แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 753
บทที่ 753 นายมีลูกชายแล้วเก่งมากหรือไง
“ฉันไม่ได้หลอกนายจริงๆนะ เจตต์ ฉันยอมรับว่าฉันอยากกำจัดนาย เพราะว่าพอนายมาที่นี่ก็ก่อเรื่องให้ฉันทันที แต่ว่าฉันตรวจสอบมาแล้ว นายเป็นพี่น้องกับบุริศร์ ฉันไม่กล้าแส่หาเรื่องหรอก ฉันแค่หวังว่านายอย่าได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ได้ไหม ? ทำเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวมันไม่คุ้มค่าหรอกนะ อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ยังเป็นผู้หญิงที่แรงจูงใจอื่นแอบแฝงอีกด้วย”
คำพูดของชาญทำให้แววตาของเจตต์หมองลงหลายระดับ
“ฉันจะชอบผู้หญิงแบบไหนไม่จำเป็นต้องให้นายมายุ่งหรอก ไม่ว่าเธอจะมีแรงจูงใจอื่นแอบแฝง หรือมีเป้าหมายอื่นก็ตาม ฉันก็ชอบไปแล้ว และฉันก็ไม่สนใจด้วย นายจะทำอะไรฉันได้ ? ตัวฉันเต็มไปด้วยบาดแผลนับร้อย นายไม่คิดจะไม่อธิบายอะไรกับฉันหน่อยเหรอ ?”
เจตต์พูดอย่างเย็นชา
สีหน้าของชาญเริ่มย่ำแย่ทันที
“ต้องการเงินเท่าไหร่นายบอกมาเลย ถือว่าเป็นค่าชดเชยจากฉัน”
“คนอย่างเจตต์ดูเหมือนจะขาดแคลนเรื่องเงินเหรอ ?”
“แล้วนายต้องการอะไรกันแน่ ?”
ชาญไม่เคยเจอคนที่หยิ่งยโสอย่างเจตต์มาก่อน
เจตต์พูดพร้อมหัวเราะเสียงเย็นว่า “ไปสารภาพความผิดกับเบื้องบน บอกพวกเขาว่านายเป็นคนแตะต้องเงินก้อนนั้น และคืนความยุติธรรมและความบริสุทธิ์ให้กับพ่อแม่ของนิตา”
“นายบ้าไปแล้วเหรอ ? ธุรกิจของครอบครัวฉันใหญ่โตขนาดนี้ นายจะให้ฉันไปมอบตัว ? เจตต์ นายคิดว่านายมีหน้ามีตาใหญ่โตมากใช่ไหม ? นายคิดว่านายจะยังสามารถเดินออกไปจากที่นี่ได้อีกเหรอ ?”
ชาญจ้องมองเจตต์ รู้สึกเหมือนกำลังมองคนบ้าคนหนึ่งอยู่
แต่เจตต์กลับหัวเราะออกมา
“ฉันจะสามารถเดินออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่ นายจะลองดูสักหน่อยไหมล่ะ สำหรับนาย มีสองทางเลือก หนึ่ง นายไปมอบตัวด้วยตัวเอง สอง ฉันพานายไปมอบตัว นายเลือกมาหนึ่ง ส่วนธุรกิจใหญ่ของครอบครัวนาย หากจะพูดจริงๆ นายใช้เงินของใครมาก่อตั้งธุรกิจครอบครัวตัวนายไม่มีสมองคิดเหรอ ?”
“เจตต์ นายอย่ารังแกกันเกินไปนะ”
ชาญดูท่าทางเจตต์จะเป็นพวกยอมหักไม่ยอมงอ เลยอดหัวเสียขึ้นมาไม่ได้
“ถึงแม้นายจะช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพ่อแม่นิตาแล้วจะยังไง ? นิตาก็กลับไปไม่ได้แล้ว และฉันก็ไม่กลัวที่จะบอกนายด้วย คนมากมายต่างก็บอกว่าเธอมีพ่อเลี้ยงคนหนึ่ง ไม่ได้บริสุทธิ์มาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าจะให้พูดแบบหยาบคายหน่อย ก็คือไม่แน่ว่าอาจจะถูกคนเอาจนเน่าไปตั้งนานแล้ว ถึงได้มาอ้อนวอนให้นายเก็บเธอไว้เหมือนสมบัติ”
“นายว่านายเก็บปากตัวเองให้สะอาดหน่อยเถอะ!”
