เสน่ห์คมดาบ - เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 51
เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 51
“แล้วของอื่นๆ ที่เจ้าขโมยไปล่ะ? จะส่งมาให้เองหรือว่าจะให้ข้าบอกให้พวกเขาค้นตัวเจ้า?” แคลร์มองซัมเมอร์อย่างเย็นชาแล้วพูด
“ว้าว แคลร์ เจ้าจะใช้วิธีที่เจ้าเล่ห์เพื่อจัดการกับคนเจ้าเล่ห์งั้นหรือ? ” วัลโดอุทานขึ้นมา
แคลร์ไม่พูดอะไร อย่าไร้สาระ พวกเขาได้เห็นฝีมือของหัวขโมยผู้นี้แล้ว ไม่มีทางที่เขาจะไม่มีของดีหรอก แปลกเกินไป อีกอย่างหัวขโมยผู้นี้ยังจับกระเป๋าใบหนึ่งในมือไว้แน่น
ซัมเมอร์มองแคลร์อย่างด้วยความโมโห เขากัดฟันและยื่นถุงในมือออกมา
แคลร์หยิบมันขึ้นมาอย่างไม่ใยดี จากนั้นก็เริ่มค้นหาสิ่งที่อยู่ภายใน มีทั้งอัญมณี สร้อยคอ กำไลและ อื่นๆ อีกมากมาย
“แคลร์ เจ้าชอบสิ่งเหล่านี้หรือ? กลับบ้านไปกับข้าสิ ข้ามีมากเท่าที่เจ้าต้องการเลย” เฟิงอี้เซวียนย่อตัวลงและมองแคลร์ที่กำลังดูของเหล่านั้น
แคลร์ไม่ได้สนใจอัญมณีและโยนของเหล่านั้นทิ้งไป พวกมันไร้ประโยชน์ทั้งหมด แต่แคลร์เห็นหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ด้านในสุดของกระเป๋า นางจึงจะเปิดหนังสือ แต่กลับถูกดึงดูดด้วยตัวอักษรบนหน้าปก
ภาษาจีน! นี่คือภาษาจีนแน่ๆ!
กระจกดอกบัว
ตัวอักษรสี่ตัวพิมพ์ไว้บนปกอย่างชัดเจน
“เจ้าขโมยสิ่งนี้มาจากไหน? ” แคลร์ขมวดคิ้วถามซัมเมอร์
“ข้าไม่รู้หรอก ข้าขโมยของจากคนตั้งมากมาย ไม่รู้ว่าใครเป็นใครหรอก” ซัมเมอร์ตะคอกตอบกลับด้วยความรังเกียจ
“อ้อ ได้เลย เฟิงอี้เซวียน เปลื้องผ้าเขา จับมัดแล้วเอาออกไปได้เลย” แคลร์ลุกขึ้นยืนสั่งเรียบๆ
“พูดแล้ว ข้าพูดแล้ว! ” ซัมเมอร์ตกใจกลัว โบกมือและรีบพูด “ข้าขโมยสิ่งนี้มาจากหัวขโมยคนอื่น”
“พูดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าไม่รู้ว่ามีอะไรเขียนอยู่ในหนังสือนี้บ้างงั้นหรือ? ” แคลร์เขย่าหนังสือในมือแล้วถาม
“ข้าไม่รู้ว่ามีอะไรทั้งนั้นแหละ แต่ที่รู้คือตอนนี้ข้าจะเสียหนังสือเล่มนี้ไปแล้ว” ครั้งนี้ซัมเมอร์ให้ความร่วมมืออย่างผิดปกติ
แคลร์ไม่ได้พูดอะไรอีก นางก้มหน้าลง พลิกหนังสือในมือ และดวงตาของแคลร์ก็เบิกกว้าง
หนังสือกลโกงแห่งจิตใจ!
