แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 788
บทที่ 788 เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณด้วย
เจตต์ชะงักไปเล็กน้อย
“นั่นโพนี่ เธอมาทำอะไรที่นี่?”
นรมนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที
“คุณรอเดี๋ยวนะ ฉันจะรีบกลับมา”
เธอพูดแล้วก็รีบวิ่งไปหาโพนี่
เจตต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย มักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่ได้ร้องขอความคิดเห็นจากนรมน เดินตามไปทันที
“โพนี่ เป็นอย่างไรบ้าง? ได้ผลลัพธ์ไหม?”
นรมนถามด้วยความกังวลใจสุด ๆ
โพนี่นำผลเลือดส่งให้นรมน
“เหมือนกับที่เธอพูดเอาไว้ไม่มีผิด ส่วนประกอบในเลือดมีสารพิษสะสมเรื้อรัง เรื่องนี้จัดการค่อนข้างยาก”
โพนี่พูดจบลง เจตต์ก็วิ่งเข้ามา
“เรื่องอะไรที่จัดการได้ยากเหรอ?”
นรมนเห็นเจตต์เดินเข้ามา จึงอดตกใจไม่ได้
คุณมาได้อย่างไรเนี่ย
“พวกคุณมีเรื่องอะไรปิดบังผมอยู่?”
เจตต์มองนรมน แววตานั้นทำให้นรมนไม่อาจปิดบังได้
“ไม่ได้ปิดบังอะไรกับคุณ แค่คิดว่ารอทุกคนมาพร้อมกันแล้วค่อยพูดทีเดียว”
นรมนซ่อนผลตรวจอย่างไม่รู้ตัว
เจตต์มองเห็นท่าทางของนรมน ถึงแม้ในใจจะกระวนกระวาย แต่ยังคงพยักหน้า
“ได้ งั้นผมจะรอ”
เขามองโพนี่ จากนั้นพาโสธรเข้าไปในโรงพยาบาลก่อน
นรมนถึงจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
โพนี่เห็นท่าทางของนรมน จึงกระซิบถาม: “ เธอยังไม่ได้บอกเขาเหรอ?”
“ ยังหาโอกาสไม่ได้เลย ได้จังหวะที่ทุกคนจะมาพร้อมกันพอดี จึงจะพูดพร้อมกันไปเลย พรรษาก็จะมาด้วย ถ้ายังไม่พูดอีก ฉันคิดว่าเรื่องเหล่านี้คงต้องรอให้ตำรวจเป็นคนแจ้งแก่พวกเขา”
นรมนก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องพูดซ้ำไปซ้ำมาให้แต่ละคนฟังจริงไหม?
โพนี่ตบไหล่ของนรมนและกล่าวเสียงเบาว่า: “ลำบากเธอแย่เลย เรื่องนี้ไม่ว่าจะพูดหรือไม่พูด ก็ไม่ใช่เรื่องดี”
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ เจตต์เป็นคนที่รักศักดิ์ศรีขนาดนั้น ฉันไม่รู้ว่าหลังจากนี้เขาจะระเบิดลงหรือเปล่า เรื่องของนิตากระทบกระเทือนเขาค่อนข้างมาก”
นรมนถอนหายใจ
ส่วนโพนี่ก็ส่ายหน้าและกล่าวว่า: “พวกเธอมีความเกี่ยวข้องกันแบบนี้ เรื่องนี้ทำได้เพียงให้เธอเป็นคนพูด เธอพูดยังดีกว่าคนอื่นพูดหน่อย”
“ไม่จริงหรอก เพื่อการตายของนิตา เจตต์แทบจะทำร้ายฉัน”
ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ โพนี่อึ้งไปทั้งตัว
“เป็นไปไม่ได้ ความรู้สึกที่เจตต์มีต่อนิตาลึกซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่อาจจะใช่ความรักเสมอไป เพียงแค่นิตาทำเพื่อเขามากมาย เขาเป็นคนอย่างไรเธอก็รู้ ให้ค่ากับมิตรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนสุดท้ายนิตายังใช้ชีวิตของตนเองเพื่อกำจัดอำนาจคุกคามให้แก่เขา นี่คือสิ่งที่เจตต์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดชีวิต บางครั้ง ยิ่งตอบแทนไม่ได้ ก็ยิ่งรู้สึกกดดัน บางทีนิตาอาจจะเป็นชะตากรรมของเจตต์”
คำพูดของนรมนทำให้โพนี่พยักหน้า
“ก็จริง ทุกคนล้วนมีชะตากรรมของตนเอง นิตาอาจจะเป็นชะตากรรมของเจตต์จริง ๆ รอชะตากรรมนี้ผ่านพ้นไป บางทีหลังจากนี้อาจจะราบรื่น”
“หวังว่านะ”
นรมนสูดลมหายใจเข้าลึกและกล่าวว่า: “ฉันคุยต่อด้วยไม่ได้แล้ว ฉันต้องไปดูว่าโสธรเป็นอย่างไรบ้าง เด็กคนนี้ถูกนิตาขังเอาไว้ในอพาร์ทเม้นท์ ไม่รู้ว่าหิวมากี่วันแล้ว ฉันรับปากนิตาเอาไว้ ว่าจะดูแลโสธร”
“อืม เธอไปเถอะ ระวังตัวด้วยนะ โรงพยาบาลของฉันก็ยังมีเรื่องนิดหน่อย ขอตัวกลับก่อนนะ”
“ได้”
นรมนแยกกับโพนี่ และรีบเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว จากนั้นอาศัยตามคำบอกของเจตต์ตามหาเขากับโสธรจนเจอ
“เป็นไงบ้าง?”
