แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 763
บทที่ 763 ตระกูลโตเล็กเกิดเรื่องหรือ?
เมื่อพี่น้องตระกูลทวีทรัพย์ธาดา รู้ว่านรมนกำลังจะพาเด็กๆ มาอยู่ที่นี่สองสามวัน พวกเขามีความสุขมากโดยเฉพาะธรณีเขาไม่คาดคิดว่า นรมนจะตอบรับที่ตัวเองเสนอให้พวกเขามาอยู่
เมื่อรู้สึกถึงความกระตือรือร้นของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา นรมนยังคงทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย แต่เพื่อประโยชน์ของเด็กๆ เธอจึงตัดสินใจไปที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา
“จริงสิ ฉันเพิ่งนึกออก แม่ให้จดหมายฉันมา”
นรมนหยิบจดหมายที่ธรณีมอบให้เธอ ก่อนจะส่งมันให้บุริศร์
“แม่คุณให้จดหมายคุณ แล้วให้ผมทำไม”
บุริศร์ชะงักเล็กน้อย
นรมนพูดเสียงต่ำ “คุณคิดว่าตอนนี้ที่อินเทอร์เน็ตมันพัฒนาไปไกล แม่ฉันยังต้องส่งจดหมายหาฉันอีกหรือ? พูดตามตรง ฉันกังวลเล็กน้อยที่เธอจะพูดอะไรบางอย่างเช่นขอโทษฉันและฉันไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร”
บุริศร์ยิ้มขึ้นมาทันใด พลางพูด “มีคนรักคุณมากขนาดนี้ คุณควรรู้สึกมีความสุขถึงจะถูก”
“ฉันก็ปลอบใจตัวเองอย่างนี้ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ ฉันทำไม่ได้”
ท่าทางกะพริบตาของนรมน ช่วยผ่อนคลายประสาทที่ตึงเครียดของบุริศร์ได้เล็กน้อย
“โอเค คุณรอให้ไปถึงบ้านทวีทรัพย์ธาดา ตอนค่ำเมื่อไม่มีอะไรก็ลองอ่านเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นจดหมายที่คุณแม่ให้คุณมา อ่านเองก็ดีแล้ว”
“ก็ได้ พวกเรากลับข้างในกันเถอะ ปล่อยเจตต์อยู่คนเดียวในห้องโถงมันไม่ดี”
นรมนดึงบุริศร์กลับไปที่ห้องโถงใหญ่
เจตต์กำลังดูโทรทัศน์
เมื่อตอนนรมนคิดจะพูดกับเขาว่าสบายไหม ก็เห็นเจตต์ลุกขึ้น ก่อนจะวิ่งออกไปทางด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“อะไรกันนี่?”
นรมนเปิดปากถามอย่างรวดเร็ว แต่เจตต์ไม่มีเวลาคุยกับเธอ
ในทีวีออกอากาศให้เห็นว่า ตำรวจพบศพของผู้หญิงในท่าเรือ ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการกู้ซาก
ทันใดนั้นหัวใจของนรมนก็หยุดเต้น
“อาจจะเป็นคุณน้า?”
“ฉันไม่แน่ใจ แต่คิดว่าเจตต์คงไม่ทานข้าวเย็นกับพวกเราอีกแล้วละ ผมจะไปพูดกับเด็กๆ ที่จะไปส่งคุณและลูกไปบ้านทวีทรัพย์ธาดา ”
บุริศร์ไม่สนใจเจตต์เลย
ตราบใดก็ตามที่เป็นสิ่งที่คุกคามนรมนและเด็กๆ เขาให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
นรมต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง เมื่อเห็นบุริศร์กำลังกังวล เธอก็รีบหุบปาก
เธอกลับไปที่ห้องหากมลและกิจจา เด็กทั้งสองกำลังเล่นต่อจิ๊กซอว์ด้วยกัน เมื่อเห็นนรมนเข้ามา อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองนรมน
“หม่ามี๊ เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“หม่ามี๊จะพาพวกลูกไปเล่นที่บ้านอาธรณีสองสามวัน ดีไหมคะ?”
นรมนยังคงยิ้มอย่างสดใส แต่กิจจาสังเกตเห็นบางอย่าง
“หม่ามี๊ ต้องไปเหรอ?”
“ทางที่ดีไปกับหม่ามี๊นะ”
นรมนลูบหัวของกิจจา ไม่ได้อธิบายอะไร
กิจจาพยักหน้า ก่อนพูด “ครับ ผมจะไปเก็บของ”
“ไม่ต้องจ๊ะ แด๊ดดี้ไปเก็บของแล้ว หม่ามี๊มาบอกพวกหนู”
กมลรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
“หม่ามี๊ ทำไมเราต้องไปบ้าอาธรณีด้วยคะ? พวกเราอยู่ในบ้านตัวเองไม่ดีเหรอ?”