เจตต์ซัดหมัดหนึ่งเข้าไป และทำให้ฟันของชาญร่วงออกมาสองซี่ทันที
ชาญเห็นเลือดของตัวเอง ก็โกรธจนลุกขึ้นมาสู้กับเจตต์ทันที
แน่นอนว่า ชาญไม่ใช่คู่มือของเจตต์ เพียงไม่กี่ทีก็ถูกเจตต์ซัดลงไปกองกับพื้นแล้ว
ในขณะที่เจตต์กำลังคิดจะลากชาญไปมอบตัวนั้น มือถือของเขาก็ดังขึ้น
เจตต์เห็นว่าเป็นสายจากบุริศร์ ก็ขมวดคิ้วทันที แต่เขาก็ยังปล่อยชาญลงก่อน
“บุริศร์ ทางที่ดีขอให้นายมีเรื่องด่วนนะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีเวลาเล่นกับนาย”
เจตต์กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ คำพูดเลยไม่ค่อยดีเป็นธรรมดา
บุริศร์พูดเสียงต่ำว่า “นายอยู่กับชาญเหรอ ?”
“นายรู้อยู่แล้วยังจะถามอีก ?”
“อย่าเพิ่งแตะต้องเขา ป้องได้รับสายจากคริชณะ เบื้องหลังชาญยังมีคนอื่นอยู่อีก พวกเขามีหลักฐานแล้วว่าชาญขโมยเงินสาธารณะในตอนนั้น ที่ยังไม่ยอมลงมือตอนนี้ ก็เพื่ออยากจะล่อให้คนที่อยู่เบื้องหลังเขาออกมา ดังนั้นช่วยสะกดความโกรธของนายเอาไว้ก่อน เรื่องนี้นายไม่ต้องเข้าไปข้องเกี่ยวแล้ว ฉันรู้ว่านายทำเพื่อนิตา แต่ว่านายก็เป็นทหารคนหนึ่ง นายควรจะเข้าใจดีอยู่แล้วว่าสิ่งไหนมันหนักเบากว่ากัน”
พอได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้แล้ว คิ้วของเจตต์ก็ขมวดกันแน่นทันที
“ทำไมเรื่องนี้มันถึงได้บังเอิญขนาดนี้ ? ฉันไม่ตรวจสอบก็ไม่เจอหลักฐาน แต่พอฉันตรวจสอบกลับเจอหลักฐานทันที ?”
เจตต์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
บุริศร์พูดอย่างค่อนข้างภูมิใจว่า “ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ฉันมีลูกชายที่เฉลียวฉลาดทั้งคนล่ะ นี่ก็เป็นเพราะเขาเป็นคนตรวจสอบเจอ และส่งให้กับเบื้องบนเอง”
“ทำเป็นได้ใจ! นั่นก็เป็นยีนที่ได้มาจากนรมน นายจะภูมิใจหาอะไร”
เจตต์ขี้เกียจจะฟังบุริศร์พูดจาอย่างภูมิอกภูมิใจต่อแล้ว เลยกดวางสายไปทันที
เขากลับไปที่ห้องโถงและมองดูชาญที่ส่งสายตาโกรธแค้นมาที่ตัวเอง แล้วก็หัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นทันที “ประธานชาญ มาคุยเรื่องข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยเป็นไง”
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร ?”
“นายยกตลาดมรกตให้ฉันสักหนึ่งในสาม ที่ฉันพูดไม่ได้หมายถึงยกหุ้นให้ แต่เป็นการส่งมอบ ส่งมอบตลาดหนึ่งในสามให้ฉัน แล้วฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างนายกับพ่อแม่ของนิตาอีก เป็นไง ?”
