แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 760
บทที่ 760 มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
“คุณสิเป็นหมู! ถึงได้แต่งหมูเข้าบ้าน ไม่เข้าใจเลยว่าคุณมีอะไรน่าได้ใจกัน ?”
คำพูดเยาะเย้ยของนรมนทำให้บุริศร์หัวเราะออกมาทันที
“เอาเถอะ ไม่เพียงกับเธอแล้ว รีบไปเก็บของเถอะ พวกเราต้องไปบ้านพักคนชรา”
“ไปบ้านพักคนชราทำไม ?”
นรมนยังไม่ค่อยตื่นเต็มที่
“คุณคิดจะหาสถานที่พักยามแก่เฒ่าของพวกเราตอนนี้เหรอ ?”
“นรมน เธอยังหลับอยู่ใช่ไหม ? ได้โปรดช่วยตื่นสักหน่อยเถอะ!”
บุริศร์กอดศรีษะของนรมนไว้แล้วโยกไปโยกมาสองที โยกจนนรมนรู้สึกมึนหัว
“บุริศร์ คุณทำอะไรของคุณ ?”
“ยังไม่ตื่นเหรอ ?”
“คุณป่วยหรือไง ? ทำไมตอนนี้ถึงได้ไร้สาระเหมือนเจตต์ไปได้ ?”
เธอผลักบุริศร์ออก แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่บุริศร์กลับยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว เจตต์นั่นแหละโทรมา เขาบอกว่าพรรษาไปเยี่ยมแม่ของเขาที่บ้านพักคนชรา กลัวว่าเทย่าจะทำอะไรบ้าๆเพราะได้รับผลกระทบทางจิตใจ ให้พวกเราช่วยไปดูหน่อย เธอน่าจะรู้ดี ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันก็ไม่อยากยุ่งเรื่องบ้าๆพวกนี้หรอก เธอจะไปไหม ? ถ้าไม่ไปฉันก็จะกลับไปทำงานต่อ”
พอนรมนได้ยินเรื่องนี้เข้า ก็รีบคว้ามือของบุริศร์แล้วพูดว่า “ฉันไปฉันไป! เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมคุณไม่พูดตั้งแต่แรก”
“ก็ฉันอยากให้เธอพักผ่อนต่ออีกหน่อย นรมน พอพูดถึงเรื่องเจตต์เธอก็กระตือรือร้นขึ้นมาเลยนะ”
บุริศร์พูดอย่างหึงหวง
นรมนเลยกอดหัวของเขาแล้วจูบไปทีหนึ่ง
“เด็กดี อย่าหึงไปเลย ตอนนี้เจตต์อยู่ที่ยูนนาน จะกลับมาก็ต้องใช้เวลาถึงหกเจ็ดชั่วโมง อีกอย่างนี่ยังถือว่าเร็วที่สุด ถ้าเกิดคุณน้าเทย่าเป็นอะไรไปล่ะก็ นี่มันเกี่ยวกับชีวิตคนเลยนะ คุณรอฉันแปปหนึ่ง ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
นรมนรีบร้อนเข้าไปเปลี่ยนเสื้อ
บุริศร์ยิ้มแล้วส่ายหน้า ลูบจุดที่นรมนจูบเบาๆ
อืม!
นุ่มใช้ได้เลย!
เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างอารมณ์ดี จ้องมองนรมนอยู่ครู่หนึ่ง นรมนก็เดินลงมา
“ไปกันเถอะ”
“บุริศร์ พวกเราต้องซื้อพวกผลไม้หรืออาการเสริมอะไรไปด้วยไหม ?”
นรมนถามอย่างตื่นเต้น
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้เทย่าก็แยกแยะใครไม่ออก พวกเราก็แค่ไปเยี่ยมดูว่าเธอเป็นอะไรไหม ที่เหลือรอให้เจตต์กลับมาค่อยว่ากันแล้วกัน”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนลังเลอยู่บ้าง
“แบบนี้จะดีจริงๆเหรอ ?”
“ไม่อย่างนั้นก็ซื้อผลไม้ไปสักหน่อยแล้วกัน”
“บุริศร์ คุณนี่ไม่มักง่ายมากเลย!”
นรมนมองความมักง่ายของบุริศร์ออกแล้ว
บุริศร์ยักไหล่แล้วพูดว่า “ขอร้องเถอะ พวกเราก็แค่ไปดูว่าคนเขาไม่เป็นอะไร ไม่ใช่ไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายสักหน่อย เธอจะตื่นเต้นไปทำไม ?”
“นี่ ทำไมคุณพูดจาแบบนี้ ?”
