CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล - ตอนที่ 124 ผู้ช่วย

  1. Home
  2. เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล
  3. ตอนที่ 124 ผู้ช่วย
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

หวังซีรู้สึกว่าคำพูดของเฉินลั่วมีเหตุผล แต่คนที่เสนอให้ใช้หลิวจ้งคือนาง นางจึงเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ได้ยินแล้วอดกล่าวไม่ได้ว่า “เจ้ากับหลิวจ้งนัดพบกันเมื่อไร ข้าอยากไปกับเจ้าด้วย!” 

 

 

เฉินลั่วพอจะรับรู้ได้ถึงความคิดของหวังซี คิดว่าให้นางออกไปเดินเล่นบ้างก็ดีเหมือนกัน มารดาของเขาก็เป็นเพราะวันๆ เอาแต่วนเวียนอยู่ในวังหลวง ในวังมีสายลมพัดยอดหญ้าไหวอะไรนางล้วนตื่นตระหนกตามไปด้วยเสมอ พอนานวันเข้า ก็เปลี่ยนไปเหมือนสตรีในวังหลวง ที่รู้จักแค่พื้นที่ไม่กี่หมู่ของวังหลวงเท่านั้น แม้แต่ความคิดก็คับแคบขึ้นมา นี่มิใช่เรื่องดีอะไร 

 

 

“ได้!” เขาตอบตกลงด้วยความยินดี กล่าวว่า “สถานที่นัดพบของพวกข้าคือเรือนที่เขาพักอยู่ พรุ่งนี้รับมื้อเช้าเสร็จก็ไปได้เลย จะได้ไม่ถูกแดดเผาจนไร้กำลังวังชาเหมือนผักกาดโดนน้ำร้อนลวกเพราะไปตอนตะวันขึ้นสายโด่ง” 

 

 

หวังซีหัวเราะร่า กล่าวว่า “เจ้ารู้จักผักกาดขาวโดนน้ำร้อนลวกด้วยหรือ!” 

 

 

ไม่น่าเชื่อว่าเฉินลั่วจะครุ่นคิดอย่างเอาจริงเอาจัง กล่าวว่า “เจ้าอย่าว่าไปเชียว ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ แต่ทุกคนล้วนเปรียบเปรยกันเช่นนี้ ข้าก็เลยเปรียบเปรยเช่นนี้ตามไปด้วย” 

 

 

“เช่นนั้นหากคราวหน้าเจ้ามีเวลา ข้าจะพาเจ้าไปดูที่เรือนครัว ให้พวกนางลวกผักกาดขาวให้เจ้าดู ทีนี้เจ้าก็รู้แล้วว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร!” 

 

 

พูดถึงเรือนครัว เฉินลั่วเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้พวกเจ้าทำขนมอะไรบ้าง ขนมวุ้นแห้วของเมื่อคราวก่อนอร่อยมาก หาได้ง่ายหรือเปล่า วันนี้แบ่งให้ข้าเอากลับไปด้วยอีกสักหน่อยได้หรือไม่” 

 

 

เขากินของที่วังหลวงพระราชทานมาให้เป็นเสียส่วนมาก แต่ของในวังหลวงล้วนมีการกำหนดไว้ตายตัว ไม่ชอบทำพวกของกินตามฤดูกาลเป็นที่สุด ด้วยกลัวว่าหากสตรีชั้นสูงในวังหลวงกินแล้วรู้สึกอร่อย อยากกินทุกวันขึ้นมา ต่อให้พวกเขาต้องแขวนคอก็หามาให้ไม่ได้ 

 

 

เฉินลั่วจึงชอบกินของตามฤดูกาลมากเป็นพิเศษ แล้วเขาก็ค่อนข้างรู้จักของพวกนี้ด้วย 

 

 

แห้วไม่น่าใช่ของที่มีในฤดูกาลนี้ 

 

 

