซานก่อนที่จะบอกเขาถึงการมาของยุ่นหลิง
ยุ่นซานยิ้มขณะที่เขาพยักหน้า เขารู้สึกได้ว่ายุ่นหลิงมาก่อนที่ข้ารับใช้จะมาแจ้งเขา นอกจากนี้เขายังรู้สึกถึงการปรากฏตัวอีกสองอย่างที่มาพร้อมกับลูกชายของเขา
“งั้นรึ”
ข้ารับใช้แสดงความเคารพต่อเขาอีกครั้งก่อนออกจากห้องทำงานของยุ่นซานเพื่อบอกคนอื่นๆ ถึงการมาของยุ่นหลิง
ยุ่นซานละทิ้งงานของเขา เขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่งและค่อยๆมุ่งหน้าไปที่ประตูทางเข้าหลักของตระกูลเพื่อรอลูกชายของเขา
เป็นเวลาสิบสามวันแล้วที่ยุ่นหลิงออกไปทำภารกิจของเขา ไม่สิสิบสี่วันถ้าเขาต้องนับวันนี้ด้วยเพราะมันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วและตอนนี้ก็เป็นอีกวันนึงแล้ว
สำหรับผู้ฝึกตนอย่างพวกเขามันเป็นเพียงช่วงเวลาเล็กๆ ในชีวิตที่ยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อของพวกเขา สองสัปดาห์ได้ผ่านพ้นไป แต่สองสัปดาห์นี้ช่างยาวนานเหลือเกิน ยุ่นซานยิ้มอย่างสงสารเมื่อนึกถึงหลานสาวของเขา สำหรับยุ่นเซี่ยสองสัปดาห์นี้ต้องรู้สึกนานกว่าปกติเพราะเธอคิดถึงยุ่นหลิงตลอดเวลา
ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันที่หน้าประตูทางเข้าหลักของตระกูล สมาชิกตระกูลส่วนใหญ่รออยู่ที่สนามขณะที่ข้ารับใช้ยืนอยู่ข้างหลังอย่างซื่อสัตย์ คนที่อยู่ข้างหน้า ได้แก่ ยุ่นซาน,หลี่จิ้ง,ยุ่นหว่ย,เย่อหลิน,ยุ่นหยี่,หยื่อตงเหม่ยและคนสุดท้ายยุ่นเซี่ยผู้ซึ่งตื่นเต้นที่จะได้พบพ่อของเธอหลังจากที่เธอรอพ่อของเขามาตลอดสองอาทิตย์นี้
เดิมทีเธอนอนก่อนที่หยื่อตงเหม่ยจะตื่น เธอยังคงเหนื่อยและยังง่วงอยู่เมื่อตื่นขึ้นมาและกำลังจะกลับไปที่เตียงเมื่อผู้ดูแลของเธอบอกเธอว่ายุ่นหลิงกำลังจะกลับบ้าน อาการง่วงนอนของเธอนั้นก็หายไปเมื่อได้ยินแบบนั้น ร่างกายของเธอเต็มไปด้วย
พลังงานในขณะที่เธอกระโดดออกจากเตียงอย่างรวดเร็วและวิ่งไปที่ประตูหลักด้วยความเร่งรีบ หยื่อตงเหม่ยทำได้เพียงยิ้ม
“เจ้าหลิงนั่น นี่มันก็ดึกแล้ว เขาควรรอให้พระอาทิตย์ขึ้นก่อนแล้วค่อยกลับแท้ๆ” หลี่จิ้งกล่าวอย่างเป็นห่วง
การเดินทางตอนกลางคืนนั้นอันตรายกว่าการเดินทางในตอนกลางวันเนื่องจากมีอสูรออกหากินในเวลากลางคืนน้อยกว่าตอนกลางวัน เหตุผลก็คืออสูรหายากส่วนใหญ่มักออกหากินเวลากลางคืนและมีบางตัวที่มีกล้ามเนื้อล่ำมาก ในเวลากลางคืนเราจะได้พบกับอสูรมากกว่าเนื่องจากอสูรที่ออกหากินเวลากลางคืนมีขนสั้นและบางประเภทที่ต้องการล่าเหยื่อหรือเพียงแค่หาอสูรชนิดอื่นมาผสมพันธุ์ด้วย นั่นคือเหตุผลที่แนะนำให้เดินทางตอนกลางวันมากกว่าตอนกลางคืน
