เมื่อผมโดนระบบครองร่าง - บทที่ 161 ต่อไปจะมาเยี่ยมที่นี่ทุกปี
บทที่ 161 ต่อไปจะมาเยี่ยมที่นี่ทุกปี
เมื่อได้ยินระบบพูดว่าพลังของหัวหน้าใหญ่ตัวนี้ลดลง ฟางหนิงอยากจะใช้หนังสือเกมที่รักตรวจสอบความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ ผลก็คือมันไม่ตอบสนองเหมือนเมื่อก่อน…
เอ๊ะ หนังสือฉันล่ะ
จากนั้นเขาก็ตบหัว ระบบกำลังเล่น “อัศวินหนังสือบิน” …
ในเวลานี้ระบบเตรียมควบคุมร่างของอัศวิน A เข้าโจมตี และเพื่อให้มั่นใจว่ามันได้โจมตีด้วย “อัศวินหนังสือบิน” อีกเล่ม…
อสรพิษเชสใช้คำสาปสังหารต่อเนื่องทำให้พลังได้รับความเสียหายอย่างมาก ในเวลานี้จู่ๆ มันก็อ้าปากกว้างน่ากลัวและก้มหัวกลืนเม่นบ้าเลือดที่เพิ่งคลานออกมาจากหุบเหว ราวกับว่าต้องการใช้เม่นตัวนี้ชดเชยพลัง
เม่นบ้าเลือดจัดเป็นผู้แข็งแกร่งระดับ A พลังแห่งการกลืนกินของปากเชสนั้นช่างน่ากลัว แต่มันไม่เหมือนวิญญาณของหมองูเซ่อถี มีพลังต้านทานจึงเห็นขาสี่ขาชี้ฟ้า ไม่ถูกปากงูน่าสะพรึงกลืนกินเข้าไป
ปากงูที่น่าสะพรึงกลัว กำลังก้มศีรษะได้ยินลมอีกครั้งและเงยหน้าขึ้นทันที
ในเวลานี้ หนังสือเกมที่ขว้างไปนั้นเดิมทีเล็งไปที่หัวงู เมื่อหัวงูเชิดขึ้น ในพริบตามันก็พุ่งเข้าชนปากยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัวของมัน กระแทกเขี้ยวงูทำให้เกิดเสียงเหมือนเศษกระแทกโลหะกังวาน จากนั้นก็กลืนกินเข้าไป
ฟางหนิงเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดใจเหลือเกิน เขาจึงตะโกนในพื้นที่ของระบบทันที “แย่แล้ว หนังสือเกมของฉันถูกกลืนลงไป… แกบอกไม่ใช่เหรอว่ามีตัวเลือก ‘รีไซเคิลอัตโนมัติ’ ทำไมครั้งนี้หนังสือไม่กลับมาล่ะ”
ระบบกลับเอ่ยขึ้น “’รีไซเคิลอัตโนมัติ’ ก็ต้องมีเส้นทางรีไซเคิลด้วย ตอนนี้มันเข้าไปในท้องงูแล้วมันไม่เสียหายหรอก แต่ถ้าจะใช้ตัวเลือก ‘รีไซเคิลอัตโนมัติ’ ก็ต้องรอให้ถึงตอนที่มันอ้าปาก แต่ดูท่าทางมันคงจะตายโดยที่ไม่อ้าปากนะ…”
ฟางหนิง “งั้นแกรีบฆ่ามันเร็ว ชำแหละมันคืนหนังสือที่รักของฉันมา”
ระบบ “ถ้างูตัวนี้ตายแล้ว ระบบเกรงว่าจะไม่สามารถสร้างจุดวางไข่ปีศาจได้ หรือไม่พวกเราไม่เอาหนังสือพังๆ เล่มนั้นละกัน ฉันจะทำเล่มใหม่ให้…”
ฟางหนิงพูดไม่ออก “แกมันแล้งน้ำใจ ก่อนหน้านี้แกพูดชัดเจนว่าเป็นพ่อระบบของมัน…”
ระบบ “อ้อ คุณยังจำเรื่องนี้ได้ ตอนนี้ฉันไม่ใช่พ่อของระบบของมันแล้ว…”
