แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1219
“ที่นี่มีนักดนตรี?”
นรมนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว
ความสามารถทางดนตรีของอีกฝ่ายนั้นสูงมาก พอฟังออกว่าฝึกฝนมาหลายปีแล้ว
แม่บ้านได้ยินคำถามของนรมน ก็รีบพูดขึ้น “ใช่ค่ะ ที่นี่มีคุณชายน้อยอาศัยอยู่คนนึง ดูเหมือนจะเป็นคุณชายของตระกูลใหญ่ แต่ได้ยินมาว่าช่วงนี้ฝึกฝนอยู่ที่นี่ ดังนั้นทุกวันก็จะได้ยินเสียงไวโอลินกับเปียโนที่ไพเราะค่ะ”
“มิน่าล่ะ”
นรมนพยักหน้า มุมปากเผยรอยยิ้มออกมา
กมลกินอาหารเช้า รีบพูดขึ้น “หม่ามี๊ หนูรู้สึกว่าไวโอลินเพราะมากเลย ยังไงกลับไปหม่ามี๊สมัครคลาสให้หนู ให้หนูไปเรียนไวโอลินเถอะ”
นรมนชะงักเล็กน้อย ที่เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวเรียกร้องจะเรียนพิเศษ แต่นรมนไม่ได้ตอบตกลงในทันที แต่พูดเสียงต่ำ “ลูกรัก เรียนไวโอลินน่ะ ต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน ต้องซ้อมไวโอลินอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง อีกอย่างช่วงเริ่มแรกจะลำบากมาก ลูกคิดว่าตัวเองสามารถทนลำบากแบบนี้ได้ไหม?”
กมลชะงักเล็กน้อย ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
“ต้องฝึกซ้อมทุกวันหรอคะ? งั้นถ้าหนูอยากนอนขี้เกียจจะทำยังไง?”
“ไม่ได้จ่ะ ถ้าลูกเรียนไวโอลินจะนอนขี้เกียจไม่ได้แล้ว”
คำพูดของนรมนทำให้กมลหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที ครุ่นคิดซักพักแล้วพูดขึ้น “ช่างมันเถอะ งั้นหนูไม่เรียนแล้ว อีกหน่อยหาสามีที่สีไวโอลินเป็นก็พอแล้ว ถึงตอนนั้นให้เขาสีให้หนูฟังทุกวันเลย”
คำพูดที่กล้าหาญของกมลแทบจะทำให้นรมนสำลักตาย
เด็กบ๊องคนนี้มีความคิดแบบไหนกัน
แต่มารยาทขั้นพื้นฐานและหลักสูตรบังคับสำหรับผู้หญิงชั้นสูงก็คือความสามารถเหล่านี้ เธอเพียงแค่อยากให้กมลรับความทุกข์เหล่านี้ช้าหน่อยซักสองสามปี
คิดมาถึงตรงนี้ นรมนเพียงแต่มองเธออย่างรักใคร่ ไม่ได้พูดอะไรอีก
ตอนที่บุริศร์พาลูกชายกลับมา นรมนกับกมลก็กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว กมลนอนอย่างขี้เกียจอยู่บนโซฟามีความรู้สึกงัวเงียเล็กน้อย และนรมนก็จัดเก็บข้าวของที่อีกเดี๋ยวพวกเด็กๆต้องใช้
เสียงเพลงด้านนอกไม่รู้ว่าหยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่
บุริศร์เองก็ไม่ได้ใส่ใจ เห็นว่านรมนตื่นแล้ว ระหว่างคิ้วมีความเขินอายของผู้หญิงตัวน้อย มองดูแล้วมีเสน่ห์มาก
สัมผัสได้ถึงสายตาของบุริศร์ ใบหน้าของนรมนก็แดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะตอนนี้มีฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจากร่างกายของเขา ทำให้คนรู้สึกทนไม่ได้
กานต์ส่งเสียงกระแอม ดึงกิจจากลับห้องไปอาบน้ำ
ถูกบังคับให้ดูการแสดงความรัก พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกหลีกเลี่ยงไม่ดูใช่ไหม?