หวังซียิ้มไม่หุบ กล่าวว่า “ที่เจ้ากินทำจากแป้งสาลีผสมกับน้ำแห้ว ฤดูกาลนี้ไม่มีแห้ว แต่แห้วเมื่อปั่นแล้วทำเป็นน้ำเชื่อมเก็บไว้ในห้องเก็บน้ำแข็ง กลับเก็บไว้ได้นาน” 

 

 

เฉินลั่วนึกถึงจ่างกงจู่ที่ตามหาลิ้นจี่ไปครึ่งค่อนคืนขึ้นมา กล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าทำให้ข้าสักเล็กน้อย ข้าจะให้คนเอากลับไปให้ท่านแม่ของข้าลองชิมดู” 

 

 

หวังซีถามอย่างแปลกใจว่า “วันนี้เจ้าไม่กลับเข้าเมืองหรือ” 

 

 

“ไม่กลับ!” เฉินลั่วตอบ “พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางมาอีก เหนื่อยเกินไปแล้ว ข้าตั้งใจจะไปวัดเจินอู่สักครั้งหนึ่ง พรุ่งนี้ค่อยเดินทางมาจากที่นั่น” 

 

 

วัดเจินอู่กับวัดอวิ๋นจวีล้วนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง อยู่ห่างกันไม่ไกลนัก 

 

 

หวังซียิ่งรู้สึกแปลกใจ ถามว่า “เจ้าไปวัดเจินอู่ทำไม ไปหาเซียวเหยาจื่อหรือ” 

 

 

เรื่องส่วนผสมของธูปหอมก็จัดการเรียบร้อยแล้วมิใช่หรือ 

 

 

เฉินลั่วอึกอักไม่ได้ตอบหวังซีอย่างกระจ่างนัก พวกไป๋กั่วที่ปรนนิบัติอยู่ด้านข้างต่างมองหน้ากันไปมา 

 

 

คุณหนูใหญ่ของพวกนางมีเวลาว่างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เรื่องกินเรื่องดื่มประเภทนี้ก็ยังคุยจนเกือบหนึ่งชั่วยามโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายได้ 

 

 

สาวใช้สองสามคนต่างเจ้ามองข้าเข้ามองเจ้า ในใจบังเกิดความกระวนกระวายขึ้นมาหลายส่วน รู้สึกว่าอย่างไรก็ต้องคุยเรื่องนี้กับหวังหมัวมัวดีๆ สักครั้ง 

 

 

หวังซีในเวลานี้กลับไม่รู้สึกตัว อันดับแรกนางให้เรือนครัวทำขนมวุ้นแห้วให้เฉินลั่วส่งกลับไปที่จวนจ่างกงจู่สองสามกล่อง จากนั้นจัดเรือนปีกเอาไว้หนึ่งห้องสำหรับให้เฉินลั่วเอาไว้พักกลางวัน ทำบะหมี่เย็นของสู่จงให้เขารับประทานเป็นมื้อเย็น กระทั่งพระอาทิตย์คล้อยไปทางทิศตะวันตก ไอร้อนค่อยๆ จางหายไป นำน้ำบ๊วยเปรี้ยวที่แช่น้ำแข็งมาแล้วกรอกใส่ถุงใส่น้ำหนังแพะเสร็จแล้วถึงได้ส่งเขาออกจากประตู 

 

 

ยังย้ำกำชับเฉินลั่วว่า “หากหนึ่งชั่วยามแล้วยังดื่มไม่หมด ก็ให้เททิ้งเลย ถ้ารู้สึกถูกปาก คราวหน้าค่อยทำให้เจ้าอีก ห้ามเสียดายความเย็นเล็กน้อยนั่นเป็นอันขาด กินแล้วท้องเสียได้” 

 

 

เฉินลั่วกลับเสียดายถุงใส่น้ำหนังแพะของตัวเองใบนั้น นี่เป็นถุงใส่น้ำที่ฮั่วถิง ผู้ตรวจราชการต้าถงในเวลานั้นสอนเขาทำด้วยตัวเองตอนที่เขาติดตามฮ่องเต้ไปตรวจราชการที่ต้าถงเป็นครั้งแรก เขาพกติดตัวมาหลายปีแล้ว 