นรมนถลึงตาใส่บุริศร์ทีหนึ่ง แล้วถึงได้ออกไปข้างนอกกับบุริศร์
ถึงแม้ว่าบุริศร์จะพูดจาไม่น่าฟัง แต่ก็ยังซื้อพวกอาหารเสริมระหว่างทางไปด้วย แต่ว่าพวกพยาบาลกลับดูตื่นตระหนกกันมาก
“ประธานบุริศร์ คุณนายบุริศร์ ขอโทษนะคะ ตอนนี้เทย่าหายตัวไปค่ะ
นรมนกับบุริศร์ชะงักไปครู่หนึ่ง
“หายตัวไปหมายความว่ายังไง ?
“หลังจากที่คุณพรรษากลับไปแล้ว ฉันก็ยังเข้าไปดูในห้อง และคุณเทย่าก็ยังนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง แต่พอฉันไปเข้าห้องน้ำกลับมา คุณเทย่าก็หายไปแล้วค่ะ พวกเรามีกล้องวงจรปิดในอาคาร แต่กลับไม่พบตอนที่คุณเทย่าออกจากห้องเลย ทำไงดีคะ ? คุณเจตต์จะต้องโทษพวกเราแน่เลยค่ะ”
คุณนางพยาบาลร้องไห้ออกมาทันที
“เดี๋ยวก่อนนะครับ คุณบอกว่าเขาไม่ได้ออกจากห้องเลย พวกคุณมั่นใจได้ยังไงว่าเขาไม่ได้ออกจากห้อง
บุริศร์รีบถามทันที
นางพยาบาลเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “พวกเราดูกล้องวงจรปิดแล้ว ในกล้องไม่มีการบันทึกว่าคุณเทย่าไม่มีร่องรอยการออกจากห้องเลย แต่ว่าทำไมเธอถึงได้หายไปจากห้องล่ะ ? นี่มันเป็นไปไม่ได้เลยนะ!”
“ช่วยพาพวกเราไปดูกล้องวงจรปิดหน่อยครับ”
นรมนตามบุริศร์ไปที่ห้องตรวจสอบ
ในห้องตรวจสอบยังคงฉายภาพที่บันทึกอยู่
บุริศร์เข้าไปดูตั้งแต่ต้นจนจบ กลับพบว่าบันทึกนั้นมีปัญหา
“พวกคุณดูสิ เวลาของตรงนี้กับข้างหลังมันไม่เชื่อมต่อกัน ระหว่างนั้นก็มีส่วนที่ว่างเปล่าอยู่สิบกว่านาที น่าเสียดายที่ถูกคนตัดออกไป ถ้าเอามาเชื่อมต่อกับด้านหน้า ก็ทำให้คนมองไม่ออกว่ามีส่วนต่างของเวลา แต่ว่าเวลาที่อยู่ตรงนี้เห็นได้ชัดเลยว่ามีปัญหา ถ้าไม่มีคนตรวจดูให้ละเอียด ไม่มีทางพบข้อพร่องได้ เทย่าน่าจะถูกคนอื่นพาตัวไป อีกอย่างอีกฝ่ายตัดบันทึกกล้องวงจรปิดทั้งหมดไป คนที่อยู่ในห้องนี้อาจจะมีคนที่รู้เบาะแสของเทย่า ระหว่างนั้นใครเป็นคนเข้ากะ ? คนล่ะ ?”
การวิเคราะห์ของบุริศรชี้ให้คณบดีและพวกพยาบาลเข้าใจได้
“วันนี้อรุณเป็นคนเข้ากะ เมื่อครู่ตอนที่ฉันมาตรวจดูกล้องวงจรปิด เขาไปเข้าห้องน้ำพอดี”
คำพูดของคณบดีทำให้บุริศร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“รีบส่งคนออกไปตามหาเขา ถ้าฉันเดาไม่ผิด เขาน่าจะคิดหนี”
พอได้ยินบุริศร์พูดแบบนั้นแล้ว คณบดีก็ส่งคนออกไปตามหาทันที น่าเสียดายที่สุดท้ายพวกเขาก็ช้าไปก้าวหนึ่ง
“แจ้งตำรวจ จับอรุณคนนี้”
คณบดีรีบแจ้งตำรวจทันที
ในระหว่างที่ตำรวจกำลังเดินทางมา อรุณก็เกิดอุบัติเหตุถูกรถชน และเสียชีวิตคาที่ทันที
เบาะแสทุกอย่างจึงขาดไปทันที
คิ้วของนรมนค่อยๆขมวดกันแน่น
“ดูท่าว่าทั้งหมดนี้คงมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า อีกฝ่ายน่าจะคำนวณทุกอย่างไว้ก่อนแล้ว แล้วใครกันที่ทำแบบนี้ ?”
