เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] - ตอนที่ 26
เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] – ตอนที่ 26 แผ่นดินทั่วหล้า ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ล้วนเป็นของฝ่าบาท
หากคนที่เยี่ยเม่ยเลือกไม่ใช่เขา ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางลงมือ
กังวลใจในตอนนี้ก็นับว่าเร็วเกินไป
เมื่อเสินเซ่อเทียนตอบออกมา เฉิงเสี่ยวจวนก็พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยขอไปเตรียมตัวก่อนแล้ว!”
……
ตำหนักบรรทมของฮองเฮา
เป่ยเฉินเสียงอยู่ในตำหนักบรรทมของฮองเฮา เอ่ยว่า “เสด็จแม่ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกับเป่ยเฉินอี้จวนจะเผชิญหน้ากันแล้ว แม้กระทั่งเสินเซ่อเทียนก็ลงมาร่วมด้วย ต่างก็คิดแต่งงานกับเยี่ยเม่ย ไม่ว่านางเลือกใคร คนพวกนี้ต่างต้องต่อสู้กันอย่างดุเดือดแน่!”
ฮองเฮาพยักหน้าอย่างพอใจ “ถูกต้อง ยามนี้ระหว่างเสินเซ่อเทียนและเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีเยี่ยเม่ยคั่นอยู่ตรงกลาง ไม่ว่าสุดท้ายนางจะเลือกใคร ข้าคิดว่าเสินเซ่อเทียนก็ไม่อาจสนับสนุนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอีกต่อไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อุปสรรคใหญ่ของพวกเราก็เท่ากับกำจัดไปแล้ว!”
ความจริงพวกเขากังวลปัญหาเรื่องหนึ่งมาตลอด นั่นก็คือเสินเซ่อเทียนสนับสนุนเป่ยเฉินเสียเยี่ยน โน้มน้าวฝ่าบาท สุดท้ายบัลลังก์ก็ไม่ตกเป็นของเป่ยเฉินเสียง
วันนี้เพราะความสัมพันธ์กับเยี่ยเม่ย คนทั้งสองเปลี่ยนไปจนไม่อาจเป็นมิตรกันได้อีก สำหรับฮองเฮาแล้วย่อมเป็นเรื่องดีประการหนึ่ง
“ไม่เลว หากเป็นเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ไม่อาจคุกคามลูกได้อีกแล้ว!” เป่ยเฉินเสียงเอ่ยไป ก็รู้สึกคลายใจอยู่ลึกๆ เพียงแต่ว่า…
ฮองเฮามองสีหน้าเป่ยเฉินเสียงเปลี่ยนแปลงไป
นางคิดได้ว่าก่อนหน้า เป่ยเฉินเสียงขอนางพระราชทานให้เยี่ยเม่ยเป็นพระชายารองของเขา พระนางจึงตรัสถามว่า “เสียงเอ๋อ เพราะเรื่องพระราชทานสมรสคราวก่อน พวกเราถูกเสด็จพ่อของเจ้ากักบริเวณมานานขนาดนี้ จนกระทั่งต้ามั่วยอมจำนน พวกเราสองแม่ลูกถึงมีโอกาสเห็นตะวัน แม่รู้ความคิดของเจ้า แต่ว่าตอนนี้เจ้าไม่อาจได้ตัวเยี่ยเม่ยเป็นการชั่วคราวแล้ว กันไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดอีก!”
“ลูกเข้าใจแล้ว!”