“อึก!” ฟางหนิงเกือบจะอาเจียนเป็นเลือดเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาเป็นชอบคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่เขาไม่ต้องการให้หนังสือเกมที่เขารักนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จุดจับปีศาจอะไร งูตัวนี้ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตเพื่อสร้างมันขึ้นมา…
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขามีความรู้สึกมากมายต่อหนังสือเล่มนี้ หนังสือเกมสุดที่รักอยู่เคียงข้างเขาเสมอ และแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการทิ้งมันไป
เขาเริ่มอธิบายอย่างอดทน “แกเซ่อหรือไง ไม่ว่างูตัวนี้จะตายหรือไม่ตายก็ตาม สัตว์ปีศาจบ้าคลั่งกระหายเลือดเกือบพันตัวกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ในดินแดนมรดกแห่งนี้ ไม่มีทางหนีพ้น เรื่องใหญ่คือหลังจากเราจะติดตามกลุ่มทหารของสำนักงานสัจธรรม เราฆ่าพวกมันทีละตัวก็ได้แล้ว
“หนังสือเกมที่ล้ำค่านี้ทำให้แกต้องเสียค่าประสบการณ์ไปตั้งสิบล้าน และยังใช้วัตถุดิบล้ำค่ามากมายสร้างขึ้น ถ้าแกเอามันคืนมาไม่ได้ นั่นคือการสูญเสียที่แท้จริง
“กุญแจสำคัญในการฆ่างูตัวนี้จะมีแค่ครั้งนี้ มันไม่ง่ายเพราะว่าฉันมีชื่อไอดีหลายชื่อจนทำให้มันเสียแรงเปล่า และความแข็งแกร่งก็ลดลงอย่างมาก หากครั้งนี้ไม่ฉวยโอกาสฆ่ามัน ต่อไปจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว อย่างที่แกเคยพูดไง ถ้าฆ่ามันได้ก็จะสร้างอุปกรณ์ในตำนานได้โดยตรง ตอนนี้สถานการณ์ก็อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ พวกที่ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน…”
(ระบบกำลังพิจารณา…)
(ระบบกำลังพิจารณา…)
(ระบบตัดสินใจตัดสินใจกำจัดงูจงอางเชส…)
ระบบ “เอาล่ะ รอบนี้ฉันจะฟังโฮสต์ ฉวยโอกาสตอนที่ความแข็งแกร่งของมันลดลงมาก ฆ่างูตัวนี้ให้สิ้นซาก สัตว์ปีศาจตัวอื่นค่อยๆ จัดการไป”
ฟางหนิงค่อยโล่งใจ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะโน้มน้าวระบบงี่เง่าที่หมกมุ่นอยู่แต่กับการฆ่าปีศาจ แต่เขาทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ แต่เขาไม่มีทางอื่นเพราะร่างกายถูกครองร่าง เป็นหัวหน้าที่ปรึกษาทางทหารนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย…
เห็นแต่อสรพิษเชสทำท่าหยิ่งผยองมากหลังจากกลืนหนังสือเกม
มันไม่อ้าปากจริงๆ เกรงว่าหนังสือจะบินกลับออกมาอีกครั้ง มันเปล่งเสียงผ่านพลังจิต “ให้เจ้าใช้หนังสือทุบข้าอีก… เจ้าที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ข้าเก็บอาวุธวิเศษที่โจมตีต้องเข้าเป้าไว้หมดแล้ว มาดูกันว่าเจ้าจะมีความสามารถมีอะไรอีก!”
