แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1143
บุริศร์กำลังทำอะไรอยู่?
นรมนรู้ว่าบุริศร์หูดีมาก แต่ตนเองไม่เข้าไป ก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
พรุ่งนี้ต้องไปหาคุณท่านตนุวรแล้ว ถ้าต้องการทะเลาะกับบุริศร์ ก็ควรจะรีบทำก่อน คุณตาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
คิดแบบนี้ นรมนจึงก้าวเข้าไปในห้องหนังสือ
เมื่อบุริศร์ได้ยินเสียงฝีเท้าของนรมน ก็อดชะงักไปไม่ได้ คิดจะปิดคอมพิวเตอร์ทันที แต่คอมพิวเตอร์ยังถูกแฮกอยู่ เขาไม่สามารถออกมาได้ชั่วคราว
ในวินาทีนี้ บุริศร์อยากจะทุบกานต์สักที แค้นสุด ๆ
นรมนผลักประตูเข้ามา บุริศร์รีบลุกขึ้นบังหน้าจอคอมพิวเตอร์
“คุณภรรยา คุณมาได้ไงเนี่ย?”
“คุณทำอะไรอยู่?”
นรมนหน้าบึ้ง
เสียงร้องครางยังคงดังออกมาจากคอมพิวเตอร์
เมื่อสักครู่อยู่ไกล ฟังไม่ค่อยชัด ตอนนี้ได้ยินชัดเจน เสียงนั้นทำให้นรมนหน้าแดงทันที
“บุริศร์ ไม่คิดว่าคุณจะแอบฉันดูของพวกนี้! นี่คุณแอบช่วยตัวเองลับหลังฉันหรือเปล่า?”
บุริศร์ถูกปรักปรำไปกับคำถามของนรมน
“คุณภรรยา ไม่ใช่จริง ๆ มีคนแฮกคอมพิวเตอร์ของผม ผมกำลังเอามันออกอยู่”
บุริศร์รีบอธิบาย
นรมนกลับไม่ฟังเขา
“ใช่สิ คนอื่นแฮกคอมพิวเตอร์ของคุณยังส่งของแบบนี้มาให้ดูอีก คนนั้นเป็นใคร?ทำไมถึงดีกับคุณจังเลย?หรือว่าลูกชายของคุณ?”
ถามเช่นนี้ บุริศร์อยากจะตอบเหลือเกินว่าเป็นลูกชายของเขา กานต์ไอ้บ้าคนนั้น ส่งสิ่งนี้มา แต่เขาพูดไม่ได้
เพราะพูดไปนรมนไม่มีทางเชื่อ และเขาก็ไม่สามารถเอากานต์มาถามได้
แต่บุริศร์ยังคงพยายามเอาตัวรอด “นรมน จริงนะ ผมถูกแฮกจริง ๆ ไม่เชื่อก็ดูสิ ปิดไม่ได้เลย”
เพื่อยืนยันว่าตนเองพูดความจริง บุริศร์ก็ไม่สนใจอย่างอื่น รีบเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์
ภาพบนหน้าจอแทบจะดูไม่ได้
ถ้านรมนรู้ว่ากานต์เป็นคนส่งมา จะได้ที่ไหน?
ไม่แน่คุณภรรยาอาจจะคิดว่าเขาทำให้กานต์เสียคน
ถึงจะไม่รู้ว่ากานต์ไอ้เด็กคนนั้นเป็นบ้าอะไรถึงส่งของแบบนี้มา แต่ตอนนี้บุริศร์ไม่สามารถพูดออกมาได้จริง ๆ
นรมนเห็นบุริศร์พูดอย่างชัดเจน จึงเดินเข้าไป
“คุณต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้ดูเอง ไม่อย่างนั้น……”
นรมนยังพูดไม่ทันจบ บุริศร์ก็รีบพูด “ผมไม่ได้เป็นคนเปิดเองจริง ๆ ในคอมพิวเตอร์ของผมไม่มีของพวกนั้นอยู่แล้ว?คุณดูสิ ผมปิดเว็บนี้ไม่ได้”
ในขณะที่พูดเขากดกากบาท
ฉากมหัศจรรย์ปรากฏขึ้น
คอมพิวเตอร์ของบุริศร์หลุดออกมาทันที
รวดเร็วและแม่นยำ!