เดิมทีเป่ยเฉินเสียงก็ไม่ได้ชอบเยี่ยเม่ย ก็แค่เห็นสตรีนางนี้โดดเด่น คิดอยากครอบครองก็เท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรภายหน้าเขาเป็นฮ่องเต้แห่งเป่ยเฉิน ของดีทั้งหมดบนโลกนี้ก็ต้องเป็นของเขาถึงจะถูก
แต่ว่าฮองเฮาเอ่ยไม่ผิด ไม่ง่ายเลยกว่าที่พวกเขาจะรอมาถึงยามนี้ที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะแตกหักกับเสินเซ่อเทียน เขาไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เวลานี้ไม่อาจสอดเท้าเข้าไปเด็ดขาด
เมื่อเอ่ยถึงยามนี้
เป่ยเฉินเสียงส่งสายตามองฮองเฮาถามว่า “เสด็จแม่ ท่านว่าเยี่ยเม่ยจะเลือกเสินเซ่อเทียนหรือไม่”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องก็คงสนุกขึ้นไม่น้อย
เขาเอ่ยออกมา สายตาของฮองเฮาก็คมกริบ เอ่ยว่า “หากนางเลือกเสินเซ่อเทียน อย่างนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตาย! หวังว่านางจะไม่โง่เช่นนี้ ด้วยนิสัยของเสด็จพ่อเจ้า คนรอบข้างอาจไม่รู้ แต่ข้ากลับชัดแจ้งยิ่งนัก!”
เสินเซ่อเทียนแต่งงานกับเยี่ยเม่ย ฮ่องเต้ไม่มีทางรามือแน่
หากเสินเซ่อเทียนแต่งงานกับสตรีสักคนอย่างขอไปที บางทีฮ่องเต้อาจไม่ว่าอะไร อย่างไรเสินเซ่อเทียนก็เป็นบุรุษทั่วไป แต่ว่าคนผู้นี้ดันเป็นเยี่ยเม่ย เสินเซ่อเทียนไม่เสียดายที่จะแข็งข้อกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ต้องแต่งกับเยี่ยเม่ยให้ได้ นั่นหมายความว่าอย่างไร
ก็หมายความว่าเสินเซ่อเทียนเอาจริง
สตรีที่เขาต้องการหาใช่คนที่มาเพื่อช่วยสืบสานวงศ์ตระกูลเท่านั้น แต่เป็นสตรีที่เขาชอบจนถึงขั้นยอมแย่งชิงกับลูกศิษย์ ฮ่องเต้จะยอมรับเรื่องนี้ได้หรือ
“หวังว่านางจะฉลาดหน่อยก็แล้วกัน!” ยามนี้เป่ยเฉินเสียงอดเอ่ยออกมาไม่ได้
ฮองเฮาฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ มองเขาทีหนึ่ง “เสียงเอ๋อ เจ้าคิดจะ…
“ไม่ผิด!” เป่ยเฉินเสียงรู้ว่าฮองเฮาอ่านความคิดเขาออก เอ่ยว่า “ของดีทั้งหลายบนโลกนี้ เดิมทีก็เป็นของลูก ขอเพียงนางมีชีวิตจนถึงวันที่ลูกขึ้นครองบัลลังก์ ไม่ว่านางเป็นสตรีของใคร ลูกก็จะแย่งชิงมา!”
เพราะว่าผืนดินทั่วหล้าล้วนเป็นของฮ่องเต้ ส่วนคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ก็ล้วนเป็นคนของฮ่องเต้
เยี่ยเม่ยก็เป็นของเขา
นี่หาใช่ความรัก แต่เป็นความต้องการครอบครองและการเอาชนะของบุรุษ
ฮองเฮาเห็นแววตาคลุ้มคลั่งในสายตาของเขา ในใจรู้ว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมเขา เพราะพูดอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง อย่างไรเสียกว่าเขาจะขึ้นครองบัลลังก์ก็ไม่ใช่เรื่องในเร็ววันนี้ ดังนั้นฮองเฮาจึงไม่ร้อนใจ
นางกลับกลัวว่าเป่ยเฉินเสียงในยามนี้จะมั่นคงไม่พอ จึงเอ่ยว่า “เจ้าพูดไม่ผิด รอเจ้าครองบัลลังก์แล้ว ต้องการสตรีมากมายแค่ไหน ก็เป็นของเจ้าทั้งนั้น วันนี้เยี่ยเม่ยแต่งให้กับผู้อื่นไปแล้ว ถึงตอนนั้นร่างกายก็ไม่บริสุทธิ์อีก เจ้าใช้แล้วทิ้งก็พอ ล้วนเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญ แต่ว่ายามนี้เจ้าต้องหนักแน่น ขึ้นครองบัลลังก์ถึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก!”
