เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล - ตอนที่ 208 ดูตัว
จวนหย่งเฉิงโหวมิได้ปกครองเรือนอย่างเข้มงวด มีหลายต่อหลายเรื่องที่ถูกลือกันเสมือนเป็นข่าวลือ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อเจ้าลองมองอีกครั้งกลับพบว่าเป็นเรื่องจริง
หวังหมัวมัวถูกเขย่าขวัญด้วยคำพูดของสาวใช้ผู้นั้นไปแล้ว คิดได้ว่าแต่เดิมสาวใช้ผู้นี้คือคนที่จวนหย่งเฉิงโหวส่งมากวาดลานบ้านให้พวกนาง ก็รีบล้วงเศษก้อนเงินชิ้นหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อยัดใส่มือนาง ลากนางไปยังมุมเปลี่ยวด้านข้าง ถามนางเสียงอบอุ่นว่า “ตกลงเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่ เหตุใดพวกข้าถึงไม่ได้ยินข่าวคราวเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าเองก็รู้ คุณหนูซือกับคุณหนูของพวกข้าเข้ากันไม่ได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่านางพูดไปเรื่อยเปื่อยจนกล่าวผิดไป?”
ใต้ผืนฟ้านี้ที่ไหนมีกำแพงไม่มีรูบ้าง แม้นกล่าวว่าหวังซีไม่คิดจะรั้งอยู่ที่จิงเฉิง แต่ถ้าช่วงที่หวังซีอยู่จิงเฉิงมีข่าวลือออกไปว่ามีสัมพันธ์ลับกับผู้ใดล่ะก็ ไม่แน่ผู้อื่นอาจคิดว่าที่หวังซีเดินทางกลับสู่จงเป็นเพราะอยู่จิงเฉิงต่อไปไม่ได้ เช่นนั้นคงทำให้หวังซีอับอายขายหน้าเกินไปแล้ว
สาวใช้ผู้นั้นถูกซื้อด้วยเงินและน้ำเสียงอบอุ่นของหวังหมัวมัวไปเรียบร้อยแล้ว รีบเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ให้หวังหมัวมัวฟัง “ว่ากันว่าเพราะสาวใช้ของทางด้านนั้นบังเอิญได้ยินมาจากปากของป้ารับใช้จวนเจิ้นกั๋วกงที่นำชุดมงคลมาส่ง ป้ารับใช้ผู้นั้นอยากดูสักหน่อยว่าคุณหนูต่างสกุลหน้าตาเป็นอย่างไร ยังนำเงินมาติดสินบนสาวใช้ที่สวนหิมะงามด้วย เพราะเหตุนี้ตานหมัวมัวถึงได้ทราบเรื่อง สาวใช้เด็กข้างกายตานหมัวมัวพลั้งปากบอกคุณหนูซือ คุณหนูซือก็เลยอาละวาดไปครั้งใหญ่…”
หวังหมัวมัวฟังนางพูดจาแล้วร้อนใจ คิดว่าไม่แปลกที่ใกล้จะถึงวัยปล่อยตัวออกไปแล้วก็ยังเป็นได้แค่สาวใช้ตักน้ำกวาดบ้านผู้หนึ่งเท่านั้น
นางจำต้องถามขึ้นว่า “ป้ารับใช้ที่มาจากจวนเจิ้นกั๋วกงพูดอะไรกันบ้าง เหตุใดถึงบอกว่าคุณหนูของพวกข้าจะได้แต่งกับคุณชายรองของพวกเขา? เจ้าเองก็รู้ว่าคุณหนูของพวกข้ากับคุณหนูซือไม่ค่อยถูกกัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าคุณหนูซืออาจพูดผิดไป?”