กมลเป็นเด็กใสซื่อ ไม่ได้สัมผัสถึงอะไร ก็ถูกกานต์ลากไปแล้ว
ในตอนที่ห้องรับแขกเหลือเพียงแค่นรมนกับบุริศร์ นรมนอยากหนีโดยไม่รู้ตัว แต่กลับถูกบุริศร์กอดล้อมไว้
“ไปทำไม? ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย”
คำพูดนี้พูดอย่างธรรมดา แต่ลมหายใจของเขารดลงบนใบหน้าของนรมน ทำให้นรมนหน้าแดงขึ้นมา
“งั้นฉันเสิร์ฟอาหารให้นาย”
ขณะที่พูดนรมนก็ดิ้นรนออกมา แต่กลับพบว่าวงแขนของบุริศร์นั้นแน่นมาก ดิ้นไม่หลุดเลยซักนิด
“นายปล่อยน่า”
นรมนมีความเขินอาย
บุริศร์เห็นท่าทางตอนนี้ของนรมน อยากที่จะกดเธอลงไป แล้วจัดการซะบนพื้น แต่เขารู้ว่านรมนไม่สามารถทนรับการร้องขอบ่อยครั้งแบบนี้ได้
“ดูเธอประหม่าเข้าสิ ฉันกินเธอเข้าไปเลยดีไหม?”
บุริศร์ยิ้ม จากนั้นก็ปล่อยนรมน
นรมนวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
บุริศร์รู้สึกว่าในใจและอ้อมแขนว่างเปล่า
นรมนวิ่งมาจนถึงห้องครัว ยังคงรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว เป็นสามีภรรยากันมาตั้งนาน แต่ตอนนี้ยังรู้สึกเหมือนความรักเร่าร้อน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ใจเต้นเร็วมาก
เธอผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเองลง แล้วถึงยกอาหารเช้าไปให้บุริศร์ แล้วก็เรียกพวกเด็กๆออกมากินอาหารเช้า
กานต์กับกิจจาอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย กมลเองก็เปลี่ยนไปใส่กระโปรงที่สวยงาม จากนั้นก็นำของกินไปนิดหน่อย
หลังจากทั้งครอบครัวเตรียมตัวพร้อมแล้ว บุริศร์ก็พาพวกเขาขึ้นรถ
เพราะเป็นการออกไปเที่ยวทั้งครอบครัวครั้งแรก พวกกมลกับกานต์ดูมีความสุขมาก
เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กๆ มุมปากของนรมนเองก็โค้งขึ้นเล็กน้อย
บุริศร์พาพวกเขามาถึงตีนเขาแห่งหนึ่ง
กมลมีความโอดครวญทันที
“แด๊ดดี้ คงไม่ได้จะพาพวกเรามาปีนเขาใช่ไหม?”
“ฉลาดจริงๆ ร่างกายลูกไม่โอเคเกินไปแล้ว ต้องออกกำลังกาย อีกอย่างนี่คือแท่งออกซิเจนธรรมชาติ ดีต่อร่างกายมาก มา ปีนเขาออกกำลังกายกับพวกพี่ชายเถอะ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้กมลหน้ายับทันที
“หนูไม่เอา หนูปฏิเสธได้ไหม? หรือไม่หนูรอทุกคนอยู่บนรถก็ได้”
บุริศร์ส่งตายตาให้กานต์กับกิจจา ทั้งสองก็หิ้วกมลเดินออกไป
“หนูไม่เอา! หม่ามี๊ ช่วยด้วย!”
กมลร้องคร่ำครวญ แต่นรมนกลับเม้มปากยิ้ม
“นายนี่รู้วิธีกลั่นแกล้งลูกสาวนายจริงๆ”
นรมนมองไปที่บุริศร์ ความรู้สึกรักใคร่ที่พูดไม่ออก
“ไปเถอะ พวกเราก็ลงไปเดินหน่อย”
บุริศร์จูงมือนรมนลงจากรถ
ทั้งสองเดินช้าๆอยู่ในป่าเขา นรมนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงเวลาที่หนีไปต่างประเทศเมื่อนานมาแล้ว
“ยังจำได้ไหม? ไมค์ช่วยพวกเราหลบหนีจากการติดตาม พวกเราจำเป็นต้องขึ้นไปบนภูเขา ตอนนี้นึกถึงขึ้นมาเหมือนเป็นเรื่องเมื่อชาติที่แล้วเลย”
คำพูดของนรมนทำให้ดวงตาของบุริศร์กระตุกเล็กน้อย มือที่จูงนรมนอยู่ก็ออกแรงเล็กน้อย
“ขอโทษนะ ทำให้เธอลำบากแล้ว หลังจากนี้ฉันจะไม่ให้เธอต้องลำบากอีกแล้ว”
“ฉันก็แค่ปลงเฉยๆ นายอย่าเป็นแบบนี้”
นรมนรู้สึกว่าความรู้สึกผิดของบุริศร์มาเร็วเช่นนี้ ทำให้เธอรับมือไม่ทัน
ยนมกลับพูดอย่างจริงจังมาก “เมื่อก่อนฉันเคยกังวลเรื่องบางเรื่อง ตอนนี้ฉันไม่สนใจแล้ว ใครกล้าแตะต้องเธอกับพวกเด็กๆ ฉันก็กล้าที่จะยึดบ้านมัน”
ดวงตาของเขาดุร้ายราวกับซาตาน แม้แต่นรมนยังกลัว
รังสีฆ่าฟันรุนแรงมาก!