นรมนรู้ว่ากมลไม่ชอบย้ายไปมา ลูกเธอคนนี้ชอบความสงบ ตอนนี้ให้เธอไปยังที่ที่ไม่คุ้นชิน เธอรู้สึกเสียใจต่อลูกจริงๆ
“กมล คราวหลังหม่ามี๊จะคุยกับลูกนะ โอเคไหมคะ?”
เมื่อได้เห็นภาษาที่อ่อนโยนของนรมนและน้ำเสียงเจรจาต่อรอง กมลพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “โอเค แต่แด๊ดดี้ไปด้วยหรือเปล่า?”
“ช่วงนี้แด๊ดดี้ยุ่งมาก พวกเราไปอยู่ไม่กี่วัน พอแด๊ดดี้ทำธุระเสร็จก็จะกลับมารับพวกเรา ดีไหม?”
“พวกผู้ใหญ่นี่น่ารำคาญกันจริงๆ มักจะชอบโกหกเด็ก หนูรู้ พวกผู้ใหญ่มีเรื่องอะไรแน่ๆ ที่ผิดบังพวกเรา แต่กลับไม่พูดกับพวกเรา”
กมลขมวดคิ้วและพึมพำ
นรมนลูบหัวลูกสาวของเธอและพูด “กมล หนูยังเล็กนัก มีหลายสิ่งที่หนูไม่ควรแบกรับ นั่นคือเหตุผลที่แด๊ดดี้และหม่ามี๊ไม่บอกหนู รอให้หนูโตอีกสักนิด หม่ามี๊กับแด๊ดดี้จะพูดกับหนูเอง โอเคไหมคะ?”
“หนูไม่ได้บอกว่าต้องพูดกับพวกแด๊ดดี้หม่ามี๊สักหน่อย หนูแค่ไม่อยากไปจากที่นี่ ไปถึงบ้านอาธรณี แล้วหนูติดเตียงจะทำยังไง?”
กมลขมวดคิ้วแน่น
กิจจารีบพูดทันที “กมลนอนกับพี่ พี่จะปกป้องเธอเอง”
“ขอบคุณค่ะ พี่กิจจา”
กมลได้ยินอย่างนี้ใบหน้าเธอค่อยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
นรมนพบว่ากมลค่อนข้างจะพึ่งกิจจามากกว่ากานต์
ในช่วงเวลานี้ ที่กานต์ไม่ได้อยู่บ้าน โชคดีที่มีกานต์
นรมนขอให้ กิจจาพากมลไปเก็บกวาดจิ๊กซอว์ แล้วค่อยพาเด็กๆลงไปข้างล่าง
บุริศร์เก็บของของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาลงมา จึงพูดเสียงต่ำ “ผมจะไปส่งพวกคุณ”
“โอเค”
นรมนก็ไม่ล่าช้าเช่นกัน
พวกเขาไปยังบ้านทวีทรัพย์ธาดาอย่างรวดเร็ว
ธรณีและธรรศกำลังรออยู่ที่หน้าประตู พวกเขามีความสุขมากเมื่อเห็นนรมนพาเด็กๆ เข้ามา
“กมล กิจจา มา มาให้ลุงกอดหน่อย”
ธรรศตรงไปกอดกมล และ ส่วนกิจจาก็โดนธรณีอุ้มมานั่งบนตัก
นรมนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นอาทั้งสองมีความสุขมาก
เมื่อกลับมาที่บ้านทวีทรัพย์ธาดาอีกครั้ง อารมณ์ของนรมนก็ผสมปนเป บอกไม่ถูก
บุริศร์กลับฉวยโอกาสตอนไม่มีใครดึงนรมนเข้ามา ก่อนกระซิบ “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน มีสติให้มากนะ บางทีที่คุณบอกว่าเรณุกายังมีชีวิต มันอาจจะเป็นจริง”
นรมนชะงักงัน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก คนรับใช้ภายในบ้านพูดกับผมว่า มีเสียงมาจากแปลงปลูกดอกไม้ของเรณุกา โดยเฉพาะตอนกลางคืน พวกเขากลัวเลยไม่ได้เข้าไปดู แต่เรื่องนี้ยังคงติดอยู่ในใจผม ถ้าเป็นเรณุกาจริง ผมจะเอาเธอออกไปอย่างแน่นอน นรมนคุณต้องรู้ว่าผมเป็นห่วงคุณและเด็กๆ มากที่สุด”
เมื่อได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ นรมนก็ขมวดคิ้วแน่น
“ฉันเข้าใจแล้ว ไม่ต้องกังวลนะคะ มีฉันอยู่ จะไม่เกิดอะไรขึ้นกับลูกๆแน่นอน แค่กานต์ยังไม่กลับมา ถ้าหากกลับมา คุณให้ป้องมาส่งเขาก็โอเคแล้ว”
“ตอนนี้ผมคิดว่าให้กานต์อยู่ในเขตทหารจะปลอดภัยกว่านะ รอให้ผมจัดการเรื่องในตระกูลโตเล็กให้เสร็จแล้วค่อยว่ากัน เรื่องนี้ส่งมันมาให้ผม กมลกับกิจจาฝากให้คุณดูแลด้วย”
“พูดอะไรกัน พวกเขาเป็นลูกของฉันนะ พูดว่าให้ดูแลได้อย่างไรกัน?”
