แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 947
“หมายความว่าอะไร”
นรมนสงสัย
บุริศร์ที่เดินลงมาจากชั้นบนพอดีก็ชะงักเมื่อเห็นชัยยศ พร้อมกับเอ่ยถามว่า “เมื่อครู่นี้คุณบอกว่าเรื่องบริษัทภาพยนตร์ ทำไมหรือ”
ชัยยศตะลึงไปเล็กน้อย และหันมาทางนรมน เมื่อเห็นนรมนพยักหน้า ถึงได้เอ่ยว่า “ทางด้านบริษัทภาพยนตร์นั้นได้ยินว่าคุณผู้หญิงจะจดทะเบียนก็ปฏิเสธทันทีเลยครับ”
“ใครที่มีความสามารถมากขนาดนั้น? ถึงกลับกล้าปฏิเสธผมตรงๆ?”
รอยยิ้มของบุริศร์กดลึกเล็กน้อย
ชัยยศรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิในห้องลดลงไปจนถึงจุดเยือกแข็งอย่างไม่อาจควบคุมได้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่กัดฟันพูดว่า “เป็นคนที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และเพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งในกระทรวงได้ไม่นานครับ”
“คนหนุ่มสาวไฟแรงและกล้าหาญที่ขาดประสบการณ์เช่นนั้นหรือ?”
บุริศร์หัวเราะเหอๆ แต่กลับทำให้ชัยยศรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
“ไม่ทราบชัดเจนครับ ผมไม่สามารถจัดการเรื่องราวได้สำเร็จ ขอให้ประธานบุริศร์ลงโทษด้วยครับ”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ เดี๋ยวผมค่อยกลับไปดู คุณถอยออกไปก่อนเถอะ”
ชัยยศได้ยินคำพูดนี้ก็รีบถอยออกไปทันที
นรมนเห็นชัยยศตกใจกลัวจนเป็นแบบนั้น ก็ถอนหายใจเอ่ยว่า “คุณจะเก็บงำออร่าของตัวเองสักหน่อยได้ไหมคะ คุณดูสิ คุณทำให้ชัยยศตกใจกลัวไปแล้ว”
“ผมจะไปมีออร่าอะไรกัน? แล้วทำไมคุณถึงไม่กลัวล่ะ?”
บุริศร์ก้าวเข้ามา โอบไหล่นรมนเอาไว้
นรมนเขินอายเล็กน้อย
“เขาจะเป็นเหมือนฉันได้หรือคะ ฉันเป็นภรรยาคุณนะ”
“ใช่แล้ว คุณยังไม่กลัวผม แล้วเขากลัวอะไร? ผมก็ไม่ได้มีความคิดอะไรกับเขาสักหน่อย”
ระหว่างพูดบุริศร์ก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ ทำให้นรมนหน้าแดงหัวใจเต้นรัว
“อย่าเลย รู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าทำไมได้ ยังอยากจะทำอีก คุณไม่รู้สึกทรมานหรือ”
“ก็ดี”
จู่ๆบุริศร์ก็พบว่าภรรยาตัวน้อยของตัวเองคนนี้น่าสนุกจริงๆ หยอกล้อนิดเดียวก็หน้าแดงไปถึงลำคอ เหมือนกับแมวน้อยตัวหนึ่ง
“บุริศร์ ฉันยุ่งนะคะ ไม่มีเวลามาเล่นกับคุณนะ”
นรมนก็มองออกเช่นกันว่า บุริศร์เพียงแค่จะแกล้งเธอเล่น จึงรีบผลักบุริศร์ออก ในใจก็มีความตื่นเต้นเล็กน้อย
บุริศร์เห็นเธอเป็นเช่นนั้นก็ไม่แกล้งเธอแล้ว ดึงมือเธอมานั่งที่โซฟา เอ่ยเสียงเบา “เรื่องของรมิดา ผมกำลังรอณพส่งข่าวให้ผม เรื่องบริษัทภาพยนตร์ผมจะไปจัดการเอง คุณก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านดีๆ รอผมจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณค่อยเข้าร่วมทำงานได้ไหม?”