นรมนมองเห็นโสธรยังคงทำการตรวจอยู่ จึงรีบเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพียงแค่อ่อนเพลียเล็กน้อย พักผ่อนสักหน่อย ให้น้ำเกลือก็พอ”
เจตต์ตอบเสียงเบา
ในขณะที่กำลังพูด บุริศร์กับพรรษาก็มา ส่วนด้านหลังยังมีพฤกษ์ตามมาด้วย
“นายมาทำอะไร?”
ท่าทางของเจตต์ไม่ค่อยดีนัก ถ้าไม่ใช่เพราะมีนรมนกับบุริศร์อยู่ด้วย เดาว่าเจตต์คงจะไล่พฤกษ์ออกไปนานแล้ว
พรรษาได้ยินเจตต์พูดแบบนี้ จึงอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ว่า : “เขาเป็นน้องชายของแก ทำไมจะมาไม่ได้?”
“ผมไม่เคยยอมรับ แต่ก่อนไม่ยอมรับ ตอนนี้ก็ไม่ยอมรับ และต่อจากนี้ก็ยิ่งไม่มีทาง”
คำพูดของเจตต์ทำให้พรรษาหน้าบึ้งทันที
“แกมันลูกไม่รักดี แก……”
“คุณอาพรรษา ฉันคิดว่ามีเรื่องอะไรก็ค่อยคุยกันหลังจากที่ฉันพูดจบดีกว่าไหมคะ?”
นรมนห้ามพรรษาเอาไว้ได้ทันเวลา
อาจเป็นเพราะเกรงใจสถานะของนรมน หรืออาจเป็นเพราะมีบุริศร์อยู่ด้วย พรรษาจึงเงียบลงทันที ส่วนสีหน้าของพฤกษ์ก็ดูไม่ได้ อย่างไรเสียไม่ว่าจะเป็นใคร การถูกคนไม่ต้อนรับก็รู้สึกค่อนข้างแย่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขายังมีสถานะเป็นลูกนอกสมรส
“ประธานบุริศร์ คุณนาย ผมขอตัวไปรอด้านนอกนะครับ”
พฤกษ์พูดแล้วก็จะเดินออกไป กลับถูกนรมนขัดขวางเอาไว้
“พฤกษ์ เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับคุณด้วย คุณอยู่ที่นี่เถอะ หลังจากฟังจบถ้ายังอยากจะไป พวกเราจะไม่ขวางคุณ เพียงแต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราเพียงแค่คิดว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะต้องรู้ ไม่ได้เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อคุณเพียงเพราะสถานะของคุณที่เปลี่ยนแปลงไป จุดนี้คุณต้องรู้เอาไว้ เข้าใจไหม”
นรมนกลัวพฤกษ์จะรับไม่ได้จริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอเข้าใจความรู้สึกที่บุริศร์มีต่อพฤกษ์ หลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้สองคนจะเป็นนายจ้างและลูกจ้าง แต่นรมนรู้ว่าบุริศร์เห็นเขาเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด
พฤกษ์ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ ก็อดแปลกใจไม่ได้
“เกี่ยวข้องกับผม?”
