แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 883
หลังจากบุริศร์พานรมนกลับมาที่ห้องนอน มองเธอด้วยความเป็นห่วง
นรมนก็รู้ว่าเขาเป็นห่วงเรื่องอะไร ยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ฉันไม่เป็นไร ฉันยอมรับว่าแรกเริ่มไม่สบายใจจริงๆ แต่คิดๆดู ฉันก็ครอบครองความรักของพวกเขามาตั้งหลายปีแล้ว จะใจแข็งไม่ยอมให้พวกเขาตามหาลูกสาวแท้ๆได้ยังไงกัน? อีกอย่างฉันเองก็มีพ่อแม่แท้ๆไม่ใช่เหรอ? ฉันแค่รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อยที่พวกเขาทำโดยพลการ”
“ทำโดยพลการงั้นเหรอ? ทำไมผมถึงรู้สึกว่ายัดเยียดให้คุณมากกว่า? ผู้หญิงคนนี้อายุพอๆกับคุณไม่ใช่เหรอ? แต่กลับเหมือนเด็กที่คอยให้คุณดูแล จุดนี้ผมโมโหมาก อีกอย่างพวกเขาก็รู้อยู่ชัดๆว่าตอนนี้คุณเป็นยังไงแล้วยัง……”
บุริศร์ก็ผ่านอะไรมามากมาย จะมองไม่ออกถึงจุดประสงค์ของพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนได้อย่างไร แต่ก่อนเห็นแก่ที่พวกเขาเลี้ยงดูสั่งสอนนรมน บุริศร์จึงปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเป็นพ่อแม่ของตนเองด้วยใจจริง แต่ตอนนี้เรื่องนี้ทำให้เขาไม่พอใจจริงๆ
นรมนปิดปากของเขาเอาไว้ได้ทัน
“ฉันรู้ว่าคุณทำเพื่อฉัน ฉันก็รู้ว่าคุณระบายอารมณ์เพื่อฉัน แต่ทำยังไงได้ล่ะ? จะให้ฉันแสดงทีท่าไม่พอใจไม่สนใจพวกเขา ฉันก็ทำไม่ได้ อีกอย่างวันนี้เห็นพ่อถือภาพวาดของตัวเองไปขายเลหลังที่โรงรับจำนำ หลังออกมาก็ซื้อไวโอลินไปแปดล้าน คุณรู้อยู่แล้วว่าพ่อฉันชอบภาพวาดของตัวเองมาก วันนี้ถือว่าทำอย่างสุดความสามารถเพื่อลูกสาวคนนี้แล้ว แค่หวังว่าเธอจะกตัญญู ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังก็พอแล้ว วันนี้เรื่องที่ช่วยได้ฉันจะช่วย แค่เนตราไม่ทำเกินไป คุยกันรู้เรื่อง ก็ถือว่าฉันมีน้องสาวเพิ่มมาอีกคนแล้วกันนะ”
นรมนส่ายหน้าอย่างจำใจ
บุริศร์เห็นเธอเป็นอย่างนี้ จึงพูดขึ้นด้วยความสงสาร: “คุณเนี่ยน้า ชอบทำให้ตัวเองลำบากอยู่เรื่อยเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่กี่วันเอง รอให้พวกเขาทำห้องเสร็จแล้ว คงพากลับไป”
นรมนพูดแล้วก็จะทำความสะอาดบนพื้นหน่อย แต่กลับพบว่าบนพื้นสะอาดเอี่ยมอ่อง
“ทำไมเหรอ?”
“ไม่มีอะไร ป้าหวานคงจะเข้ามาทำความสะอาดแล้วมั้ง”
นรมนไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่ แล้วเก็บกระดาษกับดินสอของตนเองขึ้นมา
บุริศร์เห็นแบบวาดของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะชะงักเล็กน้อย
“คุณกำลังออกแบบอยู่เหรอ?”
“อื้ม สมุดอยู่ที่บ้านคุณตา พรุ่งนี้ค่อยไปเอา วันนี้มีแรงบันดาลใจนิดหน่อย เสียดายที่ยังรู้สึกไม่ใช่ เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
“ให้ผมช่วยคุณหาข้อมูลประกอบไหม?”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนชะงักเล็กน้อย แล้วส่ายหัวพูดขึ้น: “ไม่เอา ฉันอยากพึ่งตัวเอง ต่อให้ไม่ได้รับเลือก ฉันก็พยายามแล้ว ถ้าคุณช่วยฉัน ฉันกล้ารับรองเลยว่าต้องเข้ารอบแน่ๆ แต่ว่าฉันไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น”
“ได้ คุณว่าไงก็ว่าตามกัน ตามใจคุณเลย”
บุริศร์ขยี้ๆหัวของเธอ
จู่ๆนรมนก็นึกถึงอะไรขึ้นมา
“ใช่สิ เกิดอะไรขึ้นกับภาริช?”