นรมนรู้สึกว่าตอนนี้เขาเคร่งขรึมเป็นพิเศษ ดูเหมือนกับจะหวาดกลัวเกินไป บางทีอาจเป็นเพราะตัวเองอ่อนไหว เลยทำให้บุริศร์กลายมาเป็นแบบนี้ด้วย
“บุริศร์ ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรหรอก ถึงแม้เรณุกาจะยังมีชีวิต แต่ตอนนี้เธอก็เหมือนกับนกอินทรีปีกหัก บินไม่สูง ไม่ได้ดีไปกว่าคุณ ไม่ต้องกังวลพวกเรา พวกเราจะยังคงปลอดภัยในบ้านทวีทรัพย์ธาดา”
เมื่อนรมนปลอบโยนบุริศร์อย่างนี้ ค่อยทำให้เขาโล่งอกโล่งใจ
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร มีเรื่องอะไรก็โทรหาผมนะ รู้ไหม?”
“เข้าใจแล้วค่ะ คุณอยู่ในบ้านคนเดียวก็ระวังตัวด้วย”
นรมนกลัวว่าเรณุกาจะทำร้ายบุริศร์
“ไม่งั้นก็ให้พฤกษ์มาอยู่กับคุณเถอะค่ะ ดูแลซึ่งกันและกัน ไม่อย่างนั้นฉันไม่สบายใจ”
เมื่อได้ยินคำแนะนำของนรมน บุริศร์ก็พยักหน้า
“โอเค ผมจะเรียกเขามา ตอนค่ำอย่าลืมโทรหาผมนะ ทุกวันตอนกลางคืนต้องโทร รู้ไหม?”
“เราเป็นสามีภรรยากันมานานแล้วนะ ไม่ใช่คนหนุ่มสาวที่เพิ่งแต่งงานกัน ต้องเป็นอย่างนี้ด้วยหรือคะ?”
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์ดูเหมือนจะพยายามชดเชยในสิ่งที่เขาเสียไปก่อนหน้านี้ แม้แต่ความหวานของคู่บ่าวสาวก็ตาม
“ผมไม่สน ถ้าคุณไม่โทรผมจะไม่นอน”
บุริศร์ในเวลานี้เป็นเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง
นรมนไม่มีทางเลือก นอกเสียจากรับปากเขา
ธรณีและธรรศพอใจมากเมื่อได้ท่าทางรักใคร่กลมเกลียวกันของพวกเขา
“โชคดีที่นรมนของพวกเราได้รับความเจ็บปวดมาเยอะ ในที่สุดต้นร้ายก็กลายเป็นดี รอจนเจอความรักของตัวเอง”
“พี่สาม ต้องพูดอะไรที่มันวรรณคดีอย่างนี้เลยหรือ? ถ้าหากให้ผมเลือก ผมยอมให้เธอลืมบุริศร์แล้วเริ่มต้นใหม่ดีกว่า แทนที่จะต้องผ่านความทุกข์ทรมานมากมายขนาดนี้”
คำพูดของธรณีทำให้ธรรศยิ้ม แต่เขาไม่ได้ขัด
ทั้งสองคนรักนรมน แต่พวกเขามีความคิดที่แตกต่างกัน
นรมนพูดคุยกับบุริศร์ได้สองสามประโยค ก่อนจะกลับเข้าไปยังบ้านทวีทรัพย์ธาดา กลับเห็นคุณอาทั้งสองมองมาที่ตนเองอย่างหยอกล้อ ฉับพลันใบหน้าเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง
“อาสาม อาเล็ก ทำไมพวกอามาอยู่ตรงนี้กันคะ? เด็กๆล่ะ?”