“เจตต์ นายจะไม่หน้าเลือดไปหน่อยเหรอ ? หนึ่งในสามของตลาด ? ทำไมนายไม่เอาส่วนแบ่งตลาดของฉันไปทั้งหมดเลยล่ะ ?”
ชาญโกรธจนจมูกแทบบิดเบี้ยว
เขาอยากรู้มากว่าเมื่อครู่นี้เจตต์ออกไปรับโทรศัพท์ของใครมา
เห็นได้ชัดว่า เจตต์รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เขาแคะหูตัวเองแล้วพูดไปด้วยว่า “เดิมทีแล้ว ฉันก็อยากจะแสดงออกต่อหน้านิตาสักหน่อย เพราะยังไงเธอก็พยายามเพื่อเรื่องของพ่อแม่เธอมาตั้งนานหลายปี แต่เมื่อครู่บุริศร์โทรมาหาฉัน บอกว่าไม่ให้ฉันแตะต้องนาย ใช้ได้เลยนะนาย แค่เวลาวันสองวันสั้นๆ นายก็เป็นปึกแผ่นกับบุริศร์ได้แล้ว ถือว่านายมีความสามารถ แต่ว่าบาดแผลบนตัวฉันพวกนี้จะให้แล้วกันไปง่ายๆได้ยังไงจริงไหม คนอย่างเจตต์ไม่ใช่คนที่จะยอมขาดทุนง่ายๆหรอกนะ”
พอได้ยินเจตต์พูดแบบนี้แล้ว ในใจของชาญก็แอบดีใจขึ้นมา
ดูท่าว่าหยกล้ำค่าที่ตัวเองส่งไปนั้นจะคุ้มค่าไม่น้อย
ชาญจัดปกคอเสื้อ แล้วพูดว่า “หนึ่งในสามของตลาดไม่มีทางหรอก แต่ว่าฉันยกพื้นที่เหมืองหยกในเขตภูเขาตะวันออกให้นายได้ ถ้าจะให้พูดแบบไม่น่าฟังหน่อย ก็คือเป็นพื้นที่เหมืองที่พัฒนาขึ้นใหม่ เครื่องประดับหยกที่ทำขึ้นมาก็สามารถทำเงินให้นายไม่น้อยเหมือนกัน”
เห็นได้ชัดว่าเจตต์ไม่ค่อยพอใจ แต่ว่าก็ยอมพยักหน้าในที่สุด
“ได้ งั้นตอนนี้ก็ติดต่อทนายให้ทำสัญญาส่งมอบเลย”
“เจตต์ นายไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้มั้ง ?”
“ต้อง”
เจตต์ท่าทางเหมือนคนพาล ทำให้ชาญแทบอยากจะซัดเขาออกไป แต่ว่าเขาเป็นคนเชิญเข้ามาเอง ช่างเชิญพระง่ายส่งเทพลำบากเสียจริง
“ได้”
ชาญตามตัวทนายมา จากนั้นก็ทำการเซ็นสัญญา
เจตต์ถือสัญญาส่งมอบ จากนั้นก็เขียนสัญญาส่งมอบต่ออีกฉบับทันที เปลี่ยนไปมอบเขตเหมืองหยกให้กับนรมน
“นรมน ฉันจะไม่รับบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวของเธอมาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรอกนะ ถือว่าฉันซื้อแล้วกัน ส่วนเรื่องราคา อีกเดี๋ยวฉันจะส่งอีเมลไปให้เธอเอง”
โทรศัพท์จากเจตต์ทำให้นรมนชะงักไปทันที
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันไม่ได้ขาดแคลนเงินแค่นั้น”
“นั่นสิ คนอย่างเจตต์เองก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินแค่นั้น ไปบอกคนที่บ้านเธอว่าทำตัวได้ใจต่อหน้าฉันให้น้อยๆหน่อย ระวังฉันเอาเงินไปแลกเป็นเศษเหรียญแล้วเอาไปขว้างเขาให้ตาย”
พูดจบเจตต์ก็วางสายไป
บุริศร์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
เจตต์คนนี้ ก็ยังไร้สาระเหมือนเดิม
นรมนมองไปทางบุริศร์ด้วยสีหน้างงงวย “คุณไปทำอะไรให้เขาโกรธอีก ?”
