แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 734
บทที่ 734 คุณช่างโหดร้ายเสียจริง
“บ้าจริง คุณออกมาตอนไหนเนี่ย”
เจตต์เอามืออุดโทรศัพท์
นรมนได้ยินเจตต์พูดดังนั้น ก็รู้ว่านิตาเดินมา
เธอเงียบพลัน
นิตาคิดไม่ถึงว่าเจตต์จะหันควับ จึงสะดุ้งตกใจ พูดกระอักกระอ่วน“ฉันแค่ออกมาดู ว่าโทรเสร็จหรือยัง”
“อ๋อ โทรเสร็จแล้ว เดี๋ยวมีประชุมสายต่อ”
พูดจบ เจตต์จึงพูดกับโทรศัพท์“เรื่องนี้ค่อยว่ากันแล้วกัน ผมดูสถานการณ์ก่อน”
“ค่ะ”
นรมนวางสาย
เธอไม่รู้ว่านิตาจะสงสัยมั้ย เพียงแค่จู่ๆรู้สึกแน่นหน้าอก
นิตาใสซื่อขนาดนั้น กับเจตต์ก็ดี กับเธอเองก็ดี มักจะตรงไปตรงมาเสมอ ถึงขนาดเกือบทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อเจตต์ ผู้หญิงแบบนี้จะมีวัตถุประสงค์อะไรอีก
หลังจากเจตต์วางสาย ยิ้มให้นิตาพูดว่า“กินแอปเปิลหมดแล้วเหรอ”
“อ๋า?อ๋อ หมดแล้วค่ะ”
นิตาชะงัก จิตใจเหม่อลอย
“ผมไปห้องน้ำก่อน คุณกลับไปก่อน”
“ค่ะ”
นิตาตามเจตต์ไปห้องน้ำไม่ได้ จึงต้องกลับห้องผู้ป่วยก่อน
คิ้วของเจตต์มุ่นเข้า แววตาสับสน
นรมนคงไม่โกหกหรอก
ระหว่างนรมนกับนิตา เจตต์เชื่อนรมนมากกว่า ส่วนความเห็นที่มีต่อนิตา ผู้หญิงที่สละชีวิตช่วยตนเองไว้ บุญคุณนี้เขาจำใส่ใจ เพียงแต่นรมนยังพูดไม่ทันจบ ทำให้ในใจเขากังขา
หลังจากที่เจตต์ไปห้องน้ำ เขารีบเมมเบอร์ของนรมนว่าเลขาไพลิน
เขานั่งลงบนชักโครก แล้วตอบนรมนกลับไป
“คุณจะพูดอะไรเกี่ยวกับนิตาเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แค่รู้สึกแปลกใจ คุณรู้ไหมว่านิตากับป้าโอเป็นคนค่ายเดียวกัน”
“ว่าไงนะ”
เจตต์ประหลาดใจแน่นอน
“ไปฟังใครมา”
“ฉันไปเจอน้องชายป้าโอในค่ายชื่อว่าโสธร โสธรบอกว่าทุกคนในค่ายมีเทคนิคทางการแพทย์ อย่างน้อยคือรักษาตัวเองได้ และโชคดีที่โสธรช่วยพวกเราไว้ ถึงทำให้หลอดเสียงของฉันหายเป็นปกติ เรื่องนี้น่าจะนับว่าเป็นเรื่องดี แต่ฉันคิดเสมอว่าถ้านิตาได้การแพทย์ด้วย ในตอนที่โดนธาวิณีซ้อม เธอก็น่าจะปกป้องอวัยวะสำคัญตามสัญชาตญาณ คงไม่เป็นแบบนี้”
นรมนพูดแล้วชะงักแล้วพูดต่อ“เจตต์คะ ฉันไม่ได้จะสงสัยอะไร แค่ครุ่นคิด บางทีนิตาอาจไม่มีอะไรก็ได้ ฉันคิดมากไปเอง เธอออกจะใจดี ใสซื่อ ตรงไปตรงมา ฉันอาจจะคิดฟุ้งซ่านก็ได้ คุณอย่าถือเลย”