“ยังไม่ต้องสนว่าเป็นฝีมือใคร บอกเรื่องทุกอย่างกับเจตต์ก่อนดีกว่า เกรงว่าจะปิดก็คงปิดไว้ไม่ได้แล้ว”
บุริศร์ถอนหายใจทีหนึ่ง
สุดท้ายพวกเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย
นรมนรู้สึกเสียใจเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง แล้วโทรไปหาเจตต์
“เจตต์ นายฟังที่ฉันพูดนะ นายอย่าเพิ่งรีบร้อน ฉันกับบุริศร์มาที่บ้านพักคนชราแล้ว น่าเสียดายที่ไม่เจอคุณป้า เธอหายตัวไป”
“อะไรคือหายตัวไป ?”
น้ำเสียงของเจตต์ค่อนข้างอดกลั้น
นรมนรู้ดีว่าเทย่ามีความหมายกับเจตต์ขนาดไหน แต่ว่าเธอกลับไร้ความสามารถ
“ตอนที่ฉันกับบุริศร์มาถึง พยาบาลก็บอกว่าคุณป้าไม่ได้ออกจากห้องเลย แต่บุริศร์พบว่ามีคนตัดบันทึกกล้องวงจรปิดออกไป อีกอย่างคนที่เข้ากะในห้องตรวจสอบประสบอุบัติเหตุถูกรถชนตายตอนที่พวกเราออกไปตามหาเขา ทุกอย่างมันบังเอิญเกินไป ตอนนี้พวกเราไม่รู้เบาะแสของคุณป้าเลย ขอโทษด้วยนะ”
คำพูดของนรมนทำให้เจตต์กำหมัดแน่น
“ไม่เกี่ยวกับพวกเธอหรอก ฉันจะรีบนั่งเครื่องกลับไปเดี๋ยวนี้”
พูดจบเจตต์ก็วางสายไปทันที
นรมนมองบุริศร์อย่างหดหู่แล้วพูดว่า “ทำยังไงดี ? เกรงว่าเขาคงต้องเป็นบ้าแน่ๆ เพิ่งผ่านการอกหักมา ตอนนี้ขนาดคุณป้าเองก็หายตัวไป สวรรค์จะทำร้ายเขาอีกแค่ไหนถึงจะพอกัน ?”
“เรื่องราวจะต้องมีทางแก้ไขแน่ วางใจเถอะ”
“ฉันรู้ดี ก็แค่รู้สึกเสียใจเท่านั้นเอง”
นรมนพิงอกของบุริศร์ แล้วพูดเสียงต่ำว่า “พวกเราจะช่วยอะไรเขาได้บ้างไหม ?”
“เกรงว่าคงช่วยไม่ได้ ทำได้แค่รอให้เขากลับมาแก้ไขด้วยตัวเอง”
นรมนไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วตามบุริศร์กลับบ้านไป
หลังจากที่เจตต์วางสายไปแล้ว วินาทีแรกเขาก็โทรไปหาพรรษาทันที
“คุณเป็นคนทำใช่ไหม ?”
“อะไรของแก ? เจตต์ ระวังคำพูดของนายหน่อย ฉันเป็นพ่อแกนะ !”
พรรษาไม่พอใจกับท่าทางคาดคั้นของเจตต์มาก
“ถ้าคุณไม่ใช่พ่อผม ผมคงยิงคุณให้ตายไปแล้ว ใช่คุณไหม ? คุณเป็นคนสั่งให้คนที่บ้านพักคนชราพาตัวแม่ผมไปใช่ไหม ? คุณจะพาเธอไปที่ไหน ?”
คำพูดของเจตต์ทำให้พรรษาชะงักไปทันที
“แม่นายถูกคนพาตัวไปเหรอ ?”
“ไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นไม่รู้เลย ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครอีก ? แม่ผมอยู่ที่บ้านพักคนชราดีๆอยู่ตั้งหลายปี แต่คุณเพิ่งไปวันนี้ แม่ของผมก็หายตัวไป คุณไม่ต้องพูดเลยว่าไม่เกี่ยวกับคุณ คุณเชื่อตัวเองไหมล่ะ ? ฉันจะบอกคุณนะ พรรษา ถ้าแม่ผมเป็นอะไรไป ผมไม่มีทางปล่อยคุณไว้แน่ !”
เจตต์พูดจบก็วางสายไปทันที
แต่พรรษากลับกำลังมึนงง
เทย่าหายตัวไป ?
จะเป็นไปได้ยังไง ?
ใครกันที่จะพาตัวของเทย่าไป ?
หรือว่าเป็นคนที่อยู่ที่บ้านคนนั้น ?