สาวใช้ผู้นั้นยังไม่เข้าประเด็นสำคัญ ยังคงจ้ออยู่ตรงนั้นดังเดิม สีหน้ายังมีความตื่นเต้นที่ได้ซุบซิบนินทาเผยออกมาให้เห็นด้วย “มิใช่ว่าตระกูลซือตกต่ำไปแล้วหรอกหรือ หลังฤดูใบไม้ร่วงนายท่านซือก็จะถูกประหารชีวิตแล้ว จวนเจิ้นกั๋วกงยังเป็นคนช่วยเก็บศพด้วย! คุณหนูซือนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องสินเจ้าสาวเลย แม้แต่ของกินของใช้ทุกวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าของพวกข้าล้วนเป็นคนออกให้ทั้งสิ้น ฮูหยินผู้เฒ่าของพวกข้าช่างมีจิตใจดีนัก แม้แต่เงินสำหรับค่าทำศพตัวเองก็ยังเอาออกมาให้คุณหนูซือใช้ทำเป็นสินเจ้าสาว…
…แต่สินเจ้าสาวยังรวบรวมง่าย ทว่าของอย่างชุดมงคลนั้นใช่ว่าจะทำออกมาได้ในเวลาครึ่งชั่วยาม…
…โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหนูซือต้องแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกง หากแม้แต่ชุดแต่งงานดีๆ สักชุดยังไม่มี มิเท่ากับเป็นการตบหน้าจวนเจิ้นกั๋วกงหรอกหรือ…
…จ่างกงจู่สงสารนางจึงออกหน้าให้ความช่วยเหลือ เชิญเหล่ากูกูของสำนักเย็บปักถักร้อยจากวังหลวงมาช่วย เร่งทำงานทั้งวันทั้งคืนทำชุดแต่งงานให้คุณหนูซือหนึ่งชุด…
…ป้ารับใช้ข้างกายจ่างกงจู่เหล่านั้นล้วนเป็นคนที่เคยติดตามจ่างกงจู่ไปพบเห็นโลกกว้างมาแล้วทั้งสิ้น คนธรรมดาทั่วไปจึงไม่อยู่ในสายตาพวกนาง…
…ตอนนำชุดมงคลมาส่งให้ก็พูดจาไม่ค่อยให้ความเกรงใจเท่าไรนัก…
…ข้าได้ยินพี่สาวน้องสาวที่สวนหิมะงามพูดกันว่า ต่างนั่งแทะเมล็ดแตงโมอยู่ตรงนั้นไปด้วยพูดคุยไปด้วยระหว่างที่นั่งรอคุณหนูซือลองชุดแต่งงาน ไม่มีใครเข้าไปปรนนิบัติเลยแม้แต่คนเดียว เป็นตานหมัวมัวคนข้างกายคุณหนูซือให้การปรนนิบัติอยู่ข้างกายนาง”
เรื่องพวกนี้ผู้ใดไม่รู้บ้าง
โหวฮูหยินอยากได้หน้า แต่หย่งเฉิงโหวที่เป็นญาติผู้นี้ไม่ยอมออกหน้าจัดการพิธีศพให้นายท่านซือ จวนเจิ้นกั๋วกงจำต้องออกหน้าจัดการเรื่องงานศพให้ตระกูลสะใภ้ที่ไม่ค่อยชอบผู้นี้
หากเป็นผู้อื่นคงซาบซึ้งใจเหลือจะกล่าวแล้วเป็นแน่ ทว่าซือจูกลับไม่พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่จวนเจิ้นกั๋วกงสมควรทำ