“ใช่ ฟังจบแล้วคุณจะเข้าใจ”
นรมนมองบุริศร์ เห็นเขาพยักหน้าให้ตนเอง ถึงจะหยิบมือถือในมือขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ฉันค้นพบบางสิ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ เรื่องนี้ฉันคิดว่าอยากจะให้ทุกคนได้รับรู้ เพราะสถานะของฉันในตอนนี้คือหลานสาวของเทย่า ลูกพี่ลูกน้องของเจตต์ เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับคุณน้าเทย่าของฉัน ดังนั้นฉันจึงเข้าแทรกแซงเรื่องในครอบครัวของพวกคุณคุณอาพรรษา”
เมื่อนรมนพูดถึงตรงนี้ก็เหลือบมองพรรษา
เห็นได้ชัดว่า พรรษารู้สึกแปลกใจมาก
“เธอคือหลานสาวของเทย่า?เป็นไปได้อย่างไร?ปีนั้นเทย่าเป็นเพียงแค่ลูกของแม่เลี้ยงเดี่ยว เธออยู่คนเดียว ตอนนั้นแม่ของเธอเป็นลูกจ้างในตระกูลของพวกเรา ฉันรู้ดีที่สุด แม่ของเธอเคยพูดเอาไว้ว่า มีลูกสาวเพียงแค่เธอคนเดียว”
ได้ฟังพรรษาพูดแบบนี้ นรมนงงงวยเล็กน้อย แต่เธอคิดว่าเทย่าไม่มีความจำเป็นต้องหลอกตนเอง จึงเล่าสิ่งที่เทย่าพูดให้ฟัง
พรรษารู้สึกช็อก
“เทย่าเป็นลูกของตระกูลพรโสภณ?นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ฉันไม่เคยรู้มาก่อน ฉันยังคิดว่า……”
“พ่อคิดว่าอะไร?พ่อเคยเป็นห่วงแม่ของผมจากใจจริงบ้างไหม?จนแม้แต่ผมยังสงสัยว่า ตอนแรกพ่อมีจุดประสงค์อะไรในการแต่งงานกับแม่ของผม?เธอไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพลและไม่มีเงินทอง แถมยังเป็นลูกสาวของลูกจ้างในบ้านของพ่อ ทำไมพ่อถึงได้แต่งงานกับเธอ?บอกว่ารักจริง หลังจากแต่งงานไม่ถึงปีพ่อก็มีชู้ นี่คือการแสดงให้เห็นถึงความรักที่แท้จริงเหรอ?”
คำพูดที่เชือดเฉือนของเจตต์ทำให้พรรษาอดกลั้นไม่ไหว
“นี่มันเรื่องของฉันกับแม่ของแก ถึงตาแกตั้งแต่เมื่อไหร่ พูดแทรกขึ้นมาทำไม?”
“ผมพูดไม่ได้หรือไง?แม่ของผมเป็นโรคประสาทกี่ปี?พ่อดูแลกี่ปี?แม่ของผมใช้ชีวิตอยู่ในความฝันอันสวยงามที่พ่อมอบให้เธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาและไม่ต้องการที่จะตื่นขึ้น ส่วนพ่อล่ะ?พ่อเกาะติดอยู่กับเมียน้อยของตนเองใช้ชีวิตอย่างสง่างาม แบบนี้พ่อยังกล้าพูดว่าเคยรักแม่ของผมอีกเหรอ ผมอยากให้เวลาย้อนกลับไปได้จริง ๆ ตอนนั้นแม่ของผมอาจจะเลือกทางอื่น”
เจตต์พูดอย่างโกรธแค้น
พรรษาพูดไม่ออกทันที
เขาต้องการพูดอะไร?
หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาไม่เคยไปหาเทย่า ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงที่เจตต์เกิดเรื่องขึ้น บางทีช่วงนี้เขาอาจจะไม่กลับไปหาเธอ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิด แต่ไม่กล้า แต่คำพูดเหล่านี้เขาจะพูดกับเจตต์อย่างไร?