“บุริศร์!”
นรมนโมโหทันที
บุริศร์กลับอยากร้องไห้
“ไม่ใช่นะ คุณภรรยา ไม่ใช่จริง ๆ เมื่อกี้ผมปิดไม่ได้ จริงนะ”
“หลีกไปให้พ้น!”
นรมนโมโหผลักบุริศร์วิ่งออกไป
บุริศร์น่าเกลียด ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้
ถึงแม้จะรู้ว่าผู้ชายส่วนมาดูของพวกนี้ แต่ในฐานะผู้หญิง และยังอยู่กับเขาทุกวัน เขาไม่แตะต้องเธอกลับดูของพวกนี้ รู้สึกไม่สบายใจเลย
บุริศร์โกรธแทบคลั่ง
กานต์ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ
บุริศร์รีบตามไปทันที ไม่คิดว่านรมนจะกลับไปที่ห้องและล๊อกประตูเอาไว้
“คุณภรรยา เปิดประตูเถอะ คุณฟังผมอธิบายก่อนได้ไหม?”
“หุบปากไปเลย อย่าเข้ามานะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ หึ”
นรมนพูดอย่างโมโห กลับหยิบขนมมาจากห้องครัว
ดีจริง ๆ
ถือโอกาสนี้กินอาหารขยะสักหน่อย
คิดถึงจริง ๆ !
ตั้งแต่ร่างกายไม่แข็งแรง บุริศร์ให้เธอออกห่างจากอาหารขยะเหล่านี้ เธออยากกินจะบ้าตายแล้วรู้ไหม?
ไม่ง่ายเลยที่จะให้คนแอบไปซื้อ ยังคิดหาเวลาแอบกินอยู่เลย ไม่คิดว่าบุริศร์จะทำเรื่องนี้ เธอไม่ฉวยโอกาสนี้ก็ต้องขอโทษตนเองแล้ว
บุริศร์ผู้น่าสงสารยังคงไม่รู้ว่าภรรยาของตนเองจงใจทะเลาะเพื่ออาหารขยะเพียงเล็กน้อย เขารู้สึกไม่สบายใจ กลุ้มใจแทบแย่
เพราะนรมนไม่อนุญาตให้เข้าไป บุริศร์จึงไม่กล้าหยิบกุญแจมาไขตามใจชอบ กลัวว่าคุณภรรยาจะโมโหยิ่งกว่าเดิม
รอสักพักหนึ่ง ภายในห้องไม่มีเสียงใด ๆ ในที่สุดบุริศร์ก็ยอมรับชะตาชีวิตกลับไปห้องหนังสือ
“ไอ้เด็กเวร ขอให้แกโดนหลอก ขอให้แกเรียนไม่เก่งตั้งแต่ยังเด็ก ส่งของชั่วร้ายแบบนั้นมาในคอมพิวเตอร์ฉัน คอยดูนะ ฉันจะฟาดแกให้ตาย”
บุริศร์คว้าเสื้อโค้ตออกจากบ้านด้วยความโมโห ตรงไปหาป้องทันที
ป้องแปลกใจที่เห็นบุริศร์มา
“ไม่ได้มารับลูกใช่ไหม?การรักษาทางด้านจิตวิทยาของกานต์ยังไม่เสร็จ รอเสร็จแล้วจะส่งเขากลับไป นายสบายใจได้ ไม่ทำให้พรุ่งนี้พวกนายไปหาคุณท่านตนุวรล่าช้า”
บุริศร์กลับแปลกใจ
“กานต์กำลังรับการรักษาทางด้านจิตวิทยาอยู่เหรอ?”
“ใช่”
ป้องพยักหน้า
บุริศร์ขมวดคิ้วแน่น
“โน๊ตบุ๊คของกานต์ล่ะ?”