“ลูกเข้าใจแล้ว” เป่ยเฉินเสียงรับคำ
ครั้นคิดถึงยามนี้ เขากลับเอ่ยว่า “จริงสิเสด็จแม่ ลูกยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ลูกคิดแต่งงานกับท่านหญิงเหยาฉือ!”
“มู่หรงเหยาฉือ” ฮองเฮามุ่นคิ้วมองเป่ยเฉินเสียง ถามเสียงนิ่งว่า “มู่หรงเหยาฉือไร้คนสนับสนุน เจ้าแต่งกับนางจะไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ อีกอย่างฝ่าบาทตัดสินพระทัยเรื่องงานแต่งเจ้าไปแล้ว ให้เจ้าแต่งกับลูกสาวคนเล็กของลุงเจ้า ซือถูเหยา เวลานี้เจ้าอย่าได้ก่อปัญหาให้มากขึ้นอีก”
พูดไปแล้ว ฮองเฮายังเอ่ยต่อว่า “ครั้งก่อนเพราะเรื่องงานแต่งงานเกือบล่วงเกินจงซาน เวลานี้ยังล่วงเกินลุงเจ้าอีก ต่อไปยากจะตั้งตัวได้ในราชสำนัก”
“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวล จงซานรับปากจะช่วยสนับสนุนข้าแล้ว!” เป่ยเฉินเสียงเอ่ยอย่างมั่นใจ
ฮองเฮาตะลึง “คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร”
เป่ยเฉินเสียงเล่าคำพูดที่เอ่ยกับจงซานวันนั้นออกมาให้ฮองเฮาฟัง หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า “ดังนั้นจงซานอยู่ข้างข้าแน่ ส่วนท่านลุงหากเขาฉลาดพอ ทางที่ดีควรอยู่ฝั่งเดียวกับข้า หากไม่รู้จักมองคน อย่างนั้นก็อย่าโทษที่ข้าไม่เห็นแก่สายเลือด!”
ฮองเฮาฟังแล้ว สีหน้ายากคาดเดา ตกอยู่ในอารมณ์สับสนอย่างยิ่ง
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง
นางเอ่ยว่า “แต่ว่าจะเอ่ยอย่างไร มีลุงเจ้าคอยช่วยเหลือก็จะทำให้มั่นคงขึ้นอีก เมื่อจงซานกับลุงเจ้าคอยสนับสนุนไม่ดีหรือไง เจ้าอย่าได้ล่วงเกินท่านลุงเพราะสตรีนางหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรมู่หรงเหยาฉือก็มีฐานะเป็นท่านหญิง ไม่มีทางเป็นอนุได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”
“เสด็จแม่กล่าวไม่ผิด ความจริงข้าไม่จำเป็นต้องล่วงเกินท่านลุงเพราะสตรีนางหนึ่ง! โดยเฉพาะนางแพศยาที่มีเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอยู่ในใจ” ระหว่างเขาเอ่ยคำนี้ สีหน้าแฝงไปด้วยเจ้าเล่ห์เพทุบายยากคาดเดา
ฮองเฮามุ่นคิ้ว ถามว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร”
ดูจากสีหน้าของบุตรชาย นางก็รู้ว่าเขามีแผนการบางอย่าง
เป่ยเฉินเสียงแค่นเสียงเย็น “ท่านวางใจเถอะ ลูกเชื่อฟังท่าน แต่งกับญาติผู้น้องที่มีฐานะต่ำต้อย ส่วนมู่หรงเหยาฉือ ลูกไม่คิดรับนางเป็นพระชายาตั้งแต่แรกแล้ว นางแพศยาที่ในใจมีเป่ยเฉินเสียเยี่ยน มีคุณสมบัติอันใดเป็นพระชายาข้า ลูกเพียงคิดให้นางยอมเป็นอนุ”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา สีหน้าฮองเฮาเปลี่ยนไป
เลิกคิ้วเอ่ยว่า “เจ้าทำอะไรต้องระวังไว้หน่อย!”