เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] - ตอนที่ 103 สงสัยชาติกำเนิดของเยี่ยเม่ย
- Home
- เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า]
- ตอนที่ 103 สงสัยชาติกำเนิดของเยี่ยเม่ย
“เป็นไปได้อย่างไร” เป่ยเฉินเสียงแทบไม่อยากเชื่อคำพูดนี้ “เป่ยเฉินอี้มีเหตุผลอะไรที่จะช่วยเยี่ยเม่ย เขาอยากแต่งงานกับนางก็ไม่สำเร็จ ต่อให้ไม่เปลี่ยนจากความรักกลายเป็นความแค้น ก็ไม่น่ามีเหตุผลช่วยนาง อีกอย่างก่อนหน้านี้ที่ชายแดนพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ไม่ใช่ว่าดีนัก!”
เซี่ยโหวเฉินมองเขาทีหนึ่ง เอ่ยว่า “องค์ชายใหญ่ หรือท่านลืมไปแล้ว ตอนที่เยี่ยเม่ยได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋อง อี้อ๋องก็เห็นด้วย!”
“นี่…”
ประโยคนี้กลับเตือนสติเป่ยเฉินเสียง เขาอึ้งไปแล้ว
เซี่ยโหวเฉินเอ่ยต่อไปว่า “สรุปแล้วเรื่องนี้เป็นอย่างไรกันแน่ พวกเรายังไม่รู้แน่ชัด เป่ยเฉินอี้คิดทำอะไร ตอนนี้ข้ายังไม่เข้าใจ! แต่ว่ายามนี้มีสองเรื่องเกิดขึ้นพร้อมกัน จะไม่ให้ข้าสงสัยก็เป็นเรื่องยาก!”
“เมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ก็น่าแปลกจริงๆ!” เป่ยเฉินเสียงพยักหน้าเห็นด้วย
จริงด้วย ไฉนก่อนหน้านี้เขาไม่เคยวิเคราะห์ปัญหานี้มาก่อนเลย
ในตอนแรกเป่ยเฉินอี้เห็นด้วยกับการแต่งตั้งเยี่ยเม่ยเป็นอ๋อง เหตุผลของเรื่องนี้ มาถึงเวลานี้เป่ยเฉินเสียงก็ยังไม่เข้าใจ
แต่ว่าก็ไม่อาจลืมเรื่องนี้ไปเพราะความไม่เข้าใจที่มีมานาน
ถึงเป่ยเฉินเสียงพบด้วยความบังเอิญว่า คล้ายกับว่าเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทแล้ว แต่ว่าครั้งนี้เซี่ยโหวเฉินช่วยทวนความจำแล้ว ตัวเขาจะยังฉุกคิดขึ้นมาไม่ได้อีกหรือ
เขามองเซี่ยโหวเฉินทีหนึ่ง เอ่ยถามว่า “ข้าได้ยินว่า เจ้าสนใจจงรั่วปิง บุตรสาวของจงซาน?”
ครั้นเอ่ยถึงเรื่องนี้ เซี่ยโหวเฉินนึกได้ทันที คู่หมั้นคนก่อนของเป่ยเฉินเสียงคือจงรั่วปิง ภายหลังนางถอนหมั้นกับเขา งานแต่งนี้ก็ถือว่าสิ้นสุดลงแล้วก็ช่างเถอะ แต่ไม่ว่าเอ่ยอย่างไรก็พอฝืนนับเป็นศัตรูหัวใจได้
เซี่ยโหวเฉินเห็นสีหน้าเป่ยเฉินเสียงเปลี่ยนไปไม่น่ามองขึ้นมาในบัดดล
ถึงยามปกติเป่ยเฉินเสียงจะโง่อยู่บ้าง แต่ก็ยังมีสมองเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนอยู่บ้าง เขารีบเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าถามไม่ใช่เพราะว่าข้ามีความคิดอะไรต่อแม่นางจง เจ้าก็รู้ดีว่าข้าใกล้จะเป็นคนที่แต่งงานแล้วเข้าไปทุกที อีกอย่างทั้งพระชายาเอกชายารองตบแต่งเข้ามาพร้อมกัน ดังนั้นข้าแค่เป็นกังวลเรื่องจุดยืนของเจ้าเท่านั้นเอง!”