“ไม่ต้องกังวลไป ด้วยขอบเขตการฝึกตนของเจ้าหลิง อสูรส่วนใหญ่ในจักรวรรดิจิ๋นไม่กล้าแตะต้องตัวเขาหรอก” ซึ่งแตกต่างจากหลี่จิ้ง เย่อหลิงมั่นใจในความสามารถของหลานชายของเธอ นั่นไม่ได้หมายความว่าหลี่จิ้งไม่เชื่อในตัวของยุ่นหลิงเป็นปกติของเธอที่จะกังวลได้ง่ายสำหรับแม่ที่คิดถึงความปลอยภัยของลูก
ยุ่นซานตบไหล่ภรรยาของเขาเบาๆ ขณะที่เขายิ้มให้เธออย่างมั่นใจเพื่อทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้น
หลังจากได้เห็นการมองจากภรรยาของเขาแล้วยุ่นซานก็ค่อยๆละมือออกจากเธออย่างนุ่มนวลเพื่อไม่ให้เขาโกรธเธอมากขึ้น แม้ว่าพวกเขามักจะทะเลาะกันบ่อยเพราะลูกๆ ของพวกเขา แต่ยุ่นซานก็ไม่อยากทะเลาะกับเธอเป็นหลักเพราะมันน่ารำคาญ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ความน่ารำคาญนั้นหายไปถ้าเป็นไปได้
ยุ่นเหว่ยที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ตะคอกใส่ลูกชายของเขาด้วยความไม่พอใจ
“น้ำเน่าชะมัด”
เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น เย่อหลินก็จ้องมองเขาทำให้เขาหุบปากทันที
หัวหน้าตระกูลคนก่อนและคนปัจจุบันของตระกูลยุ่นกำลังมองหน้ากันและกันอย่างเขม่นหน้าและอยากจะตบอีกฝ่ายให้ความจำเสื่อมไปข้าง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั้งสองจะทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ แม้ทั้งคู่จะได้รับการยกย่องอย่างสูงจากสมาชิกในตระกูลที่เหลือและบุคคลภายนอกว่าเป็นบุคคลที่ชาญฉลาดและมีอำนาจ
ยุ่นหยี่มองไปที่หลี่จิ้งและเย่อหลินก่อนที่จะมองไปที่ยุ่นซานและยุ่นเหว่ยเขาไม่ต้องการเดินตามรอยเท้าของทั้งสองคนนี้และปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นๆมาข่มเหงเขา
จากนั้นเขาก็มองไปที่ยุ่นเซี่ยด้วยสายตาที่ซับซ้อน ตอนนี้เขาบอกองค์ชายที่สี่ว่าเธอเป็นจุดอ่อนของยุ่นหลิงเขาก็สงสัยว่า องค์ชายคนที่สี่จะทำอะไรต่อไป เขาจะเอาชีวิตยุ่นเซี่ยไปเป็นตัวประกันของยุ่นหลิงหรือเขาจะลักพาตัวเธอไปเพื่อให้ยุ่นหลิงยอมจำนน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรยุ่นหลิงก็ต้องโกรธอย่างแน่นอน
