แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1145
เขาจะไม่เข้ามาจริง ๆ ใช่ไหม?
นรมนรู้สึกยุ่งเหยิง สองมือออกแรงดึงผ้าห่ม รู้ว่าตนเองน่าเวทนา
เธอก็แค่กินอาหารขยะไม่ใช่เหรอ?
ต้องถึงขนาดนี้เลย?
อย่างมากเธอก็แค่สารภาพก่อน
คิดถึงตรงนี้ นรมนเลิกผ้าห่มออก เมื่อคิดจะเปิดประตู ประตูก็ถูกบุริศร์เปิดออกจากด้านนอกทันที
“บุริศร์ กลับมาแล้วเหรอ?”
นรมนเปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างเชื่อฟังทันที
เห็นรอยยิ้มเช่นนี้ของภรรยา บุริศร์รู้สึกจุกที่ลำคอ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร
เขาไม่อยากทำลายความสุขของนรมน แต่จะไม่พูดเรื่องของกานต์ก็ไม่ได้
เห็นบุริศร์ไม่สนใจตนเอง และมองตนเองด้วยแววตายุ่งเหยิง นรมนมึนงง
“เมื่อกี้ฉันไม่ได้โกรธคุณจริง ๆ ฉันรู้ คุณเป็นผู้ชาย ดูหนังผู้ใหญ่ไม่ได้ผิดอะไร เอาล่ะ ๆ ฉันยอมรับ เป็นฉันเองที่ทำเป็นเล่นใหญ่ ฉันตั้งใจโกรธให้คุณเห็น นั่นเพราะฉันให้ป้าหวานซื้ออาหารขยะมาให้ กลัวคุณไม่ให้กิน ฉันเลยฉวยโอกาสนี้ทะเลาะ ความจริงแล้วเพื่อจะกินอาหารขยะ ฉันยอมสารภาพแล้วนะ คุณอย่าโกรธได้ไหม?”
บุริศร์อึ้งไปกับคำพูดของนรมน
นี่เขาได้ยินอะไร?
อาหารขยะ?
บุริศร์คิ้วขมวดทันที
“ร่างกายของคุณไม่เหมาะที่จะกินของเหล่านี้”
“ฉันรู้ ๆ แต่มันทนไม่ไหว ฉันสัญญานะ ต่อจากนี้จะไม่กินแล้วโอเคไหม?อย่าขมวดคิ้วแบบนั้นสิ ฉันกลัวนะ”
นรมนกะพริบตาโตมองบุริศร์
บุริศร์ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “นรมน ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“ฉันรู้ คุณจะต้องผิดหวังและโกรธมากเลยใช่ไหม?ขอโทษจริง ๆ ฉันรับรองว่าจะไม่กินอีกแล้ว ฉันรู้ว่าคุณหวังดีกับฉัน หวานเป็นลมขมเป็นยา ฉันเข้าใจ”
ตอนนี้นรมนรีบขอโทษเพื่อเอาชีวิตรอด
บุริศร์หันไปปิดประตูลง ถึงจะเดินมาข้างนรมน เอื้อมมือไปดึงเธอมาไว้ในอ้อมแขน
นรมนตกใจกับการกระทำของเขา
“บุริศร์ คุณเป็นอะไรไป?ฉันรู้ว่าฉันก่อเรื่องวุ่นวาย อาศัยความรักของคุณทำตัวงี่เง่า ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”
“เปล่า คุณจะงี่เง่าอย่างไรผมก็ให้อภัยได้ คุณคือภรรยาของผม คุณทำแบบนี้เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของผม ผมไม่โกรธ”
บุริศร์เกยคางบนไหล่นรมน
ตอนนี้เขาเปราะบางเหมือนเด็กคนหนึ่ง นรมนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรทันที
ตนเองแค่แอบกินขนม บุริศร์เป็นอะไรไป?
