แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 743
บทที่ 743 พูดเรื่องเงินกับผมก็หยาบคายเกินไปแล้วนะครับ
นิตาโดนนรมนตอกกลับ จึงรีบพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“ประธานนรมน ฉันจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณได้ยังไงคะ? จะพูดยังไงเจตต์ก็เป็นเพื่อนของพวกคุณ เคยทำเรื่องมากมายเพื่อพวกคุณไม่ใช่เหรอคะ? ตอนนี้เขาเป็นอย่างนี้ พวกคุณจะไม่สนใจเขาไม่ได้นะคะ”
คำพูดของนิตาทำให้นรมนยิ้มเยาะออกมาด้วยความโมโห
“นิตา เธอไม่รู้เหรอว่าตัวเองน่าขำน่ะ? ด้านหนึ่งอยากให้ฉันออกไปจากชีวิตของเจตต์ ไม่ยอมให้ติดต่อกับเขาอีก แม้แต่อยู่ในอาณาเขตเดียวกันก็ยังไม่ได้ อีกด้านหนึ่งเธอก็ขอร้องให้ฉันจัดการเรื่องของเจตต์ให้ชัดเจน ความสองมาตรฐานของเธอมันทำให้ฉันพูดไม่ออกจริงๆรู้ไหม? อีกอย่างนะ ที่วันนี้เจตต์นอนอยู่ตรงนี้ทำเพื่อใคร? เพื่อฉันเหรอ? เธอมีสิทธิอะไรถึงมาขอร้องให้ฉันทำเพื่อเจตต์อย่างมั่นอกมั่นใจขนาดนี้ ขอพูดอะไรที่มันขัดหูหน่อยแล้วกันนะ เจตต์ไม่เคยบอกฉันว่าพวกเธอเป็นอะไรกัน แล้วเธอมีสิทธิอะไรถึงมาบอกให้ฉันออกไปจากที่นี่อย่างหน้าไม่อายขนาดนี้? ตัวเองไม่มีความสามารถ ยังคิดที่จะเลียนแบบฉันที่ต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าเธอเก่งจริงๆ ก็อย่าให้เจตต์เข้าไปพัวพันกับเรื่องแย่ๆพวกนั้นของเธอสิ!”
นรมนพูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปเลย
น่าโมโห!
นิตาโกรธจนพูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่ หลังจากนรมนออกไปจากห้องคนไข้แล้ว ก็โยนแจกันลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง เสียงแตกกระจายดังก้องกังวานขึ้นมา
นรมนยิ่งไม่พอใจนิตาแล้ว
บุริศร์ออกไปไม่นาน ก็พบว่ากระเป๋าตังค์อยู่ที่นรมน จึงต้องย้อนกลับมา แต่ทว่าเมื่อได้เห็นนรมนที่กำลังฉุนเฉียวอยู่บนทางเดินคนเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ?”
“ฉันโมโหจะแย่แล้ว!”
นรมนเห็นบุริศร์ รู้สึกไม่เป็นธรรมจนทนไม่ไหว
“นี่คนอะไรเนี่ย?”
เธอเล่าคำพูดของนิตาให้บุริศร์ฟัง ชั่วพริบตาก็พบว่าด้านข้างประตูห้องมีชายเสื้อแจ็คเก็ตที่กำลังปลิวไปตามลม
ถ้าไม่ใช่นิตาแล้วจะเป็นใครล่ะ?
ไม่คิดว่าจะแอบฟังอยู่ที่มุมกำแพง!
นรมนพูดเสียงดังด้วยความโมโห: “เรื่องของเจตต์ไม่ต้องยุ่งแล้ว ใครเป็นคนหาเรื่องก็จัดการเองแล้วกัน จะได้ไม่ต้องโดนคนพูดว่าฉันเป็นห่วงแฟนของเธออยู่ตลอดเวลา ในเมื่อเธอไม่ให้เรายืนอยู่ในอาณาเขตเดียวกันแล้ว เราจะอยู่ที่นี่ทำอะไรอีก? คุณจะไปหาชาญเพื่ออะไรอีก? ยุ่งเรื่องชาวบ้านงั้นเหรอ? ไป! ~กลับบ้าน! กานต์รอเราอยู่”
พูดจบ นรมนก็จูงมือบุริศร์เดินไป
นิตาจึงร้อนรนขึ้นมาทันที
“ประธานนรมน คุณอย่าไปนะคะ ถ้าคุณไปแล้ว เจตต์จะทำยังไง?”