“มักจะรู้สึกบ่อยๆว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ผลักไปให้คุณ แบบนี้ไม่ค่อยดี อีกอย่างก็เป็นฉันเองที่ต้องการจะตั้งบริษัทภาพยนตร์ เดิมคุณก็ยุ่งมากพอแล้ว ฉันไปเองดีกว่า ฉันก็อยากรู้ว่าใครกันที่ปฏิเสธโดยไม่ยอมพูดคุยปรึกษากัน”
แววตาของนรมนรู้สึกไม่เต็มใจ
แม้ว่าบุริศร์จะเป็นห่วงสภาพร่างกายของเธอ แต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม
“ก็ดี ถ้าหากว่าคุณจัดการด้วยตัวเองไม่ได้ สามีพร้อมให้คุณใช้ได้ตลอดเวลา”
“รู้แล้วค่ะ”
เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้บุริศร์เข้ามาใกล้อีกครั้ง นรมนรีบถอยหลังไปอีกก้าวหนึ่ง ท่าทางเหมือนกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่งตลกเสียจนทำให้บุริศร์หัวเราะออกมา
“ต้องถึงขนาดนั้นเลยหรือ”
“ไปไกลๆเลยนะ!”
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์ในตอนนี้เหมือนกับเด็กคนหนึ่ง ที่ทำให้คนรังเกียจมาก แต่กลับรังเกียจไม่ลงจริงๆ
บุริศร์มองออกว่านรมนปากไม่ตรงกับใจ จึงหัวเราะเหอๆ และถอยไปอีกด้านหนึ่ง
ในตอนนี้เองที่อรรณพโทรศัพท์เข้ามา
บุริศร์ชี้นิ้วไปที่โทรศัพท์ หลังจากนั้นก็กดปุ่มรับสาย
“มีข่าวแล้วหรือ”
“อืม”
เสียงของอรรณพจากฝั่งนั้นเบาเล็กน้อย
“ทำไมหรือ ภรรยานายอยู่ข้างๆหรือ”
“เปล่า ลูกสาวฉันกำลังนอนหลับอยู่”
เมื่ออรรณพพูดคำพูดนี้ออกมา บุริศร์ก็รู้แล้ว
ใครก็รู้ว่าอรรณพให้ความเอาใจใส่ต่อลูกสาวที่รักของตัวเองมากที่สุด มิน่าล่ะเสียงถึงได้นุ่มนวลขนาดนั้น
“เอาเบอร์โทรศัพท์ให้ฉัน”
“ส่งไปที่ We Chat ฉันจะบอกนายว่า หากไม่มีเรื่องอะไรก็อย่าติดต่อเธอบ่อยๆ ช่วงนี้เธอเคสผ่าตัดเธอเยอะมาก”
“รู้แล้ว”
หลังจากบุริศร์วางสายโทรศัพท์ ทางด้านอรรณพก็ส่งเบอร์โทรศัพท์มา
หลังจากนรมนได้รับเบอร์โทรศัพท์แล้ว ก็ดีใจจนจูบบุริศร์ไปครั้งหนึ่ง
“ขอบคุณค่ะคุณสามี”
“แค่จูบจูบเดียวก็จบแล้วหรือ”
บุริศร์ยังไม่หายอยาก สัมผัสนุ่มนิ่มนั้นยังไม่ถึงหนึ่งวินาทีเลยนะ
หางตานรมนชี้ขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยว่า “จูบครั้งหนึ่งก็เป็นรางวัลให้คุณนะคะ ฉันขึ้นไปข้างบนแล้ว”
“นี่ถือว่าเป็นการข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อสะพานทิ้งหรือไม่”
บุริศร์กลุ้มใจเล็กน้อย
ทำไมตัวเองถึงได้มีความรู้สึกว่าถูกภรรยาใช้เสร็จแล้วทิ้งทันทีกันนะ
นรมนหัวเราะเหอๆ แต่กลับไม่ได้ตอบโต้ เดินถือเบอร์โทรศัพท์ขึ้นไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นบนอย่างอารมณ์ดี
สำหรับเรื่องที่ว่าเพราะอะไรนรมนถึงไม่โทรศัพท์ต่อหน้าตัวเอง บุริศร์ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขามอบช่องว่างที่เป็นอิสระให้กับภรรยาตัวเอง
บุริศร์คิดถึงเรื่องบริษัทภาพยนตร์ที่ชัยยศพูดถึง ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายออกไป
หลังจากนรมนกลับมาถึงห้องนอนแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหารมิดา
ทางด้านนั้นรับสายอย่างรวดเร็ว เสียงเย็นยะเยือกลอยออกมา
“ใครคะ?”