ในเวลานี้ อัศวิน A กระโดดจากกำแพงกลายเป็นมังกรเพวานรผู้ยิ่งใหญ่แล้ว
ไม่เพียงแค่นั้น บนหัวมังกรเพวานรยังมีแสงสีเขียวส่องประกายออกมา นอกจากหัวมังกรสีแดงชาดแล้วยังมีหัวมังกรสีเขียวเพิ่มขึ้นด้วย!
หลายคนตกตะลึงอ้าปากค้าง ฟางหนิงนิ่งเฉย ครั้งสุดท้ายที่เขาโจมตีแอนเดอร์สัน ระบบก็กลายร่างเป็นมังกรสองหัว…
“สารเลว กล้าที่จะกลืนอาวุธวิเศษของข้า ถ้าเจ้าไม่คืนมา ข้าจะฆ่าเจ้าทันที!”
จากนั้นมังกรสองหัว ปากเป็นเปลวไฟ และพ่นพายุลูกใหญ่ไปที่งูจงอางซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
อสรพิษเชสมองดูพายุเปลวเพวานรที่พุ่งเข้ามาอย่างดูแคลน “กองทัพของเจ้าเป็นอัมพาตไปแล้ว เจ้าใช้กระบวนท่าชุดใหญ่ไม่ได้ ข้ายังต้องกลัวกระบวนท่าจิ๊บจ๊อยของเจ้าด้วยเหรอ…”
เหลือเชื่อเปลวไฟที่เคยจัดการกับปีศาจระดับต่ำได้สบายมาตลอด เมื่อตกลงบนตัวคู่ต่อสู้ แม้แต่เกล็ดก็ไม่ถูกเผาไหม้ เพียงแต่กลายเป็นสีดำ…
ผู้คนบนกำแพงที่เดิมรู้สึกท้อแท้เพราะเฉียวอันผิงบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว พอได้เห็นสถานการณ์เช่นนั้นต่างก็ยิ่งรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น แต่ในเมื่อพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและยังคงสามารถป้องกันสัตว์ปีศาจจากการทะลุทะลวงแนวป้องกันได้
ฟางหนิงกลับไม่กังวลแต่อย่างใด เขาคาดไว้แล้วว่าสถานการณ์เช่นนี้จะต้องเกิดขึ้น กองทัพเป็นอัมพาต ระบบจึงขาดทักษะในการฆ่า
แต่ชุดทักษะยังคงอยู่ และตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าพันธมิตรสีเขียวตัวใหม่อย่างอินทรีสวรรค์จะดึงพันธมิตรมาได้มากพออย่างที่เคยพูดก่อนหน้านี้หรือไม่
ใช่แล้ว หลังจากค้นพบว่าอสรพิษตัวนี้วางแผนล่วงหน้าและแจ้งสำนักงานสัจธรรมแล้ว ฟางหนิงก็ให้ระบบแอบไปหาอินทรีสวรรค์เพื่อขอให้มันดึงกำลังเสริม ข้อดีและข้อเสียนั้นชัดเจนและการเสริมกำลังมาถึงอย่างแน่นอน
เขาจะไม่ยอมให้ระบบต่อสู้เพียงลำพัง และยิ่งไม่อาจตั้งความหวังไว้กับกลุ่มทหารสำนักงานสัจธรรมจะฟื้นตัวได้รวดเร็ว
ในความเป็นจริง เมื่อบางสิ่งบางอย่างเกิดผิดพลาดในช่วงเวลาที่สำคัญและไม่สามารถแก้ไขได้ทันเวลา ตรงกันข้าม สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลง มีเพียงแผนสำรองที่วางแผนมาอย่างดีเท่านั้นที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาได้…
และตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับระบบจะรับมือกับงูจงอางนั้นได้นานแค่ไหน ขออย่าให้อีกฝ่ายมีโอกาสเล่นตุกติกอีก…
