เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 1055 ตาสุนัขมองคนต่ำ / ตอนที่ 1056 ถามเพียงประโยคหนึ่ง
- Home
- เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ
- ตอนที่ 1055 ตาสุนัขมองคนต่ำ / ตอนที่ 1056 ถามเพียงประโยคหนึ่ง
ตอนที่ 1055 ตาสุนัขมองคนต่ำ
“หรือใต้เท้าซ่งรู้สึกว่า กฎหมายของต้าโจวนี้จะมีผลกับข้าซูหลีเท่านั้น เมื่อถึงคราวของผู้อื่น กฎหมายนี้กลับไม่มีผลอะไรทั้งนั้น!? หากเป็นเช่นนั้นกฎหมายต้าโจวใช้ตัดสินอย่างไร พิจารณาโทษอย่างไร ล้วนเป็นการพูดตัดสินของใต้เท้าซ่งกระมัง!”
น้ำเสียงของซูหลีสูงขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดเปลี่ยนเป็นมีความดุเดือดอยู่บ้าง นางมองเข้าไปในดวงตาของใต้เท้าซ่ง ล้วนเต็มไปด้วยความเยียบเย็น
เพียงแต่คำพูดไม่กี่ประโยคนี้ ในชั่วขณะนี้บีบใต้เท้าซ่งเสียจนเหงื่อผุดขึ้นเต็มศีรษะไปหมด
“นี่ นี่…ใต้เท้าซูไปเอาคำพูดนี้มาจากที่ใด” ใต้เท้าซ่งยกมือลูบเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผาก
ที่จริงแล้วเขาไม่ใช่คนของสกุลเซียว และไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับซูหลี การเป็นผู้ว่าการซุ่นเทียนจักต้องมีรักษาความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ขุนนางอย่างเข้มงวดมาตลอด
ช่วยไม่ได้ ใครให้เขาเป็นผู้ว่าการซุ่นเทียนกัน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่เขาต้องจัดการ ทว่ายามคนที่อยู่ใต้อาณัติถามย้อนกลับมา ใต้เท้าซ่งก็ตัดสินใจไม่ได้เช่นกัน
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการได้ง่ายๆ หากเขาต้องจัดการ เช่นนั้นคงปล่อยสกุลเซียวไปไม่ได้ หากเขาไม่จัดการ ทางซูหลีที่ออกมาจากเรือนจำนั้น คงไม่มีผลดีต่อเขาเท่าไร
เรื่องนี้ทำให้เขาเป็นทุกข์อยู่นานโดยแท้ ซ้ำคนที่อยู่ใต้อาณัติยังแสดงความไม่เห็นด้วยต่อเขา ทำให้เขาต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้
เพียงแต่หากคนของสกุลซูไม่ได้แจ้งให้ทราบข้างๆ เขาด้วยตนเอง เขาคงจะแสร้งทำเหมือนไม่รับรู้อะไร ลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง!
เช่นนี้ก็ไม่ล่วงเกินทั้งสองฝ่าย และเขาสามารถดำรงตำแหน่งขุนนางผู้บริสุทธิ์ของเขาต่อไปได้
แม้ดูเหมือนเขาไม่ได้ช่วยเหลือใครทั้งสิ้น ทว่าเมื่อตริตรองอย่างละเอียดแล้ว เท่ากับว่าเขายืนอยู่ข้างสกุลเซียว ซึ่งเมินเฉยไม่สนใจต่อเรื่องนี้
เพราะคำพูดนี้แม้จะพูดเช่นนี้ ทว่าในใจทุกคนล้วนทราบดีว่า สกุลซูมีขุนนางสองคน คนหนึ่งคือซูไท่ อีกคนอื่นซูหลี ตำแหน่งของพวกเขาล้วนสูงกว่าผู้ว่าการซุ่นเทียนเช่นเขามาก ถึงแม้จะเกิดเรื่องวุ่นวาย ก็ไม่มีทางที่จะร่ำไห้และร้องทุกข์ต่อหน้าเขา
ดังนั้นการเมินเฉยไม่สนใจต่อเรื่องนี้ของเขา จึงเท่ากับช่วยคนชั่วกระทำผิดแล้ว
จากที่กู่ซู่คนนั้นกระทำเรื่องล่วงเกินต่อสกุลซู และอาศัยฐานะพ่อค้าคนหนึ่งไปรังแกสกุลซูขนาดนี้!
ในเวลานี้หากพูดอย่างจริงจัง ภายในใจของใต้เท้าซ่งคนนี้ก็รู้สึกหวาดผวา
เขายิ่งคิดไม่ถึงว่า ซูหลีจะออกจากเรือนจำมาไวขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งได้ตำแหน่งขุนนางเดิมคืน และกลายเป็นคนเคียงบ่าเคียงไหล่ของฝ่าบาทในชั่วพริบตา!
