แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1023
“คุณตาคะ หนูจะกล้าทำเรื่องผิดกฎหมายได้ยังไง พูดไปแล้ว ตารู้ได้ไงคะหนูจับแพรวาไว้”
นรมนถามแล้วก็นึกขึ้นได้ สมจิตคือคนที่ส่งมาเป็นบอดี้การ์ดตัวเองไม่ใช่หรือ
เอาเถอะ ปิดบังคุณท่านตนุวรไม่ได้แล้ว เธอลำบากแล้ว
ได้ฟังเจตนาของคุณท่านตนุวร อยากให้เธอส่งตัวแพรวาให้ตำรวจ แต่ส่งให้ตำรวจก็ไม่แน่จะเปิดปากแพรวาได้ และยังมีปัจจัยที่ไม่แน่ชัด ถ้าเกิดเธอหนีไป ต่อไปคิดจะจับเธอก็ยากแล้ว
ถ้าไม่ส่งตัวให้ตำรวจ คุณท่านตนุวรคงไม่ยอมแน่
เธอไม่สบายใจ
“คุณตา อย่าห่วงเรื่องนี้เลยได้มั้ยคะ เอาล่ะ ตายังไม่ได้เล่าเรื่องที่ยายทิ้งรองเท้าหัวเสือไว้เลยนะคะ ของแม่หรือคะ”
นรมนรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ทำไมถามเรื่องนี้ล่ะ”
“หนูแค่แปลกใจค่ะ กล่องเล็กๆ เก็บในห้องนอนหนู ไม่สิ ควรจะพูดว่าในห้องนอนแม่ ไม่ใช่แม่จะเป็นใคร แต่ถ้าแม่เป็นคนวาง ทำไมยายต้องล็อกด้วย อีกอย่าง คุณยายเป็นคนยังไงกันแน่ ไม่ค่อยได้ยินตาเล่าเรื่องนี้เลยค่ะ”
นรมนยิงคำถาม
คุณท่านตนุวรพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“หลานถามเยอะแยะขนาดนี้ จะให้ตาเริ่มตอบข้อไหนก่อนล่ะ”
“อยากตอบข้อไหนก็ตอบเถอะค่ะ”
นรมนส่งแอปเปิลที่ปอกแล้วให้ คุณท่านตนุวร
คุณท่านตนุวร ดีใจ กินแอปเปิลมาหลายปี รู้สึกว่าวันนี้แอปเปิลหวานที่สุด
“หลานนี่ฉลาดเป็นกรด กมลเหมือนหลานไม่ผิดจริงๆ”
“แหงอยู่แล้ว ลูกสาวหนูนี่คะ”
นรมนรู้สึกภูมิใจ
คุณท่านตนุวรถอนหายใจ ดวงตาเหม่อลอย
เขาพูดเสียงแผ่วเบา “รองเท้าหัวเสือนั่นที่จริงไม่ใช่ของแม่ของหลาน”
“งั้นของใครคะ”
“ป้าของหลาน”
“เอ๊ะ”
นรมนอึ้งทันที
“หนูมีแค่น้าไม่ใช่หรือคะ เทย่าแม่ของเจตต์ ทำไมถึงได้มีป้าโผล่มาอีกคน”
คุณท่านตนุวรวางแอปเปิลลง สายตาเจ็บปวด
“ตอนนั้นยายของหลานท้องฝาแฝด ตอนที่ป้าของหลานเพิ่งเกิด ผู้ก่อการร้ายหาพวกเราเจอ จับเด็กเพื่อข่มขู่ให้ตาปล่อยหัวหน้าของพวกมัน ตอนนั้นตาลำบากใจมาก ตาเป็นพ่อคน นั่นเป็นลูกคนแรก ในใจไม่อยากให้ลูกได้รับอันตราย แต่ตาเป็นทหาร ผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน ตาจะทำลายผลประโยชน์ของประเทศเพื่อลูกตัวเองไม่ได้ ตอนที่ตาลังเล พวกผู้ก่อการร้ายก็ยิงทารกที่เพิ่งคลอด”
พูดถึงตรงนี้ น้ำตาคลอเบ้าของ คุณท่านตนุวร