“เอาตัวเขาไป” แคลร์หยิบหนังสือแล้วเดินนำออกไปก่อน
“เห้ยๆ เจ้าหมายถึงอะไร ข้าคืนของให้เจ้าแล้ว เจ้าได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ตอนนี้เจ้าควรปล่อยข้าไปสิ” ซัมเมอร์ชูกำปั้นขึ้นอย่างโกรธเคือง ในความคิดของซัมเมอร์แล้วถ้าเขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาต้องถูกปล่อยไปหลังจากเสร็จแล้วสิ
“ข้าสัญญาว่าจะปล่อยเจ้าไปหรือ?” แคลร์หันไปยิ้มอย่างสดใส
“เจ้า! ” ซัมเมอร์กล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไร เขาทำได้เพียงแค่จ้องแคลร์อย่างโกรธเคือง
ทุกอย่างเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาที่สงสัยของชายรูปงามอีกสามคน แคลร์กลับไปที่คฤหาสน์ของเจ้าเมืองพร้อมกับซัมเมอร์
เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือแล้ว แคลร์ก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนรออยู่ข้างนอกประตู นางต้องการคุยกับหัวขโมยซัมเมอร์ตามลำพัง
เฟิงอี้เซวียนว้าวุ่นใจและไม่สบายใจอย่างยิ่ง แคลร์ชอบไอ้เด็กนี่หรือ? เด็กที่ตัวผอมบางแทบจะปลิวไปตามลมได้เช่นนี้น่ะหรือ?
เฟิงอี้เซวียนกระวนกระวายใจอยู่ตรงนั้น สุ่ยเหวินโม่มองเพื่อนของเขาที่ดูว้าวุ่น ส่วนใบหน้าของจินเหยียนนั้นไม่มีการแสดงออกใดๆ แต่ยังมีความสงสัยอยู่ในดวงตาของเขา
ในห้องหนังสือ แคลร์ร่ายคาถาป้องกันเพื่อไม่ให้ใครได้ยินการสนทนา จากนั้นนางก็นั่งลง
ซัมเมอร์มองแคลร์อย่างโกรธแค้น ตอนนี้เขาเป็นเหมือนลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือด ถ้าไม่สามารถเอาชนะแคลร์ได้ เขาก็จะไม่สามารถหนีไปจากที่นี่ได้ แถมยังมีชายแข็งแกร่งถึงสามคนเฝ้าอยู่ข้างนอก
“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? ” ซัมเมอร์ถามด้วยความโกรธ “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าขโมยหนังสือมาจากขโมยคนอื่น แล้วข้าเองก็อ่านไม่ออกด้วย”
“ข้าไม่ได้ต้องการถามเจ้าเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้” แคลร์หัวเราะเบาๆ เอนหลังพิงเก้าอี้มองซัมเมอร์อย่างสบายๆ
“เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอะไร?” ซัมเมอร์ถามด้วยความโกรธ
“แคลร์ เจ้าคงไม่ได้ชอบเด็กนี่จริงๆ หรอกใช่หรือไม่? ดูเขาสิ ผอมแห้งเหมือนอะไรสักอย่าง แค่ลมพัดก็ปลิวแล้ว อย่างน้อยก็หาคนแข็งแกร่งที่สามารถข่มเจ้าได้หน่อยเถอะ” วัลโดเสียใจกับประโยคสุดท้ายนี้ แน่นอนว่าเวลาต่อมา เขาก็ถูกบีบอีกครั้ง
“ซัมเมอร์ ไอล์ หนึ่งในสมาชิกของตระกูลไอล์ เรียกตัวเองว่าขโมย แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่ผ่านการทดสอบของตระกูลนะ? ” แคลร์เคาะนิ้วลงบนโต๊ะ พลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
ซัมเมอร์ตกใจ จากนั้นก็มองแคลร์อย่างตกตะลึง
“การทดสอบของเจ้าช่างโหดร้ายมากจริงๆ ภารกิจไปขโมยฟันมังกร” แคลร์หัวเราะเบาๆ
“เจ้ารู้ได้อย่างไร? ” ซัมเมอร์โพล่งออกมา จากนั้นก็นึกขึ้นได้แล้วรีบเอามือปิดปากอย่างรวดเร็ว
“เด็กผู้หญิงที่ต้องไปขโมยฟันมังกรคนเดียว ยากเกินไปไม่ใช่หรือ? ” แคลร์เอามือจับคางมองและคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