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อนรมน เป็นภรรยาของบุริศร์ เมื่อครู่ได้ไปขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณมาจากคุณชายอรรณพ”
นรมนพูดอย่างตรงไปตรงมา
รมิดาชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พยักหน้า เอ่ยว่า “ฉันรู้จักคุณ ได้ยินมาว่าฉันซื้อห้องชุดของคุณ ขั้นตอนในการดำเนินการมีปัญหาหรือคะ”
“ใช่ค่ะ ห้องชุดนั้นเป็นของฉัน ใบกรรมสิทธิ์ห้องชุดนั้นอยู่ที่ฉัน”
นรมนพูดคุยเรื่องห้องชุดก่อน
รมิดาขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องผิดพลาดประเภทนี้ที่ผู้ช่วยตัวเองสร้างขึ้นมานั้นทำให้เธอหมดคำจะพูดอยู่บ้าง
“ขอโทษด้วยค่ะ ผู้ช่วยของฉันไปจัดการดำเนินการ ฉันจะให้ผู้ช่วยไปจัดการเรื่องราวในส่วนหลังนี้ รับรองว่าจะคืนห้องชุดให้กับคุณ ฉันก็จะนำเงินของฉันกลับมาด้วยถึงจะถูก”
“ไม่ได้เร่งคุณนะคะ ความจริงแล้วที่วันนี้ฉันโทรหาคุณ เพราะอยากจะขอให้คุณช่วยเรื่องหนึ่ง ถ้าหากว่าคุณชอบห้องชุดนั้นจริงๆ ฉันจะมอบให้คุณก็ได้ค่ะ เงินฉันก็จะไปเอาคืนมาด้วย”
คำพูดของนรมนทำให้รมิดาตะลึงค้างไปเล็กน้อย
“ขอร้องให้ฉันช่วยหรือคะ”
“ใช่ค่ะ น้องชายของฉันคนหนึ่งกระดูกที่ขาหักแตกละเอียด ตอนนี้เพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าปี ช่วงเวลาที่ดีเช่นนี้กลับต้องผ่านวันเวลาไปด้วยการนอนอยู่บนเตียงแบบนี้ไม่ดีเป็นอย่างมาก ได้ยินมาว่าฝีมือการผ่าตัดของคุณหมอรมิดาดีมาก ดังนั้นจึงอยากขอให้คุณหมอรมิดาช่วยเหลือเรื่องหนึ่ง ตรวจดูสักหน่อยว่าสามารถทำการผ่าตัดให้เขาได้หรือไม่คะ”
เสียงของนรมนเพิ่งสิ้นสุดลง รมิดาก็เอ่ยขึ้นว่า
“เกรงว่าจะไม่ได้ ช่วงอาทิตย์นี้เคสผ่าตัดที่ฉันต้องทำเต็มแล้ว”
“คุณหมอรมิดา ฉันรู้ค่ะว่าคุณยุ่งมาก และก็รู้เช่นกันว่าคนทั้งโลกล้วนขอร้องคุณ แต่ว่าขอให้คุณเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของสามีฉันและสามีคุณ ช่วยหน่อยได้ไหมคะ”
น้อยครั้งที่นรมนจะขอร้องผู้อื่นอย่างต่ำต้อยเช่นนี้ แต่ในตอนนี้เพื่อปัญญ์ เธอจำเป็นต้องทำเช่นนี้
ปัญญ์ยังเยาว์วัยเกินไป เธอไม่สามารถมองเขาใช้ช่วงเวลาที่เหลือในชีวิตผ่านไปโดยการอยู่บนเตียง แบบนั้นมันโหดร้ายต่อเขาเกินไปแล้ว ตัวเธอเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน
รมิดาไม่ใช่คนใจอ่อน เพียงแต่เมื่อนรมนเอ่ยถึงอรรณพก็ชะงักไปเล็กน้อย
“ช่วงนี้ฉันอยู่ที่เมืองBตลอด ถ้าหากว่าพวกคุณสามารถมาที่นี่ได้ล่ะก็ ตอนกลางคืนฉันสามารถช่วยตรวจให้เขาได้ ช่วงเวลากลางวันล้วนเต็มหมดแล้ว”
เมื่อได้ยินรมิดาพูดเช่นนี้ นรมนก็ดีใจเป็นธรรมดา
“ได้ค่ะๆ พวกเราจะรีบไปทันที ขอบคุณค่ะคุณหมอรมิดา”
“ในเมื่อล้วนเป็นภรรยาของเพื่อนสนิท ก็เรียกฉันว่ารมิดาเถอะค่ะ อีกครู่ฉันมีเคสผ่าตัดเคสหนึ่ง คงไม่คุยกับคุณแล้ว หลังจากมาแล้วก็โทรศัพท์หาฉันก็พอ”
“ได้ค่ะๆ”
หลังจากนรมนวางสายโทรศัพท์แล้ว ในใจก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง
ฟังจากเสียงก็สามารถรู้สึกได้ว่ารมิดาเย็นชามาก แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลามาสนใจแล้ว
เมื่อคิดว่าขาของปัญญ์จะสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ นรมนก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
หลังจากเธอวางสายโทรศัพท์รมิดาก็โทรศัพท์ไปหาคมทิพย์ แต่น่าเสียดายที่ทางฝั่งคมทิพย์ไม่มีใครรับสาย
นรมนรู้ว่าตอนนี้คมทิพย์กำลังหางานทำไปทั่ว เพื่อเงินแล้วจึงไม่มีเวลาที่จะพักผ่อน ในตอนนี้อาจจะเป็นตัวประกอบหรือว่าทำอะไรอื่นๆอยู่
เธอในตอนนี้รอไม่ไหวแล้ว จึงลงไปที่ชั้นล่าง
บุริศร์นั้นไม่อยู่แล้ว อาจจะไปที่บริษัทแล้วก็ได้
นรมนบอกกับคนในบ้าน และให้ชัยยศขับรถมา ตัวเองก็ไปที่ห้องเช่าของคมทิพย์ก่อน
ปัญญ์กำลังแปลเอกสารอยู่ ตอนที่เห็นนรมนมาที่นี่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“พี่นรมน? พี่มาทำอะไรหรือ มาหาพี่ผมหรือ เธอไม่อยู่ครับ”
“พี่ไม่ได้มาหาเธอ พี่มาหาเรา”
ความสุขและความตื่นเต้นที่ปิดไม่มิดบนใบหน้าของนรมนทำให้ปัญญ์ที่ดูอยู่งุนงงเล็กน้อย
“มาหาผมหรือ ต้องการเอกสารหรือครับ ผมยังแปลไม่เสร็จเลย ต้องการเวลาเล็กน้อย”
“ไม่ต้องสนใจเรื่องเอกสารนั่นแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับขาของเรา ปัญญ์ พี่ติดต่อรมิดาศัลยแพทย์มือหนึ่งของโลกได้แล้ว เธอรับปากว่าจะช่วยตรวจดูให้เรา”
คำพูดของนรมนทำให้ปัญญ์สติหลุดลอยไปชั่วคราว รอจนเขารับรู้ว่านรมนพูดอะไร ก็ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “พี่นรมน พี่ไม่ได้หลอกผมนะ?”