“บุริศร์ พวกเราต้องทำดีดี รู้ไหม?”
น้ำเสียงอ่อนโยนของนรมนบรรเทาความกระสับกระส่ายและรังสีฆ่าฟันในใจของบุริศร์ลงเบาๆ
มองดูหญิงสาวตรงหน้า บุริศร์พูดยิ้ม “โอเค”
ทั้งสองเดินช้าๆเหมือนคู่รักทั่วไป ไม่เหมือนปีนเขา แต่เหมือนเดินเล่น
“ดูสิ ตรงนั้นมีบ่อน้ำเล็กๆอยู่”
จู่ๆนรมนก็ร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็วิ่งเข้าไป
บุริศร์เห็นท่าทางเป็นเด็กของเธอ ก็ยิ้มพูด “เธอมองไปข้างบน ข้างบนยังมีอีกนะ”
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ นรมนก็เงยหน้าขึ้นมอง ด้านบนยังมีบ่อน้ำอีกหลายอันอยู่ด้วยกันจริงๆ น้ำไหลลงมาจากด้านบน แม้จะไม่เหมือนน้ำตก แต่ก็มีวิวที่สวยงามไม่ต่างกัน
“ทำไมมีบ่อน้ำเยอะจัง?”
“ที่นี่เรียกว่าบ่อน้ำเก้ามังกร ว่ากันว่าราชามังกรมีลูกชายเก้าคน เพราะว่าทำผิดกฎแห่งสวรรค์จึงถูกลงโทษให้สำนึกผิดอยู่ที่นี่ ต่อมาที่แห่งนี้เกิดภัยแล้ง ผู้คนหาเลี้ยงชีพไม่ได้ ราชามังกรต้องการฝนแต่ไม่มีคำสั่งจากจักรพรรดิหยก จึงได้แต่เฝ้ามองดูผู้คนทุกข์ทรมาน พ่อค้าแม่ขายล้มตายกันหมด ทั้งเด็กและสตรีต่างล้มตายเพราะภัยแล้งไม่น้อย ผู้คนมากมายมาที่นี่ หวังว่าจะได้รับพร มังกรทั้งเก้าตอนที่สำนึกผิดอยู่ที่นี่ได้รับการบูชาจากผู้คนมากว่าสิบปี ดังนั้นพวกเขาจึงปรึกษากัน พุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า นำพาความมหัศจรรย์ ในที่สุดก็ทำให้ท้องฟ้าโปรยปรายหยาดฝน ผู้คนยินดีปรีดา เห็นบ่อน้ำทั้งเก้าปรากฏขึ้นตรงที่เก้ามังกรนอนอยู่ จึงตั้งชื่อว่าบ่อน้ำเก้ามังกร ไว้เป็นสิ่งเตือนใจพวกเขา”
บุริศร์พูดนิ่งๆ
น้ำเสียงของเขาน่าฟังมาก การเล่าเรื่องที่มาพร้อมกับเสียงแหบแห้ง ทำให้นรมนอดไม่ได้ที่จะฟังจนเคลิ้ม
“แล้วมังกรทั้งเก้าผลสุดท้ายเป็นยังไง? จักรพรรดิหยกลงโทษพวกเขาไหม?”