อสรพิษตัวนั้นมีพื้นฐานการฝึกฝนที่ลึกล้ำ มันมีจุดอ่อนน้อยมากและเกล็ดที่แน่นหนา ทุกอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน หลายกระบวนท่าของมังกรสองหัวโจมตีมันแล้วได้ผลเพียงเล็กน้อย ไม่อาจบดขยี้มันได้เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
เพียงแค่ความแข็งแกร่งของงูจงอางเชสลดลงอย่างมาก และดูเหมือนว่าจะใช้คำสาปไม่ได้อีกต่อไป มันได้แต่พึ่งพาร่างกายต้านทานเท่านั้น
แม้ว่าเกล็ดจะแข็งแกร่งทนทานจึงไม่ต้องห่วงการป้องกัน แต่มันยังเสียเปรียบอยู่ไม่น้อยเพราะมันบินไม่ได้…
แต่มันไม่มีกำลังที่จะสู้กลับ มันคืองูจงอางแท้ๆ ความสามารถอย่างหนึ่งของมันคือพ่นพิษ พ่นไปที่ไหนหากไม่มีการป้องกัน ถูกคนคนก็ตาย ถูกสัตว์ก็ตาย…
พิษของงูตัวนี้นั้นดุร้ายรุนแรง มันโจมตีบนพื้นดินอีกครั้ง วัชพืชตายหมด สัตว์ปีศาจหลบหลีก ด้านมังกรสองหัวต้องคอยบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อหลบหนี…
ศึกครั้งนี้ผ่านไปหลายชั่วโมง ท้องฟ้าสว่างขึ้นรางๆ และในที่สุดสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป
นกอินทรีตัวหนึ่งบินลงมาจากท้องฟ้า
“พี่มังกร ข้าเชิญปีศาจใหญ่ในพื้นที่มาช่วยท่านกำจัดสารเลวตัวนี้ พวกเขาจะมาในอีกไม่ช้า…”
งูจงอางตัวนั้นแปลกมาก เมื่อได้ยินอย่างนั้นมันยังสู้ไม่ถอย…
“อัศวินเสินโจว ข้ากิ้งก่าหินก็…”
กิ้งก่าหินยักษ์ทะยานเข้ามาในสนามรบบุกตะลุยโจมตี ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ไหน พื้นดินก็ถูกแทงไปทุกทิศทุกทาง ชนสัตว์ปีศาจบ้าเลือดทยอยกระเด็นออกไป
“คราวนี้ไม่ต้องให้ผลไม้แก่ข้าอีกเลย ผลไม้ข้างนอกของพวกเจ้าไม่อร่อยเท่าของข้าที่นี่ นิยายเล่มล่าสุดของพวกเจ้าอ่านสนุก คนอ่านแต่ละบทพูดเก่งมาก เก่งกว่าคนเขียนซะอีก…” วานรหางขาวพลันกระโดดออกจากป่า ตามด้วยวานรใหญ่สามตัวที่มีกำลังใกล้เคียงกับมัน
ปีศาจระดับบ่อน้ำในดินแดนมรดกปรากฏตัวขึ้น ฟางหนิงคำนวณคร่าวๆ มีทั้งหมดสี่สิบหรือห้าสิบตัว แม้ว่าสถานที่นี้จะไม่ใหญ่โตแต่ศักยภาพของมันช่างน่ากลัวจริงๆ
แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับจำนวนของปีศาจบ้าเลือดเกือบพันตัว แต่พวกมันล้วนฉลาดและทรงพลัง และไม่ยากเลยที่จะต่อสู้หนึ่งต่อสิบ ทำให้ความแข็งแกร่งไม่แตกต่างกันมาก
ฟางหนิงถอนหายใจหลังจากเห็นมัน ‘น่าเสียดายที่พลังนี้สร้างขึ้นตามสถานการณ์เท่านั้น เขาไม่สามารถใช้งานได้จริงๆ พลังที่น่าเชื่อถือที่สุดที่เขาสามารถวางใจได้คือระบบ ในอนาคตเขาจะต้องหาวิธีที่จะหาอาวุธดีๆ ให้มัน การโจมตีจะได้ไม่ขาดพลังเมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ระดับเดียวกัน…’