 

 

อากาศร้อนขนาดนี้ ใส่น้ำบ๊วยเปรี้ยวที่แช่น้ำแข็งมาแล้ว คงใช้งานไม่ได้อีกแล้วกระมัง 

 

 

หวังซีสั่งให้คนกรอกน้ำบ๊วยเปรี้ยวให้เขาด้วยเจตนาดี เขามองสายตาขอความช่วยเหลือของเฉินอวี้ตอนที่ไป๋กั่วมาหยิบถุงใส่น้ำ เขาลังเลเดินกลับไปกลับมาอยู่ในเรือนรับรองแขกหลายต่อหลายรอบอย่างตัดสินใจไม่ได้ สุดท้ายขณะที่ตัดสินใจได้ว่าจะปฏิเสธความหวังดีของหวังซีไปอย่างสุภาพนั้น ไป๋ซู่ก็นำถุงใส่น้ำที่กรอกน้ำบ๊วยเปรี้ยวเสร็จเรียบร้อยแล้วส่งกลับมาให้ 

 

 

และเวลานี้เมื่อเขามองริมฝีปากอ่อนนุ่มงดงามสีกุหลาบดุจกลีบดอกไม้ของหวังซีแล้ว เขาได้แต่รู้สึกใบหูร้อนผะผ่าว จึงยิ่งเอ่ยถ้อยคำปฏิเสธและเสียดายนั่นออกมาไม่ได้ 

 

 

ช่างมันเถิด เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อย่างน้อยก็มีคนผู้หนึ่งดีใจ เขาไม่พูดสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องหดหู่ใจแล้วดีกว่า 

 

 

เฉินลั่วพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ควบม้าสะบัดแส้ออกจากวัดอวิ๋นจวีไป 

 

 

หวังซีกลับไปที่เรือนหลัก 

 

 

ฉังเคอนั่งอยู่ข้างโต๊ะหินใต้ซุ้มองุ่นกำลังเย็บพื้นรองเท้ากับสาวใช้เด็กสองคนอยู่ เมื่อเห็นนางก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไอโย กลับมาแล้วหรือ! ข้าคิดว่าเจ้าจะรอจนถึงเวลาจุดโคมไฟก่อนถึงจะรู้จักกลับรังเสียอีก! คงมิใช่เพราะเฉินลั่วไปแล้วหรอกกระมัง” 

 

 

หวังซีจับต้นชนปลายไม่ถูก กล่าวว่า “เจ้าเป็นอะไรหรือ ข้าทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองใจตรงที่ใดหรือเปล่า เจ้ามีอะไรก็พูดมาเถอะ ระหว่างพวกเราอย่ามีอะไรคลุมเครือกันเลย ข้าไม่ชอบ!” 

 

 

ฉังเคอกระโดดตัวโหยงขึ้นมาใช้พื้นรองเท้าตีหวังซีไปสองครั้ง กล่าวว่า “เจ้ายังรู้ว่าเจ้าคือสตรีในห้องหออยู่นี่นา! เฉินลั่วผู้นั้นมา ให้พี่ชายร่วมน้ำนมของเจ้าไปรับรองเขาก็พอแล้ว เจ้าไปพบเขาครั้งหนึ่งก็ถือเป็นการให้ความเคารพมากแล้ว ยังต้องให้เจ้าจัดเตรียมทุกอย่างให้เขาอีกหรือ หากคราวหน้าเจ้ายังเป็นเช่นนี้อีก ข้าจะไปบอกท่านย่า พวกเรากลับจวนหย่งเฉิงโหวกัน” 

 

 

ขณะที่นางกล่าว สีหน้าดูสลดหดหู่ 

 

 