“อะไรคือเกิดอะไรขึ้น?”
บุริศร์แปลกใจเล็กน้อย
“ภาริชไม่ได้โดนปล่อยตัวออกมาใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ ทำไมเหรอ?”
นรมนเห็นท่าทางของบุริศร์ในตอนนี้ไม่เหมือนกำลังล้อเล่นเลยสักนิด จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“วันนี้ฉันกับกานต์ไปเล่นเกมที่ร้านเกม เจอวัยรุ่นคนหนึ่งเข้ามาหาเรื่อง”
นรมนเล่าเรื่องที่ร้านเกมวันนี้ให้เขาฟัง แล้วยังพูดถึงภาริชที่คุยโทรศัพท์กับเทวินอีกด้วย เน้นย้ำเรื่องที่ภาริชเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เรียกกานต์ว่าหลานชาย แล้วยังพูดถึงลวดลายดอกฝิ่นอันนั้นด้วย
หลังจากบุริศร์ได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วแน่น
“เป็นไปไม่ได้ ภาริชอยู่ในขอบเขตสายตาของผมตลอด อีกอย่างช่วงเวลาที่คุณพูดถึง ไม่มีคนโทรหาภาริชเลยนะ”
“เป็นไปได้ยังไง? ฉันยังมีบันทึกการโทรอยู่เลยนะ”
นรมนรีบหยิบมือถือออกมาเอาบันทึกการโทรให้บุริศร์ดู
บุริศร์รับมาดู หรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วกดโทรออกไปทันที แต่สายฝั่งนั้นส่งเสียงว่าปิดเครื่องออกมา
นรมนค่อนข้างประหลาดใจ
“ตอนบ่ายยังโทรติดอยู่เลย”
“ผมจะไปดูที่ร้านเกมหน่อย”
บุริศร์พูดแล้วก็จะออกไป
“ฉันไปกับคุณด้วย”
นรมนคว้าเสื้อคลุมขึ้นแล้วออกไป
เดิมทีบุริศร์ไม่อยากให้นรมนตามไปด้วย แต่ก็กลัวว่าเธออยู่บ้านคนเดียวแล้วจะฟุ้งซ่าน จึงตอบตกลง
ตอนที่นรมนกับบุริศร์ออกมา เนตรายังอยู่ที่ห้องรับแขก ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทักทายเธอ เดินออกไปทันที
กานต์อยู่ในห้อง พวกเขาไม่กังวลเลยว่าเนตราจะทำอะไรกานต์ อันที่จริงไอคิวของกานต์สูงกว่าเนตราอย่างเหลือเฟือ
ตอนที่นรมนกับบุริศร์มาถึงร้านเกมก็พบว่าประตูใหญ่ของที่นี่ปิดแน่น ล็อคกุญแจเอาไว้ด้วย
“เป็นไปได้ไง? เวลานี้น่าจะเป็นช่วงที่ร้านเกมครึกครื้นที่สุดไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่มีคน? ตอนบ่ายฉันกับกานต์เห็นอยู่ชัดๆ……”
นรมนยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนบุริศร์แทรกขึ้น
“ดูแล้วคุณกับกานต์คงไปเจอเรื่องอะไรเข้าโดยบังเอิญ ภาริชคนนี้อาจจะไม่ใช่ภาริชที่พวกเราจับเอาไว้ ดังนั้นที่นี่อาจจะเป็นฐานปฏิบัติการของลวดลายดอกฝิ่นก็ได้ น่าเสียดายที่ช่วงบ่ายเราแหวกหญ้าให้งูตื่นไปแล้ว ตอนนี้คงหนีไปกันหมดแล้วล่ะ”
“หมายความว่าไง? คุณจะบอกว่าคนที่จับตัวเอาไว้ไม่ใช่ภาริช?”
นรมนรู้สึกว่าตนเองสับสน
บุริศร์ส่ายหน้าพูดขึ้น: “ผมก็ไม่รู้ ภาริชที่เราจับเอาไว้ไม่ปริปากพูดอะไรเลย แล้วจนถึงตอนนี้คุณอารองก็ยังไม่โทรมา เหมือนว่าจะละทิ้งเขาแล้ว นี่ไม่ค่อยสมจริง แล้วก็ไม่สอดคล้องตามสิ่งที่ควรจะเป็น ส่วนคุณทางด้านนี้ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับภาริชคนที่สอง แล้วยังเรียกคุณว่าพี่สะใภ้อีก ต้องครุ่นคิดให้ดีแล้ว หรือจะบอกว่าเราเป็นแฝดสี่ตั้งแต่เริ่มแรกงั้นเหรอ? ภาริชคนนี้คือคนที่โดนทิ้งไป?”