เขารู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกัน
ทว่าเรื่องได้กระทำไปแล้ว คำว่าเสียใจประโยคเดียวจะสามารถอธิบายอย่างชัดเจนได้เสียที่ไหน
ในเวลานี้ท่าทางที่รวมกลุ่มคนมาสร้างความวุ่นวายของซูหลี ทำให้หัวใจของใต้เท้าซ่งเต้นตึกตัก ลนลานเกินจะเปรียบ
“จะพูดจากตรงไหน ใต้เท้าซ่ง เรื่องนี้ท่านและข้าล้วนรู้อยู่แก่ใจ ท่านไม่จำเป็นต้องพูดข้าก็เข้าใจดีแล้วกระมัง หรือใต้เท้าซ่งรู้สึกว่า ข้าไท่จื่อเซ่าซือไม่สำคัญเท่าคนอันธพาลคนหนึ่ง”
“หากเป็นเช่นนี้ ใต้เท้าซ่งก็ควรพูดออกมาให้เร็วกว่านี้ พวกเราจะได้ไปพิจารณาที่ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ดูว่าวันนี้ข้าซูหลีทำมิถูก หรือดวงตาของใต้เท้าซ่งอยู่บนศีรษะกัน ตาสุนัขมองคนต่ำ[1]!”
ซูหลีพูดจนถึงประโยคสุดท้าย ไม่มีความเกรงใจใดๆทั้งสิ้น
นางมิได้ซ่อนเร้นอะไรทั้งสิ้น กระทั่งอารมณ์ของตนเองก็ไม่อยากจะปิดบังเลยสักนิด
ใต้เท้าซ่งถูกคนโดยรอบใช้สายตาเช่นนั้นมองมา ใบหน้าจึงแดงก่ำ เขาตริตรองคิดที่จะพูดอะไรออกมา ทว่ากลับพูดอะไรออกมาไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ!
“ใต้เท้าซู! นี่ท่านพูดอะไรกัน…” ที่ปรึกษาส่วนตัวที่อยู่ข้างกายของใต้เท้าซ่งต้องการจะพูดตอบโต้ซูหลีสักสองสามประโยค ทว่ากลับถูกใต้เท้าซ่งยกมือขัดขวางไว้!
——
[1] ตาสุนัขมองคนต่ำ เป็นสำนวน หมายถึงคนที่ประจบสอพลอผู้ที่เหนือกว่า มักจะดูแคลนผู้ที่ด้อยกว่า
ตอนที่ 1056 ถามเพียงประโยคหนึ่ง
“อย่าพูดส่งเดช!” ใต้เท้าซ่งปาดเหงื่อบนศีรษะของตน ตะโกนออกมาด้วยเสียงเยียบเย็น
พูดตรงๆ เขาเป็นขุนนางมาหลายปี ยังไม่เคยประสบกับสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนเช่นนี้มาก่อน ในครานี้ถูกคนพูดฉีกหน้าขนาดนี้ ในใจรู้สึกแย่อย่างแท้จริง ทว่าใต้เท้าซ่งเป็นคนฉลาด เขารู้ว่าเรื่องนี้ต้องถึงส่งถึงฝ่าบาทอย่างแน่นอน
ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะปฏิบัติอย่างไร ตำแหน่งขุนนางนี้เขาอย่าคิดว่าจะรักษาไว้ได้!
เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็ไม่สนใจศักดิ์ศรีเกียรติยศอะไรทั้งสิ้น เพียงต้องการพูดโน้มน้าวจิตใจ ให้นางใจเย็นลงไปบ้าง
ซูหลีมองเขาด้วยรอยยิ้มเสมือนไม่ยิ้มและเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา
“ในเรื่องนี้ต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ ใต้เท้าซูหากไม่อย่างนั้นเห็นแก่ฐานะที่พวกเราเป็นขุนนางของราชสำนักทั้งคู่ โปรดให้โอกาสข้าน้อยด้วยเถิด ให้ข้าน้อยอธิบายอย่างละเอียดได้หรือไม่” หลังจากที่สีหน้าของใต้เท้าซูเปลี่ยนไปหลายชั่วพริบตา ทันใดนั้นเขาอ่อนตัวลงโค้งคำนับและพูดเช่นนี้กับซูหลี
กู่ซู่คิดไม่ถึงว่า ผู้ว่าการซุ่นเทียนคนนี้อยู่ต่อหน้าซูหลีจะกลายเป็นเช่นนี้! ซูหลีเพียงแค่พูดไม่กี่ประโยคเท่านั้น!