ยุ่นยี่กำหมัดแน่น เป็นเวลานานแล้วที่เขาและยุ่นหลิงต่อสู้กัน ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทำไม่มีผู้ชนะที่ชัดเจนเนื่องจากพวกเขาหยุดก่อนที่สิ่งต่างๆจะร้ายแรงขึ้นระหว่างพวกเขา ตอนที่เขาคิดเรื่องนี้เขาไม่สามารถเรียกสิ่งนั้นว่าเป็นการต่อสู้ได้จริงๆ แต่เป็นเพียงการฝึกซ้อม เขาไม่พอใจกับเรื่องนั้น เขาต้องการต่อสู้กับยุ่นหลิงอย่างจริงจังในการแข่งขันที่พวกเขาจะไม่ออมมือให้กันและกัน
แม้ว่าเขาจะต้องตาย…
แม้ว่ายุ่นหลิงจะต้องตาย …
ขอแค่เพียงครั้งเดียว การต่อสู้แบบนั้นคือสิ่งที่เขาต้องการ
ยุ่นยี่ถอนหายใจขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
‘ข้าเกลียดท่านจริงๆนายน้อย’
“เจ้าหยี่ เจ้าเป็นอะไรไหม” ยุ่นเหว่ยถามขณะที่เขาและยุ่นซานมองเขาอย่างเป็นห่วง
ยุ่นหยี่ยิ้มให้พวกเขาอย่างสดใส
“ท่านหัวหน้าตระกูล ท่านปู่ข้าไม่ได้เป็นอะไร ข้าแค่นึกถึงเรื่องบางอย่างน่ะ” ยุ่นยี่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เขามีประจำ
ยุ่นซานยิ้มให้หลานชายของเขา
“หากมีอะไรทำให้เจ้าหนักใจอย่าลังเลที่จะมาหาพวกข้า พ่อของเจ้ามักจะยุ่งเพราะข้าอย่างน้อยที่สุดที่ข้าทำได้คือดูแลลูกชายของเขาให้ดีที่สุดเมื่อเขาออกไปทำภารกิจข้างนอก”
ยุ่นหยี่พยักหน้า “ข้าจะทำอย่างนั้นแน่นอน ท่านหัวหน้าตระกูล”
ยุ่นเหว่ยหัวเราะดังลั่นขณะที่เขาตบหลังหยุนยี่ “เจ้าเกร็งเกินไปเจ้าหยี่! อย่าเป็นทางการเกินไปสำหรับคนโง่คนนี้ เขาไม่สมควรได้รับหรอก”
แม้ว่ายุ่นเหว่ยจะเพียงแค่ตบยุ่นยี่ แต่ยุ่นยี่ก็รู้สึกว่าปู่ของเขาอาจตบเขาที่ด้านหลังเช่นกัน นั่นอาจเป็นเพียงการตบเบาๆ แต่พลังที่อยู่เบื้องหลังนั้นยอดเยี่ยมมาก เขาเดินแอ่นหลังไปข้างหน้าสองสามก้าว เพราะเขารู้สึกรำคาญชายชราคนนั้น
คิ้วของยุ่นซานกระตุก ทำไมเขาถึงมีพ่อที่น่ารำคาญเช่นนี้?
“นายน้อยอยู่ที่นี่แล้ว!” ข้ารับใช้คนหนึ่งประกาศเมื่อพวกเขาเห็นยุ่นหลิงมาถึงบนยอดหมาป่าหิมะสีขาวที่ตระหง่านพร้อมกับลูกราชาราชสีห์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา
ข้ารับใช้ก้มหน้าลงทันทีในขณะที่สมาชิกในตระกูลที่เหลือแสดงความเคารพต่อเขา
“ยินดีต้อนรับที่กลับมา นายน้อยยุ่นหลิง!”
การแสดงออกของยุ่นหลิงนั้นจริงจังในขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “พวกเจ้าลุกขึ้นได้แล้ว”
ข้ารับใช้ทำตามที่บอกในขณะที่สมาชิกในตระกูลที่เหลือกลับไปยังตำแหน่งเดิม “ขอบคุณ นายน้อย!”