พูดพลางนรมนรู้สึกตัวเองมีปัญหา
เจตต์ขมวดคิ้วแน่น พูดเสียงค่อย“ธาวิณียังมีชีวิตอยู่ ผมจะกลับไปถาม”
“อย่าค่ะ ฉันอาจคิดมากไปเอง เมื่อกี้ฉันคิดดูอีกรอบ บางทีฉันอาจคิดมาก”
สองวันนี้นรมนรู้สึกมึนๆ
“ไม่เป็นไร ผมแค่ถาม”
หลังจากที่เจตต์ตัดบทสนทนานรมน ก็นั่งสูบบุหรี่ในห้องน้ำ มวนแล้วมวนเล่า อย่างไรเสียเขาไม่อยากสงสัยคนที่ช่วยชีวิตตนเองไว้
ถ้านิตาช่วยเขาอย่างจริงใจ เขาจะดูแลเธอชั่วชีวิตแน่นอน แต่ถ้ามีอะไรแอบแฝง คงไม่มีใครที่จะยอมรับได้
เจตต์อยู่ในห้องน้ำเป็นนานกว่าจะออกมาได้
ในตอนที่กลับมาถึง นิตาได้กลิ่นบุหรี่บนตัวเขา
“คุณสูบเหรอ”
“อืม อดมาหลายวัน ก็อยากสูบบ้าง คิดไม่ถึงว่าคุณจะรู้ซะแล้ว”
เจตต์หัวเราะคิกคักพูด“อยากกินไร ผมไปซื้อให้”
นิตาเห็นว่าเจตต์ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไป จึงยิ้มแล้วพูดว่า“อะไรก็ได้ค่ะ ผลไม้แล้วกัน ปากขม”
“ได้”
เจตต์พูดพลางวางมือถือบนโต๊ะ จากนั้นสวมเสื้อโค้ท แล้วเดินออกไป
นิตามองโต๊ะ เห็นว่าเจตต์ลืมมือถือ เธอจึงกระสับกระส่าย
เธอหยุดชะงัก มองซ้ายมองขวา เห็นไม่มีคน จึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้น แล้วสไลด์เปิดมือถือ
ก่อนหน้านี้ เจตต์ไม่สะดวกรับโทรศัพท์ เคยบอกพาสเวิร์ดเธอไว้ ให้เธอช่วยเปิดเครื่อง
ตอนนี้เธอลองสไลด์พาสเวิร์ดดู พบว่าเจตต์ไม่ได้เปลี่ยนพาสเวิร์ดจึงโล่งใจ
เธอรีบตรวจดูบันทึกการโทรเข้าออก เห็นว่าเป็นชื่อเลขาไพลิน จึงโล่งใจ พอนิตาดูจบจึงวางมือถือไว้ที่เดิม
สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงคือ เจตต์ไม่ได้ไปไกล แต่คอยแอบดูนิตาอยู่หน้าประตู ใจเขาเย็นวาบ
ถ้านิตาไม่มีอะไรตุกติก จะรีบร้อนเช็คโทรศัพท์ทำไม
ถ้าเธอไม่มีอะไรในใจ แล้วจะแอบดูโทรศัพท์ทำไม
เจตต์รีบหลบเงาตัวเอง หากในใจหนักอึ้งเหมือนเรือจม
เขาไปแผงผลไม้ซื้อผลไม้กลับมา
นิตานอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง พอเห็นเจตต์กลับเข้ามาจึงยิ้มให้“ทำไมไปนานจังคะ”
“ไม่รู้จะซื้ออะไร เลยเลือกอยู่พักใหญ่”