“เธอยังเล็กนัก เหมือนแมวตัวเล็กๆ ตายังไม่ทันได้เห็นหน้า เลือดก็เต็มดวงตาของตา ตอนนั้นยายของหลานสลบไปแล้ว สไนเปอร์ฝ่ายเราฉวยโอกาสสังหารผู้ก่อการร้าย หมอพยาบาลช่วยชีวิต สิบห้านาทีต่อมายายก็คลอดแม่ของหลาน ส่วนเด็กคนนั้นอยู่ในห้องผ่าตัด”
“หมอบอกว่าเด็กมีโอกาสรอดริบหรี่ แต่พวกเขาก็พยายามยื้อชีวิตเต็มที่ ผ่าตัดสิบเอ็ดชั่วโมง เด็กก็ถูกเข็นออกมา หน้าเล็กๆ ซีดเซียวเหลือเกิน หมอบอกว่าถ้าทนผ่านคืนนั้นไปได้ เด็กก็มีหวังรอด ตานั่งอยู่ตรงนั้น เธอไม่ร้อง ไม่ยิ้ม หายใจแผ่วเบา ตัวเล็กขนาดนั้น บอบบาง แต่ซีดเซียวอ่อนแอ กลางดึกยายเลือดออกมาก ต้องเข้าห้องฉุกเฉินช่วยชีวิต พอตาได้ยินข่าวก็รีบตามไปดู ตาสาบานขอให้ได้เห็นยายสักครั้งหนึ่ง สักครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้นี่เอง ลูกสาวคนโตของตาก็หายไปแล้ว”
คุณท่านตนุวรกัดริมฝีปากโศกเศร้า พยายามระงับความเศร้าเสียใจของตัวเอง
แม้ว่าจะผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจเขา ทำให้เขาหอบหายใจ
นรมนรีบขยับ ตบหลังของคุณท่านตนุวรเบาๆ พูดปลอบใจ “ตาคะ อย่าเสียใจไปค่ะ”
คุณท่านตนุวร โบกมือเล่าต่อ “บางทีความรู้สึกระหว่างตากับยายของหลานก็เริ่มแตกร้าวจากตอนนั้นเอง เธอแทบสละชีวิตคลอดลูก แต่ตาทำลูกหาย ลูกสาวคนโตของตาไม่ได้ตายในมือผู้ก่อการร้าย แต่หายไปในมือของตา ตาไม่รู้เธอเป็นหรือตาย ไม่รู้เธออยู่ที่ไหน ช่วงนั้นยายเหมือนบ้าไปแล้ว พอร่างกายดีหน่อยก็ออกไปหาลูกสาวคนโต แต่เด็กคนนี้จู่ๆ ก็หายไป ไม่มีร่องรอยอะไรเลย พวกเราถึงกับดูศพทารกที่ตายทุกคนในโรงพยาบาล ก็ยังคงไม่มีข่าวของเธอ ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ตอนที่ฉลองวันเกิดของคิม ยายของหลานทำรองเท้าหัวเสือสองคู่ เก็บคู่หนึ่งในตู้ เธอไม่เคยพูดถึงลูกสาวคนโตที่หายไปอีกเลย เหมือนเธอไม่เคยคลอดเด็กคนนี้ ตาคิดว่าเธอค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว แต่เห็นได้ชัด ตาผิดไปแล้ว”
คิดถึงตอนที่ตัวเองพักงานกลับมา ทุกครั้งภรรยาท่าทางเย็นชา คุณท่านตนุวรก็รู้สึกเสียใจ
เขาก็เสียใจที่ลูกหายไป แต่ตอนนั้นเขายังอายุน้อย รู้สึกว่าภรรยาไม่ให้อภัยเขา ทำหน้าบึ้งตึงใส่ จนเขายิ่งทีไม่อยากกลับบ้าน ตอนที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ แม้ว่าจะไม่ใช่หน้าที่ เขาก็อาสาไปทำงานเพื่อออกจากบ้าน
จนกระทั่งเขาได้ข่าวภรรยาท้อง เขาถึงรู้สึกว่าตัวเองถูกภรรยาสวมเขา และเขาไม่มีหน้าจะไปโกรธภรรยาด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องตอนนั้น คุณท่านตนุวรรู้สึกว่าใจแตกสลายแล้ว
