แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1232 คุณจะฆ่าฉันมั้ย
“กลัวขึ้นมาแล้วหรือ”
วินเซนต์มองใบหน้าซีดเผือดของเกวลิน ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เขาเป็นผู้ชายที่หล่อมาก แต่ความมืดหม่นหลายปีมานี้ทำให้ไม่มีใครกล้ามองหน้าเขา
เกวลินแทบไม่เคยเห็นเขายิ้ม ยิ้มเย็นในบางครั้งทำให้รู้สึกหวาดหวั่น แต่เฉพาะครั้งนี้ ครั้งนี้วินเซนต์ยิ้มจริงๆ แล้ว
ใบหน้าข้างขวาตอนที่ยิ้มขึ้นคล้ายกับจะปรากฏลักยิ้ม ดูแล้วเหมือนพี่ชายข้างบ้านที่อบอุ่น
รอยยิ้มบริสุทธิ์ของเขาในตอนนี้ทำให้รู้สึกหวั่นไหว
เกวลินรีบหันหน้าหนี
หวั่นไหวหรือ
เธอจะรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ทำให้หวั่นไหวได้อย่างไร
เขาเป็นปีศาจนะอย่าลืม
วินเซนต์ไม่สนใจเกวลินคิดอะไร เขาอยากจะจุดบุหรี่สูบอีก แต่บุหรี่หมดแล้ว
ตั้งแต่ทรรศยาตาย เขาก็ห่างนิโคตินไม่ได้ สูบหนักขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ติดแล้ว
ตอนนี้กล่องบุหรี่ว่างเปล่าแล้ว เขาย่นคิ้ว แต่ไม่คิดจะออกไป
เขามองรถราที่แล่นอยู่ข้างนอก พูดเสียงแผ่วเบา “รู้มั้ย หลังจากฉันแก้แค้นให้ทรรศยา กลับไปที่บ้านเดิมของทรรศยา ฉันอยากจะรับพ่อแม่ของเธอมาอยู่ด้วย เป็นเหมือนพ่อแม่ของตัวเอง ตอบแทนบุญคุณแทนทรรศยา แต่พวกเขากลับไล่ฉันออกจากบ้าน ถึงกับไม่อยากเห็นหน้าด้วยซ้ำ”
“พวกเขาบอกว่าฉันเป็นปีศาจ บอกว่าทำไมฉันโหดเหี้ยมอย่างนั้น ทำไมไม่ให้กฎหมายลงโทษคนพวกนั้นก็ได้ ทำไมต้องไล่ฆ่าพวกนั้นทีละคน ตอนนั้นฉันนึกว่าได้ยินเรื่องตลก”
“ตอนที่ทรรศยาถูกพวกมันทำอย่างนั้นทำไม่ไม่พูด ทรรศยาเป็นแค่ผู้หญิง ผู้หญิงบอบบาง พวกมันหั่นศพทรรศยาโหดเหี้ยมอย่างนั้น ฉันก็แค่ตอบโตตาต่อตา พ่อแม่มองฉันเหมือนมองนักโทษ พวกเขาบอกว่าฉันไม่คู่ควรกับทรรศยา บอกว่าดีแล้วที่ฉันไม่ได้แต่งงานกับทรรศยา ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้ลูกสาวพวกเขาเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
ตอนที่พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าวินเซนต์ในที่สุดก็ปรากฏความเจ็บปวดและเสียใจ
ความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นลึกเหลือเกิน ลึกจนใจของเกวลินเศร้าตามไปด้วย
“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมพวกเขาทำอย่างนี้กับคุณ คุณทำอย่างนี้ก็เพื่อลูกสาวของพวกเขาไม่ใช่หรือ”
ใช่แล้ว
เขาใช้ชีวิตคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงเพื่อทรรศยา แต่พ่อแม่ของเธอกลับไม่สนใจเขา เขาทั้งเจ็บทั้งเศร้าเหลือเกิน แต่เขาไม่เคยใส่ใจ
