แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 863
บทที่ 863 ใช่ว่าไม่กลัว แต่กลัวไม่ได้
“หม่ามี้ เป็นอะไรไปคะ”
กมลเห็นท่าทางพวกเขา อดที่จะถามไม่ได้ กิจจาก็รู้สึกกังวลมองพวกเขาเหมือนกัน
นรมนกับบุริศร์รีบปรับอารมณ์ตัวเอง พูดเบาๆ “ไม่มีอะไร เด็กๆ ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวมากินข้าวกัน หม่ามี้กับแด๊ดดี้รับสายก่อน”
“ครับ/ค่ะ”
กมลกับกิจจาขึ้นไปข้างบน
ธรรศมองพวกเขา กระซิบถาม “พวกเธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“อึม นิดหน่อยค่ะ บอกอาแล้ว ขอบคุณค่ะอาสาม”
นรมนยิ้ม แล้วรีบเดินออกไปรับสายข้างนอก
บุริศร์คิ้วขมวดแน่น
ธรรศนึกถึงคำพูดที่บุริศร์ถามตัวเองตอนเพิ่งเข้าบ้าน
“เกิดเรื่องจริงๆ หรือ”
“เพื่อนคนหนึ่งครับ เพื่อนของนรมน แต่ว่าเรื่องนี้ยากหน่อย”
บุริศร์กระซิบ
ถ้าเป็นไปได้ เขาไม่อยากดึงตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเข้ามายุ่ง แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก เขาสืบไม่ได้เรื่องอะไร ทำให้รู้สึกหงุดหงิด
ธรรศเมื่อได้ยินว่าเป็นเพื่อนของนรมน ก็รีบนั่งลง
“เรื่องอะไร บอกมาสิ เผื่อฉันจะช่วยได้”
“อาไปทำกับข้าวเถอะครับ บ้านเราขาดพ่อครัว หรืออาจะอยู่ที่นี่ดีมั้ยครับ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้ธรรศอยากจะต่อยเขาสักหมัด
อะไรเรียกว่าขาดพ่อครัว
เขาเป็นถึงพันเอกมีเกียรติ มาเป็นพ่อครัวนี่นะ
ธรรศโมโหเดินไปทางห้องครัว เรื่องอาหารของเด็กๆ ยังเต็มใจ
บุริศร์รีบออกไปหานรมน
“เป็นยังไงบ้าง ใครโทรมา”
“ขายของค่ะ”
นรมนผิดหวังมาก
เวลานี้หวังว่าจะมีข่าวสักนิดเกี่ยวกับคมทิพย์ก็ยังดี
บุริศร์รู้ว่าเธอรู้สึกยังไง แต่ก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไรดี
สองคนยืนข้างนอกครู่หนึ่ง นรมนกระซิบ “เข้าไปกันเถอะค่ะ อย่าให้เด็กๆ เห็น เรื่องของผู้ใหญ่ก็ให้ผู้ใหญ่แก้ไขเถอะ”
“อึม”
บุริศร์พานรมนกลับเข้าไปในห้องรับแขก
เด็กๆ อาบน้ำเสร็จแล้ว
กานต์นั่งพิงโซฟา ท่าทางสบายๆ
กิจจาท่าทางสุขุม กมลไร้เดียงสาวิ่งไปทางห้องครัวดูว่าธรรศทำอะไรกิน
นรมนกับบุริศร์เพิ่งนั่งลง ก็ได้ยินกานต์ถาม “หม่ามี้ น้าคมทิพย์กลับมาแล้วใช่มั้ยครับ”
“ลูกรู้ได้ยังไงจ๊ะ”
นรมนกับบุริศร์อึ้งไปทันที
หลังจากคมทิพย์ไปชายแดน ก็ไม่มีข่าวคราวมานาน ต่อให้คมทิพย์กลับมาแล้ว กานต์ฝึกอบรมที่ค่ายทหาร เป็นสถานที่ปิด เขาจะรู้ได้อย่างไร
กานต์ชี้มือถือตัวเอง ด้านบนมีจุดสีแดง พูดเรียบๆ “เพราะผมมีแผนที่ความเคลื่อนไหวของน้าครับ”
“แผนที่เคลื่อนไหวอะไร”
นรมนตื่นเต้นทันที บุริศร์กลับฟังเข้าใจแล้ว
“ลูกจะบอกว่า ลูกติดเครื่องติดตามตัวกับคมทิพย์”
“จะว่ายังงั้นก็ได้ครับ ครั้งก่อนที่เกิดเรื่องคนในบ้านเราหาย ผมก็เลยทำเครื่องติดตามตัว ติดไว้ในของที่ทุกคนชอบใส่อย่างพวกเครื่องประดับหรือสร้อยคอต่างหู เป็นอะไรไปครับ ไม่มีอะไรมาก ผมกลัวว่าวันหนึ่งพ่อแม่จะหายไป ก็เลยไม่ได้บอก แด๊ดดี้ หม่ามี้ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ผมกลัว”
ทันใดนั้นกานต์รู้สึกว่าสายตาของบุริศร์กับนรมนร้อนแรงมาก เหมือนอยากจะกินตัวเอง ก็เลยรีบสารภาพ
“ลูกชาย แม่รักลูกที่สุด!”