“บุริศร์ คุณ……”
“นรมน เกิดเรื่องขึ้นกับกานต์”
เดิมทีระหว่างทางบุริศร์คิดอยู่หลายแบบ คิดว่าจะค่อย ๆ พูดเรื่องของกานต์ให้นรมนฟัง แต่หลังจากเห็นนรมนจึงพบว่า ไม่ว่าจะเตรียมตัวอย่างไร เมื่ออยู่ต่อหน้านรมนก็ไร้ประโยชน์
เธอจะกังวล ทุกข์ใจ ควบคุมไม่อยู่ รู้สึกสงสารและเป็นห่วงเหมือนกับตนเอง
คำรื่นหูมากแค่ไหนไม่ดีเท่าพูดออกมาตรง ๆ
เป็นอย่างที่คิด นรมนตัวแข็งทันที จากนั้นผลักบุริศร์ออก ถามอย่างจริงจัง “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ? ฉันฟังไม่ค่อยชัด”
ท่าทางผู้หญิงตัวเล็กขี้อ้อนเมื่อสักครู่ของนรมนหายไป ตอนนี้เธอคือแม่คนหนึ่ง แม่ที่ห่วงใยลูกชาย
บุริศร์ตอบอย่างเจ็บปวด “กานต์เป็นคนส่งหนังผู้ใหญ่นั่นให้ผม!”
“คุณพูดเหลวไหล!”
นรมนเถียงทันที
“บุริศร์ ฉันพูดไปแล้วนะ ฉันไม่สนใจที่คุณดูของพวกนั้น ทำไมคุณต้องใส่ร้ายกานต์ด้วย?เขาเพิ่งจะกี่ขวบ?เด็กสี่ขวบคนหนึ่ง คุณจะบอกว่าเขาดูของแบบนั้นเหรอ?คุณจะบอกฉันว่า ลูกชายของฉันแก่แดดเหรอ?”
นรมนโมโหทันที
บุริศร์รู้ ไม่ว่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ นี่เป็นสาเหตุที่เขาไม่พูดในนรมนฟังแต่แรก แต่ตอนนี้บุริศร์เห็นนรมนถามเสร็จแล้ว มองเห็นเธออารมณ์แปรปรวนสุด ๆ จำเป็นต้องปลอบโยนเธอ
“คุณฟังผมนะ อย่าเพิ่งใจร้อน เรื่องนี้สำคัญมาก ผมให้ป้าหวานพาคนใช้ทุกคนออกไปซื้อของฉลองปีใหม่แล้ว ตอนนี้ผมจะสรุปสั้น ๆ คุณฟังผมจบแล้วค่อยแสดงความคิดเห็นตกลงไหม?”
บุริศร์หน้าตาจริงจัง นรมนรู้สึกหนักใจ
เธอไม่อยากเชื่อ และไม่กล้าเชื่อ แต่บุริศร์ไม่ใช่คนพูดจาส่งเดช และบุริศร์ยังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แบบนี้ นรมนจึงพยักหน้า
บุริศร์เห็นเธอสงบลง ถึงเล่าว่า “พูดให้ถูกต้องคือ หลังจากกานต์ยิงคนตายก็ได้รับแรงกดดันมากเกินไป แต่ลูกคนนี้ค่อนข้างไม่ยอมคน จึงเกิดการตอบสนองความเครียดขึ้นมาภายหลัง”
“การตอบสนองความเครียดมันหมายความว่าอย่างไร?”
นรมนได้ยินคำนี้ก็รู้สึกไม่ดีไปทั้งตัว
บุริศร์มองนรมน พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือภายใต้แรงกดดันทำให้กานต์เป็นโรคหลายบุคลิก”
“คุณพูดอะไร?”