“เขาไม่ได้เอามาด้วย! นายเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ป้องเห็นบุริศร์สีหน้าไม่ดี จึงรู้สึกอะไรขึ้นมาได้ รีบเอ่ยถามออกไป
บุริศร์ถามห้องที่กานต์รับการรักษาทางสุขภาพจิต เดินไปทันที
ป้องดึงเขาเอาไว้ กระซิบว่า “ฉันสะกดจิตเขาอยู่ ตอนนี้นายอย่าส่งเสียงอะไรจะดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่คาดคิด นายเองก็รู้ การรักษาทางสุขภาพจิตที่ดีที่สุดของบาดแผลทางจิตใจหลังจากการยิงปืนคือการสะกดจิตเพิ่มการโน้มนำ ตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญ วันสุดท้ายแล้ว นายอย่า……”
“ฉันรู้แล้ว”
เขาพยายามสงบจิตใจลง
เขามองผ่านหน้าต่างเห็นกานต์นอนอยู่บนเตียง หลับตาสนิท เห็นได้ชัดว่าเข้าสู่การสะกดจิต ส่วนปวีราคอยอยู่ข้าง ๆ จับมือของกานต์เอาไว้
เด็กสองคนอายุต่างกันไม่มาก แต่ปวีราดูแลกานต์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง บางครั้งก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้เขา
กานต์ขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่ารู้สึกไม่ค่อยดี
บุริศร์ไม่ได้สนใจกานต์ตั้งแต่เขาเริ่มรับการรักษาทางสุขภาพจิต เขามักจะคิดว่ากานต์มีสุขภาพจิตที่ดีก็พอแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กคนนี้ทำได้ดีเยี่ยมในเขตทหาร แถมยังเป็นอัจฉริยะอีก น่าจะผ่านไปได้ แต่จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะตระหนักว่า สุดท้ายกานต์เป็นเพียงเด็กอายุสี่ขวบคนหนึ่ง หลังจากยิงคนตาย เขาเอาแต่เข้มแข็งอยู่คนเดียว
ความโกรธเมื่อสักครู่หายไปทันที ความละอายใจและความห่วงใยต่อลูกชายคนนี้ทะลักออกมา
“อาการของเขาแย่มากเลยใช่ไหม?”
ป้องพยักหน้า “ก็ใช่ เนื่องจากเขายังเป็นเด็ก ตอนแรกถึงแม้จะบอกว่ายิงคนตายอย่างไม่มีทางเลือก แต่ความรู้สึกนี้ชัดเจนลึกซึ้งกว่าด้วยซ้ำไป หลังจากฉันสะกดจิตเขาถึงรู้ว่า หลังจากเกิดเรื่องนั้น กานต์กลัวความมืด กลัวตอนหลับตา แค่หลับตาก็จะมองเห็นเลือดมากมาย และคนคนนั้นมีหน้าตาอย่างไรก่อนตาย ความรู้สึกแบบนี้ฉันกับนายเคยผ่านมาแล้ว แต่ตอนนั้นพวกเราอายุเท่าไหร่ เขาเพิ่งจะอายุเท่าไหร่?ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ดี มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะมีบุคลิกอื่น”
“หมายความว่าอะไร?”
บุริศร์ไม่สบายใจขึ้นมา
“นายบอกว่าลูกชายของฉันอาจจะเป็นโรคจิตเภท?”
“อย่าเครียดแบบนี้ได้ไหม?”