เซี่ยโหวเฉินได้ฟังเป่ยเฉินเสียงกล่าวเช่นนี้ ความเป็นศัตรูที่เผยออกมาค่อยลดลงไปกว่าครึ่ง
เขาเอ่ยปากว่า “จุดยืนของข้ายังไม่ชัดเจนอีกหรือ นั่นก็คืออยู่ฝั่งเดียวกับองค์ชายใหญ่ การแต่งงานกับลูกสาวของจงซาน ก็เป็นวิธีการหาพรรคพวกอย่างหนึ่ง มาถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ฝ่ายไหน ไม่สู้อาศัยงานแต่งงานนี้ทำให้จุดยืนเขามั่นคงชัดเจนดีกว่า!”
ครั้นเป่ยเฉินเสียงได้ฟังก็ซาบซึ้งในคำพูดของเซี่ยโหวเฉินทันที “ท่านอ๋องน้อย คิดไม่ถึงว่าท่านยินยอมทำเพื่อข้า ไม่เสียดายที่จะเชื่อมสัมพันธ์กับจงซาน ตบแต่งสตรีในยุทธภพผู้นั้น!”
เมื่อฟังคำพูดของเป่ยเฉินเสียงคล้ายแฝงไปด้วยดูหมิ่นดูแคลนจงรั่วปิง เซี่ยโหวเฉินไม่พอใจขึ้นมาทันที “องค์ชายใหญ่ ข้ารู้สึกว่าแม่นางจงดีมาก ถึงแม้นางจะออกท่องยุทธภพ แต่ว่าเทียบกับแม่นางในห้องหอพวกนั้นแล้ว ข้ารู้สึกถูกใจมากกว่านัก!”
เมื่อเห็นเซี่ยโหวเฉินกล่าวเช่นนี้เป่ยเฉินเสียงย่อมไม่พูดอะไรมาก หากยังพูดถึงจงรั่วปิงในทางไม่ดีอีก เช่นนั้นเขาก็โง่เต็มที
เขาพยักหน้าคลี่ยิ้ม กล่าวว่า “ดูท่าท่านอ๋องน้อยจะมีใจให้แม่นางจงอยู่หลายส่วนแล้ว เพียงแต่ท่านอ๋องท่านต้องรักษาจุดยืนเอาไว้ให้มั่น อย่าลืมทิศทางของตนเองเพราะสาวงาม!”
เซี่ยโหวเฉินแววตาเด็ดเดี่ยว พยักหน้าตอบ “ย่อมเป็นเช่นนั้นแน่นอน! คำพูดที่ข้าอยากกล่าวก็เอ่ยออกไปหมดสิ้นแล้ว หวังว่าองค์ชายใหญ่จะเก็บไปใส่ใจ ยามที่ต้องสังเกตก็ควรจับตาดูจงซานไว้บ้าง ระวังเขากับเยี่ยเม่ยจะสนิทกันเกินไป รวมไปถึงสาเหตุที่เป่ยเฉินอี้เปลี่ยนท่าที ทุกอย่างล้วนต้องคอยระวังเอาไว้!”
“ท่านอ๋องน้อยวางใจเถอะ ข้าจะคอยระวังเอาไว้แน่นอน!” เป่ยเฉินเสียงรีบพยักหน้ารับ
เซี่ยโหวเฉินถึงวางใจจากไป
รอจนเซี่ยโหวเฉินออกจากจวนเป่ยเฉินเสียง
เหวยซื่อค่อยถามออกมาด้วยความทนไม่ไหว “ท่านอ๋องน้อย ไม่ใช่ว่าท่านจะแต่งงานกับแม่นางจงหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมท่านถึงพูดให้ร้ายใต้เท้าจงลับหลัง ทำแบบนี้คงไม่ดีกระมัง”
เซี่ยโหวเฉินเบือนหน้ามองเหวยซื่อคราหนึ่ง “ความรักระหว่างชายหญิงก็เรื่องหนึ่ง งานใหญ่ก็อีกเรื่องหนึ่ง!”