เจตต์วางผลไม้ลงเงียบๆ
“ผมก็ว่ามือถือหายไปไหน ที่แท้ลืมไว้ที่นี่”
“ค่ะ ฉันคิดว่าคุณรู้”
นิตายิ้ม แล้วพูดเหมือนไม่ตั้งใจ “คุณไม่กลัวฉันล้วงความลับเหรอ”
“ผมจะมีความลับอะไรได้ นอกจากเรื่องบริษัท เมื่อกี้มีใครโทรหาผมมั้ย”
เจตต์หยิบโทรศัพท์ขึ้น มองดูลายนิ้วมือบนนั้น นิ่งไปแล้วถาม
“ไม่มีค่ะ”
นิตาส่ายหน้า
เจตต์หยิบโทรศัพท์มาใส่กระเป๋า
“นิตา ปารีสมีธุระ ผมไปดูหน่อย ดูเหมือนโครงการการท่องเที่ยวจะมีวี่แววแล้ว ตอนนี้คุณเป็นแบบนี้จะไปคุยก็ไม่ได้ ผมไปดูลาดเลาให้ ว่าฝ่ายตรงข้ามยื่นข้อเสนออะไร”
คำพูดของเจตต์ทำให้นิตาชะงัก จากนั้นนั่งลง
“ฉันไปด้วยดีกว่า ยังไงก็เป็นเรื่องของฉัน ประธานนรมนแม้ว่าจะไม่เร่งรีบอะไร แต่ฉันรับเงินเดือน ฉันก็ต้องจัดการ”
เธอพูดพลางจะลงจากเตียง แต่เจตต์ขวางเอาไว้
“คุณไม่ต้องไปหรอก ร่างกายแบบนี้ไปทำไม อีกอย่างนะ ผู้ชายคุยกันไม่สะดวกให้คุณไปหรอก”
นิตาชะงัก จากนั้นจึงเข้าใจความหมายของเจตต์
“พวกผู้ชายนี่จริงๆเลย”
“ผู้ชายนี่นา คุณรู้ก็ดีแล้ว ผมสั่งข้าวมาให้ อย่าลืมกินนะ”
“รู้แล้ว”
นิตาก็ไม่ได้ติดพันนาน
เจตต์เดินยิ้มออกจากห้องผู้ป่วย
เขาเดินพลางโทรหาปารีส
“ธาวิณียังอยู่ไหม”
“อยู่ครับ ท่านประธานเจตต์ ไม่ได้สั่งการ ผมหรือจะกล้าแตะต้องเธอ”
ปารีสยังไม่ได้นั่งตำแหน่งแทนชนก แต่คอยปกป้องเจตต์อยู่เบื้องหลัง แล้วทำไปตามน้ำ
ชนกติดเชื้อตายในคุก
ปู่จอร์จเองก็ไม่ได้โง่ รู้เรื่องราวทุกอย่างดี
เจตต์หาคนไปออกหน้าคุยกับปู่จอร์จ ทำให้ให้เกิดความร่วมมือกันอีกครั้งระหว่างปู่จอร์จกับปารีส แต่ปู่จอร์จดูเหมือนจะไว้หน้าเจตต์
ดังนั้นตอนนี้ปารีสก็เลยประจบเจตต์เป็นการใหญ่
ขอเพียงแค่เจตต์คุ้มครองเขา ลาภยศสรรเสริญเขาไม่มีทางพร่องแน่
เจตต์เองก็ไม่ได้ถือสาที่ปารีสประจบประแจง อย่างไรเสียเขาเองก็ฟังบ่นไม่น้อยตั้งแต่เด็ก
“พาธาวิณีมาที่ห้องประชุมฮัวยู ผมมีอะไรจะถามเธอ เธอยังได้สติอยู่ไหม”
“ขอเพียงแค่คุณอยากให้เธอมีสติ ผมก็จะให้เธอมีสติ”
การรับประกันของปารีสทำให้เจตต์พึงพอใจ
ไม่นานเขาก็มาถึงห้องประชุมฮัวยู
ปารีสมาถึงได้ไม่นาน ด้านหลังมีชายสองคนลากตัวธาวิณีตามมา