“น่าขำจริงๆเลย เขาเป็นแฟนเธอ เจ็บตัวเพื่อเธอ เกี่ยวอะไรกับฉัน? ฉันไม่เกี่ยวข้องด้วยเลยไม่ใช่เหรอ? เธอไม่ชอบที่พวกเราติดต่อกันขนาดนั้น แล้วฉันจะอยู่ทำอะไร? นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวังเอาไว้ทั้งหมดเหรอ? แล้วก็ เงินพวกนั้นฉันให้ถือเป็นค่ารักษาพยาบาลของเจตต์ ไม่ใช่เงินเดือนของเธอ บริษัทท่องเที่ยวเธอก็ไม่ต้องทำแล้ว บริษัทที่ขาดทุนของฉันน่ะ รับเธอที่เป็นคุณผู้หญิงของตระกูลรัตติกรวรกุลในอนาคตเอาไว้ไม่ได้หรอก เธอรอให้เจตต์ฟื้นแล้วไปทำงานที่บริษัทเขาเถอะ แล้วเธอวางใจได้ เงินเดือนในช่วงกี่วันนี้ฉันจะจ่ายให้เธอสามเท่า ตั้งแต่นี้ต่อไปเราไม่ต้องพบกันอีก”
นรมนพูดจบก็จูงบุริศร์เดินออกไปด้วยความขุ่นเคือง
นิตาอยากจะเดินตามไป แต่สุดท้ายแล้วก็หยุดเอาไว้
เธอกำลังมองนรมนที่เดินออกไป แววตาไม่ชัดเจน
นรมนโมโหจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
บุริศร์พาเธอออกไปนอกโรงพยาบาลหลังจากขึ้นรถ ความเดือดดาลของนรมนก็ยังไม่หายไป
เขาจึงเปิดน้ำขวดหนึ่ง ส่งไปที่ด้านหน้าของนรมนพูดขึ้น: “ปากร้ายใจอ่อน ไม่สนใจว่าเจตต์จะเป็นจะตายยังไงแล้วจริงๆเหรอ?”
“เป็นไปได้ยังไงล่ะ? แค่รู้สึกว่านิตาวางอำนาจเกินไปหน่อย ฉันกับเจตต์ไม่มีอะไรอยู่แล้ว เราเป็นเพื่อนกัน ต่อให้เจตต์เคยคิดอะไรกับฉัน แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่าจะคบกับนิตา งั้นก็ต้องไม่ได้คิดอะไรกับฉันอยู่แล้วสิ เธอไม่เข้าใจเจตต์เลย อีกอย่างเธอมีสิทธิอะไรถึงมาขอร้องให้ฉันทำอย่างมั่นใจขนาดนั้น มาบอกให้ฉันไสหัวไป ฉันไม่ใช่หมาของเธอสักหน่อย”
“พูดเกินไปแล้วนะ ถ้าคุณเป็นหมา ผมเป็นอะไร? หมาตัวผู้?”
นรมนได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ ก็ขำพรืดออกมาทันที
“จะมีใครที่ไหนบอกว่าตัวเองเป็นหมากัน?”
“คุณก็พูดถึงตัวเองอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
บุริศร์ลูบๆหัวของนรมน พูดปลอบใจ: “อย่าไปสนใจนิตาเลย เธออยากคิดยังไงก็คิดไป อยากพูดอะไรก็พูดไป เราแค่ไม่ทำให้เจตต์ผิดหวังก็พอแล้ว อันที่จริงพวกเรามาที่นี่ก็เพราะเจตต์ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้พวกเขายังไม่แต่งงานกัน ถ้ามีวันที่พวกเขาแต่งงานกันจริงๆ งั้นเรากับเจตต์ก็ไม่ต้องติดต่อกันอีก ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง อย่างมากที่สุดตอนที่เจตต์ต้องการความช่วยเหลือเราค่อยปรากฏตัวออกมาก็พอ”
“ฉันเข้าใจในเหตุผลนี้ แต่นิตาพูดขนาดนั้นมันทำให้ฉันโมโห”
“งั้นคุณจะทำเพื่อเจตต์หรือเพื่อนิตาล่ะ?”
ประโยคนี้ของบุริศร์ทำให้นรมนใจเย็นลงได้
เธอโมโหเกินไปจริงๆ ถ้านิตาไม่ใช่แฟนของเจตต์ เธอต้องสะบัดฝ่ามือไปหนึ่งทีแน่ๆ แต่ตอนนี้เพื่อนิตาแม้แต่ชีวิตของตนเองเจตต์ก็แทบจะไม่ต้องการแล้ว เธอกับบุริศร์ยังติดค้างเจตต์อยู่ ตอนที่เจตต์ยังไม่ได้สติจะทำอะไรนิตาได้ล่ะ?
“ช่างเถอะ คิดซะว่าโดนหมากัดแล้วกัน”
“ใช่เลย หมากัดคุณ ถ้าคุณยังจะอุ้มหมาที่กัดกลับไปจริงๆ ไม่กลัวในปากมีขนเหรอ?”
นรมนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“บุริศร์ คุณเป็นลูกผู้ดีจริงๆใช่ไหม? ทำไมตอนนี้พูดจาไม่เหมาะสมกับฐานะขึ้นเรื่อยๆเลย?”
“ได้หยอกเย้าภรรยาผู้ยิ่งใหญ่เป็นการเดิมพันที่ดีที่สุดแล้ว ไปเถอะ ภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ เราไปเดินเล่นที่ชาญที่นั่นกัน”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนสงสัยขึ้นมา
“คุณไม่ได้บอกให้ฉันรออยู่ในบ้านหรอกเหรอ? ที่บอกว่าเพื่อเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาคคิด?”
“นั่นผมอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนเจตต์ถึงพูดอย่างนั้น ในเมื่อนิตาไม่ชอบคุณจนเป็นแบบนี้ คุณจะอยู่ทำอะไร?”
“บุริศร์ คุณอยากโดนทุบใช่ไหม?”
แค่นรมนได้ยินชื่อของนิตาก็กลุ้มใจ
“คุณทุบได้เหรอ?”
“บุริศร์!”
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์จงใจแน่ๆ
สำหรับท่าทางโมโหอย่างนี้ของนรมน บุริศร์กลับยิ้มออกมา
“เอาหน่าๆ สามีรักคุณนะ เด็กดี!”
ระหว่างที่พูด เขายังคงติดนิสัยลูบหัวปลอบใจเธอ
“โอ๊ย! คุณรีบขับรถไปได้แล้ว!”
นรมนปัดมือของบุริศร์ออกไป แต่ยังคงไม่สบายใจสักเท่าไหร่
“คราวนี้ฉันจะเห็นแก่หน้าของเจตต์ไม่ถือสานิตา แต่ถ้าเธอมาท้าทายฉันอีก ฉันจะไม่สนใจแล้วว่าเธอเป็นใคร ฉันรับรองเลยว่าตาต่อตา ฟันต่อฟัน จะไม่ทำให้ตัวเองไม่เป็นธรรมอย่างนี้อีก”
“รู้ว่าคุณรู้สึกไม่เป็นธรรม แต่อย่างนี้ก็ดีแล้ว อีกเดี๋ยวไปเลือกหยกที่ชาญนั่นกลับมาหลายๆชิ้นเลยแล้วกัน แล้วไปเก็บเงินที่เจตต์เป็นไง?”
บุริศร์เสนอแนะ
นรมนส่ายหน้าทันที
“ทำไมไปคิดกับเจตต์ล่ะ? เจตต์ไม่ได้อะไรเลยไม่ใช่เหรอ? ถ้าจะคิดก็ต้องคิดที่นิตาสิ”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์ชะงักงัน
“นิตายังมีเงินเดือนอยู่ที่คุณอีกไหม?”
“ต้องเป็นแค่เงินเดือนเหรอ? คุณคอยดูเถอะ”
นรมนยิ้มเจ้าเล่ห์
ระหว่างที่คุยกัน ทั้งสองคนก็มาถึงหน้าบ้านของชาญแล้ว
ชาญได้ยินว่าบุริศร์และภรรยามาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง
เมื่อเช้าบุริศร์เพิ่งจะบอกว่าตนเองจะมาเยี่ยมเยียนเขาสักหน่อย ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้
แรกเริ่มชาญไม่รู้จักบุริศร์ แต่บุริศร์พูดถึงคริชณะ ชื่อนี้ชาญยังคงชัดแจ้งเสมอ คือหัวหน้าใหญ่นั่นเอง
เขาจึงรีบค้นหาประวัติของบุริศร์ ถึงพบว่าบุริศร์เป็นคนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง สามารถเป็นเพื่อนกับบุริศร์ได้ ช่างคุ้มค่าจริงๆ
ตอนนี้ชาญเป็นนักธุรกิจ แน่นอนว่าอยากให้กิจการมีกำไรมากมาย และตระกูลโตเล็กร่ำรวยล้นฟ้ามาได้อย่างไร เขารู้อยู่แล้ว
เปรียบเทียบกับบุริศร์แล้ว บุริศร์ก็เป็นดั่งราชา ส่วนเขาเป็นแค่เจ้าชายในป่าเท่านั้น
ชาญรีบออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
“ประธานบุริศร์ คุณนายบุริศร์ ทำไมมาถึงเร็วขนาดนี้ครับ? มาแล้วก็ไม่บอกผมสักหน่อย ผมจะได้ส่งคนไปรับพวกคุณ”
“ไม่เป็นไรครับ เที่ยวเล่นไปเรื่อยๆจึงแวะมาเลย”
บุริศร์ยิ้มบางๆ ยังคงรักษามารยาทขั้นพื้นฐานเอาไว้ ไม่เย่อหยิ่งไม่ถ่อมตัวจนเกินไป
ในทันทีชาญก็รู้สึกว่าอำนาจของตนเองโดนระงับเอาไว้อย่างมาก
เขารีบพูดขึ้น: “ประธานบุริศร์ คุณนายบุริศร์ เชิญด้านในเลยครับ ผมให้คนชงชาทิกวนอิมเอาไว้ให้พวกคุณได้ลองชิม”
นรมนจึงเอ่ยปากขึ้นในตอนนี้
“ประธานชาญ เรื่องดื่มชาฉันไม่ค่อยสันทัดหรอกค่ะ คุณต้องไปหาสามีของฉัน ส่วนฉันเป็นผู้หญิง แน่นอนว่าต้องสนใจหยกสวยๆอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ได้ยินลูกน้องของฉันนิตาบอกว่า เธอมีคุณอาที่ทำหยกอยู่คนหนึ่ง ฉันก็อยากให้เธอพาฉันมา แต่น่าเสียดายที่ช่วงนี้ยุ่งเกินไป คราวนี้รู้ว่าคุณเป็นอาของนิตา บุริศร์จะมาหาคุณที่นี่ ส่วนฉันยังไม่ทันได้ไปทักทายนิตาก็มาที่นี่เลย คุณจะไม่พาฉันไปดูหยกหน่อยเหรอคะ?”