คนเดียวที่เขาใส่ใจมีแต่ทรรศยา
แต่ละคนก็มีวิธีแก้แค้นเป็นของตัวเอง
พวกสารเลวนั่นส่งให้กฎหมายจัดการ ย่อมหนีไม่พ้นความตาย แต่พวกนั้นตายง่ายเกินไป
ความทรมานที่ทรรศยาได้รับ ทำไมต้องให้พวกมันได้มีความสุขล่ะ
สายตาของวินเซนต์กลับมามีความเย็นชาอีกครั้ง
“ฉันไม่โทษพวกเขา พวกเขาเป็นคนซื่อสัตย์ เติบโตท่ามกลางแสงสว่าง พวกเขาไม่รู้ว่าโลกนี้มืดมิดแค่ไหน โหดร้ายแค่ไหน พวกเขารู้แค่ลูกสาวเสียสละ ได้รับการยกย่องเป็นวีรสตรี นี่คือเกียรติของครอบครัว เป็นความภูมิใจของทรรศยา แต่ถ้าให้ฉันเลือก ฉันยอมไม่เลือกความภูมิใจนั่น ฉันขอแค่ให้เธอมีชีวิตอยู่เคียงข้างฉัน ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกด้วยกัน มีลูกให้ฉัน ครอบครัวของเรามีความสุขตลอดไป”
เสียงของวินเซนต์จู่ๆ ก็สะอึก น้ำตารื้นขึ้นในดวงตา
นานเท่าไหร่แล้ว
นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้คิดถึงทรรศยาขนาดนี้
เก้าปีแล้ว!
เขาปิดใจตัดขาดกับความรักใช้ชีวิตเหมือนศพเดินได้ วันนี้ถูกแทงแผลเก่า เห็นความจริงใจและสวยงามในตอนนั้นในหยดเลือด เขาไม่อาจอดกลั้นไว้ได้ชั่วขณะ
เกวลินตะลึงงัน
ดูเหมือนผู้ชายคนนี้รักผู้หญิงที่ชื่อทรรศยาจริงๆ
ถ้าเธอมีคนรักแบบนี้ เช่นนั้นคงตายตาหลับมั้ง
แต่บุณพจน์ของเธอล่ะ
เกวลินทันใดนั้นรู้สึกไม่ค่อยอยากจะคิดเรื่องนั้น
เธอก้มหน้าพูดแผ่วเบา “ฉันถูกเขาเก็บมา”
วินเซนต์ตะลึง
เขาแค่อยากจะพูดความในใจที่ตลอดหลายปีมานี้อยากจะพูดกับทรรศยาให้จบเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงเกวลินจะพูดถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมา
วินเซนต์ย่นคิ้วนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้ขัดเธอ
เกวลินกลับฝืนยิ้ม “ฉันเป็นเด็กกำพร้า ตั้งแต่จำความได้ก็อยู่ในบ้านเด็กกำพร้าแล้ว เด็กที่นั่นน่ารำคาญมาก พวกเขาชอบรังแกฉัน เพราะฉันผิวเหลืองตาดำ แตกต่างจากพวกเขา แม้แต่หัวหน้าบ้านเด็กกำพร้าก็ไม่ช่วยฉัน ทุกวันฉันกินข้าวเหลือทิ้ง กินน้ำที่พวกเขาไม่ดื่ม ฉันคิดว่าตัวเองคงจะโตแบบนี้ในบ้านเด็กกำพร้า แต่ปีที่ฉันอายุสิบสี่บุณพจน์ก็มา”
“เขาเหมือนแสงอาทิตย์ส่องสว่าง พูดจาอ่อนโยนกับฉัน เธออยากไปจากที่นี่มั้ย อยากไปกับฉันมั้ย ตอนนั้นรอยยิ้มของเขาอบอุ่นมาก เหมือนแสงอาทิตย์ สายตาของเขาก็เหมือนกัน ฉันไม่ลังเลที่จะตามเขาไป ฉันบอกตัวเอง ฉันอยากจะเจอคนที่เหมือนกับฉัน คนที่ประเภทเดียวกับฉัน”