พวกนางที่เป็นหมัวมัวดูแลงานบ้านทั้งหลายเอามาเล่าเป็นการส่วนตัว ต่างรู้สึกว่าซือจูน่ากลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าใกล้นาง
ส่วนเรื่องที่บอกว่า ฮูหยินผู้เฒ่านำเงินค่าทำศพของตัวเองมาให้ซือจูใช้ทำเป็นสินเจ้าสาว อะไรนั้น เป็นข่าวลือที่โหวฮูหยินปล่อยออกมาเอง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหย่งเฉิงโหวแค้นใจที่มารดาของตัวเองช่วยเหลือเงินทองซือจู โหวฮูหยินที่ไม่พอใจแม่สามีมานานแล้วได้โอกาสลงมือ จัดการฮูหยินผู้เฒ่ากับซือจูในคราวเดียวกันก็เท่านั้น
ก็มีแต่บ่าวรับใช้ที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเหล่านั้นเท่านั้นที่เชื่อ
หวังหมัวมัวจำต้องกล่าวตัดบทคำพูดของสาวใช้ผู้นั้นอีกครั้งว่า “เช่นนั้นเหตุใดถึงเอาคุณหนูของพวกข้าขึ้นมาพูดเล่า”
สาวใช้ผู้นั้นเผยยิ้มกว้างออกมาในทันใด กล่าวว่า “นี่มิใช่ว่ามีความเกี่ยวพันกับชุดแต่งงานชุดนั้นหรอกหรือ ว่ากันว่าชุดแต่งงานดังกล่าวเป็นแบบที่คุณหนูหกปั๋วเลือกมา คุณหนูหกปั๋วยังกล่าวด้วยว่าสวยไม่เท่าชุดของคุณหนูต่างสกุลของพวกเรา”
คำพูดไม่กี่ประโยคนี้ทำให้หวังหมัวมัวงุนงงมากยิ่งขึ้น สอบถามสาวใช้ผู้นั้นอย่างละเอียดกว่าครู่ใหญ่ถึงได้เข้าใจเรื่องราว
ความจริงแล้วต่อให้เป็นช่างเย็บปักของสำนักเย็บปักถักร้อย ก็ไม่อาจปักชุดแต่งงานสวยสง่าออกมาภายในระยะเวลาอันสั้นขนาดนั้นได้ จึงนึกถึงชุดแขนกว้างสีแดงสดดิ้นทองปักลายนกเฟิ่งเพลิงชมตะวันที่ช่วงก่อนคุณหนูหกปั๋วเข้าวังไปขอร้องให้ปักให้ตัวนั้นขึ้นมา บอกว่าคุณหนูหกปั๋วเคยเห็นหวังซีสวมชุดแขนกว้างสีแดงสดดิ้นทองปักลายกิ่งบุปผาตัวหนึ่ง ก็เลยอยากทำชุดที่คล้ายคลึงกันสักชุด หารือกับเหล่าช่างเย็บปักในวังไปมา สุดท้ายเลือกลายนกเฟิ่งเพลิงชมตะวัน ผลปรากฏว่าเมื่อปักออกมาแล้วคุณหนูหกปั๋วไม่พอใจนัก รู้สึกว่าอย่างไรก็สวยสู้ของหวังซีตัวนั้นไม่ได้ จึงวางทิ้งไว้อย่างนั้น
ตามคำกล่าวของผู้ดูแลสำนักเย็บปักถักร้อยแล้ว อาภรณ์ตัวนั้นปักได้วิจิตรงดงามมาก ช่างเย็บปักสามสิบกว่าคนใช้เวลาปักร่วมหนึ่งร้อยวันกว่าจะปักเสร็จ ปรับเปลี่ยนเล็กน้อยก็กลายเป็นชุดแต่งงานที่สวยงามมากตัวหนึ่งแล้ว
จ่างกงจู่กับเจียงไท่เฟยเห็นแล้วต่างรู้สึกว่าดีมาก
