แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 792
“เทย่า คุณให้โอกาสผมสักครั้งเถอะ ครั้งนี้ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีก ผมต้องการอยู่กับคุณไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต นี่คือคำสัญญาตอนแรกของเรา คุณยังจำได้ไหม?”
คำพูดของพรรษา ทำให้เจตต์โกรธ
“พ่อพูดอะไร? แม่ผมมีชีวิตอยู่ได้มาหลายปี ขอพูดหน่อยเถอะ เป็นอย่างนี้แล้ว พ่อจะยังกลับมาทำไม?”
“เรื่องของฉันกับแม่แก ไม่ต้องมายุ่ง”
“คิดว่าผมอยากยุ่งนักหรือ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะแม่ผม แค่คุยกับพ่อผมก็รู้สึกแย่เต็มทนแล้ว ตอนนี้พ่อเป็นแบบอย่างของผู้ชายขยะ พ่อมีสิทธิ์อะไรที่รู้สึกว่าพ่อนอกใจไปแล้ว แถมมาสร้างความเจ็บปวดให้กับเมียและลูก แค่คำขอโทษเดียวก็สามารถจบเรื่องทุกอย่างได้? มีสิทธิ์อะไรคิดว่าแค่คำขอโทษเดียวจะสามารถได้รับการให้อภัยจากคนอื่น? พ่อเคยรักแม่ผมจริงไหม? ถามใจตัวเองดู ตลอดหลายปีที่ผ่านมาใจพ่อเคยมีแม่อยู่บ้างไหม? ถึงแม้แม่จะเป็นคนคลอดลูกให้ รักษาหน้าให้พ่อ พ่อก็ยังไม่พอใจ อย่าพูดว่าผู้ชายทุกคนจะทำสิ่งที่ผิดเหมือนพ่อ นี่พ่อกำลังทำสบประมาทเหยียดหยามลูกผู้ชาย”
เจตต์พูดความคิดออกมาโดยตรงกับพรรษา
นรมนเห็นว่าตอนนี้นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวแล้ว เธอจึงพูดขึ้นมา “คุณน้าคะ หนูกลับพฤกษ์ขอตัวกลับก่อน”
“รอก่อนสิจ๊ะ รอป้าเซ็นชื่อก่อนแล้วจะกลับกับหนูด้วย”
คำพูดของเทย่า ทำให้ดวงตาของพรรษารื้นน้ำตาทันใด
“เทย่า คุณต้องการอย่างนี้จริงใช่ไหม? เราที่เป็นผัวเมียกันมาหลายปี คุณให้ผมอยู่กับคุณได้ไหม?”
“ฉันพูดไปหมดแล้ว แล้วแต่คุณเถอะ”
เทย่าไม่พูดอย่างอื่นแล้ว เซ็นลงในหนังสือหย่า หลังจากนั้นจึงหันไปทางนรมน ยิ้มและพูดว่า “พาป้ากลับเถอะจ๊ะ”
“แม่ ให้ผมพากลับก็ดีอยู่แล้ว”
เจตต์ขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเทย่าไม่ได้พึ่งพาตัวเองเหมือนเมื่อก่อน
จิตใจของเขารู้สึกหดหู่
เทย่าตบมือกับเขา ยิ้มและพูดว่า “ลูกลืมไปแล้วหรือ? โสธรยังอยู่ในโรงพยาบาล ลูกไม่สามารถให้บุริศร์คอยเฝ้าไว้ได้ตลอดใช่ไหม? เรื่องของตัวเองก็จัดการเอาเอง ถึงแม้แม่จะไม่ชอบนิตา แต่เธอคือเธอ น้องของเธอก็คือน้องของเธอ แม่ไม่โกรธ ไม่ต้องกังวล แม่กลับกับนรมนดีแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
เมื่อฟังคำของเทย่า เจตต์ค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ครับ ถ้าแม่ต้องการอะไร รีบบอกผม ผมให้เบอร์ไว้แล้ว”
คำพูดของเจตต์ทำให้เทย่าหัวเราะ “คิดว่าแม่ของลูกจะอยู่ในบ้านพักคนชราเสียหลายปีจนเก่าคร่ำครึแล้วหรือ? แม้กระทั่งเก็บเบอร์โทรศัพท์ก็ทำไม่เป็น?”