พฤกษ์ยืนอยู่ตรงนั้นตลอด ได้ฟังสิ่งเหล่านี้ ไม่รู้ว่าตนเองควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไร จึงถือโอกาสยืนอยู่นิ่ง ๆ แข็งทื่อเหมือนตอไม้ ส่วนในใจเขาจะคิดอย่างไร ไม่มีใครรู้ได้
เจตต์เห็นพฤกษ์เป็นแบบนั้น ยังคิดจะพูดอะไรต่ออีก กลับถูกนรมนห้ามเอาไว้
“เรื่องที่ผ่านมาแล้วไม่ต้องพูดถึงอีก เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณน้ากับคุณอาพรรษาต้องให้พวกเขาจัดการกันเอง ส่วนเรื่องที่ฉันต้องการพูดในวันนี้ ยังต้องขอให้ทุกคนเตรียมใจเอาไว้ให้ดี ตอนที่ฉันได้ยินก็ตกใจมาก”
ในขณะที่พูดนรมนเปิดโปรแกรมบันทึกเสียงในมือถือ ค้นหาโฟลเดอร์จากด้านใน จากนั้นเสียงของชณะพลกับธัญญาก็ดังขึ้นมา
พรรษาใช้ชีวิตกับธัญญามานานหลายปีเช่นนี้ ทำไมจะฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของธัญญา?
แทบจะทันทีที่ธัญญาพูด เขากลั้นหายใจรับฟัง เพียงแต่ยิ่งฟังสีหน้ายิ่งดูไม่ได้
สีหน้าของพฤกษ์เองก็เปลี่ยนไป
ตอนแรกเขาตกใจ เดือดดาล และอับอายขายหน้า จนสุดท้ายอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
ในเวลานี้ ทุกคนไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
มือของเจตต์กำแน่น ถ้าธัญญาอยู่ตรงหน้า เขาอยากจะฉีกเธอให้เป็นชิ้น ๆ
ฟังเสียงบันทึกจบลงอย่างยากเย็น ทุกคนยังคงเงียบไม่พูดจาเหมือนเดิม ความเงียบนี้เหมือนกับมีภูเขาลูกใหญ่ที่มองไม่เห็นกดทับทรวงอกของทุกคนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรษา
สีหน้าของเขาไม่อาจคาดเดาได้ เดี๋ยวดำเดี๋ยวแดง เห็นได้ชัดว่าโกรธ
ผู้หญิงที่เขาใช้ชีวิตด้วยหลายปี จนแม้แต่เพื่อเธอ เขาไม่ต้องการภรรยาคนแรกของเขาด้วยซ้ำ แต่สุดท้าย ผู้หญิงคนนี้กลับร่วมมือกับคนนอกเพื่อวางแผนกับทรัพย์สมบัติของตนเอง จนแม้แต่อยากให้เขาตายเร็ว ๆ
และเขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งกับพฤกษ์ลูกนอกสมรสคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ใช่ลูกชายของตนเอง!
เขาโง่มาก!
โดนสวมเขามาหลายปี ยังเพลิดเพลินไปกับมัน นี่ทำให้รู้สึกโมโหอย่างยิ่ง
พรรษามองไปทางเจตต์เป็นอันดับแรก
ในตอนนี้เขารู้สึกว่ามีเพียงเจตต์ที่เป็นลูกชายของตนเอง และเป็นผู้สืบทอดทางสายเลือดของเขา อยากรู้ว่าเจตต์จะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องนี้ แต่น่าเสียดายที่เจตต์ไม่มองเขาเลย
สายตาของเจตต์อยู่ที่นรมน เขาเอ่ยถามเสียงเบาว่า: “ก่อนหน้านี้โพนี่ให้อะไรกับคุณเหรอ?”
“ผลตรวจเลือดของคุณน้า หลังจากฉันได้บันทึกเสียงนี้ จึงให้โพนี่นำเลือดของคุณน้าไปตรวจสอบ”
“ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”
สำหรับเจตต์ ธัญญาจะไปมั่วกับใคร พ่อของเขาจะถูกสวมเขาหรือเปล่า พฤกษ์จะใช่หรือไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ ของตนเอง เรื่องเหล่านี้ไม่มีความสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแม่ของเขา
เขาหวังเพียงให้แม่ของเขาปลอดภัย สุขภาพแข็งแรงก็พอแล้ว
มองเห็นแววตาคาดหวังของเจตต์ นรมนรู้สึกว่าตนเองโหดร้ายขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง แต่มันค่อนข้างอึดอัดเกินไปสำหรับเธอที่จะเปิดเผยเรื่องทั้งหมดนี้
นรมนนำผลตรวจเลือดออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้เจตต์อย่างสองจิตสองใจ
“คุณดูเองเถอะ”
เจตต์รับผลตรวจมา สีหน้าเปลี่ยนทันที