คำพูดของนรมนทำให้ชาญชะงักเล็กน้อย
“คุณนายบุริศร์กับนิตาเป็นเพื่อนกันเหรอครับ?”
“ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทน่ะค่ะ เธอทำงานอยู่ที่บริษัทท่องเที่ยวของฉัน”
นรมนยิ้มกริ่มพูดขึ้น
ดวงตาเล็กๆของชาญสั่นไหวเล็กน้อย ฝืนยิ้มพูดขึ้นทันที: “คุณดูสิยัยนิตานี่ เป็นเพื่อนสนิทของคุณนายบุริศร์ก็ไม่บอกผมเลย ที่นี่ผมมีหยกสวยๆสองชิ้นพอดี เพิ่งส่งมาจากพม่า คุณนาย บุริศร์อยากไปดูไหมครับ?”
“ไปค่ะ!”
นรมนให้ความสนใจอย่างมาก
แต่บุริศร์กลับดึงเธอเอาไว้: “คุณเนี่ย แค่เห็นหยกก็หมดแรงแล้ว วันหน้าผมซื้อให้คุณเองได้ไหม?”
“ฉันก็แค่ไปดูเอง นิตาบอกว่าหยกของอาเธอหาที่อื่นไม่ได้นะ ฉันก็อยากเปิดหูเปิดตาบ้าง” นรมนพูดอย่างน้อยใจ
ชาญรีบพูดขึ้น: “นิตาพูดถูกแล้วครับ หยกสองชิ้นนี้ของผมแม้จะไม่ได้ล้ำค่า แต่ก็ราคาสูงมากจนไม่เป็นที่ต้องการของตลาด คนนอกซื้อไม่ไหวอย่างแน่นอน คุณนายบุริศร์คุณลองดู ถ้าชอบ คุณเอาไปได้เลยครับ”
“ทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ?”
“ไม่เป็นไรครับ ใครให้คุณเป็นหัวหน้ากับเป็นเพื่อนสนิทของนิตาล่ะครับ?”
ชาญเลือดไหลอยู่ในใจ แต่นึกถึงว่าต่อไปจะได้รับการดูแลจากบุริศร์ ธุรกิจของเขาอาจจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จึงทำได้เพียงอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้
ตอนที่มีคนเอาหยกออกมานั้น นรมนได้เห็นก็ถูกอกถูกใจ จึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่าเพราะอะไรชาญจึงบอกว่าราคาสูงจนไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
“ประธานชาญ ของมีค่าขนาดนี้ฉันไม่กล้ารับมาฟรีๆหรอกค่ะ แต่ถ้าให้เงินคุณก็คงไม่รับใช่ไหมล่ะคะ?”
ชาญได้ยินนรมนพูดอย่างนี้ จึงรีบพยักหน้า
“แน่นอนครับ คุณนายบุริศร์ พูดเรื่องเงินกับผมก็หยาบคายเกินไปแล้ว”
“ฉันก็รู้สึกอย่างนั้นค่ะ เอาอย่างนี้นะคะ ฉันมีของล้ำค่าชิ้นหนึ่งอยู่ที่นิตา ก็ไม่รู้ว่าเธอจะยอมยกให้คุณหรือเปล่า คุณไปขอดูจากเธอได้เลย ของสิ่งนี้ของฉันมีมูลค่าให้คุณไม่น้อยไปกว่าหยกสองชิ้นนี้เลยค่ะ!”
นรมนพูดอย่างแฝงความหมาย ชาญจึงตื่นเต้นขึ้นมาทันที