จากนั้นอินทรีสวรรค์ก็ตะโกนจากฟากฟ้า “อย่าให้ความสนใจเกี่ยวกับความยุติธรรมกับปีศาจตัวนี้ ทุกคน เรามาโจมตีด้วยกันเถอะ! ”
ดูเหมือนว่าปีศาจระดับบ่อน้ำสี่ห้าสิบตัวเจรจากันเสร็จสิ้นแล้ว และพวกเขาก็โจมตีพร้อมกันทันที
ดาบวายุ กระบี่น้ำแข็ง หนามดิน เข็มสีทอง สีสันมากมาย กลิ่นอายสังหารแผ่ขึ้นท้องฟ้า พวกมันไม่ได้ฆ่างูจงอาง แต่กลับลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกัน
บัดนี้ปราณแท้รูปร่างมังกรยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานพลันปรากฏขึ้น
กระบี่สวรรค์ยาวห้าสิบเมตรกลายเป็นรูปร่างอีกครั้ง คราวนี้มันก่อตัวเป็นรูปร่างในพริบตา ซึ่งเร็วกว่าการต่อสู้ในรอบที่แล้วมาก เพราะไม่จำเป็นต้องแสดงให้ผู้ชมเห็น…
ทันทีที่รูปร่างปรากฏชัด มันก็กระโจนเข้าหาดาบวายุและกระบี่น้ำแข็ง…
ทุกครั้งที่กลืนกิน กระบี่สวรรค์นี้จะทรงพลังขึ้นไม่น้อย…
“กระบี่สวรรค์พิฆาตศัตรู!”
งูจงอางไม่ได้หลบหลีก มันขดตัวจู่ๆ ก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ เหยียดร่างของมันสูงหลายร้อยเมตร อ้าปากอันใหญ่โตของมันกลืนกินกระบี่สวรรค์ที่ฟันลงมาเข้าไปในพริบตา!
“มันสามารถกลืนกระบวนท่าที่น่ากลัวได้อย่างนั้นหรือ” สีหน้าทุกคนที่รักษาแนวป้องกันบนกำแพงค่ายต่างตกตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์
ทว่าในชั่วครู่ต่อมา พวกเขาเห็นว่างูจงอางไม่ขยับเขยื้อน ครู่หนึ่ง ร่างยาวเหยียดร้อยเมตรที่ลอยบนอากาศก็ร่วงหล่นลงมา
ตอนนั้นเองที่ทุกคนพบว่ามีรูมากมายบนลำตัวงูยักษ์ และทั้งร่างของงูนั้นก็ดูเหมือนตายแล้ว…
แต่ไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบ ทุกคนรู้ดีว่าพลังชีวิตของงูนั้นแข็งแกร่ง แม้หัวงูจะถูกตัดไปแล้วก็ยังกัดคนได้…
หลังจากนั้นไม่นาน สัตว์ปีศาจบ้าเลือดก็แยกย้ายกันไปและไม่โจมตีค่ายอีกต่อไป แต่พวกเขาก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่างูจงอางที่น่าเกรงขามและน่าสะพรึงกลัวตัวนี้ตายไปแล้วจริงๆ…
เมื่อวิญญาณรูปร่างงูมหึมาออกมาจากร่างงูยักษ์ลอยขึ้นไปในอากาศ ทุกคนถึงได้มั่นใจว่ามันตายแล้วจริงๆ…
ท่ามกลางเปลวเพลิงของพายุ ร่างของงูซึ่งสูญเสียการป้องกันของพลังเวทย์เริ่มมีเสียงถูกเผาไหม้
เห็นเพียงวิญญาณรูปร่างงูพลันใช้พลังจิตเปล่งเสียง และเสียงที่น่าสะพรึงกลัวนั้นก็ดังกึกก้องสะท้อนทั่วทั้งหุบเขา
“น่าสมเพชที่สุด ที่แท้หนังสือของเจ้ามีคาถาชั่วร้ายที่ทำให้สูญเสียสติปัญญา! ข้าไม่ได้หลบหนี แถมยังปะทะกับชุดกระบวนท่าของเจ้า!”