เล่าถึงตรงนี้ เกวลินจู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมา
เสียงร้องไห้ไม่ดังนัก ถึงกับแทบไม่มีเสียง แต่มองเห็นน้ำตาที่ไร้เสียงไหลรินจากขอบตา
เธอเล่าต่อ “บุณพจน์ดีกับฉันมากจริงๆ เขาให้ฉันกินของที่อร่อยที่สุด เสื้อผ้าที่สวยที่สุด ซื้อตุ๊กตาที่ฉันอยากได้แต่ไม่เคยได้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ เขาบอกกับฉัน ฉันเป็นเด็กดี เขาชอบที่ฉันเชื่อฟัง ฉันถึงยิ่งพยายามทำให้ตัวเองเชื่อฟัง เราอยู่ด้วยกันหนึ่งปีแล้ว เขาบอกกับฉัน อยากจะอยู่ข้างเขาต้องแข็งแกร่ง แต่ฉันอ่อนแอเหลือเกิน ฉันต้องเติมเต็มตัวเองถึงจะตามเขาได้ทัน ตอนนั้นฉันไม่ลังเลสักนิดที่จะรับปาก เพราะฉันอยากอยู่กับเขา”
“ไม่เคยมีใครดีกับฉันขนาดนั้น และไม่เคยมีใครถามฉันอยากได้อะไร มีเพียงเขา เขาให้ความอบอุ่น ให้ทุกอย่างที่ฉันอยากได้ สำหรับฉันนี่คือสวรรค์ เขาบอกว่ารอฉันแข็งแกร่ง เขาจะช่วยฉันตามหาพ่อแม่ แล้วถามพวกเขา ทำไมถึงทิ้งลูกสาวที่ฉลาดอย่างนี้ ฉันรู้ เขาอยากจะระบายแค้นเพื่อฉัน ตอนที่เขาบอกให้ฉันทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง ฉันไม่อยากให้เขาผิดหวัง”
“จากนั้นฉันก็ถูกทิ้งไว้ที่เกาะหนึ่ง ที่นั่นมีเด็กถูกส่งไปเหมือนกับฉัน และมีเด็กบางคนที่สีผิวเหมือนกับฉัน ตอนนั้นฉันดีใจมาก เพราะนอกจากบุณพจน์ ทุกคนที่ฉันเจอไม่ใช่คนประเทศเดียวกับตัวเอง ได้พบกับคนที่อายุเหมือนกันสีผิวเหมือนกัน ไม่มีใครรู้ในใจฉันดีใจมากแค่ไหน”
“พวกเราฝึกกันหนักมาก หนักจนฉันแอบร้องไห้คนเดียวกลางดึก แต่ไม่มีคนปลอบฉัน ฉันคิดถึงเขามาก ฉันอยากโทรไปหาเขา แต่คนพวกนั้นบอกว่าโทรไม่ได้ บอกว่าเขาสั่งไว้ ฉันฝึกจนมีความสามารถแล้วถึงจะกลับไปหาเขาได้”
“สามปี ฉันอยู่ที่นั่นสามปี ในที่สุดฉันก็เข้าใจคนพวกนั้นทำอะไร มิตรภาพที่ฉันเฝ้าใฝ่หาไม่เคยมาถึง ระหว่างเรามีแต่การต่อสู้ที่โหดร้าย ตลอดสามปี ฉันเต็มไปด้วยบาดแผล ในที่สุดก็ได้กลับไปอยู่ข้างเขา เขาบอกกับฉัน ขอแค่มาที่นี่ฆ่าคุณ จะแต่งงานกับฉัน ให้ฉันสวมชุดเจ้าสาวที่สวยที่สุด”
เล่าถึงตรงนี้ ใบหน้าของเกวลินอาบน้ำตาแล้ว
เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ช่างเหมือนทรรศยาเหลือเกินมองวินเซนต์ “ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ ฉันรักเขามาก ฉันรู้ดีระหว่างเราไม่มีความแค้นต่อกัน มาที่นี่เพื่อฆ่าคุณมันไม่ถูกต้อง แต่นี่เป็นหนทางเดียวที่ฉันจะได้ความสุข ฉันไม่มีญาติมิตร ไม่มีเพื่อน ฉันมีเขาคนเดียว เพื่อผู้ชายคนนี้ ฉันยอมทิ้งความเป็นมนุษย์ ทิ้งความรู้สึกผิดชอบ ขอแค่เพื่อไขว่คว้าความสุขเท่านั้น แต่ฉันทำมันพังแล้ว”
เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ สายตาวินเซนต์ก็เปลี่ยนไป
บางทีคนอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่เขาเข้าใจความลำบากของเกวลิน
เพราะไม่เคยได้รับ จึงได้ไม่คิดหน้าคิดหลัง ทุ่มเททุกอย่างเพื่อยึดมั่นความหวังที่มองเห็น
ตอนนี้แม้แต่ความหวังนี้ก็ไม่มีแล้ว ตอนนี้เธอคงหมดหวัง
ใจวินเซนต์ที่แข็งดั่งเหล็กทันใดนั้นก็อ่อนลง
เพราะใบหน้าของเธอ
วินเซนต์พูดเสียงเบา “เธอฆ่าพี่น้องของฉัน ทมโภลีกำลังจะแต่งงาน แต่เธอกลับฆ่าเขา”
เกวลินเงยหน้าขึ้นทันที สายตาตกตะลึง
“ฉันไม่ได้ฆ่าคน ฉันแค่ทำร้ายพวกเขาเท่านั้น”
“แต่ทมโภลีเลือดออกมาก ช่วยชีวิตไม่ทันเพิ่งจะตายไม่นานนี้”
วินเซนต์รู้ดีพูดเรื่องนี้กับผู้หญิงคนนี้โหดร้ายเกินไป
เขายอมที่จะเชื่อผู้หญิงคนนี้ไม่คิดจะทำร้ายคนอื่นถึงตาย แต่ผลก็คือทมโภลีตายแล้ว
เธอต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ของเรื่องนี้
สายตาตกตะลึงของเกวลิน ตอนนี้กลายเป็นหวาดหวั่น
“คุณจะฆ่าฉันใช่มั้ย ฉันดูออก คุณแคร์พวกพี่น้องของคุณมาก”
“อึม พวกเขาอยู่กับฉันมาเก้าปีแล้ว เวลาแห่งความเป็นความตาย ก็ได้พวกเขาช่วยชีวิตไว้”
คำพูดของวินเซนต์ยิ่งทำให้เกวลินหมดอาลัยตายอยากมากขึ้น
“คุณจะฆ่าฉันใช่มั้ย”
“ใช่ พรุ่งนี้ต่อหน้าทุกคน ส่งเธอไปเพื่อนทมโภลี”
เสียงของวินเซนต์แฝงด้วยความสั่นเทาและเสียใจที่ไม่อาจสังเกตได้
ในที่สุดเกวลินก็ระเบิดร้องไห้ออกมา
“บุณพจน์พูดว่ายังไง เขาจะไม่มาช่วยฉันจริงๆ ใช่มั้ย เขาเป็นคนรักของฉัน!”
วินเซนต์ขมวดคิ้วแน่น
เขายังไม่ได้สืบประวัติบุณพจน์ แต่ฟังจากปากเกวลินเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ จะต้องเป็นหัวหน้าที่เลี้ยงมือสังหารแน่
คนแบบนี้จะมีความรักได้อย่างไร
ต่อให้มี ก็ไม่มีทางมอบความรักให้ผู้หญิงโง่เง่าอย่างเกวลิน
เห็นได้ชัด เธอถูกบุณพจน์หลอกใช้
บุณพจน์รู้ถึงความรู้สึกของเธอ จึงใช้ความรักนี้ทำให้เธอกลายเป็นนักฆ่า ถึงกับส่งเป็นของขวัญมาให้เขา
เมื่อคิดถึงที่ตัวเองเพิ่งจะนอนกับผู้หญิงคนนี้ เดิมทีคิดว่าทำเช่นนี้จะแลกความตายได้ ทำให้พี่น้องไม่เอาชีวิตเธอ ในเมื่อเทียบพรหมจรรย์กับชีวิต มีชีวิตอยู่ก็ยังดีกว่า
แต่นึกไม่ถึงทมโภลีตายแล้ว
ชีวิตคนหนึ่งแลกกับความบริสุทธิ์ที่ผู้หญิงหวงแหนที่สุด มันเป็นไปไม่ได้
จะทำอย่างไรดี
เขาขืนใจเธอ เธอกลับฆ่าพี่น้องของเขา พรุ่งนี้เขาจะต้องฆ่าเธอจริงๆ อย่างนั้นหรือ