ได้ยินการคาดเดาของบุริศร์ นรมนก็ยิ่งประหลาดใจ
“ไม่น่าใช่มั้ง?”
“ไปถามภาริชคนนั้นแล้วค่อยว่ากัน”
บุริศร์หมุนตัวพานรมนขึ้นรถ แล้วขับรถไปสถานที่คุมขังภาริช
นภดลกับชัยยศพวกเขาเห็นพวกนรมนมาแล้ว จึงรีบเปิดทางให้
“ยังคงไม่ยอมพูดอะไรเลยใช่ไหม?”
บุริศร์ถาม
นภดลพยักหน้า
“ไม่พูดอะไรเลย ใช้ทุกวิถีทาง จนหมดมุกแล้ว”
บุริศร์กับนรมนจึงเดินเข้าไป
ภาริชเห็นพวกเขาเข้ามา บนใบหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกมากมาย เขาก้มหน้า เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
นรมนเห็นใบหน้าที่เหมือนกับบุริศร์เป๊ะ แม้จะคุ้นเคยบ้างแล้ว แต่ทว่ายังคงรู้สึกมีบางอย่างที่ไม่ค่อยเข้ากัน
สีหน้าท่าทางของภาริชแข็งทื่อไร้อารมณ์ บางทีอาจจะบอกได้ว่ามีแค่ความรู้สึกเดียว เป็นความรู้สึกลวงตาของใบหน้าที่เป็นอัมพาตครึ่งซีกอยู่เล็กน้อย
นรมนดึงๆบุริศร์ พูดเบาๆ: “คุณรู้สึกไหมว่าภาริชคนนี้เหมือนกับไม่มีความรู้สึกของมนุษย์เลย? ตอนที่ทะเลาะกับฉันก็สีหน้าอย่างนี้ ฉันไม่เคยเห็นเขายิ้มเลย”
บุริศร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณมีความเห็นยังไง?”
“ไม่ใช่ ฉันแค่รู้สึกแปลกๆ ไม่งั้นคุณเอาตัวอย่างเลือด ไปทำการตรวจดีเอ็นเอเป็นไง?”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์ชะงักเล็กน้อย
“คุณจะบอกว่า……”
“ยังจำตรินท์ได้ไหม? ฉันหมายถึงตรินท์ที่สวมรอยคนนั้น ตอนนี้ไม่ใช่โลกที่ดูแต่เพียงใบหน้าแล้ว มีตรินท์คนที่หนึ่ง ก็เป็นไปได้ว่ามีบุริศร์หรือภาริชคนที่สอง ฉันเอาแต่รู้สึกว่าใบหน้าของเขาน่าจะเป็นอัมพาตครึ่งซีกหลังจากศัลยกรรมล้มเหลว แต่ทว่าฉันก็ไม่กล้ายืนยัน”
ได้ยินนรมนพูดอย่างนี้ บุริศร์จึงเข้าใจขึ้นมาทันที แต่กลับกลุ้มใจอยู่บ้าง มีตัวแสดงแทนของตรินท์แล้ว ทำไม? ตอนนี้คุณอารองยังคิดจะหาตัวแสดงแทนของบุริศร์อีก?
ไม่!
ไม่ใช่!
เป็นตัวแสดงแทนของภาริช!
ถ้านรมนเดาถูก บุริศร์ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณอารองถึงไม่รีบร้อนที่จะช่วยเหลือภาริชคนนี้
นรมนเห็นบุริศร์ไม่พูดไม่จา ก็รู้แล้วว่าเขากำลังนึกถึงความเป็นไปได้นี้ แต่นรมนก็ไม่สบายใจ
บุริศร์ไม่ได้ถามภาริชอีก พานรมนออกมา ถ้าการคาดเดาของนรมนเป็นจริง งั้นในปากของภาริชคนนี้คงไม่มีเรื่องอะไรเล็ดลอดออกมาแน่ๆ
เขาให้นภดลไปเก็บตัวอย่างเลือดของภาริช ส่วนตนเองรออยู่ที่ด้านนอก
หลังจากนภดลเข้าไปเจาะเลือดแล้ว บุริศร์ก็เอาตัวอย่างเลือดของตนเองให้กับป้อง
ผลการตรวจต้องใช้เวลาหนึ่งวันถึงจะทราบผล
บุริศร์กับนรมนจึงกลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กก่อน
เนตรากลับเข้าห้องไปแล้ว โชคดีที่ไม่ได้มีลูกไม้แย่ๆอะไรออกมาอีก
นรมนเห็นบุริศร์กลัดกลุ้ม จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น: “คุณกังวลอะไรอยู่?”