นรมนคาดไม่ถึงจะได้ยินเรื่องเช่นนี้จากปากคุณท่านตนุวร
เธอปลอบใจคุณท่านตนุวร ถามเขา “หลายปีมานี้หาป้าไม่เจออีกเลยหรือคะ”
“เคยหาแล้ว แต่ผู้คนมากมาย จะไปหาที่ไหน! ตอนนั้นเงื่อนไขจำกัด ไม่เหมือนทุกวันนี้มีกล้องวงจรปิด ตอนนั้นอะไรก็ไม่มี พวกเราไม่รู้แม้กระทั่งใครอุ้มเด็กไป ตอนนั้นสถานการณ์ของเธออันตรายมาก มีชีวิตรอดหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ ตาใช้เส้นสายหลายทาง แต่ก็ไม่มีข่าวคราว ตาคิดว่าสุดท้ายยายของหลานหมดหวังแล้ว ถึงได้ไม่พูดถึงลูกคนนี้อีก แม่ของหลานก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองมีพี่สาวฝาแฝด”
คุณท่านตนุวรเหมือนแก่ลงไปอีกสิบปี
ตอนยังหนุ่มเขายังแบกเรื่องในอดีตได้ ตอนนี้อายุมากขึ้นแล้ว ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว
นรมนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ได้แต่รินน้ำให้คุณท่านตนุวร
เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ย่อมรู้ซึ้งถึงความทุกข์ของผู้หญิงที่ให้กำเนิดลูกดี
ผู้หญิงอุ้มท้องเก้าเดือน ไม่ตายในมือผู้ก่อการร้าย แต่กลับหายไปจากโรงพยาบาล บอกว่าไม่แค้นก็คงหลอกลวง
คุณยายในตอนนั้นอาจจะเกลียดสถานะทหารของคุณตา
แต่เธอแต่งงานแล้ว โกรธไม่ได้ เพียงแต่หวังว่าจะหาลูกเจอ แต่ความผิดหวังวันแล้ววันเล่า ในที่สุดก็กลายเป็นหมดหวัง บางทีอาจจะหมดหวังกับคุณตาผู้ชายคนนี้แล้วกระมัง
นรมนรู้สึกสารคุณยายจับใจ
เธอไม่เคยเจอหน้าคุณยาย และไม่รู้คุณยายหน้าตาเป็นยังไง ตอนนี้เธออยากเห็นคุณยายมาก
“ตาคะ ในบ้านมีรูปคุณยายมั้ยคะ”
“ไม่มี ตอนนั้นเธอพาเทย่าไป เอาข้าวของกับรูปภาพติดตัวไปด้วย แม้แต่รูปแต่งงานของพวกเราก็ฉีกทิ้ง ตอนนั้นเธอไปแบบแตกหัก ตัดขาดกับตาเด็ดขาด บางทีชีวิตนี้เธอไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับตาอีก”
เมื่อก่อนคิดแต่ว่าภรรยาผิดต่อเขา แต่ตอนนี้คิดดูแล้ว เขาต่างหากที่ผิดต่อเธอ
นรมนรู้สึกผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้ฝืน
ความรักเรื่องนี้คือพรหมลิขิต บังคับกันไม่ได้
นรมนกับคุณท่านตนุวรต่างเงียบงัน
เพราะเรื่องในอดีต คุณท่านตนุวรรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายใจ โตษินประคองเขากลับห้องไปพักผ่อน ส่วนนรมนนั่งในห้องรับแขกอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและดีใจในขณะเดียวกัน
ดีใจที่ตัวเองแต่งงานตอนที่บุริศร์ไม่เป็นทหารแล้ว ไม่อย่างนั้น ตัวเองจะต้องทนทุกข์กับการเลือกแบบคุณยายหรือไม่
เมื่อนึกถึงลูกของตัวเองถูกผู้ก่อการร้ายจับเป็นตัวประกัน นรมนก็รู้สึกรับไม่ได้แล้ว
เธอนึกถึงกานต์
เด็กบ้านั่นอยากจะก้าวหน้าในทีม อนาคตจะมีสักวันที่เขาจะเผชิญกับปัญหาแบบนี้หรือเปล่า
นรมนรู้สึกว่าเรื่องที่ตัวเองกังวลมีมากเหลือเกิน เธอรีบส่ายหัว สลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวสมอง
ตอนที่สมจิตเข้ามามองเห็นนรมนนั่งที่โซฟา สีหน้ากลัดกลุ้ม ก็อดถามไม่ได้ “คุณนาย เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
นรมนอึ้งไปนิดหนึ่ง พูดเหมือนคิดอะไรได้ “ต่อไปเรื่องของฉันห้ามบอกคุณตา”
“แต่เขาเป็นท่านหัวหน้าของฉัน”
“แต่ตอนนี้ฉันเป็นหัวหน้าเธอโดยตรงนะ”
นรมนรู้สึกว่าคนที่เป็นทหารทื่อทุกคนหรือเปล่านะ
สมจิตลำบากใจ แต่สายตาบังคับของนรมนทำให้เธอต้องพยักหน้า
“ฉันขอเตือนเธอ รอบตัวฉันไม่ขาดคน ฉันรับเธอไว้เพราะเธอเป็นคนที่คุณตาแนะนำ ฉันกลัวคนแก่เป็นห่วงถึงได้ตกลง แต่ติดตามฉันแล้วใจไปอยู่ที่อื่น อย่างนั้นฉันไม่ต้องการ เธอคิดให้ดีละกัน ถ้าจะอยู่กับฉัน ก็ต้องทำให้ได้อย่างที่ฉันพูด ไม่อย่างนั้นเธอให้คุณตาแนะนำงานอื่นให้ ฉันไม่กล้าเก็บคนที่ไม่ซื่อสัตย์กับฉัน”
คำพูดของนรมนไม่น่าฟัง เธอรู้ว่าตัวเองพูดแรง แต่วันนี้เธอเล่าเรื่องใหญ่ที่แพรวา ถูกจับให้คุณตาฟัง อยากจะรับรองต่อไปจะไม่พูดเรื่องอื่น
เธอมีเรื่องที่ยังต้องทำอีกมาก ไม่แน่ว่าจะถูกกฎหมายเสมอไป คุณท่านตนุวรอายุมากแล้ว บางครั้งหากเรื่องข้างนอกทำให้ท่านไม่เห็นด้วย นรมนรู้สึกว่าได้ไม่คุ้มเสีย สู้ให้ท่านไม่รู้ตลอดไปดีกว่า
สมจิตคาดไม่ถึงนรมนจะปฏิบัติกับเธออย่างนี้ และคาดไม่ถึงเธอจะพูดตรงขนาดนี้ ตอนนี้ต้องเลือกทางใดทางหนึ่งแล้ว
จะเลือกท่านหัวหน้าหรือนรมนล่ะ
เธอพูดออกมาโดยแทบไม่ได้คิด “คุณนาย ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปฉันจะฟังคุณค่ะ”
“อึม ถ้าหากคุณตาถามอะไร เธอก็บอกไม่รู้ละกัน หรือไม่ก็ผ่อนหนักให้เป็นเบา คุณตาไม่ใช่คนโง่ สองสามครั้งเขาก็รู้ความคิดและจุดยืนของเธอแล้ว ไม่มีทางทำให้เธอลำบากใจอีก”
“ค่ะ”
สมจิตพยักหน้า
“เมื่อกี้เธอจะบอกฉันเรื่องอะไรหรือ”
นรมนนวดขมับ เอ่ยปากถาม
สมจิตค่อยนึกขึ้นได้
“อ้อ จริงด้วย ชัยยศโทรมาค่ะ บอกว่าทางประเทศFส่งเนตราขึ้นเครื่องแล้ว ให้คนของเราไปรับ แต่ฉันรู้สึกว่าระหว่างทางไม่น่าจะราบรื่น”