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ว่าผมกลัวว่าแม่จะเซฟเบอร์ไม่ได้ ผมคิดว่าเขียนลงไปน่าจะดีกว่า”
เจตต์ยังไม่ยอมรับว่าเขากำลังดูถูกแม่ของเขา
เมื่อเห็นเจตต์และเทย่าพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กระทั่งลืมไปเลยว่าเขายังอยู่ที่นี่ ใจของพรรษาไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอย่างไร
เขายังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเห็นเทย่ากุมมือนรมนก่อนพูดว่า “นรมน ไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเทย่าตัดสินใจแล้ว นรมนก็ไม่ได้พูดอะไร เดินนำหน้าไปและพาเทย่าออกไปจากบ้านรัตติกรวรกุล
ที่ประตูหน้าบ้านตระกูลรัตติกรวรกุล นรมนมองไปยังพฤกษ์
เขาไม่ได้ไปสถานีตำรวจกับธัญญา แต่ยืนสูบบุหรี่คนเดียวข้างๆรถ
ในตอนนี้ ใต้เท้าพฤกษ์เต็มไปด้วยขี้เถ้าจากบุหรี่แล้ว
“อยากเป็นมะเร็งปอดหรือ? สูบจัดขนาดนี้? ไม่กลัวคมทิพย์กลับมาคิดบัญชีกับนายหรือไง?”
นรมนต้องการปลอบใจพฤกษ์ แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร ไม่ว่าใครก็ตามที่ประสบปัญหากับเรื่องของมารดาตัวเองอย่างนี้ ก็คงรับไม่ไหว
พฤกษ์เห็นนรมนออกมาแล้ว จึงรีบโยนบุหรี่ทิ้ง
“คุณนาย ผมไปส่งคุณครับ”
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้นายเป็นอย่างนี้ ฉันไม่วางใจ ไม่อย่างนั้นเรียกคนขับรถมาแล้วไปส่งนายเถอะ ฉันคิดว่าตอนนี้นายต้องการพักผ่อน”
นรมนเป็นห่วงพฤกษ์จริงๆ
“พฤกษ์ ธัญญาก็คือธัญญา นายก็คือนาย พวกเราไม่มีใครมองนายเหมือนกันกับธัญญาหรอก ไม่ต้องเสียใจไป”
นรมนตบบ่าพฤกษ์ ก่อนพูด “คิดถึงคมทิพย์ คิดถึงบุริศร์ นายยังมีเพื่อนอยู่ข้างกายอีกเยอะ นายไม่ใช่ตัวคนเดียว ถึงแม้นายจะไม่ใช่ลูกตระกูลรัตติกรวรกุลแล้วมันอย่างไร? พฤกษ์ที่เรารู้จักแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ใช่ลูกชายที่ร่ำรวยของรัตติกรวรกุล นายก็คือนาย! ไม่ว่านายจะเจอเรื่องอะไรมา คนที่เราคบหาก็คือนาย ชื่อนายหรือเรื่องราวที่นายเจอมามันไม่เกี่ยว”
ได้ยินนรมนพูดอย่างนี้ พฤกษ์ซาบซึ้งใจมาก
“ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือไม่ เรียกคนขับรถมารับกลับไป นายเป็นอย่างนี้ฉันไม่วางใจเลยนะ อีกอย่าง นายเป็นแฟนของเพื่อนรักฉันด้วย ถ้าฉันไม่ดูแลให้ดี ถ้าตอนนั้นคมทิพย์ต้องการใครสักคน ฉันจะไปหาพฤกษ์อีกคนมาจากไหนเล่า? นายว่าใช่ไหม?”
“คุณน้า ขอโทษแทนแม่ของผมด้วยนะครับ!”
“เด็กโง่เอ๋ย ป้าพูดไปแล้ว ป้าไม่โกรธพฤกษ์หรอกนะ”
เทย่ายังคงมีเหตุมีผล ไม่โกรธเคืองคนอื่น
“ขอบคุณครับ คุณนายรัตติกรวรกุล”
ท่าทางของพฤกษ์ทำให้นรมนไม่ค่อยวางใจเท่าใด
“พฤกษ์ ฟังฉันนะ ไม่งั้นฉันจะส่งนายกลับ”
“ไม่ต้องจริงๆครับคุณนาย ผมดูแลตัวเองได้ ผมขอเวลาอยู่คนเดียวสักพัก”
“ถ้าอย่างนั้น ถ้านายมีอะไรก็โทรหาฉัน รู้ไหม?”