“เด็กๆเล่นกันอยู่ที่สวนหลังบ้าน อาเล็กของหลานได้ยินมาว่าเด็กๆอยากมา ตั้งใจหาคนมาเลือกสนามเด็กเล่น ตอนนี้คงเล่นกันอย่างสนุกสนานเลย”
คำพูดของธรรศทำให้ธรณีรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
“ไม่หรอก อาแค่คิดว่าเด็กๆกลับมา ต้องมีที่สนุกให้เล่นกันนะถึงจะดี”
“ขอบคุณพวกอาค่ะ”
นรมนรู้ว่าพวกเขากำลังเปลี่ยนกฎเพื่อเอาใจตัวเอง
เมื่อลองมาคิดดูด้วยตัวคุณเอง เธอเป็นคนที่ตีตัวออกห่างตระกูลทวีทรัพย์ธาดา และยิ่งกว่านั้น เพราะแม่ธรณีได้ตัดการติดต่อ และตัดความสัมพันธ์กับตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ตอนนี้คุณอาทั้งสองให้ความสำคัญกับเธอมากกว่าสิ่งอื่นใดทำให้มีกระแสความอบอุ่นภายในหัวใจของเธอโดยไม่รู้ตัว
“เด็กโง่นี่ พูดขอบคุณอะไร รีบเข้ามาเถอะ นี่กินข้าวหรือยัง? รอก่อนนะ อาสามจะเข้าครัวด้วยตัวเอง เธอไปเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆก่อนเถอะ”
ธรรศพูดจบก็ถกแขนเสื้อขึ้นเพื่อไปที่จะเข้าห้องครัว แต่เขาก็ถูกหยุดโดยนรมนเสียก่อน
“อาสาม ให้คนไปทำเถอะค่ะ หนูมีเรื่องจะถามอา เด็กๆไม่อยู่พอดี หนูจะได้ไม่ต้องบิดปัง”
คำพูดของนรมนทำให้ธรรศชะงักไปชั่วขณะจากนั้นเขาก็เหลือบไปมองธรณี รีบนั่งบนโซฟา
“เกิดอะไรขึ้น? บ้านตระกูลโตเล็กเกิดเรื่องเหรอ?”
ความรู้สึกไวของธรรศยังคงไวเป็นเลิศ
นรมนพยักหน้าก่อนพูดว่า “บ้านตระกูลโตเล็กเหมือนยังไม่สะอาดนัก มีคนเขียนนี่ไว้ในห้องน้ำ ในห้องนอนของหนู คุณอาดูสิคะ”
นรมนพูดพลาง นำภาพถ่ายที่ถ่ายในห้องน้ำให้ธรณีและธรรศดู
สองพี่น้องมองหน้ากันคิ้วของพวกเขาขมวดเข้าหากันแน่น
“ดังนั้นบุริศร์เลยจะไปจัดการตระกูลโตเล็กสินะ”
“คงจะเป็นอย่างนั้น แต่หนูยังคงสงสัย ดังนั้นเลยอยากจะถามอาสามและอาเล็ก”
นรมนบอกลุงทั้งสองเรื่องที่เธอสงสัยว่าเรณุกา ยังมีชีวิตอยู่
ธรรศขมวดคิ้วแน่นและพูดด้วยเสียงต่ำ “ข้อนี้ไม่น่าเป็นไปได้นะ ตอนแรกรถก็ระเบิดไปแล้ว เปลวไฟลุกโชนสูงเสียดท้องฟ้านับประสาอะไรกับคน ประมาณว่าเหล็กเร็วละลายได้ที่อุณหภูมินั้นเลยนะ”
“แต่ทำไมรถถึงระเบิดหรือคะ? ถ้าหากไม่มีคนอยู่ข้างในก่อนระเบิด?”
นรมนพูดสิ่งที่ตนเองสงสัย
ธรณีรีบส่ายหัว ก่อนพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ หลังเกิดเรื่อง เราได้ตรวจสอบกับแผนกที่เกี่ยวข้อง ถูกยืนยันว่ามีคนถูกระเบิดตายจริง แต่เพราะว่าอุณหภูมิสูงเกินไป การตรวจเลือดเลยไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนั้นบุริศร์ก็ยุ่งวุ่นวายกับที่อยู่ของของหนู จึงจัดการเรื่องนี้แบบลวกๆไป”
เมื่อได้ยินธรณีพูดเช่นนี้ นรมนก็สับสนอีกครั้ง