“ไม่ได้ทำอะไรนี่ ก็แค่อวดความเฉลียวฉลาดของลูกชายฉันนิดหน่อย ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เขาไม่มีลูกชายล่ะ ?”
บุริศร์พูดอย่างเนิบนาบ
นรมนกุมขมับทันที
“บุริศร์ คุณอย่าทำตัวไร้สาระเหมือนเขาได้ไหม ? คุณมีลูกชายแล้วเก่งนักหรือไง ?”
“ใช่สิ เก่งมากไง ไม่งั้นเธอก็ลองให้เขาทำลูกชายอายุสี่ขวบที่เฉลียวฉลาดออกมาดูสิ”
ท่าทางราวกับคนพาลของบุริศร์ทำให้นรมนถึงขั้นไม่กล้าเอ่ยชม
ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว
แล้วเธอก็ได้รับอีเมลฉบับหนึ่งที่ส่งเข้ามาในมือถือ
พอนรมนเปิดดู ก็พบว่าเป็นสัญญาส่งมอบเขตเหมืองหยกที่เจตต์มอบให้เธอ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ
“เจตต์จะต้องให้มาผิดแน่ๆเลย”
เธอยื่นสัญญาส่งมอบไปให้บุริศร์ดู
บุริศร์แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่หรอก เขาให้เธอเธอก็เก็บไว้แล้วกัน ยังไงก็เป็นเงินบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวของเธอ”
“ต้องใช้มากมายขนาดนี้ที่ไหนกัน ? นี่มันเขตเหมืองหยกนะ!”
นรมนรู้สึกว่าคณิตศาสตร์ของบุริศร์มีปัญหา
“เอาเถอะ เขาให้เธอ เธอก็เก็บเอาไว้ เพียงแต่ว่าบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวนั่นต่อไปก็เป็นของนิตาแล้ว ถ้าเธอไม่รับไว้ ยังจะคิดที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาต่อไปอีกเหรอ ?”
สายตาของบุริศร์จ้องเขม็งมาที่นรมน แววตานั้นทำให้นรมนรู้สึกค่อนข้างอยากจะขำ
“คุณอย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม ? ฉันกับเจตต์ไม่มีอะไรกันหรอก ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่รู้สักหน่อย”
“แต่ว่าฉันก็ยังหึงอยู่ดี ภรรยาของฉันมีเสน่ห์ขนาดนี้ น่ารักขนาดนี้ ทำยังไงได้ล่ะ ? หรือว่าฉันจะสั่งทำโซ่ล่ามขึ้นมา แล้วขังเธอไว้ในบ้านดีนะ ฉันจะได้ชื่นชมแค่คนเดียว”
บุริศร์แสร้งทำเป็นพูดเหมือนปีศาจ
นรมนผลักเขาออกทันที
“คิดจะล่ามฉันเหรอ คุณเชื่อไหมว่าถ้าคุณสั่งทำกลับมาแล้ว ฉันจะเป็นคนแรกที่ใช้มันล่ามคุณไว้เอง”
“หา ? ที่แท้คุณภรรยาก็ชอบเล่นแบบนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นคืนนี้พวกเรากลับไปศึกษากันหน่อยเป็นไง ?”
“บุริศร์!”
นรมนเชื่อบุริศร์แล้ว
บุริศร์ในตอนนี้ไม่มีเวลาไหนไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ
บุริศร์หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์
นรมนรีบวิ่งออกไปทันที
ในเวลานั้นเอง ที่หน้าจอขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านนอกก็มีการรายงานข่าวเรื่องหนึ่งอยู่
เครื่องบินลำหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ ร่วงลงจากฟ้า เบื่องต้นผู้โดยสารบนเครื่องบินยังไม่ทราบความเป็นความตาย
หัวใจของนรมนถึงกับหนักอึ้งขึ้นมาทันที
“เฮ้อ แล้วนี่จะมีผู้ได้รับเคราะห์อีกกี่คนกันนะ!”