“อืม โอเคครับ”
เมื่อนรมนเห็นพฤกษ์เป็นเช่นนี้ เธอก็ทำเพียงพาเทย่าออกไปด้วยความเศร้า
ภายในรถ เทย่าไอออกมาอย่างรุนแรง
“คุณน้า ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
นรมนรีบยื่นขวดน้ำให้เธอ
เทย่าได้รับน้ำแล้วก็รีบจิบอย่างเร็ว แต่ก็สำลักเพราะมีอาการไอ
“ช้าๆหน่อยค่ะ”
นรมนรีบตรงไปลูบแผ่นหลังของเธอ
เทย่าใช้เวลาสักพักค่อยดีขึ้น มองไปยังนรมนที่เป็นห่วง จึงยิ้มและพูด “ป้าไม่เป็นไร”
“เป็นอย่างนี้แล้วยังคิดจะปิดบังหนู? คุณน้ารู้นานแล้วใช่ไหม?”
“รู้อะไรจ๊ะ?”
“คุณน้า!”
นรมนเหมือนจะร้องไห้ ใจเธอเจ็บไปหมด
เทย่าเห็นนรมนเป็นเช่นนี้ จึงรีบร้อนขึ้นมา
“อย่าร้องซี! เด็กคนนี้นี่ ป้าไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่สำลัก”
นรมนเห็นเทย่าไม่ตอบตรงๆ อดไม่ได้ที่จะมองเธอ และพูด “คุณน้าคะ พูดความจริงกับหนู คุณน้ารู้เรื่องเรื่องร่างกายของตัวเองนานแล้วใช่ไหม?”
เมื่อเห็นนรมนถามไม่หยุดเช่นนี้ เทย่าจึงถอนหายใจก่อนจะพูด “ใช่ ป้ารู้แล้ว อย่างไรก็ร่างกายตัวเอง ตัวเองรู้ดีที่สุด ช่วงนี้ป้ารู้สึกแน่นหน้าอก ร่างกายไม่ค่อยสบาย ป้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรกับตัวเอง แต่ป้าไม่คิดว่าคนดูแลจะวางยาพิษป้า มันอดที่จะแปลกใจไม่ได้”
นรมนเห็นแม้ว่าเทย่าจะดูอ่อนปวกเปียก แต่เธอก็เข้มแข็ง เธออดไม่ได้ที่จะนับถือ
“คุณน้า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี วางใจเถอะค่ะ ร่างกายคุณน้าไม่ได้แย่ขนาดนั้น หนูได้หาแพทย์ที่ดีที่สุดมารักษาคุณน้าแล้ว แค่เพียงคุณน้าเข้ากับการรักษา เราก็สามารถรักษาให้หายได้ค่ะ”
นรมนปลอบโยนเทย่า
เทย่ามองไปยังนรมนตรงหน้าพลางยิ้ม “ไม่ต้องปลอบป้าแล้ว แล้วไม่ต้องเปลืองจิตใจหาคำอื่นๆมาพูดแล้วละ ร่างกายตัวเองป้ารู้ดีที่สุด ป้ารู้ว่าตัวเองเริ่มไม่ไหว”
“คุณน้า”
เทย่ายิ้ม “ร่างกายตัวเองทำไมถึงจะไม่รู้เล่า? ไม่กี่วันก่อนป้าอ้วกเป็นเลือด ถึงแม้จะหาหมอเก่งที่สุดมาได้ แต่ว่าป้า เตรียมใจไว้แล้วละ ป้าเป็นห่วงเพียงเจตต์ กลัวเขารับไม่ไหว ชีวิตนี้เขาทุกข์มากพอแล้ว ถ้าหากป้าจากไป กลัวเหลือเกินว่าเข้าจะรับไม่ไหว แต่ตอนนี้มีหนู ป้าก็วางใจ พวกหนูเหมือนเป็นพี่เป็นน้อง ถึงแม้ป้าตายไป หนูก็ต้องดูแลใส่ใจเขา ถูกไหม? อย่างน้อยในโลกนี้เขาก็ยังมีญาติพี่น้อง ไม่ใช่อยู่ตัวคนเดียว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทย่า นรมนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“คุณน้า อย่าพูดอย่างนี้เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร ป้าไม่ใช่คนที่กลัวความตาย เรื่องที่ควรผ่านมาได้ก็ผ่านมาแล้ว ป้าไม่มีอะไรต้องเสียดายแล้ว ตอนนี้เรื่องเดียวที่ป้าเสียดายคือหาแม่ของหนูไม่เจอ ไม่เจอเธอ มีบางเรื่องที่ป้าอยากที่จะถามเธอต่อหน้าด้วยตัวป้าเอง”