นรมนเข้าไปกอดกานต์ระดมหอมแก้ม
กานต์รู้สึกอึดอัด
“ หม่ามี้ ผมจะหายใจไม่ออกแล้วครับ เรื่องอะไรกัน พ่อแม่ไม่ตำหนิผมหรือครับ”
กานต์มองพวกเขาสีหน้างงงวย
น้อยครั้งที่บุริศร์จะไม่ด่ากานต์ ยิ้มแย้ม “บอกตำแหน่งของเธอมาสิ”
“ซอยข้างหลังไม่ไกลจากที่นี่ ผมจำได้ตรงนั้นน่าจะเป็นย่านโคมแดงมั้ง”
คำพูดของกานต์ทำให้นรมนกับบุริศร์กังวล
“เขตโคมแดง”
คมทิพย์ไม่มีทักษะป้องกันตัวเอง ทำไมถึงไปเขตโคมแดง
อย่าลืมว่า ที่นั่นไม่ว่าใครก็ตามทำให้คมทิพย์เกิดเรื่องได้ทั้งนั้น
นรมนนั่งไม่ติดแล้ว
เธอลุกขึ้น แต่ถูกบุริศร์ขวางไว้
“ผมไปกับคุณด้วย”
“เด็กๆ…”
“มีอาสามไง”
บุริศร์พูดจามีเหตุผล
ในที่สุดกานต์ก็ฟังเข้าใจ
“พ่อแม่ตามหาน้าคมทิพย์อีกแล้วหรือครับ”
“จ้ะ มีเรื่องนิดหน่อย แต่ไม่ใช่จับตัวประกัน มือถือเธอหาย หม่ามี้เลยติดต่อไม่ได้”
นรมนรีบอธิบาย
กานต์ค่อยเบาใจ
“อ้อ ให้อาพฤกษ์ไปรับก็ได้นี่ครับ”
กานต์รู้เรื่องที่คมทิพย์เป็นคนรักของพฤกษ์
นรมนรู้ว่าลูกชายตัวเองจะคิดมาก รีบพูด “แม่ตามหาน้ามีเรื่องนิดหน่อย กลับมาค่อยบอกอาพฤกษ์ของลูก”
เธอลูบหัวกานต์ ยิ้มให้เขา “เด็กดี รออยู่ที่บ้าน หม่ามี้ออกไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับมา”
“อ้อ ครับ”
กานต์พยักหน้า ส่งตำแหน่งให้บุริศร์
หลังจากบุริศร์กับนรมนออกจากบ้าน ก็รีบโทรไปหาพฤกษ์
“มาเขตโคมแดงเร็ว หาคนเจอแล้ว”
พฤกษ์เวลานี้เหมือนคนบ้าออกตามหาคมทิพย์ไปทุกหนทุกแห่ง รับสายบุริศร์แล้ว แทบจะทรุดลงไปทั้งตัว
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
นรมนขึ้นรถแล้วเงียบขรึม เหมือนกำลังคิดเรื่องอะไร
บุริศร์ไม่รบกวนเธอ
นอกจากเรื่องก่อนหน้า พูดตามจริง เป็นไปไม่ได้ที่บุริศร์จะไม่คับข้องใจ แต่เพื่อนรมน เขาจึงอดทนไว้
ตอนที่เธอกับบุริศร์มาถึงหน้าบ้านเช่าของคมทิพย์ พฤกษ์ก็มาถึงเช่นกัน
เพราะซอยแคบ พวกเขาจอดรถไว้ข้างนอก แล้วเดินเข้าไป
ที่นี่เป็นพื้นที่รื้อถอน คนย้ายออกแทบหมดแล้ว คนที่อยู่ที่นี่จึงไม่มากแล้ว และมีสาเหตุจากเป็นเขตโคมแดงรุ่งเรือง เพราะที่นี่ไร้กฎควบคุม ทำให้การดำเนินอาชญากรรมเป็นไปอย่างอิสระ