ชุดแต่งงานของซือจูก็เลยได้มาจากการปรับเปลี่ยนชุดแขนกว้างที่คุณหนูหกปั๋วรู้สึกว่าสวยสู้ชุดของหวังซีไม่ได้ชุดนั้น
หนึ่งในป้ารับใช้ในจำนวนนั้นได้ติดตามจ่างกงจู่เข้าวังไปจัดการเรื่องนี้ด้วยจึงรู้รายละเอียดทุกอย่างเป็นอย่างดี เดิมก็แค่รู้สึกว่าคุณหนูต่างสกุลของจวนหย่งเฉิงโหวท่านนี้เก่งกาจ ทำให้คุณหนูหกปั๋วทำตามได้ก็เท่านั้น เพราะบนโลกใบนี้มีสตรีที่เชี่ยวชาญการแต่งตัวและชอบเครื่องประดับมากมาย เช่นคนที่เคยได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ที่สุดอย่างซูเฟยและหนิงผินคนที่ฮ่องเต้โปรดที่สุดในปัจจุบันก็ล้วนแล้วแต่เป็นสตรีเช่นนั้น การที่นานๆ ครั้งมีคนมาข่มอยู่บนศีรษะของคุณหนูหกปั๋วได้สักคนก็ไม่ใช่เรื่องหายากเป็นพิเศษอะไร
แต่ถ้อยคำที่จ่างกงจู่พูดเหมือนอยากระบายความขมขื่นแต่ความจริงต้องการให้ส่งข่าวออกไปกับชิ่งอวิ๋นโหว ไม่สิ ชิ่งอวิ๋นป๋อฮูหยินผู้เฒ่าว่าเฉินลั่วผู้เป็นบุตรชายไม่ตามใจมารดา ไปถูกใจคุณหนูสกุลหวังของจวนหย่งเฉิงโหวท่านนั้น ถึงแม้นางจะรู้สึกว่าไม่ดี แต่ไม่มีมารดาคนไหนบีบคั้นลูกได้ ถึงเวลาคงได้แต่ต้องยอมรับนั้น ทำให้พวกนางที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายเหล่านี้ต่างตกตะลึงกันไปทั้งหมด ก็เลยอยากมาดูว่าหวังซีหน้าเป็นเช่นไรและมีนิสัยใจคออย่างไร
หวังหมัวมัวฟังแล้วปากอ้าตาค้าง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากเชื่อ ถึงขั้นรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาหลายส่วน คิดแค่อยากไล่สาวใช้ผู้นี้ออกไปโดยเร็ว จะได้ไปคุยกับหวังซีและหลงจู๊ใหญ่อย่างละเอียด
สาวใช้ผู้นั้นกลับเป็นคนตาไร้แววผู้หนึ่ง รู้สึกว่าในเมื่อรับเงินของหวังหมัวมัวมามากขนาดนั้นแล้ว ก็ต้องเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ให้หวังหมัวมัวฟังให้หมด นอกจากดึงแขนเสื้อของนางเอาไว้ไม่ปล่อยให้นางไปแล้ว ยังกล่าวด้วยว่า “ตานหมัวมัวเองก็ไม่อยากกวนอารมณ์ของคุณหนูซือให้ขุ่นเช่นกัน เป็นสาวใช้ข้างกายตานหมัวมัวที่พลั้งปากพูดออกไป นอกจากตานหมัวมัวกับสาวใช้จะถูกตบตีแล้ว ฟังจากความหมายของตานหมัวมัว ป้ารับใช้ที่นำชุดแต่งงานมาส่งเหล่านั้นก็แค่พูดเท่านั้น สุดท้ายก็ไม่กล้าไปรบกวนคุณหนูหวัง