สีหน้าของซัมเมอร์เปลี่ยนไปในทันทีและจ้องแคลร์ด้วยสายตาแน่วแน่
“อยากรู้ว่าข้ารู้ได้อย่างไรงั้นสิ? ” แคลร์ยิ้มให้ซัมเมอร์
ซัมเมอร์เงียบ แต่ดวงตาเผยให้เห็นว่ากำลังรอคำตอบอยู่ แน่นอนว่านางอยากรู้ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เลยว่านางเป็นผู้หญิง แล้วทำไมผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านางถึงได้รู้ตั้งแต่ครั้งแรกเลยล่ะ
แคลร์ยิ้มอย่างสดใสขณะมองซัมเมอร์และก็พูด “ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”
“เจ้า! ” สีหน้าของซัมเมอร์เปลี่ยนจากรอเป็นรำคาญแทน ซัมเมอร์ถึงกับอยากเอาชนะคนที่น่ารำคาญผู้นี้ แต่นางก็ไม่มีทางที่จะสามารถเอาชนะได้ เห้อ… ซัมเมอร์ว้าวุ่นใจมาก
“มาติดตามข้า ข้าจะช่วยเจ้าขโมยฟันมังกรเอง” แคลร์ยิ้มอย่างมีเสน่ห์และพูดโน้มน้าวด้วยเสียงต่ำ
“เจ้า ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้น เจ้ามีอะไรดีที่จะทำให้ข้าอยากติดตามเจ้าล่ะ? ” ซัมเมอร์พูดเยาะเย้ย
“ประการแรก ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้าและเจ้าอาจจะถูกทุบตีจนกว่าเจ้าจะยินยอมก็ได้ ประการที่สองทั้งสามคนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกนั้นก็แข็งแกร่งกว่าเจ้าทั้งหมดและเจ้าไม่สามารถเอาชนะได้แน่นอน ประการที่สาม คลิฟผู้เป็นอาจารย์ของข้าก็สามารถทุบตีและเอาชนะเจ้าได้” แคลร์อธิบายอย่างไม่จริงจังแล้วก็พูดประโยคต่อไป “แน่นอน ถ้าเจ้ายอม ไม่เพียงแต่เราจะไม่ทุบตีเจ้า แต่ยังจะช่วยให้เจ้าขโมยฟันมังกรได้สำเร็จ ช่วยให้เจ้าทำการทดสอบได้สำเร็จ ให้เจ้าได้กลายเป็นสมาชิกที่แท้จริงของตระกูลไอล์ และทำให้เจ้าเป็นที่ภาคภูมิใจของตระกูลได้” แคลร์เข้าใจจุดอ่อนของซัมเมอร์ ตระกูลไอล์เป็นตระกูลหัวขโมยที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก แต่การจะเป็นสมาชิกของตระกูลไอล์อย่างแท้จริงจะต้องผ่านการทดสอบก่อน
ซัมเมอร์ขมวดคิ้ว แน่นอนว่านางเคยได้ยินชื่อของคลิฟและนางก็รู้ว่าเขาคือใคร แต่ซัมเมอร์ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกับศิษย์ของคลิฟในวันนี้ นางคือแคลร์ ฮิลนั่นเอง!
ซัมเมอร์ขมวดคิ้ว ในขณะที่วัลโดกำลังว้าวุ่นใจ ซัมเมอร์ก็พูดช้าๆ “ข้าจะต้องจ่ายราคาเท่าไหร่? “
แคลร์ยิ้ม หญิงสาวคนนี้ฉลาดมาก นางเป็นโจรที่ทรงพลัง แคลร์เข้าใจดีว่าในโลกนี้ หากจะปกป้องตัวเอง ผู้คน และสิ่งที่ห่วงใยแล้ว แค่มีพลังที่ดุร้ายนั้นยังไม่เพียงพอ สิ่งที่นางต้องการคือการสนับสนุนและคนอื่นๆ ที่สามารถช่วยนางได้ ขโมยที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ ดีเลยล่ะ
“ตอนนี้ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น แต่ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าต้องทำสิ่งที่เกินขอบเขตของเจ้าเด็ดขาด” แคลร์พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“จริงหรือ?” ซัมเมอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองแคลร์ด้วยความระมัดระวัง