นรมนจับชายเสื้อของบุริศร์แน่น เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
บุริศร์กลับชะงักเล็กน้อย มองดูสายตาเป็นกังวลของนรมน ในใจก็สั่นเล็กน้อย
เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้น อาจเป็นเรื่องราวที่สร้างขึ้นโดยสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดลูกค้าด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้จะคิดเป็นจริงเป็นจัง
“มีผู้คนถวายเครื่องหอม แล้วผู้คนยังอ้อนวอน คงจะไม่เป็นไรหรอก ก็แค่เรื่องเล่าเท่านั้น ตอนจบจะเป็นยังไงก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนพยักหน้า
เธอมองไปที่บ่อน้ำทั้งเก้านี้ คุกเข่าลงแล้วจุ่มมือเข้าไป น้ำจากบ่อที่เย็นเยือกทำให้รู้สึกหนาวเล็กน้อย
บุริศร์รีบดึงมือของเธอออกมาทันที
“แม้ว่าที่นี้จะไม่หนาวเท่าเมืองชลธี แต่ยังไงนี่ก็ฤดูหนาว เธอไม่ต้องการข้อต่อแล้วหรอ?”
คำพูดว่ากล่าวของบุริศร์ทำให้นรมนรู้สึกอบอุ่นใจ
เธอโอบกอดรอบเอวของยสแล้วพูดขึ้น “บุริศร์ ที่นี่ไม่มีเรื่องราวความรักที่น่าเศร้าแต่สวยงามบ้างหรอ?”
“นิทานความรัก? เธอจะฟังอะไร? เรื่องนางฟ้ากับชาวนาหรือ? ที่นี่ไม่มีวัสดุซะหน่อย”
นรมนหัวเราะพรวด
“ไปเถอะ พวกเด็กๆเดินนำหน้าเราไปแล้ว”
ทั้งสองเดินบนเส้นทางอีกครั้ง
เริ่มแรกกมลยังมีความขุ่นเคือง ไม่พึงพอใจ แต่หลังจากที่ถูกกานต์กับกิจจาลากขึ้นมาแล้ว ก็พบว่าวิวทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมาก เธอมีความสุขไปทั่วร่าง
เอ่ยถามเสียงเจื้อยแจ้วมาตลอดทาง
กานต์กลับค่อนข้างเงียบ เพียงแค่คอยดูไม่ให้กมลล้ม กิจจาทำหน้าที่เป็นผู้บรรยาย อธิบายวัสดุการทำยาบางชนิดที่ปรากฏขึ้นระหว่างทางที่นี่
“พี่กิจจา พี่สุดยอดไปเลย!”
การยกย่องอย่างใจกว้างของกมลทำใหกิจจารู้สึกขัดเขินเล็กน้อย
“ไม่หรอกน่า พี่ก็แค่อ่านหนังสือเยอะหน่อย”
“นั่นก็สุดยอดมาก หนูเห็นหนังสือก็อยากนอนแล้ว”
คำพูดของกมลลอยตามลมเข้าสู่หูของนรมน เธอเม้มปากเล็กน้อย พูดอย่างหดหู่ “บุริศร์ คนรักตัวน้อยคนนี้ของนายไม่ทนความลำบาก แล้วยังไม่ชอบอ่านหนังสือ นายว่าถ้าโตขึ้นแล้วจะทำยังไง? จะให้ทุกวันนอกจากกินแล้วก็ยังกินไม่ได้ใช่ไหม? ฉันสงสัยจริงๆว่าเด็กคนนี้เป็นหมูกลับชาติมาเกิดหรือเปล่า”
บุริศร์ขำออกมาทันที
เจ้าหญิงตัวน้อยของเขากระโดดโลดเต้นไล่ตามแมลงตัวหนึ่ง ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสานั้นทำให้บุริศร์ที่มองอยู่รู้สึกภูมิใจและสบายใจ
“ลูกสาวของฉันบุริศร์ต่อให้เป็นคนซื่อบื้อ แต่ก็ยังคงเป็นเจ้าหญิงน้อยที่สวยที่สุดมีความสุขที่สุด ตอนนี้ลูกยังเด็ก มันจะต้องมีสิ่งที่ลูกชอบ รอลูกชอบจริงๆแล้ว คาดว่าก็คงเปลี่ยนใจ อีกอย่างนะ กินเก่งก็ไม่ใช่ไม่ดี ถ้าไม่ได้จริงๆก็เป็นนักชิมก็ได้ มีความรักจากฉันและพวกพี่ชายเขาแล้ว เธอยังกลัวว่าลูกจะโดนคนรังแกอีกหรอ?”
คำพูดนี้ทำให้นรมนรู้สึกหดหู่ทันที
“ไม่มีใครเป็นพ่ออย่างนายนะ”
“ฉันเป็นสามีที่ดีก็พอแล้ว”
ขณะที่บุริศร์พูด ก็ล้อมเอวของนรมนไว้ จูบอย่างเร่าร้อนไปหนึ่งที