เช่นนี้จะทำอย่างไรดี
กู่ซู่ไม่อยากเรียกผู้ว่าการซุ่นเทียนมา เพื่อให้ตนเองต้องชดเชยสิ่งที่กระทำไป
“พี่เซียว สถานการณ์เช่นนี้จะทำอย่างไรดี” ในใจเขาร้อนรนไปหมด ได้แต่ส่งความหวังไปที่เซียวเสวียน เขาเดินเข้าไปอยู่ข้างกายเซียวเสวียน แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา
“นางเพียงพูดเท่านั้น จะกล้ากระทำเช่นนี้จริงๆ เสียที่ไหน นิ่งไว้อย่างลนลาน” เซียวเสวียนไม่เชื่อว่าซูหลีจะกล้ากระทำ ถึงซูหลีจะไม่มีสมองอย่างไร อย่างไรนางก็เป็นขุนนาง คงไม่กระทำเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้
หลังจากกู่ซู่ได้ยินคำพูดของเซียวเสวียนจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เพียงแต่ยังมีความไม่สบายใจอยู่บ้าง
เขาชำเลืองมองท่าทางของซูหลี ที่สามารถนำกลุ่มคนนี้พุ่งเข้ามาทำร้ายคนในโรงเตี๊ยมของเขาได้ ก็มิคล้ายคนที่สุขุมสงบเสงี่ยมเช่นนั้น…
“ใต้เท้าซ่งพูดอะไรกัน ข้าจะกล้าสั่งให้ใต้เท้าซ่งกระทำเรื่องอะไรเสียที่ไหนกัน” เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อครู่กู่ซู่ก็คิดเช่นนี้ เมื่อได้ยินซูหลีใช้น้ำเสียงเยียบเย็นเอ่ยพูดเช่นนี้ออกมา
สีหน้าของใต้เท้าซ่งเข้มขึ้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดันในชั่วพริบตา
ซูหลีพูดเช่นนี้ก็ถือเป็นการไม่ไว้หน้าใต้เท้าซ่งแล้ว เขานั้นส่งอนาคตตนเองออกไปแล้ว หากซูหลีดึงดันทำตามอำเภอใจ เขาคงทำอะไรไม่ได้
เมื่อคิดว่าหนทางการเป็นขุนนางของตนต้องถูกทำลายในเงื้อมมือของคนที่พิลึกพิลั่นเช่นนี้ หากในเวลานี้ใต้เท้าซ่งดีใจก็คงจะแปลก
เดิมเขาเพียงอยากรักษาความเป็นกลางไว้ก็เท่านั้น ใครจะคิดว่าจะหนีวัฏจักรการต่อสู้ไม่ได้!
“วันนี้ท่านอ๋องกับซื่อจื่อล้วนอยู่ที่นี่ ท่านนี้คือคุณชายจี้ ใต้เท้าซ่งน่าจะรู้จักกระมัง” ซูหลีเหลือบมองสีหน้าที่ซีดเผือดของใต้เท้าซ่ง ท่าทางหมดหวังเป็นที่สุด นางถึงเอ่ยพูดประโยคนี้ออกมาต่อ
ใต้เท้าซ่งไม่เข้าใจว่าในเวลานี้นางพูดอะไรออกมา หรือยังรู้สึกว่ากดดันเขาไม่พอ จึงอยากจะใช้ฐานะของคนเหล่านี้มากดดันเขาอีก
เมื่อคิดเช่นนี้ในใจของใต้เท้าซ่งพลันรู้สึกไม่ดีขึ้นทันควัน เขาแค่รู้สึกว่าซูหลีจะข่มเหงรังแกกันจนเกินไปแล้ว เรื่องนี้แม้จะพูดว่าเขามีส่วนผิด ทว่าซูหลีกลับทำตามหน้าที่ส่งเรื่องของเขารายงานต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ควรทำอย่างไรก็กระทำอย่างไร!
เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว
ทว่าหากใช้คนเหล่านี้กดดันเขา นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระมัง
“หากใต้เท้าซูมีอะไรจะพูดก็สู้พูดออกมาตามตรงเสียดีกว่า! ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม!” เมื่อคิดเช่นนี้สีหน้าของใต้เท้าซ่งพลันหม่นลง
ซูหลีอ่านสีหน้าของเขาออกอย่างปรุโปร่ง ทว่านางหาได้สนใจไม่ เพียงเลิกคิ้วแล้วเอ่ย “เห็นแก่หน้าพวกเขา ข้าเพียงถามประโยคหนึ่ง!”