ในใจของเขา ยังมีความปรารถนาที่จะลุกขึ้นยืนได้
นรมนรู้ว่าความพยายามของตัวเองนั้นคุ้มค่า
“ใช่ พี่ไม่ได้โกหกเรา! พี่ติดต่อเธอได้แล้วจริงๆ เพียงแต่เธอไม่มีเวลามานี่ พวกเราต้องไปเมืองB”
หลังจากปัญญ์มีอาการตื่นเต้นในช่วงแรกไปแล้วก็เงียบขรึมไปเล็กน้อย
“ต้องใช้เงินมากสินะครับ?”
“ปัญหาเรื่องนี้เราไม่ต้องไปคิด พี่รับผิดชอบเอง”
ปัญญ์ได้ยินนรมนพูดอย่างนั้นแล้วก็เอ่ยเสียงเบาว่า “พี่นรมน พี่ไม่ได้ติดค้างอะไรพวกเรา ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอกครับ”
“เช่นนั้นก็ถือว่าเรายืมพี่ รอขาเราหายดีแล้ว ในอนาคตคืนพี่สองเท่าก็ได้แล้ว พี่รู้ว่าเราเป็นเด็กฉลาดหลักแหลม ถ้าหากว่ามีวันหนึ่งที่เราสามารถยืนขึ้นมาได้แล้วจริงๆ พี่คิดว่าเราคงจะไม่เบี้ยวหนี้หรอกใช่ไหม ถ้ายังไม่ได้ พวกเราก็มาเขียนหลักฐานการยืม?”
นรมนรู้ว่า ปัญญ์กับคมทิพย์นั้นเหมือนกัน ล้วนเป็นพวกดื้อดึงและหยิ่งในศักดิ์ศรีตัวเองสูงมาก วิธีการพูดเช่นนี้ทำให้ปัญญ์หวั่นไหวไม่มากก็น้อย
“ผมจะคุยกับพี่สักหน่อยครับ”
“ได้”
ปัญญ์โทรศัพท์หาคมทิพย์อย่างรวดเร็ว แต่ว่ายังคงไม่มีใครรับสาย
เขากังวลขึ้นมาบ้างแล้ว
“พี่นรมน พี่รู้ไหมครับว่าพี่ผมกำลังทำอะไรอยู่ คราวที่แล้วตอนเธอกลับมาก็เป็นหวัด ยังไม่ทันจะหายดีก็ออกจากบ้านไปอีก ผมถามเธอ เธอก็ไม่พูด ตอนนี้โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด น่าจะไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะครับ?”
นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย
เกิดเรื่องหรือ?
งานที่คมทิพย์ทำอยู่นั้น บวกกับท่าทางของผู้กำกับที่ชัยยศเคยเอ่ยถึง นรมนก็ใจเย็นไม่ลงแล้ว
“พี่จะออกไปดูก่อน เราเตรียมตัวสักหน่อย ถ้าหากว่าพี่เรารับปาก พวกเราก็จะไปเลย”
“ครับ รบกวนพี่นรมนแล้ว”
ปัญญ์ได้ยินว่านรมนจะไปหาคมทิพย์ จึงเชื่อฟังเป็นธรรมดา
นรมนออกไปแล้วก็ให้ชัยยศตรวจสอบหาสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ในช่วงนี้ จากนั้นเธอก็ขับรถไปด้วยความรวดเร็ว
เพียงแต่ในตอนที่เธอไปถึง อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นภาพที่ทำให้คนโมโหเช่นนี้
“พวกคุณกำลังทำอะไรน่ะ”
เธอก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว เหวี่ยงคนเหล่านั้นออกไป ปกป้องคมทิพย์เอาไว้ด้านหลังตามสัญชาตญาณ นัยน์ตาหงส์คู่นั้นมองไปรอบด้าน สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างของผู้กำกับ
“เป็นความคิดของคุณหรือคะ?”