ป้องก็ใกล้จะเป็นพ่อคนแล้ว จึงเข้าใจความรู้สึกของบุริศร์ เขาตบไหล่เบา ๆ “กานต์เป็นเด็กที่ไม่ยอมคน มีเรื่องอะไรก็มักจะจัดการคนเดียว นิสัยแบบนี้ไม่ได้แปลว่าไม่ดี แต่ในกรณีที่ตนเองจัดการไม่ไหว ระบบป้องกันตัวเองของเขาจะแยกบุคลิกอื่นๆ ออกมาเพื่อรองรับความเครียด ปกติจะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเรื่องแบบนี้ดำเนินต่อไป เกรงว่าจะไม่เอื้อต่อการเติบโตของเขา และช่วงนี้ฉันสังเกตว่า เขาเริ่มมีแนวโน้มไปทางนั้น นายก็รู้ ในกรณีที่มีหลายบุคลิก บุคลิกอื่นจะไม่รู้ว่าตัวเองเคยทำอะไรลงไป”
บุริศร์หนักใจทันที
เขานึกถึงเรื่องคอมพิวเตอร์ไม่นานนี้
หรือจะบอกว่าบุคลิกหนึ่งของกานต์เป็นคนทำเรื่องนี้?
บุริศร์ไม่เข้าใจ
เขาเหลือบมองคนข้างกาย ถามว่า “ป้อง หลังจากแยกหลายบุคลิก จะทำอะไรได้บ้าง??”
“ไม่แน่ใจนะ ทำไมเหรอ?นาย……”
“บุคลิกหนึ่งหลังจากแยกหลายบุคลิก จะมีทักษะความชำนาญเดิมของเขาไหม?”
ป้องพยักหน้า
“มีแน่นอน พูดง่าย ๆ คือโรคหลายบุคลิกเป็นหัวข้อหลัก แต่เพราะเป็นบุคลิกที่ปรากฏขึ้นเพื่อหลบหนีความกดดันหรือเพื่อบรรเทาความกดดันบางอย่าง การแยกแบบนี้ถ้าคนที่จิตใจแข็งแกร่ง จะค่อย ๆ ให้บุคลิกหลักครองตำแหน่งสำคัญ แต่คนจำนวนมากไปไม่ถึงตรงนั้น กานต์ทำอะไรมาใช่ไหมจึงทำให้นายรู้สึกถึงความผิดปกติ นายจึงมาที่นี่?”
ป้องเป็นคนฉลาด เมื่อสักครู่บุริศร์มีท่าทางโกรธมาก ตอนนี้กลับสงบลงไปเยอะ เขาจึงสามารถเดาได้
บุริศร์ก็ไม่ได้ปิดบังป้อง เขาพยักหน้า “ใช่ เขาแฮกคอมพิวเตอร์ฉัน”
“หา เกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
“ก่อนมา”
ป้องแปลกใจคำพูดของบุริศร์
“เป็นไปไม่ได้นะ เขาอยู่ในห้องตลอด ปวีราอยู่เป็นเพื่อนเขา”
บุริศร์ทำหน้าขรึมสุด ๆ
“ให้ปวีราออกมาสักหน่อยได้ไหม ฉันมีเรื่องจะถามเธอ”
“ได้”
ป้องเปิดประตูเบา ๆ
ปวีรารีบเงยหน้าขึ้น มองป้องด้วยความสงสัย
“ปวีรา ออกมาหน่อย”
ป้องไม่ได้ส่งเสียง ทำได้เพียงขยับปากพูดกับเธอ
ปวีราเหลือบมองกานต์ พยักหน้า ดึงมือออกมาจากมือของกานต์ จากนั้นห่มผ้าอย่างดี ถึงจะลุกขึ้นเดินออกมา
บุริศร์ยังคงจำครั้งแรกที่เจอปวีราได้ ตอนนี้เธอเหมือนลูกสาวคนรวยที่สุภาพเรียบร้อย
นี่แสดงให้เห็นว่าป้องกับโพนี่ดูแลเธออย่างดี
นึกถึงว่าเด็กผู้หญิงตรงหน้ายังเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตลูกชายของตนเองไว้ สีหน้าของบุริศร์ผ่อนคลายลงมากโดยไม่รู้ตัว
เขาเหลือบมองกานต์ในห้อง พูดกับปวีราว่า “ปวีรา ช่วงที่กานต์สะกดจิตได้ทำอะไรหรือเปล่า?เธอต้องพูดความจริงกับฉัน มันสำคัญกับเขามาก”