แต่ป้ารับใช้เหล่านั้นก็กล่าวเอาไว้แล้วเช่นกันว่า มาคราวหน้า ไม่ว่าจะต้องใช้ข้ออ้างอะไร ก็ต้องไปดูคุณหนูหวังสักครั้งหนึ่งให้ได้ พวกท่านต้องระวังตัวเองไว้ ข้าได้ยินคนพูดกันว่า ป้ารับใช้อย่างพวกนางนั้น ดวงตาคมกริบ ปากร้าย ชอบยกยอเบื้องสูงเหยียบย่ำเบื้องต่ำ คำพูดประจบสอพลอหรือถ้อยคำว่าร้ายอะไรก็พูดออกมาได้หมด”
หวังหมัวมัวคร้านจะพูดกับสาวใช้ผู้นี้แล้ว
คำสอพลอก็ดี คำว่าร้ายก็ดี นั่นล้วนต้องดูสีหน้าของเจ้านายมิใช่หรือ
หากเจ้านายไม่เห็นผู้อื่นสำคัญ ย่อมจะว่าร้ายผู้อื่นสักหน่อย แต่ถ้าเจ้านายชอบ ผู้ใดจะกล้าไม่สอพลอ
นี่เป็นเรื่องปกติของเรือนหลังในตระกูลใหญ่ สาวใช้ผู้นี้มองไม่ปรุโปร่ง ยังมีอะไรให้ต้องคุยอีก
นางยิ้มตาหยีขอบคุณสาวใช้ผู้นี้ เอ่ยถามว่า “พวกนางจะมาอีกหรือไม่”
สาวใช้คนนั้นพยักหน้าหงึก กล่าวว่า “ชุดแต่งงานของคุณหนูซือหลวมไปเล็กน้อย จึงเอากลับไปแก้ ภายในสองวันนี้ก็น่าจะแก้เสร็จส่งมาให้แล้วเจ้าค่ะ”
เหล่าป้ารับใช้ที่อยากมาดูหวังซีสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มา เห็นได้ชัดว่ามีสิ่งต้องห้ามบางอย่างอยู่ และสิ่งที่ทำให้พวกนางต้องหลีกเลี่ยงการละเมิดข้อห้ามดังกล่าวได้ก็มีเพียงท่าทีของจ่างกงจู่เท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าจ่างกงจู่ให้ความสำคัญกับหวังซีมาก
ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับหวังซีเพราะเรื่องงานแต่งหรือไม่ แต่สำหรับหวังซีแล้วถือเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง กล่าวคือหากถ้อยคำดังกล่าวถูกลือออกไปว่างานแต่งอะไรต่างๆ ล้วนเป็นแค่ข่าวลือ ทีนี้พวกนางอยากล้างมลทินก็ทำได้ง่ายขึ้นแล้ว
หวังหมัวมัวตัดสินใจ พูดอีกไม่กี่คำก็ไล่สาวใช้ผู้นั้นไป แล้วรีบไปหาหวังซี
หวังซียังหารือเรื่องหม้อไฟกับไป๋กั่วอยู่ที่เดิม “จิงเฉิงนิยมกินเนื้อแกะอะไร แกะที่ดีที่สุดของพวกเราทางด้านโน้นเห็นจะเป็นแกะขนดกกับแกะจากจิ้งหย่วนแล้ว โดยเฉพาะแกะจากจิ้งหย่วน เนื้อทั้งฉ่ำทั้งนุ่ม รสชาติก็ดี แค่ลวกง่ายๆ โรยเกลือก็อร่อยมากแล้ว ถัดจากนั้นก็เป็นแกะของเจี่ยงหยาง ทำน้ำแกงดีที่สุด ผัดแล้วตุ๋นกับผักชีล้อม จันทน์แปดกลีบ ฮวาเจียวและเต้าเจี้ยวก็อร่อยที่สุดเหมือนกัน!”