นรมนและบุริศร์ที่เพิ่งเข้ามา ทำให้คนที่นี่ตะลึง คิดจะขยับ แต่พอเห็นสัญลักษณ์รถของบุริศร์ แต่ละคนก็ถึงกับหยุดมือ เพียงแต่สงสัย ทำไมบุริศร์ถึงมาที่แบบนี้ และยังมีคุณนายบุริศร์ตามมาด้วย
แต่พวกเขาแปลกใจก็ส่วนแปลกใจ เมื่อเห็นพฤกษ์ แต่ละคนไม่กล้าออกเสียง
แม้แต่พฤกษ์ก็มา พวกเขายังจะกล้าทำอะไร
การตกลงค้าขายหยุดชะงักทันที กลัวว่าเกิดอะไรขึ้นจะถูกบุริศร์จับ
เรื่องพวกนี้ บุริศร์กับนรมนย่อมไม่มีเวลาสนใจ แต่สีหน้าของพฤกษ์ยิ่งทียิ่งเคร่งขรึม
เขาถึงกับกังวลใจ
ถ้าหากคมทิพย์ถูกรังแกที่นี่จะทำยังไง
ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่
คำถามมากมายพรั่งพรูเข้ามาในหัวพฤกษ์ ทำให้เขาหาคำตอบไม่ได้ ได้แต่ตามนรมนกับบุริศร์ไปติดๆ
คนกลุ่มหนึ่งมาถึงหน้าประตูห้องเช่า นรมนจมูกแดง น้ำตาคลอเบ้า
ที่นี่เป็นห้องทรุดโทรมผุพัง ถ้าหากไม่ใช่เพราะจีพีเอสของกานต์ พวกเขาไม่มีทางนึกออกคมทิพย์จะซ่อนตัวที่นี่
ปัญญ์กับคมทิพย์ที่อยู่ข้างในได้ยินเสียงฝีเท้า สองคนระวังตัวทันที
“พี่ ออกไปทางหน้าต่าง ผมเป็นคนพิการ พวกมันไม่กล้าทำอะไรผมหรอก”
ปัญญ์ไม่มีทางปล่อยให้คมทิพย์เกิดเรื่องที่นี่
คมทิพย์หันไปหยิบท่อนเหล็กข้างๆ พูดเสียงเย็น “ตราบใดที่พี่ยังมีลมหายใจ พี่ไม่ทิ้งเธอแน่ๆ”
ดวงตาของปัญญ์ร้อนผ่าวขึ้นมันที
คมทิพย์ที่เคยเป็นครูชั้นอนุบาล อยู่กับเด็กๆ ที่น่ารักไร้เดียงสาทั้งวัน จะเคยถือท่อนเหล็กตีคนตอนไหนกัน
แต่นับแต่เกิดเรื่องราวในครอบครัว คมทิพย์ก็เหมือนแม่สิงโต ปกป้องปัญญ์ไม่ให้คลาดสายตา ไม่ยอมให้เขาบาดเจ็บแม้แต่น้อย แม้แต่ระหว่างหนีเอาตัวรอด คมทิพย์ก็ตีชายคนหนึ่งจนสลบ เลือดเยอะขนาดนั้นทำให้เธอตื่นตกใจ แต่เพื่อปัญญ์ สองมือที่สั่นเทาของเธอลากผู้ชายคนนั้นไปริมถนน โทรเบอร์ฉุกเฉิน 120
นับแต่นั้นมา คมทิพย์ก็เปลี่ยนไปแล้ว
เธอไม่อ่อนแออีก ไม่กลัวอีก ปัญญ์เคยได้ยินเธอพูด เธอบอกว่า “เพราะยังมีคนที่พี่ต้องการดูแลอยู่ข้างหลัง เมื่อฉันล้มแล้ว อย่างนั้นคนที่อยู่ข้างหลังจะทำยังไง ฉันจะล้มไม่ได้ และจะกลัวไม่ได้”
ประโยคนี้ทำให้ปัญญ์อยากจะร้องไห้
เขาเคยคิดจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้ให้พี่สาว ให้เธอไม่ต้องกังวลทุกข์ร้อน แต่ตอนนี้ “ใช่ว่าไม่กลัว แต่กลัวไม่ได้” ทำให้ปัญญ์อยากจะทุบตัวเองให้ตายอยู่หลายครั้ง
เขาทำให้คมทิพย์ลำบาก
ขณะนี้เสียงฝีเท้าข้างนอกดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของคมทิพย์ ท่อนเหล็กที่อยู่ในมือเธอกระชับแน่น พร้อมฟาดคนที่เข้ามาตลอดเวลา
ปัญญ์หยุดครุ่นคิด ตัวเองก็หยิบท่อนเหล็กข้างตัวขึ้นมา
ถ้าคนพวกนั้นอยากจะทำร้ายคมทิพย์ แม้จะต้องสละชีวิตนี้ ก็ต้องปกป้องพี่สาวคนนี้ให้ปลอดภัย
นรมนไม่รู้ว่าพี่น้องคู่นี้ที่อยู่ข้างในรู้สึกอย่างไร เดินไปที่หน้าประตูห้องเช่า มือของเธอสั่นเทา แต่ไม่รู้จะเคาะประตูอย่างไรดี
สุดท้ายพฤกษ์รอไม่ไหว เคาะประตูนั้น
ข้างในเงียบกริบ กระทั่งมืดสนิทไม่มีแสงไฟ นรมนกับบุริศร์ต่างสงสัย หรือว่ากานต์เข้าใจผิด
ที่นี่เหมือนที่มีคนอยู่ตรงไหน
พฤกษ์ยังคงเคาะต่อไป แต่สุดท้ายแล้วก็ทนไม่ไหว ถีบประตูพัง เดินเข้าไปข้างใน
ทันใดนั้นมีลมหอบ เหมือนมีของบางอย่างพุ่งมาที่ท้ายทอยของตัวเอง
พฤกษ์เคยฝึกการต่อสู้มาก่อน ย่อมตอบสนองได้ว่องไว ไม่ใช่แค่หลบทัน อีกมือหนึ่งยังจับข้อมือของคมทิพย์ กดเธอไปติดกำแพง
“ปล่อยพี่ผม! ปล่อยเธอ!”
ปัญญ์มองไม่เห็นคนที่เข้ามาคือใคร แต่รู้แน่ว่าคมทิพย์ถูกจับ ทันใดนั้นจึงเสียสติ
เขาร้องเรียก เสียงแหบพร่า ทั้งตัวลุกไม่ขึ้น แต่ยังคงพยายามดิ้นรนสุดกำลัง กางเกงมีเลือดไหลซึมไม่หยุด
พฤกษ์ชะงักนิดหนึ่ง
เขาได้ยินเสียงของปัญญ์ชัดเจน
คมทิพย์อาศัยจังหวะที่เขาชะงัก อีกมือหนึ่งคลำได้อะไรสักอย่าง แล้วทุบใส่หัวของพฤกษ์อีกครั้ง ไม่สนใจสักนิดว่าแขนอีกข้างของตนที่ถูกพฤกษ์จับไว้จะหักหรือไม่
“ไปตายซะ!”
คมทิพย์ไม่เคยโหดเหี้ยมขนาดนี้ทำให้พฤกษ์ตกตะลึง
เวลานี้เอง นรมนเปิดไฟ บุริศร์รีบแยกพฤกษ์กับคมทิพย์ทันที
ของที่อยู่ในมือคมทิพย์หล่นลงพื้นทันที มันคือที่เขี่ยบุหรี่อันใหญ่ ทุบเข้าที่ท้ายทอย แน่นอนว่าเลือดไหลไม่หยุด
แสงไฟทำให้ทุกคนหยุดชะงัก
คมทิพย์มองพวกเขาตกตะลึง ทันใดนั้นรู้สึกงงงวย
“พวกเธอ หาที่นี่เจอได้ยังไง”