“ไม่รู้ว่าคราวนี้ที่คุณอารองกลับมาเพราะอะไรกันแน่ จะพุ่งเข้ามาเล่นงานผม หรือจะพุ่งเข้าหาทรัพย์สินของตระกูลโตเล็ก แต่ก็ยังไม่เห็นเขามีการเคลื่อนไหวอะไร เรื่องภาริชวันนี้ทำให้ผมกลุ้มใจมาก ตรินท์คนเดียวก็เพียงพอแล้ว ทำไมถึงมีตัวแสดงเลียนแบบออกมาอีก?”
“ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน แค่ได้ผลก็พอ การผ่าตัดศัลยกรรมทุกวันนี้พัฒนาไปมาก อยากจะผ่าตัดจนกลายเป็นอีกคนหนึ่ง น่าจะไม่ใช่ปัญหา คุณก็อย่าคิดมากเลย รอให้ผลออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
นรมนกำลังปลอบใจบุริศร์
บุริศร์พยักหน้า
ทั้งสองคนหลับสนิทตลอดคืน
เช้าตรู่ของวันต่อมา นรมนกลัวว่าบุริศร์กับเนตราจะโต้เถียงกันอีก จึงลงมาข้างล่างก่อน แต่ทว่าฉากตรงหน้ากลับทำให้เธอค่อนข้างประหลาดใจ
ไม่นึกว่าเนตราจะกำลังทำอาหารอยู่ในครัว
นรมนกำลังมองกานต์ที่ยืนกอดอยู่ ถามขึ้นเบาๆ: “มาไม้ไหน?”
“ผมก็ไม่รู้ ตอนที่ตื่นมาเธอก็วุ่นๆอยู่ในครัวแล้ว แต่ว่าหม่ามี้ อาหารที่เธอทำพวกเราจะกล้ากินไหม? กลัวโดนวางยาไหมครับ?”
กานต์ขมวดคิ้วถามขึ้นอย่างจริงจัง
ป้าหวานออกมาจากในครัว เห็นนรมนกับกานต์ จึงยิ้มแล้วพูดขึ้น: “คุณนายคะ คุณเนตรายุ่งตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ฉันคอยเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ สบายใจได้ค่ะ ไม่เป็นอะไรแน่นอน คุณเนตรา ฝีมือการทำอาหารไม่เลว มองออกเลยนะคะว่า เคยเป็นเด็กที่ลำบากมาก่อน”
นรมนไม่เสนอความคิดเห็น
กานต์ได้ยินป้าหวานพูดอย่างนี้ จึงมองไปที่นรมน แล้วพูดขึ้น: “ช่างเถอะครับ ให้เธอทำไปเถอะ หม่ามี้ ผมคุยกับคุณปู่สามแล้ว ว่าจะอยู่ต่ออีกไม่กี่วัน เธออยู่ในบ้าน ผมไม่ค่อยสบายใจ”
นรมนเห็นลูกชายคิดแทนตนเองเช่นนี้ จึงยิ้ม: “หม่ามี้เป็นผู้ใหญ่นะ ทำไมถึงโดนเราปกป้องอยู่ตลอดเลยล่ะ? วางใจเถอะ แด๊ดดี้ก็อยู่ เธอสร้างปัญหาไม่ได้หรอก เราจะไปก็รีบๆไป หม่ามี้จะได้ไม่เปลี่ยนใจไม่ยอมให้เราไปนะ”
“ก็ได้ครับ งั้นผมจะบอกคุณปู่สามว่าไปวันนี้ แล้วคุณบุริศร์ตื่นหรือยังครับ?”
กานต์ถามๆอยู่ คิดจะขึ้นไปหาบุริศร์
แล้วตอนนี้ นภดลก็มา
“คุณนาย ประธานบุริศร์ล่ะครับ? ผมมีเรื่องต้องพบเขา”
“เกิดอะไรขึ้น?”
นรมนเห็นสีหน้าของนภดลไม่ค่อยดี จึงรีบถามขึ้น
นภดลขมวดคิ้ว พูดอย่างกลัดกลุ้ม: “ภาริชตายแล้วครับ!”