แน่นอนว่าสำหรับนางแล้วหวังซีย่อมดีที่สุด แต่คนอย่างจ่างกงจู่ ทั้งไม่มีโอกาสได้รู้จักหวังซี และไม่มีทางมองหวังซีด้วยความเที่ยงธรรม ต่อให้เฉินลั่วปฏิบัติกับหวังซีพิเศษกว่าคนอื่น จ่างกงจู่ก็ไม่มีทางเอาหวังซีมาเป็นตัวเลือกบุตรสะใภ้ของนาง 

 

 

แทนที่ถึงเวลาแล้วต้องเสียใจ มิสู้ตัดสัมพันธ์ไปตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่า 

 

 

เนื่องจากหวังซีไม่ได้คิดไปทางเดียวกับนาง จึงไม่ค่อยเข้าใจความกังวลของฉังเคอเท่าไรนัก 

 

 

แต่นางสัมผัสได้ถึงแววตาเป็นห่วงของฉังเคอ คิดว่าหรือฉังเคอยังมีอคติบางอย่างต่อเฉินลั่วอยู่ กลัวเฉินลั่วจะเป็นภัยต่อนาง นางจึงปลอบโยนฉังเคออย่างมีขันติ “เพราะเรื่องของหลิวจ้ง” 

 

 

นางเล่าแผนการของทั้งสองคนให้ฉังเคอฟัง “เป็นสิ่งที่ข้าเสนอขึ้นมา เพราะฉะนั้นข้าย่อมต้องมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นจนจบ!” 

 

 

ฉังเคอนึกถึงเสื้อตัวในของอาหลีที่สวมใส่จนแขนเสื้อสั้นถึงข้อศอกนั่นแล้วปวดแปลบหัวใจ รู้สึกว่าแทนที่หลิวจ้งจะไปเป็นผู้ช่วยให้เฉินลั่วมิสู้ไปเป็นหลงจู๊ให้ตระกูลหวังดีกว่า ดีร้ายภายในระยะเวลาอันสั้นยังได้เรียนรู้ทักษะอะไรบ้าง สร้างเนื้อสร้างตัวให้ชีวิตดีขึ้นมาได้ 

 

 

นางถอนหายใจครั้งหนึ่ง หยิบเข็มและด้ายขึ้นมาเย็บพื้นรองเท้าให้อาหลีต่อ ในใจกลับตรึกตรองว่าควรเตือนหลิวจ้งสักคำหรือไม่ ให้เขาเลือกตระกูลหวัง แต่ก็คิดว่าหลิวจ้งนั้นแม้แต่เรื่องโหราศาสตร์ดูดวงชะตาเขายังเชี่ยวชาญ ต้องเป็นคนฉลาดผู้หนึ่งอย่างแน่นอน ต่อให้ไม่มีคำเตือนของนางเขาก็น่าจะเลือกเจ้านายที่เป็นคุณต่อเขาได้ แต่เมื่อคิดอีกทีก็รู้สึกว่าคนฉลาดมักถูกความฉลาดทำร้าย ไม่แน่หลิวจ้งอาจเห็นว่าตระกูลตกต่ำมาหลายปี ทั้งที่รู้ว่าในภูเขามีพยัคฆ์ซ่อนอยู่แต่ก็ยังคงเดินไปหาภูเขาพยัคฆ์อยู่ดี สุดท้ายตัดสินใจเลือกเฉินลั่ว… 

 

 

นางกระวนกระวายใจ กระทั่งวันรุ่งขึ้นก็ยังตัดสินใจไม่ได้ ทว่าหวังซีกลับเริ่มล้างหน้าแต่งกาย เตรียมตัวไปพบหลิวจ้งกับเฉินลั่วแล้ว 

 

 

ฉังเคอกัดฟันครุ่นคิด ให้คนนำความไปแจ้งหลิวจ้ง ทว่าไม่ได้โน้มน้าวเขาว่าควรเลือกเช่นไร แต่ย้ำกำชับเขา ให้เขาคิดถึงอาหลีให้มาก เขาคืออาของอาหลี เป็นญาติเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ของอาหลี 