เมื่อเขาเอ่ยจบ เหวยซื่อก็ไม่กล่าวต่ออีก
ก็จริงอย่างที่ท่านอ๋องเอ่ย
ท่านอ๋องทอดทิ้งงานใหญ่เพียงเพื่อแม่นางที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน ทำเพื่อเอาอกเอาใจนางคนเดียวหรอกกระมัง
เหวยซื่อถามต่อ “เช่นนั้นสรุปแล้วท่านทำดีกับองค์ชายใหญ่ก็…”
“เป่ยเฉินเสียงเป็นหอกแหลมคมที่ไม่เลว ยามอยู่เบื้องหน้าข้าก็ช่วยรับลูกธนูได้ไม่น้อย ฮ่องเต้และฮองเฮาต่างก็ปกป้องเขา นั่นทำให้เห็นว่าเป่ยเฉินเสียงมีค่ามากพอให้ใช้งาน ในเมื่อมีของใช้ แล้วไฉนข้าถึงไม่ใช้เล่า” เซี่ยโหวเฉินกล่าวจบก็ชะงักไปเล็กน้อย
กวาดตามองเหวยซื่อ เสริมขึ้นว่า “ยังมีเรื่องสำคัญอีกจุดหนึ่ง นั่นก็คือ…ข้าหวังว่าในศึกนี้ เป่ยเฉินเสียงจะเอาชนะเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้จากการช่วยเหลือของข้า ไม่ว่าอย่างไรการแช่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้จากมือเป่ยเฉินเสียงในภายหน้าก็สบายกว่าแย่งชิงกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมากนัก!”
ดังนั้นเมื่อมีหมากอย่างเป่ยเฉินเสียงต่อกรเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแทนเขา ทำไมถึงไม่ใช้กันเล่า
“เช่นนั้นที่ท่านเชื่อมสัมพันธ์ใต้เท้าจงด้วยการแต่งงาน…” นั่นก็คงไม่ใช่อย่างที่กล่าวเมื่อครู่ ทำเพื่อช่วยองค์ชายใหญ่ก่อสร้างฐานะอำนาจแล้ว
เซี่ยโหวเฉินหัวเราะเบาๆ “ใจคนต่อให้ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ ก็ต้องเห็นแก่ความรู้สึก หากแต่งแม่นางจงแล้ว ต่อให้จงซานจะไม่คิดพึ่งพาผลประโยชน์จากข้า แต่เขากังวลว่าข้าจะก่อกบฏพลอยทำให้เขาลำบาก ทั้งยังทำให้ลูกสาวเขาถูกตัดหัวอีก ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเขาต้องช่วยข้าแน่!”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ท่านอ๋องปราดเปรื่องนัก!” เหวยซื่อรีบประจบโดยพลัน แต่ว่าเขากังวลมาก “แต่ว่า หากท่านคาดเดาไม่ผิด ฝั่งเยี่ยเม่ยมีคนมากขนาดนั้น ท่านกับเป่ยเฉินเสียงจะเป็นคู่ต่อสู้ของนางหรือ”
เซี่ยโหวเฉินหัวเราะอย่างเย็นชาคำหนึ่ง “หากสิ่งที่ข้าคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ เช่นนั้นข้าก็สมควรสงสัยในชาติกำเนิดของเยี่ยเม่ยแล้ว! หากสมมติฐานอย่างบ้าบิ่นเกี่ยวกับฐานะที่แท้จริงของเยี่ยเม่ยเป็นจริง เช่นนั้นเสินเซ่อเทียนย่อมช่วยเหลือข้ากำจัดเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและเยี่ยเม่ย! เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาสองฝ่ายต่างบาดเจ็บ แผ่นดินก็จะตกเป็นของข้า!”
หากว่าเป่ยเฉินอี้ยังยืนอยู่ข้างเยี่ยเม่ยไม่เปลี่ยนแปลง เขาก็ได้แต่คาดเดาข้อสมมติที่ไม่น่าเป็นไปได้
อย่างนั้น…ก็เท่ากับสวรรค์ช่วยเหลือเขาแล้ว!
เหวยซื่อเลิกคิ้วด้วยความฉงน “สมมติฐานเกี่ยวกับเยี่ยเม่ย คืออะไรหรือ”
“รอข้าหาหลักฐานได้ก่อนว่าเป่ยเฉินอี้คิดช่วยเยี่ยเม่ยจริงหรือไม่ ค่อยบอกเจ้าก็ยังไม่สาย! ว่าไปแล้ว ตอนที่ข้าสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมา ข้ายังคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วหรือไม่ แต่มาวันนี้ข้ายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าบางทีนี่อาจเป็นคำอธิบายเดียวที่ตอบเรื่องแปลกประหลาดพวกนี้ได้!”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ สีหน้าของเซี่ยโหวเฉินสงบลง
เป่ยเฉินอี้คอยขัดเยี่ยเม่ยอยู่ตลอด ไฉนถึงเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน