แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1116
นรมนถูกงามสุดากดเอาไว้จนขยับไม่ได้ ทำได้เพียงมองคริชณะคำนับตนเองและยืนตัวตรง “คราวก่อนบุริศร์มาที่เขตทหารจัดการเรื่องการปลดประจำการ ผมมีอารมณ์นิดหน่อย จึงพูดจาไม่ดีออกไป ต้องขอโทษด้วย”
คริชณะพูดแบบนี้ นรมนมึนงง
อันที่จริงนรมนไม่รู้เรื่องที่คริชณะพูด งามสุดาเป็นคนมาเล่าต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงามสุดาค่อนข้างพูดอย่างนิ่มนวล นรมนจึงมองงามสุดาอย่างอึดอัดใจ
งามสุดายิ้มเยาะ “คนบางคนก็เป็นผู้ชายทั้งแท่ง ลูกน้องคนสำคัญของตนเองกำลังจะปลดประจำการ เขาให้ฉันพูดโน้มน้าวใจเธอให้บุริศร์อยู่ในเขตทหารต่อ ตอนนั้นคำพูดไม่ค่อยรื่นหูสักเท่าไหร่ ฉันขี้เกียจจะมาเล่าต่อ แต่ก็มีความหมายแบบนี้แหละ”
นรมนชะงักทันที
งามสุดาทำให้คริชณะขายหน้าต่อหน้าคนอื่น
นรมนรู้สึกนั่งไม่อยู่ทันที
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พวกคุณอย่าพูดแบบนี้เลย บุริศร์มีวันนี้ได้เพราะคุณงามความดีของพี่ใหญ่ เขาออกจากเขตทหารก็รู้ว่าพี่ใหญ่จะต้องเสียใจ ตั้งแต่แรกก็หวังดีเพื่อบุริศร์มาตลอด”
คำพูดของนรมนทำให้คริชณะยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
“ใช่ ผมหวังดีเพื่อเขาจริงๆ เนื่องจากเขาที่ยังหนุ่มแบบนี้มีอนาคตสดใส กลับมาแล้วจะได้เป็นพันโท คุณก็รู้ว่าตอนนี้พันโทอายุน้อยที่สุดคือสี่สิบกว่า เขาสามารถได้ยศเป็นพันโทด้วยอายุที่น้อยแบบนี้หาได้ยาก และต่อจากนี้งานของเขาจะโฟกัสอยู่ในเมืองแน่นอน ไม่แตกต่างจากการไปทำงาน ผู้คนมากมายยืนหยัดมาทั้งชีวิตก็ผ่านไปถึงตำแหน่งนั้นไม่ได้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ คริชณะยังคงรู้สึกเสียดาย แต่น้ำเสียงกับท่าทางดูอ่อนลงกว่าตอนแรกเยอะเลย
“ในฐานะที่เป็นหัวหน้า แน่นอนว่าผมไม่อยากให้บุริศร์ปลดประจำการ แต่งามสุดาพูดถูก บุริศร์ไม่ใช่ของผมคนเดียว และไม่ได้เป็นของเขตทหาร เขามีครอบครัวและชีวิตของตนเอง และมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของตนเองเช่นกัน ในฐานะที่เป็นหัวหน้า ผมรู้สึกเสียดายกับการตัดสินใจของเขา แต่ในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ ผมรู้สึกปลื้มใจ ขอโทษด้วย ผมเพิ่งจะคิดเรื่องนี้ได้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้คุณจะรู้หรือไม่รู้ว่าผมได้พูดอะไรหรือเปล่า ผมก็ต้องการขอโทษคุณ ถึงอย่างไรก็เพราะบุริศร์คุณจึงต้องลำบากมากเกินไป คุณมีสิทธิ์หาความสุขให้กับตนเอง”
คริชณะพูดเช่นนี้ นรมนรู้สึกอบอุ่นใจทันที
“พี่ใหญ่ ฉันไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ”
“ขอโทษด้วย วันนี้ที่ผมมาก็เพื่อจะพูดกับคุณเรื่องนี้ ตอนนี้พูดจบแล้ว พวกคุณสนุกกันต่อเถอะ ผมขอตัวออกไปก่อน”
คริชณะพูดจบก็ถอยหลังเดินออกไป
งามสุดามองแผ่นหลังของเขา สีหน้ายังคงดูไม่ดีมาก
นรมนรีบกุมมือของเธอไว้ “นี่ ฉันไม่ได้โกรธ ทำไมเธอยังทำหน้าขรึมแบบนี้ล่ะ?”
งามสุดาถอนหายใจ “ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาเลื่อนตำแหน่งขึ้นเร็วเกินไป มีคนข้างกายสรรเสริญมาก และก็มีคนประจบมาก บางครั้งยากที่จะหลีกเลี่ยงการเดินหลงทาง เรื่องของบุริศร์ทำให้เขาได้สติก็ดี คนอยู่ในตำแหน่งสูงมีความกังวลมากมาย หลายปีที่ผ่านมาเขาใช้อำนาจบาตรใหญ่และเผด็จการ ถึงแม้จะบอกว่าเขาทำเพื่อบรรลุเป้าหมาย แต่ฉันรู้ว่าแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีต่อเขา หากอำนาจตกไปอยู่ในมือของคนอื่น อาจจะมีโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ โชคดี เรื่องนี้ได้เตือนสติเขา สามารถทำให้เขาหาเจตนาเดิมของตนเองเจอ ฉันก็สบายใจได้หน่อย”
นรมนอึ้งไป
ไม่เคยรู้มาก่อนว่าในเขตทหารก็มีความกังวลแบบนี้อยู่ด้วย
รมิดามองงามสุดา กระซิบว่า “พี่สะใภ้ หลายปีที่ผ่านมาพี่ใหญ่ก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่กับเธอบ่อยใช่ไหม?”
“เธออยากจะพูดว่าเผด็จการใช่ไหม?”
งามสุดายิ้มอย่างเรียบเฉย ให้ความรู้สึกเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
รมิดาพยักหน้า
“อืม”
“ใช่ เขาเผด็จการ หลายครั้งก็มีความเป็นผู้ชายมากเกินไป แต่หลังจากเรื่องของบุริศร์เขาขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือทั้งคืน เมื่อออกมาก็เหมือนจะคิดได้แล้ว ชีวิตของคน ไม่มีใครไม่เคยพลาดพลั้ง และไม่มีทางรับรองว่าตนเองจะไม่หลงทาง ฉันรู้ เขาหลงทางมาหลายปี โชคดีที่เรื่องของบุริศร์ทำให้เขาสำนึกได้”
งามสุดาพูดอย่างหน้าตาเฉย เหมือนเป็นสิ่งที่อยู่ในประจำวันของครอบครัว แต่โพนี่กับรมิดากลับสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
“พี่สะใภ้ เกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่หรือเปล่า?”
นรมนทำหน้างง
เมื่อสักครู่งามสุดาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้?
ทำไมรมิดากับโพนี่ถึงมีสีหน้าแบบนี้?
งามสุดาเหลือบมองนรมน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเธอสองคนอย่าเป็นแบบนี้สิ อย่าทำให้นรมนตกใจ ไม่มีอะไรหรอก ทุกปีในเขตทหารมีการแข่งขัน ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร”
“แต่มีการแอบทำวิธีการที่ไม่เหมาะสมใช่ไหม?”
อาชีพของรมิดากับอรรณพไม่เหมือนกับพวกเขา การมองปัญหาก็มาจากด้านลบเช่นกัน
งามสุดาไม่ตอบ
นรมนมีการตอบสนองทันที
“งั้นการมาในวันนี้จะไม่เป็นการเพิ่มความยุ่งยากเหรอ?พี่สะใภ้ เธอกับพี่ใหญ่กลับไปก่อนเถอะ”
งามสุดามองเห็นนรมนกังวลเช่นนี้จึงอดกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “ทุกคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของคุณชายทั้งสี่แห่งเมืองชลธี ถึงแม้พวกเราจะไม่มา จะสามารถปฏิเสธความสัมพันธ์กับพวกเธอได้เหรอ?พวกเรามีจิตสำนึกก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องอื่น ฉันเชื่อว่าผู้ใหญ่ไม่ได้ตาบอด คริชณะทำเพื่อประเทศมาตั้งหลายปี ทำเพื่อเขตทหารมากมาย ข้างบนน่าจะรับรู้”
“แต่ว่า……”
รมิดายังคิดจะพูดอะไร ก็ถูกงามสุดาใช้สายตาห้ามไว้
นรมนไม่เข้าใจคุณและโทษของความสัมพันธ์เหล่านี้ แต่กลับรู้สึกหดหู่ใจ
เดิมทีพาทุกคนมารวมตัวกันเพื่อความสุข ใครจะคาดคิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้
ถึงจะไม่รู้ว่าคริชณะเกี่ยวพันกับอะไร แต่นรมนรู้สึกว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเธอและบุริศร์ ก็ไม่รู้ว่าตนเองคิดมากไปหรือเปล่า
“เอาเถอะ ไม่ต้องพูดถึงพวกเราแล้ว นรมนกับบุริศร์เพิ่งไปเที่ยวกลับมา พวกเราคุยเรื่องที่มีความสุขหน่อยดีกว่า?”
งามสุดารีบเปลี่ยนบรรยากาศ
รมิดากับโพนี่ก็ยิ้มแย้ม “พวกเราอยากรู้ว่า พวกเธอออกไปเที่ยวกัน นอกจากให้บุริศร์แต่งเป็นหญิงแล้วทำอะไรอีก?”
นรมนเขินอายทันที
“ทำไมต้องเล่าให้พวกเธอฟังด้วย?”
“เอ๋ เขินเหรอ!”
รมิดาถามด้วยรอยยิ้ม “ฉันจำได้ว่าประธานบุริศร์ทำหมัน ตอนนี้ใช้งานแล้วเหรอ?”
“เหมือนจะได้ยินว่าได้แล้วนะ”
โพนี่พูดแทรกขึ้นมาเบาๆ
ใบหน้าของนรมนค่อยๆ ร้อนผาว
“พวกเธอสองคนอย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม? หยาบคายจริงๆ !”
“โธ่เอ๊ย หยาบคายยังไง?”
รมิดาพูดแล้วก็ขยับเข้ามาใกล้นรมน ถามอย่างชั่วร้ายสุดๆ “คำถามหยาบคายที่แท้จริงคือบุริศร์ของเธอใหญ่แค่ไหน?แข็งแรงแค่ไหน ?อึดหรือเปล่า?”
นรมนรู้สึกคิดผิดที่ชวนรมิดามา
“พี่สะใภ้ เธออยากรู้หรือเปล่า?”
งามสุดาเพียงแค่ยิ้ม ยิ้มอย่างมีความสุขเป็นพิเศษ
“โธ่เอ๊ย รีบตอบมาเถอะ”
รมิดาเพิ่งจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงกัดฟันของอรรณพดังขึ้นด้านนอก
“บุริศร์จะเล็กใหญ่แค่ไหนมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?ถ้าอยากรู้ไม่สู้กลับห้องกับหาคำตอบนี้กับผมดีกว่าไหม?”
ทันทีที่พูดออกมา ประตูก็เปิดขึ้น
อรรณพยืนหน้าบึ้งอยู่หลังประตู ด้านหลังยังมีบุริศร์กับป้องและคริชณะอยู่ด้วย
นรมนเงิบจนแทบจะมุดดินลงไป
รมิดากลับขมวดคิ้ว “คุณชายอรรณพไปเรียนรู้การแอบฟังหลังกำแพงมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“คุณอยู่มุมกำแพงผมก็ได้ยิน”
อรรณพก้าวขึ้นมาทันที พาดรมิดาบนไหล่ เดินหามไป
เขาพาภรรยาของตนเองไปแล้ว
นรมนกังวลใจ
“บุริศร์ พวกเขาคงจะไม่……”
“เรื่องของสามีภรรยาพวกเราอย่าไปยุ่ง”
บุริศร์ปิดประตูลง
เมื่อภายในห้องเหลือเพียงพวกเขาสองคน บุริศร์กล่าวอย่างกลุ้มใจ “ผู้หญิงอยู่ด้วยกันยังกล้าถามคำถามอะไรแบบนั้นจริงๆ ”
“แล้วมันต่างจากผู้ชายอย่างพวกคุณตรงไหน?ผู้ชายอยู่ด้วยกันไม่พูดถึงเรื่องหุ่นของผู้หญิงหรือไง?”
“แค่ก ๆ ?”
บุริศร์ถูกนรมนย้อนถามแบบนี้ จึงไม่ยุ่งกับคำถามนี้อีกต่อไป
นรมนอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของบุริศร์ กระซิบว่า “เมื่อสักครู่พี่ใหญ่มาขอโทษฉัน”
“ผมรู้แล้ว”
“บุริศร์ ฉันรู้สึกเหมือนกับพี่ใหญ่มีเรื่องเดือดร้อนอะไรสักอย่าง แต่พวกเขาไม่บอกฉัน นั่นเป็นเพราะฉันไม่ใช่เมียทหารที่แท้จริงหรือเปล่า ดังนั้น……”
“คุณพูดอะไรเนี่ย?”
บุริศร์หยุดความคิดฟุ้งซ่านของนรมน “ไม่มีอะไรสำคัญหรอก รมิดาเป็นคนมีจรรยาบรรณ บางเรื่องก็อ่อนไหวไปโดยปริยาย ส่วนโพนี่ก็เป็นแพทย์ทหาร เคยเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหาร ดังนั้นจึงพอรู้บางอย่าง คุณอย่าเปรียบเทียบสิ่งนี้กับพวกเธอเลย ฝ่ายตรงข้ามก็แค่วางแผนใส่ร้าย พี่ใหญ่จะต้องผ่านไปได้ ถ้าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราจริงๆ พวกเราค่อยยื่นมือเข้าไป”
“ค่ะ”
นรมนพยักหน้า
ทั้งสองพลอดรักกันสักพัก นรมนก็หลับไป
บุริศร์เห็นนรมนหลับไปแล้ว ถึงจะลุกขึ้นเดินออกไป
คริชณะกับอรรณพกำลังเรียงไพ่นกกระจอกอยู่ในห้อง เห็นบุริศร์มา จึงถามด้วยรอยยิ้ม “อึดจังเลย ตั้งสองชั่วโมงถึงจะออกมา ไม่เห็นหรือว่าคุณชายอรรณพออกมานานแล้ว?”
คำพูดของป้องทำให้อรรณพหรี่ตาลง “ไม่ว่าอย่างไรฉันยังมีเวลาชั่วโมงกว่าๆ ดีกว่าใครบางคนที่กินไม่ได้เลย เฮ้ อีกสี่เดือนโพนี่ก็จะคลอดแล้วใช่ไหม?”
บุริศร์เห็นพวกเขาสองคนหยอกล้อกัน ก็ไม่พูดแทรก ตรงเข้าไปนั่งข้างคริชณะและกระซิบบอก “ถึงแม้ผมจะออกจากเขตทหาร แต่ถ้าพี่มีเรื่องอะไรจริงๆ ผมจะช่วยเรียกคืนความยุติธรรมให้พี่”
“ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่นายคิดหรอก ในเมื่อตัดสินใจว่าจะไป ก็ไปเถอะ ไม่ต้องสนใจเรื่องในเขตทหาร”
คำพูดของคริชณะทำให้อรรณพและป้องนิ่งไป
“พี่ใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ใบหน้าของป้องเคร่งขรึมทันที
อรรณพถึงแม้จะเกเร แต่แววตาก็มีความกังวลมาก
คริชณะมองพวกเขา รู้สึกอุ่นใจมาก
“ไม่มีอะไร บุริศร์แค่ชอบทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม”
บุริศร์กลับรู้สึกแย่มาก
เขาไม่รู้เลย
ไม่รู้จริงๆ
เมื่อกลับมาจากต่างประเทศเขาก็คิดจะทำเรื่องปลดประจำการ และไม่ว่าอย่างไรก็จะปลดประจำการไปอยู่กับภรรยาและลูก แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาเพิ่งจะรู้ว่า คริชณะกำลังมีปัญหา และมีปัญหาไม่น้อย
คริชณะกลับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าเหยาะแหยะแบบนี้สิ อย่าเสียใจกับทางเดินที่ตนเองได้เลือก ฉันก็เลือกทางเดินของฉันเอง ไม่มีนายฉันก็สามารถเดินต่อไปได้อย่างสวยงาม แต่ช่วยดูแลภรรยาและลูกของฉันด้วยเมื่อจำเป็น”
สีหน้าของบุริศร์ ป้องและอรรณพเปลี่ยนทันที