 

 

หลิวจ้งได้รับข้อความของฉังเคอแล้วตะลึงงันไปครู่ใหญ่ก็ยังพูดอะไรไม่ออก 

 

 

เขากับคุณหนูจวนหย่งเฉิงโหวท่านนี้เคยคุยกันแค่ไม่กี่ประโยค คิดไม่ถึงว่านางจะรักอาหลีขนาดนี้ หวนนึกถึงเรื่องของคุณหนูสกุลหวังที่เขาสืบความมาอีกครั้ง เขาเดาว่าคุณหนูท่านนี้อาจเป็นคนทำเสื้อผ้าและรองเท้าเหล่านั้นให้อาหลีก็เป็นได้ 

 

 

เห็นได้ชัดว่าในดงไผ่ชั่วร้ายยังมีหน่อไม้ดีๆ อยู่ ตระกูลฉังเองก็มีคนจิตใจดีเช่นกัน 

 

 

หลังจากหลิวจ้งกล่าวขอบคุณสาวใช้ข้างกายของฉังเคอแล้ว เฉินลั่วกับหวังซีก็มาถึงพร้อมกัน 

 

 

หลิวจ้งมองหวังซีที่อยู่ข้างกายเฉินลั่ว ประดับดอกมะลิร้อยไว้ตรงจอนหูหนึ่งเส้น ในมือถือตะกร้าหวายหนึ่งใบ แต่งกายเหมือนสาวชาวบ้านทว่ายากจะปกปิดความสดใสงดงามเอาไว้ได้นั่นแล้วเหยียดมุมปาก 

 

 

เด็กสาวผู้นี้คงมิได้เอาของกินมาอีกแล้วกระมัง 

 

 

แม่ครัวของตระกูลหวังทำให้อาหลีคุ้นชินกับรสชาติเช่นนั้นไปแล้ว 

 

 

แม้นเขาไม่พูดอะไร ทว่าเวลากินข้าวกลับดูออกว่าไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตารอคอยและดีใจเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว 

 

 

เด็กสาวผู้นี้ช่างจุ้นจ้านมากความ หากมิใช่เพราะนาง เขาก็คงไม่ตกเข้ามาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ 

 

 

หลิวจ้งคิดว่าอย่างไรตนก็ไม่ควรมาคิดบัญชีกับเด็กสาวอายุสิบกว่าปีผู้นี้ จำต้องเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ เชิญทั้งสองคนไปนั่งในโถงรับรอง 

 

 

นับตั้งแต่ที่อาหลีถูกหลิวจ้งจับตัวกลับมาในวันนั้นเขาก็ถูกกักบริเวณให้ฝึกคัดอักษรตามเส้นประอยู่ในบ้าน เมื่อได้ยินเสียง เห็นว่าหวังซีมาหา เขาก็ทิ้งพู่กันในมือลงวิ่งออกมา “ท่านน้าหวัง ท่านมาเยี่ยมข้าหรือ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน! ท่านน้าฉังสบายดีหรือไม่ เหตุใดนางไม่มากับท่านด้วย นางโกรธข้าแล้วใช่หรือไม่!” 

 

 

กล่าวจบ เขายังมองไปรอบๆ อย่างคาดหวัง 

 

 

ความยินดีที่ออกจากมาจากดวงตาและหัวใจนั่น ทำให้ดวงหน้าของเขาดูเหมือนดวงจันทราที่มีแสงสว่างเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งชั้น มองแล้วหัวใจของหวังซีสั่นไหวไปหมด 

 

 

“วันนี้ท่านน้าฉังของเจ้ามีธุระ ก็เลยไม่ได้มาด้วย” หวังซีรีบนั่งยองลงมากอดอาหลีไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อธิบายเสียงอบอุ่นว่า “นางไม่ได้โกรธเจ้า! เจ้าเป็นเด็กดีขนาดนี้ ผู้ใดจะโกรธเจ้าลง! นางทำรองเท้าหัวเสือให้เจ้าอยู่ที่บ้าน อีกไม่กี่วัน อากาศเย็นลง เจ้าก็มีรองเท้าสวยๆ ใส่แล้ว!” 