เจตต์เห็นสภาพทุลักทุเลของธาวิณี จึงถามขึ้นอย่างสงสัย“ขาของหล่อนเป็นอะไร”
“ยัยนี่คิดหนีอยู่เรื่อย เพื่อที่จะหนีถึงขั้นหลอกล่อพรรคพวกเราให้นอนด้วย ผมโกรธก็เลยตีขามันหัก”
เจตต์ส่ายหน้าพูด“แกนี่มันโหดจริงๆ ไม่ว่ายังไง หล่อนก็เป็นหลานสาวแกนะ”
“หลานสาวงั้นเหรอ มารหัวขนมากกว่า!แม่มันไม่รู้ไปคลอดลูกของใครมา พ่อมันตายเพราะแค้นนี่แหละ เรื่องนี้เด็กสามขวบที่หมู่บ้านยังรู้เลย ไม่งั้นชนกจะทำเหมือนกับมันเป็นกระหรี่ส่งมาบำเรอปู่จอร์จเหรอ”
ปารีสพูดอย่างไม่ยี่หร่า
ธาวิณีโดนทรมานจนหมดสภาพ
ตอนที่หล่อนเห็นเจตต์ แววตาหล่อนทอประกายความหวังริบหรี่ ตะโกน“ประธานเจตต์ ช่วยฉันด้วย ฉันเป็นดีไซน์เนอร์ของคุณนะคะ!”
“เธอคิดว่าฉันสนใจการออกแบบของเธอเหรอ อย่างมากฉันก็แค่ตัดแผนกจิวเวลรี่ทิ้งก็สิ้นเรื่อง ไม่ทำธุรกิจจิวเวลรี่แล้ว ฉันก็ยังคงมีเงิน”
เจตต์พูดแบบนี้
ธาวิณีเสียใจแทบสิ้นชีวิต ถ้ารู้ว่าคนที่เธอเล่นด้วยกรวดแบบนี้ เธอคงไม่เข้าไปยั่วเขาหรอก
“ประธานเจตต์ ฉันขอร้อง ไว้ชีวิตฉันเถอะนะ ให้ฉันเป็นวัวเป็นควายก็ยอม ขอทีละอย่าทำกับฉันแบบนี้เลย ต่อให้ส่งฉันเข้าคุก ก็อย่าให้ฉันอยู่ในเงื้อมมือของปารีส ฉันขอทีล่ะ”
ธาวิณีคร่ำครวญ แต่ก็โดนปารีสตบเข้าฉาดใหญ่
“ร้องไห้คร่ำครวญอะไรไอ้ตัวซวย แกคิดว่าฉันอยากเลี้ยงแกไว้เหรอ ร้องอีกกูตบปากฟันร่วง”
ปารีสพูดดุเดือด ธาวิณีตกใจจนใช้มืออุดปาก ราวกับกลัวลนลานว่าปารีสจะถอนฟันทิ้ง
เจตต์เห็นดังนั้น พูดเย็นชา“ฉันให้ปารีสดีกับเธอหน่อยก็ได้ แต่ฉันอยากจะถามอะไรเธอหน่อย เธอต้องตอบฉันตามตรง ไม่งั้นเธอรู้นะว่าฉันจะทำยังไง”
ได้ยินเจตต์พูดดังนี้ ธาวิณีราวกับเห็นความหวังริบหรี่
“คุณถามเถอะ ขอแค่ฉันรู้ ฉันจะไม่ปิดบังเลย จะตอบหมดทุกอย่าง รับรองจะไม่โกหก ประธานเจตต์”
ความร้อนใจของธาวิณีกับความนิ่งเรียบของเจตต์เทียบกันเห็นได้ชัด
ตอนที่เขาโยนธาวิณีให้กับปารีส เขารู้เรื่องระหว่างสองคนนี้อยู่แล้ว เพราะธาวิณีหาคนมาซ้อมจนนิตาเป็นแบบนี้ เขาจึงต้องการให้คนโหดอย่างปารีสมาลงทัณฑ์ธาวิณี
ตอนนี้ความจริงอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิด เจตต์รู้สึกสับสนในใจ