คำพูดของเทย่าทำให้นรมนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูจะพยายามหาแม่ให้เร็วที่สุด ให้เธอจำคุณน้าได้ทันเวลา”
“จำได้หรือจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ป้าแค่อยากจะพอเจอเธอเท่านั้นเอง ชีวิตนี้ เธอเป็นญาติเพียงคนเดียวบนโลกของป้า”
ความรู้สึกเศร้าใจของเทย่าทำให้นรมนเศร้าใจเล็กน้อย
“คุณน้าคะ ให้หนูพาคุณน้าไปโรงพยาบาลเถอะ”
“ไม่ต้องจ๊ะ ป้าไม่ชอบกลิ่นโซดาที่นั่น อยู่ที่นั่นมาตลอดหลายปี ป้าดมกลิ่นนั่นทุกวัน ป้าเบื่อแล้ว ถ้าหากหนูอยากให้ป้าดีจริงๆ ได้โปรดให้ป้าห่างจากที่แห่งนี้เถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทย่า นรมนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“คุณน้าคะ ตอนนี้ร่างกายของป้ามีปัญหา เราต้องรีบไปรักษาที่โรงพยาบาลนะคะ”
“ไม่รักษาแล้ว ป้าแค่อยากอยู่คนเดียว ป้าเหนื่อยแล้ว พาป้ากลับบ้านเถอะ”
นรมนรู้ว่าเทย่าไม่ได้เป็นอย่างที่เธอพูด แต่เธอแค่ไม่อยากไปโรงพยาบาล
เธออดไม่ได้ที่จะยิ่งรู้สึกเศร้ามากขึ้น
ท้ายที่สุด นรมนก็ขัดเทย่าไม่ได้ เธอขับรถกลับไปยังบ้านของเจตต์
เทย่ากลับมายังบ้าน และห้ามนรมนที่หน้าประตู
“รีบไปหาบุริศร์เถอะ เพื่อเรื่องที่วุ่นวายของเรา ทำให้พวกหนูสองคนเป็นทุกข์ใจ ไม่ต้องห่วงป้านะ ป้าไม่เป็นไร อยากจะพักผ่อนเสียหน่อย”
นรมนไม่คาดคิดว่าเธอจะถูกเทย่าห้ามไว้ ความรู้สึกนี้จะพูดอย่างไรกันนะ?
เธอถูกป้าของตัวเองห้ามไม่ให้เข้ามาจากข้างนอก แต่มีเรื่องอยากจะพูด แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเทย่า เธอก็กลั้นมันเอาไว้
“โอเค ในเมื่อคุณน้าพูดอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นหนูไม่รบกวนคุณน้าแล้วค่ะ ต้องพักผ่อนเยอะๆนะคะ”
“รู้แล้วจ๊ะ”
เทย่ายิ้มให้นรมนอย่างมีเมตตาและอ่อนโยน
เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถเจอนรมนได้นานแค่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าร่างกายตัวเองจะรับตัวเองได้นานแค่ไหน
จู่ๆก็รู้สึกเศร้า และอยากจะร้องไห้
เธอกำลังจะตาย!
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเทย่าก็ดังขึ้น
เทย่าดูเหมือนไม่ดูโทรศัพท์ แต่เมื่อเห็นหมายเลขที่โทรมา เธอไม่รับสายก่อนจะปิดโทรศัพท์ไป ท่าทางนี้ทำให้นรมนอดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้
ใครเป็นคนส่งข้อความถึงเทย่า? แล้วมีใครอีกที่รู้ว่าร่างกายของเทย่ามีปัญหา?