 

 

“จริงหรือขอรับ” ดวงตาทั้งสองข้างของอาหลีเป็นประกาย เอียงศีรษะยิ้มหวานพลางกล่าว “ข้าชอบท่านน้าฉังที่สุด!” 

 

 

นี่ทำให้หวังซีและหลิวจ้งที่อยู่ในห้องต่างมีความรู้สึกเหมือนหัวใจมีเลือดสูบฉีด 

 

 

ทว่าเฉินลั่วกลับรู้สึกเฉยๆ กับอาหลี 

 

 

มิใช่ว่าเขาไม่ชอบอาหลี แต่เขาล้วนเย็นชากับเด็กทุกคน ไม่รู้ว่าเด็กเหล่านี้มีอะไรให้น่าเล่นด้วย เหตุใดคนมากมายล้วนชอบหยอกล้อเล่นกับเด็กเล็ก 

 

 

ใช่ มันคือการ ‘หยอกล้อ’ 

 

 

ในเมื่อทุกอย่างคือคำโกหก เหตุใดต้องเปลืองน้ำลายด้วย 

 

 

ตอนเป็นเด็กเขาเคยถูกมันทำร้ายมา 

 

 

เห็นหวังซีกับหลิวจ้งยังตั้งท่าจะพูดไร้สาระกับอาหลีต่อ เขากระแอมไอสองครั้งอย่างไม่ค่อยพอใจนัก กล่าวว่า “อากาศร้อนขนาดนี้ ทุกคนนั่งลงมาคุยกันเถอะ!” 

 

 

ถึงพวกเขาจะนั่งรถม้ามา แต่นั่งรถม้าก็ต้องเร่งเดินทางเหมือนกัน เหตุใดหลิวจ้งถึงไม่คิดจะรินน้ำชาให้พวกเขาดับกระหายบ้าง! 

 

 

หลิวจ้งเองก็ดูจะนึกขึ้นมาได้แล้ว กล่าวทักทายหวังซีกับเฉินลั่วเสร็จแล้วก็อุ้มอาหลีเข้าไปที่ห้องชั้นใน หลอกล่อให้เขาคัดอักษรตามเส้นประต่อ ส่วนตัวเองไปรินน้ำชาและยกออกมา 

 

 

ตระกูลหลิวตกต่ำจนถึงขั้นไม่มีคนปรนนิบัติรับใช้แม้แต่คนเดียวหรือ 

 

 

เฉินลั่วมองสำรวจหลิวจ้งเงียบๆ คิดว่าจะใช้วิธีอะไรโน้มน้าวให้หลิวจ้งทำงานให้เขาดี 

 

 

ผู้ใดจะรู้ว่าหลิวจ้งเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน 

 

 

ไม่รอให้เฉินลั่วพูด เขาก็เปิดอกกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าได้ยินว่าใต้เท้าเฉินอยากให้ข้าไปเป็นผู้ช่วยของท่าน ไม่รู้ว่าใต้เท้าเฉินถูกใจอะไรในตัวข้าหรือ แล้วข้าทำอะไรให้ใต้เท้าเฉินได้บ้าง คาดว่าท่านเองก็น่าจะเคยสืบเรื่องของตระกูลหลิวมาแล้ว ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ แม้นกล่าวว่าประชาชนยังจดจำความดีอันน้อยนิดของท่านปู่ข้าได้อยู่บ้าง แต่ในราชสำนัก ไม่มีที่ให้ตระกูลหลิวของพวกข้าพูดอะไรได้มานานแล้ว เกรงว่าข้าคงทำให้ใต้เท้าเฉินผิดหวัง” 

 

 

……………………………………………………………………….. 

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 124 ผู้ช่วย"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์