ฟางหนิง: ถือว่าแกมีสติแล้ว
วิญญาณงูจงอางดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของมันแม้แต่น้อย
มันกำลังเลื้อยใกล้เข้ามา “ข้า เทพงูเชสผู้เป็นอวตารของเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างในโลกมนุษย์ ขอสาปแช่งวิญญาณที่นี่ ทุกสิ้นปีจะมีสัตว์ปีศาจบ้าเลือดรวมตัวกันพร้อมเพรียงที่นี่ เมืองนี้ไม่ถูกทำลาย คำสาปจะไม่หายไป!”
ทันทีที่สิ้นเสียง วิญญาณงูพลันระเบิดเป็นเสี่ยง หุบเขาที่กำลังจะสว่างขึ้นก็กลับมืดมนอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยหมอกบางๆ แต่ยากที่จะกำจัดไปได้…
ผู้คนที่อยู่บนกำแพงค่ายซึ่งเดิมทีมีความยินดีกลับรู้สึกหนักใจเมื่อได้ยินคำสาปแช่งนั้น
คราวนี้สัตว์ร้ายเข้าล้อมเมืองและดูเหมือนว่ากระบวนการจะดูธรรมดา
แต่ผู้แข็งแกร่งระดับ A บาดเจ็บสาหัสในครั้งนี้ และหลายคนหมดเรี่ยวแรงเพื่อรักษาค่ายกลป้องกันเอาไว้
ค่ายต้านทานการโจมตีของสัตว์ปีศาจบ้าคลั่งระดับบ่อน้ำมากขนาดนี้เพราะใช้ทรัพยากรมหาศาลสร้างค่ายกล
หากต้องทำซ้ำทุกปี สำนักงานสัจธรรมจะต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรมากเท่าใดจึงจะสร้างหลุมใหญ่ขนาดนี้ได้
มันต่างจากการสกัดกั้นปีศาจบ้าเลือดในอดีต เมื่อก่อนเพียงแค่การขับไล่หรือล่อหลอกอีกฝ่ายหนึ่งออกจากฐานก็เพียงพอแล้ว หากไม่เป็นผล ก็สละฐานย่อยบางส่วนได้ชั่วคราว ใช้พลังงานไม่มาก
อย่างไรก็ตาม ค่ายในหุบเขาแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ปิดกั้นทางเข้าของชาวเทียนจู๋ เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมแพ้ จำต้องเผชิญหน้าทุกครั้ง
มังกรแท้ท่านนั้นบังเอิญมาช่วยขับไล่สัตว์ปีศาจได้ในครั้งนี้ เป็นไปได้ไหมว่าในอนาคตเขาจะมาที่นี่ทุกปี เขาไม่ใช่คนของสำนักงานสัจธรรมสักหน่อย…
พวกปีศาจมาช่วยเพียงเพื่อฉวยโอกาสนี้ฆ่างูจงอาง พวกมันดื้อรั้น พวกมันต้องไม่สนใจเรื่องหลังจากนี้อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้คงขอให้พวกมันมาช่วยได้ตั้งนานแล้ว
ฟางหนิงไม่ได้ยินความในใจของคนเหล่านี้ ถ้าเขารู้จะต้องบอกว่าในอนาคตระบบกับพวกเขาเป็นญาติกัน ญาติคนนี้จะมาที่นี่ทุกสิ้นปีแน่นอน ถึงไล่ก็ไม่ไป นอกเสียจากมอบถุงของขวัญประสบการณ์ถึงจะได้…
…………………………………………………………….