“เป็นอะไรไป ? ถอนหายใจเรื่องอะไรอีก ?”
บุริศร์เดินออกมาจากในห้อง แล้วก็ได้ยินเสียงนรมนถอนหายใจ เลยอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและกอดเอวบางของเธอไว้
นรมนชี้ไปที่หน้าจอทีวีแล้วพูดว่า “คุณดูสิ อุบัติเหตุทางอากาศ ดูเหมือนว่าจะเป็นแถวฝั่งยูนนาน โชคดีที่พวกเรากลับมาเร็ว ไม่อย่างนั้นฉันคงกลัวไปแล้ว”
“อย่าพูดไปเรื่อยสิ พวกเรามีดาวนำโชคนะ ไม่มีทางเจอเรื่องแบบนี้หรอก”
บุริศร์กอดนรมนเอาไว้แน่น
แล้วทางนรมนก็ได้รับข้อความทางวีแชท
“นรมน เธอดูแล้วหรือยัง ? ถ้าดูแล้วก็เซ็นชื่อแล้วส่งกลับมาให้ฉันสิ ทนายฝั่งฉันยังรออยู่เลยนะ”
เจตต์พูดอย่างร้อนอกร้อนใจ
นรมนถึงได้คิดขึ้นมาได้ว่าเรื่องนี้ของเจตต์ยังไม่ได้จัดการให้เสร็จ
“บุริศร์ คุณปล่อยฉันก่อน ฉันต้องไปหาปากกา”
“จะหาอะไรอีก ที่ยูนนานเจออุบัติเหตุทางอากาศ พวกเราอยากจะไว้อาลัยให้กับเพื่อนร่วมชาติที่เสียชีวิตเป็นเวลาสามวินาที นายจะมาเร่งหาอะไร!” น้ำเสียงของบุริศร์ไม่เป็นมิตรเป็นอย่างมาก
เจตต์คนนี้ เอาแต่มารบกวนเวลาสวีตของเขากับภรรยา จนแทบจะเหลืออดเหลือทน
เจตต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นายพูดอะไร ? อุบัติเหตุอากาศอะไร ?”
“อ๋อ เมื่อครู่รายงานในทีวี ที่ยูนนานมีเครื่องบินลำหนึ่งประสบอุบัติเหตุทางอากาศ ตอนนี้ผู้โดยสารยังไม่ทราบความเป็นความตายเลย” นรมนรีบร้อนอธิบาย
หัวใจของเจตต์กระตุกวูบทันที ความรู้สึกไม่สบายใจค่อยๆคืบคลานอยู่ภายในร่างกาย
“เครื่องบินลำไหน ? ไฟท์อะไร ?”
“เจตต์ นายเป็นอะไรไป ?”
นรมนฟังออกว่าเจตต์กำลังร้อนรน
“อย่าพูดอะไรไร้สาระ รีบบอกฉันมา ว่าไฟท์อะไร ?”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นไฟท์ FG38594”
พอสิ้นเสียงของนรมน เจตต์ก็ตกตะลึงทันที
ไฟท์นี้เป็นไฟท์ที่นิตานั่งไม่ใช่เหรอ ?
เมื่อกี้นรมนพูดอะไรนะ ?
เธอบอกว่าเครื่องบินลำนี้เกิดอุบัติเหตุทางอากาศ ?
เป็นไปได้ยังไง ?
ไม่!
ไม่มีทาง!
เจตต์ผลักทนายออกราวกับคนบ้า แล้ววิ่งออกไปข้างนอกทันที ทำเอาชาญถึงกับมึนงง
“เขาเป็นอะไรไป ?”
ทุกคนต่างก็พากันส่ายหน้า
แต่ขอบตาของเจตต์กลับแดงขึ้นมา