“จริงสิ” แคลร์พยักหน้า “ข้าสาบาน ทุกคนมีขอบเขตของตัวเอง ข้าเองก็มีเช่นกัน ดังนั้นข้ารู้ดีว่าการทำลายขอบเขตเป็นเรื่องที่รับไม่ได้”
ซัมเมอร์มองดวงตาที่ลุกโชนของแคลร์และไม่สามารถพูดอะไรได้สักพักใหญ่
“เจ้าต้องปกป้องตัวเองด้วยการแต่งตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อช่วยให้ตัวเองรอดพ้นจากปัญหาต่างๆ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เพราะเราจะปกป้องเจ้าเอง เจ้าไม่พอใจใคร ก็จัดการเขาได้เลย เราจะดูแลส่วนที่เหลือเอง” แคลร์เลิกคิ้วแล้วพูดประโยคนี้
“หือ? จริงหรือ? ” ซัมเมอร์ดีใจ แม้ว่านางจะแต่งตัวเป็นเด็กผู้ชาย แต่รูปลักษณ์ที่บอบบางของนางก็ยังทำให้เกิดปัญหามากมาย ขุนนางบางคนไม่เพียงแต่อยากจะเลี้ยงดูเด็กผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังอยากจะจับต้องหนุ่มรูปงามด้วย นางหลบหนีอย่างกระวนกระวายใจอยู่ทุกครั้ง แม้ว่านางจะไม่พอใจกับขุนนางความวิปริตเหล่านั้น แต่นางก็ไม่มีแรงที่จะต่อสู้กลับ พอได้ฟังแคลร์พูดเช่นนี้ นางก็มีความสุขมาก
วัลโดอ้าปากค้าง เขาถึงกับพูดไม่ออก แคลร์ ปีศาจน้อยผู้นี้สามารถเอาชนะจุดอ่อนของผู้อื่นได้จริงๆ นางข่มขู่และล่อลวงจจทำให้คนไม่สามารถหลีกหนีไปได้ เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเด็กผู้ชายตัวผอมๆ ผู้นี้จะกลายเป็นเด็กผู้หญิงและเป็นคนของตระกูลไอล์ ตระกูลหัวขโมยอันดับหนึ่งของโลกผู้กล้าขโมยทุกสิ่ง มีข่าวลือว่าหัวขโมยที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลนี้ยังแอบเข้าไปในห้องโถงหลักของวิหารแห่งแสง ขโมยสิ่งของ และยังตัดผมของพระสันตปาปาอีกด้วย! ในโลกนี้ไม่มีใครอยากไปมีเรื่องกับครอบครัวที่น่ากลัวเช่นนี้ เพราะไม่แน่ว่าเมื่อตื่นขึ้นมาอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอาจหายไปก็ได้ แต่การเข้ามาเป็นสมาชิกของตระกูลไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องผ่านการทดสอบที่ยากมาก
“จริง ต่อไปเจ้าสามารถแต่งชุดสตรีได้เลยนะ” แคลร์ยิ้มและพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม สาวคนไหนจะไม่รักสวยรักงามล่ะ? ใครจะอยากแต่งตัวเลอะเทอะกัน
“ดีเลย นี่เจ้าพูดเองนะว่าจะไม่บังคับให้ข้าทำในสิ่งที่ข้าไม่อยากทำ” ซัมเมอร์พูดอย่างสนุกสนาน “ถ้าเจ้าอยากได้อะไรเจ้าสามารถพูดมาได้เลย ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำสิ่งที่ข้าสามารถทำได้ในขอบเขตของข้า”
“ตกลง” แคลร์ยิ้มอย่างสดใส
เมื่อซัมเมอร์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสตรีที่แคลร์เตรียมไว้ให้ นางดูผอมเพรียวและสง่างามมากจนทุกคนต่างอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าหัวขโมยผู้นี้จะเป็นผู้หญิงเลย! แล้วก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักน่าชังด้วย ไม่แปลกใจเลยที่นางจะกลัวอย่างมากตอนที่แคลร์บอกว่าจะเปลื้องผ้าแล้วส่งเข้าคุก หลังจากนั้นนางก็ร่วมมือกับทุกสิ่ง มิน่าล่ะ
“ซัมเมอร์จะเป็นหนึ่งในพวกเรานับจากวันนี้ไป” แคลร์แนะนำทุกคนอย่างเคร่งขรึม “ซัมเมอร์ นี่คือสุ่ยเหวินโม่ นี่คือเฟิงอี้เซวียน และนี่จินเหยียนอัศวินของข้า ต่อไปขอให้ทุกคนดูแลกันและกันดีๆ นะ”