นรมนตกใจทันที
บุริศร์รู้ว่าเธอรับได้ยาก ตอนแรกตนเองก็รับมันได้ยากเช่นกัน แต่เป็นแบบนี้แล้ว เขากับนรมนทำได้เพียงเผชิญหน้ากับมัน และแก้ปัญหา
“นรมน คุณอย่าเพิ่งวู่วาม ฟังผมพูดจบก่อน ป้องบอกว่าหลังจากกลับมาจากแอฟริกาใต้กานต์ไม่กล้าหลับตา ไม่กล้านอนหลับ แค่หลับตาก็จะเห็นฉากในวันนั้นและคนที่ตาย เขาไม่เคยพูดเรื่องนี้ ยังทำตัวปกติต่อหน้าพวกเรา จนแม้แต่ช่วงที่คุณถูกพิษ เขาก็ยุ่งอยู่กับคอมพิวเตอร์สำรวจการแปลหนังสือโบราณ จึงทำให้พวกเราทุกคนเข้าใจว่าเขาหายดีแล้วหลังจากเหตุการณ์นั้น แต่ความจริงแล้วเขาแยกเป็นบุคลิกที่สองเพื่อแบกรับความกดดันและความหวาดกลัวในตอนนั้น นี่จึงทำให้บุคลิกหลักของเขาดูปกติไม่น่าสงสัย โชคดีที่แต่เดิมกานต์เป็นคนจิตใจเข้มแข็ง บุคลิกหลักสามารถสะกดบุคลิกที่สองได้ตลอด จึงไม่มีโอกาสให้บุคลิกที่สองออกมา”
“แต่ตอนที่ป้องให้คำปรึกษาทางสุขภาพจิตกับเขาจำเป็นต้องสะกดจิต ตอนนั้นป้องสะกดจิตบุคลิกหลักของกานต์ บุคลิกที่สองจึงฉวยโอกาสออกมา จึงเกิดเรื่องที่เขาส่งของแบบนั้นมาให้ผม โชคดีที่เรื่องนี้จึงทำให้พวกเราเข้าใจสถานการณ์ของกานต์ได้เร็ว ไม่อย่างนั้นถ้านานวันเข้า กานต์จะเปลี่ยนไปอย่างไร พวกเราไม่มีใครกล้าคาดเดา”
บุริศร์ใช้คำพูดง่าย ๆ อธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจน
นรมนสงสารจับใจ
เธอเป็นแม่ภาษาอะไร?
หลังจากโล่งใจกับสถานการณ์ของลูกชายตนเอง เธอเอาใจใส่กานต์น้อยไปจริง ๆ
ถึงแม้หลังจากผ่านเรื่องที่แอฟริกาใต้ไป เธอก็คิดว่ามีป้องอยู่ กานต์จะไม่มีปัญหา
แต่เธอกลับไม่คาดคิดว่า การตอบสนองหลังจากนั้นของกานต์จะเป็นเช่นนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงก่อนหน้านี้ตนเองสลบไสลตลอด ความหวาดกลัวของกานต์เป็นความกังวลไม่รู้จบ
ถ้าไม่ใช่เพราะช่วงหนึ่งกานต์เหนื่อยเกินไป บุคลิกหลักควบคุมบุคลิกที่สองไม่อยู่ ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่จะพบความผิดปกติของกานต์
คิดถึงสิ่งเหล่านี้ นรมนทุกข์ใจอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้ทุกข์ใจกว่านี้ สงสารกว่านี้ก็ไม่สามารถแลกอะไรคืนมาได้ พวกเขาทำได้เพียงเผชิญหน้า แก้ไขปัญหาคือทัศนคติที่มีความรับผิดชอบที่สุดต่อกานต์
“ตอนนี้กานต์รักษาอย่างไร?”
นรมนไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนที่บุริศร์จินตนาการเอาไว้ กลับจะสงบนิ่งด้วยซ้ำไป แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ บุริศร์ยิ่งรู้ นรมนจะต้องโทษตัวเองอย่างรับไม่ได้แน่นอน
เขาบีบมือนรมน กล่าวเสียงเบา “ระหว่างทางที่กลับมาผมคิดว่า ถึงอย่างไรก็ใกล้ปีใหม่แล้ว พวกเราต้องย้ายไปอยู่บ้านคุณตา ถือโอกาสให้ทุกคนหยุดไปเลย ให้พวกเขากลับไปฉลองปีใหม่กับที่บ้าน กานต์จะต้องได้รับการรักษา ไม่สู้ผมอยู่ที่นี่ ผมจะส่งกานต์ไปรักษากับป้องทุกวัน คุณไปอยู่กับคุณตา มีเจตต์กับคุณตาปกป้องคุณ ผมก็วางใจได้หน่อย”
นรมนฟังจบก็ส่ายหน้า
“ไม่ ฉันจะอยู่กับกานต์ด้วย ฉันคลอดลูกชายออกมาอย่างยากลำบาก แต่เกิดเรื่องกับลูกชาย ฉันที่เป็นแม่กลับไม่รู้อะไรเลย ฉันบกพร่องต่อหน้าที่มาก”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ เป็นผมที่ไม่จัดการให้ดี ไม่ได้สนใจกานต์ ยิ่งเป็นลูกที่เป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผล พวกเรายิ่งไม่สนใจ นี่เป็นข้อผิดพลาดทั่วไปของคนเป็นพ่อเป็นแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมห่วงใยลูกน้อยเกินไป นรมน ผมคุยกับราเชนแล้ว เขาบอกว่า ช่วงนี้กล้าณรงค์จะลงมือกับคุณ ดังนั้นคุณต้องไปอยู่กับคุณตา เชื่อผมเถอะ ตอนนี้กานต์เป็นแบบนี้ ผมทำได้เพียงต้องดูแลเขาอย่างทุ่มเท แบบนี้จะไม่สามารถดูแลคุณได้ ตราบใดที่คุณไปอยู่กับคุณตาผมถึงจะวางใจ”
แววตาของบุริศร์เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
นรมนทุกข์ใจเหลือเกิน
เธอเป็นแม่คนหนึ่ง
สิ่งที่ตอนนี้ลูกต้องการที่สุดคือความห่วงใยของแม่ แต่ในเวลานี้เธอกลับไม่สามารถอยู่เคียงข้างกานต์ได้ ความรู้สึกแบบนี้ไม่เป็นแม่ไม่มีทางเข้าใจ
นรมนเงียบไป
บุริศร์รู้ สิ่งนี้โหดร้ายต่อนรมน แต่เขาไม่มีทางเลือกจริง ๆ
กล้าณรงค์เอาแต่หลบซ่อน แอบติดตามพวกเขาทุกที่ทุกเวลา เขาจะเสี่ยงไม่ได้
ทางฝั่งของกานต์ก็เหมือนระเบิดเวลา ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่บุคลิกที่สองจะควบคุมบุคลิกหลัก ทำเรื่องที่ไม่อาจคาดคิดขึ้น พลังกายและพลังใจของกานต์เข้มแข็งมาก คนทั่วไปควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกานต์คือลูกชายของบุริศร์ ไม่สามารถให้คนนอกสังเกตเห็นเรื่องนี้ได้
คิดไปคิดมา มีเพียงแค่ตนเองที่เหมาะสมที่สุด
บุริศร์ก็ไม่คิดว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญจะเกิดเรื่องแบบนี้กับกานต์
เขาทำได้เพียงดูแลลูกชายก่อน ฝากนรมนไว้กับคุณท่านตนุวรและเจตต์
นรมนเงียบไปสักพัก เงยหน้าขึ้นด้วยแววตาเปล่งประกาย
“บุริศร์ เพราะตอนนี้ร่างกายของฉันไม่แข็งแรง คุณจึงคิดว่าฉันอ่อนแอแล้วหรือ?”
“หมายความว่าอะไร?”
บุริศร์เอ่ยถามทันที
นรมนยิ้มบาง ๆ “คุณลืมไปแล้ว ฉันคือลูกศิษย์ของคุณ และคุณก็ลืมไปว่า ฉันมีการคุ้มกันจากอาณาจักรรัตติกาลทั้งเก่าและใหม่ และคุณยิ่งลืมไปว่า ฉันไม่ได้เป็นแค่คุณนายบุริศร์ แต่ยังเป็นแม่ของกานต์”
หลังจากพูดออกมาเป็นชุด บุริศร์อึ้งไปทันที
นรมนหมายความว่าอะไร?
คิดไม่ถึงว่าเขาจะเถียงไม่ออก
แต่นรมนตรงหน้ายิ้มเปล่งประกาย มีชีวิตชีวา เหมือนนักรบที่กำลังจะออกรบ เธอที่ห้าวหาญแบบนี้ บุริศร์ไม่ได้เห็นมานานแล้ว