พรรษารีบร้อนกลับไปที่บ้าน แล้วลากมือของคุณนายรัตติกรวรกุลมาถามทันที “เธอเป็นคนสั่งให้คนไปลักพาตัวเทย่าใช่ไหม ? เธอได้เป็นคุณนายรัตติกรวรกุลแล้ว ฉันเก็บทุกอย่างไว้ให้เธอหมดแล้ว นอกจากทะเบียนสมรสใบนั้น เธอยังมีอะไรไม่พอใจอีก ? เทย่ากลายเป็นบ้าไปแล้ว ตอนนี้เป็นแค่คนแก่ที่กำลังจะสิ้นอายุขัยอยู่แล้ว ทำไมเธอถึงยังไม่ยอมปล่อยเขาไปอีก ?”
คุณนายรัตติกรวรกุลถูกพรรษาเขย่าจนเริ่มเวียนหัว
“คุณพูดอะไรของคุณ ? ฉันจะลักพาตัวเทย่าไปทำไม ? ฉันกินอิ่มจนเอียนหรือไง ? เจตต์ของพวกคุณนี่มันปีศาจชัดๆ ถ้าฉันลงมือกับแม่เขาจริงๆ เขาไม่เอาฉันตายเหรอ ? ฉันยังใช้ชีวิตไม่พอเลย เรื่องโง่ๆแบบนั้นฉันไม่มีทางทำหรอก”
“เธอไม่ได้ทำ ?”
พรรษาชะงักไปทันที
“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะมีใครไปลักพาตัวเทย่าอีก ? พวกเขาจะลักพาตัวเทย่าไปเพื่ออะไร ?”
คุณนายรัตติกรวรกุลผลักพรรษาออก แล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ? ฉันไม่ใช่คนพวกนั้นสักหน่อย”
พรรษาสับสนไปหมด
“ถ้าเธอไม่ได้เป็นคนลักพาตัวเขา เรื่องนี้มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่”
“อะไรกัน ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
คุณนายรัตติกรวรกุลยังคงไม่รู้สึกถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้
พรรษาทิ้งตัวลงกับโซฟาแล้วพูดว่า “หลายปีมานี้ฉันเพิ่งไปเยี่ยมเธอแค่ครั้งเดียว ทำไมเธอถึงได้หายตัวไปล่ะ ? ไม่ว่าจะพูดอะไรเจตต์ก็ไม่มีทางเชื่อฉันหรอก ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ดีไป แต่ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฉันจะอธิบายกับลูกชายฉันว่ายังไง ?”
“นั่นเป็นลูกชายของคุณ ไม่ใช่ของฉัน! คุณดูสารรูปของคุณตอนนี้สิ”
คุณนายรัตติกรวรกุลยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห เลยขึ้นไปชั้นบนทันที เพื่อให้ห่างสายตาจะได้ไม่เสียอารมณ์
แต่พรรษากลับไม่อาจสงบใจได้เลย
เขาสั่งให้คนมากมายออกไปตามหาเทย่า น่าเสียดายที่เทย่าดูเหมือนระเหยกลายเป็นไอไปท่ามกลางผู้คนแล้ว เลยไม่มีเบาะแสอะไรเลย
ตอนที่เจตต์นั่งเครื่องบินกลับมา ทางบุริศร์ก็พลิกแผ่นดินตามหาทั่วเมืองชลธีแล้ว น่าเสียดายที่ก็ยังตามหาข่าวคราวของเทย่าไม่เจอ
นรมนก็ไปตามหาด้วยตัวเองอยู่หลายที่ สุดท้ายก็หมดเรี่ยวแรง เลยถูกบุริศร์บังคับพาตัวกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
เจตต์กลับมาถึงในตอนกลางคืน
เขาทั้งเย็นชาและมืดมนจนน่ากลัว ราวกับวิญญาณชั่วร้ายที่คืบคลานออกมาจากนรก เขาตรงกลับไปที่ตระกูลรัตติกรวรกุล ถีบประตูบ้านเข้าไป กระชากตัวคุณนายรัตติกรวรกุลขึ้นมาจากเตียง
“แม่ของฉันอยู่ที่ไหน ?”
เจตต์ในเวลานี้ราวกับยักษา ตาแดงก่ำจนคุณนายรัตติกรวรกุลตกใจกลัวตัวสั่นเทา
“นายกำลังพูดเรื่องอะไร ? ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่นายไปอยู่ไหน”
“เจตต์ เธอไม่รู้เรื่องจริงๆ ฉันสั่งให้คนออกไปตามหาแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ได้ข่าวคราวของแม่นาย แต่ก็มีเบาะแสอยู่บ้าง นายปล่อยคุณน้าของนายก่อน”
คำพูดของพรรษาทำให้เจตต์ส่องสายตาไปมองทันที
“เบาะแสอะไร ? พูดมา !”