ขณะที่นางกล่าว น้ำลายสอจนคล้ายกับจะไหลออกมาแล้ว
ไป๋กั่วเอามือป้องปากหัวเราะไม่หยุด กล่าวว่า “เห็นว่าทางนี้กินแกะจากเหอเท่าค่อนข้างมาก ส่วนเรื่องอร่อยหรือไม่นั้น ข้างเองก็ไม่เคยกินมาก่อน แต่เนื้อแกะตุ๋นน้ำแดงของหอสายลมวสันต์เมื่อคราวก่อนนั้น ไม่รู้ว่าทำจากเนื้อแกะอะไร ไม่อร่อยเท่าเนื้อแกะจิ้งหยางของพวกเรา นอกจากนี้คนทางนี้ต่างชอบกินหม้อไฟกัน ไม่แน่ว่าเนื้อแกะเหอเท่าอาจต้องกินโดยการจุ่มในหม้อไฟถึงจะอร่อยที่สุดก็เป็นได้เจ้าค่ะ”
“มีเหตุผล!” หวังซีพยักหน้าอย่างคนจมอยู่ในความคิด ต่อให้มีเรื่องกังวลก็เป็นการกังวลว่าเนื้อแกะอะไรอร่อย
หวังหมัวมัวพลันรู้สึกพูดคำที่มารออยู่ตรงริมฝีปากนั้นออกมาไม่ได้เล็กน้อย
นางไม่อยากทำลายอารมณ์ดีๆ ของหวังซีในเวลานี้
หวังหมัวมัวครุ่นคิดแล้วหมุนกายไปหาหลงจู๊ใหญ่หวัง
หวังซียังคงคุยเรื่องจะกินเนื้อแกะอะไรดีกับไป๋กั่วอยู่ตรงนั้น
ซือจูกลับโกรธจนจะนั่งก็ไม่ใช่จะยืนก็ไม่ใช่ เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้อง
“เป็นไปได้อย่างไร ต้องเป็นเพราะพวกนางฟังผิดเป็นแน่!” นางพึมพำกล่าว สีหน้าดูไร้ทางออกเล็กน้อย “จ่างกงจู่ไม่มีทางยอมให้หวังซีแต่งกับเฉินลั่ว อย่างมากก็เป็นได้แค่อนุภรรยาผู้หนึ่งเท่านั้น เฉินลั่วเป็นบุตรชายคนเดียวของจ่างกงจู่ ยังมีเจิ้นกั๋วกงอีก...”
นางหยุดฝีเท้าลง
จริงด้วย! ยังมีเจิ้นกั๋วกงอีกคน จ่างกงจู่กับเจิ้นกั๋วกงไม่ถูกกัน ขอเพียงจ่างกงจู่เห็นด้วย เจิ้นกั๋วกงก็จะคัดค้าน นับประสาอะไรกับเรื่องงานแต่งของบุตรชาย เป็นเรื่องจริงที่นางแต่งเข้าไปหาใช่เรื่องดี แต่สถานะของหวังซีสู้นางไม่ได้ด้วยซ้ำ นอกจากมีเงินแล้ว นางก็ให้ความช่วยเหลืออะไรไม่ได้สักอย่าง
ซึ่งต่อให้ผู้ใดขาดแคลนเงินทองแต่ไม่ใช่จวนเจิ้นกั๋วกง!
ซือจูหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายเล็กน้อย
ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าเจิ้นกั๋วกงจะลงโทษนางอย่างไรที่ขุดหลุมฝังเฉินลั่วไม่สำเร็จ แต่ให้หวังซีแต่งกับเฉินลั่วนั้น เจิ้นกั๋วกงไม่มีทางเห็นด้วยอย่างแน่นอน
ทว่าเจิ้นกั๋วกงรู้ข่าวก่อนซือจูนานแล้ว
เขารู้สึกว่าการเกี่ยวดองครั้งนี้ถือว่าใช้ได้
อย่างน้อยเฉินลั่วก็ไม่มีตระกูลภรรยาคอยให้การสนับสนุนได้แล้ว
และคงจะดีมากหากเรื่องนี้สำเร็จได้จริงๆ
ภรรยาของเฉินอิงใช้การไม่ได้ ภรรยาของเฉินลั่วยิ่งเลวร้ายกว่า ก็ถือว่าเสมอกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเฉินอิงยังแอบเปลี่ยนภรรยาเงียบๆ ได้ แต่ตระกูลหวังเป็นคหบดีร่ำรวยของสู่จง เฉินลั่วอยากเปลี่ยนก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ
เขาตัดสินใจกอดอกดูเฉยๆ อยู่ด้านข้างแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
………………………………………………………………………..