แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1263 คนในศาลบรรพบุรุษล่ะ?
บุริศร์ก้มมองนรมน พบว่าเธอสลบไปแล้ว แววตาของเขามีความทุกข์ระทม กลับหายไปอย่างรวดเร็ว
เขาซ่อนนรมนเอาไว้ใต้โต๊ะบูชาอย่างรวดเร็ว กลับคิดไม่ถึงว่าข้างใต้จะมีกลไก เมื่อจับนรมนยัดเข้าไป เธอจึงหล่นโครมลงไป ซึ่งทั้งหมดนี้บุริศร์ไม่รู้เลย
หลังจากซ่อนนรมนเสร็จ คนด้านนอกก็เข้ามา
พวกเขาล้วนเป็นคนแปลกหน้า แต่ดูจากหน้าตากลับไม่เหมือนคนแถวนี้
บุริศร์เวียนหัวอย่างหนักหน่วง แววตามีเจตนาฆ่า
“พวกแกเป็นใคร? ไสหัวไป!”
เสียงของเขาแหบแห้งอย่างยิ่ง เลือดที่ต้นขาไหลออกมาเล็กน้อย แต่เพราะความเจ็บปวดนี้จึงทำให้ตนเองไม่เป็นลมไป
คนเหล่านั้นเป็นบุริศร์มีท่าทางแบบนี้ จึงอดชะงักไปไม่ได้ แต่กลับไม่ตอบคำถามของบุริศร์ ลงมือกับเขาทันที
บอดี้การ์ดล่ะ?
บอดี้การ์ดด้านนอกไปไหน?
บุริศร์เกิดความงงงวยขึ้นในใจ แต่ไม่กล้าดูแคลน เขาหยิบกริชขึ้นมาเฉือนตนเองอีกครั้ง เพื่อคงสติเอาไว้ จากนั้นโจมตีคนที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
อีกฝ่ายไม่รีบร้อนต่อสู้กับบุริศร์อย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับรู้ว่าธูปนี้มีผลกระทบต่อบุริศร์ พวกเขาแค่หลบเลี่ยง พัวพันกับบุริศร์ รอเขาหมดแรงแล้วค่อยจับเขา
ความต้องการของพวกเขาชัดเจนเช่นนี้ ยากที่บุริศร์จะไม่รับรู้ ส่วนในเวลานี้พละกำลังของเขาตามไม่ทันจริงๆ แต่คนเหล่านั้นกลับเอาแต่อ้อมค้อมกับเขา
บุริศร์ร้อนใจ
พวกมันไม่มีทางเจอนรมน ส่วนลูกๆ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง บุริศร์หมดกำลังใจ และเดือดดาล ความหุนหันพลันแล่นลอยขึ้นมาจากทรวงอก แผ่ขยายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว
คนพวกนี้สมควรตาย!
ใครก็ตามที่คิดจะยุ่งลูกและภรรยาของเขาสมควรตาย
เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นในสมองของบุริศร์ นัยน์ตาของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
นัยน์ตาสีทองแทนที่สีเดิมอย่างรวดเร็ว คายไอสังหารออกมาในชั่วพริบตา
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย?”
อีกฝ่ายไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดประโยคนี้ วินาทีต่อมาถูกบุริศร์บีบคอ หักทิ้งทันที
ในความเป็นจริงเขามองไม่ชัด ตรงหน้าเป็นมหาสมุทรสีทอง แต่ประสาทสัมผัสทั้งห้าของร่างกายปราดเปรียวเป็นพิเศษ คล้ายกับได้ยินเสียงลมหายใจกับเสียงหายใจเข้าออกชัดเจน
หลังจากคนแรกถูกบุริศร์บีบตายไป คนอื่นก็ลุกลี้ลุกลน
“เขา เขาดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากธูปเลย”
มีเสียงอีกคนดังขึ้น
บุริศร์จบชีวิตของคนนั้นด้วยการกระทำที่รวดเร็วและแม่นยำ
เขาเหมือนกับมือสังหาร ปลิดชีพพวกเขาโดยไร้ความรู้สึก
บุริศร์ในเวลานี้ แววตาไม่มีความสงสาร ในใจไม่มีความอดทน การสังหารคือสิ่งเดียวที่เขาต้องการทำในตอนนี้
เสียงตะโกนดังข้างหู มาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ทั้งศาลบรรพบุรุษได้รับการตกแต่งอย่างแปลกประหลาด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลังจากไม่อาจสัมผัสได้ถึงลมหายใจของคนที่มีชีวิตอยู่ บุริศร์จึงหยุดลง
เขานั่งลงไปบนพื้น หายใจหอบอย่างรุนแรง นัยน์ตาสีทองซีดลงอย่างช้าๆ ค่อยๆ คืนกลับมาใสสะอาด
รอบกายเต็มไปด้วยศพ กระจัดกระจาย ท่าทางน่าหวาดกลัวสุดๆ ทั้งศาลบรรพบุรุษย้อมไปด้วยเลือด กลิ่นนั้นทำให้คนคลื่นไส้ แต่กลับทำให้บุริศร์ฮึกเหิม
บุริศร์รู้ว่าฮึกเหิมต่อสิ่งนี้ไม่ถูกต้อง และไม่ดี แต่ไม่อาจอดกลั้นต่อความกระหายในเบื้องลึกของหัวใจได้
เขาพยายามยับยั้งความรู้สึกของตนเอง จากนั้นพักผ่อนสักพัก จึงลุกขึ้นอย่างไม่แยแส
บุริศร์ออกมาจากศาลบรรพบุรุษ บอดี้การ์ดตระกูลโตเล็กยังคงยืนอยู่ด้านนอก เขาอดโมโหไม่ได้
“เมื่อกี้พวกนายทำอะไร?”
“ประธานบุริศร์ พวกผมยืนยามอยู่ มีอะไรผิดปกติรึครับ?”
บอดี้การ์ดคนหนึ่งตอบอย่างตื่นตระหนก กลับถูกบุริศร์บีบคอ จับยกขึ้น
“ยืนยาม? เมื่อกี้มีคนเข้าไปตั้งมากมาย พวกนายตาบอดเหรอ?”
บุริศร์โมโหมาก
คนเหล่านี้อาจจะออกมาจากตระกูลโตเล็กนานเกินไป หลังจากมาที่นี่ก็รู้สึกว่าอยู่ห่างไกลกับเจ้านาย จึงกล้าละเลยหน้าที่แบบนี้?ตอนนี้ถูกเขาจับได้คาหนังคาเขาคิดไม่ถึงว่ายังกล้าเถียงข้างๆ คูๆ
บุริศร์ที่ไร้ความรู้สึกทำให้ผู้คนโดยรอบหวาดกลัวสุดขีด ส่วนผู้ชายที่อยู่ในมือของเขาหายใจไม่ออกเล็กน้อย กลับยังพยายามพูด “ประธานบุริศร์ เมื่อกี้ไม่มีใครเข้าไป พวกเราเฝ้าอยู่ด้านนอก ไม่มีใครเข้าไปจริงๆ ครับ”
“ยังกล้าเถียงอีก นายเข้าไปดูซะ”
บุริศร์ไม่สนใจสักนิดว่าฉากเมื่อสักครู่จะก่อให้พวกเขาเกิดความสะเทือนจิตใจและการตอบสนองอย่างไร ลากบอดี้การ์ดคนนั้นโยนเข้าไปในศาลบรรพบุรุษ
“ดูซะให้เต็มตา ถ้าไม่มีใครเข้าไป แล้วคนตายบนพื้นคืออะไร?”
บอดี้การ์ดเสียการทรงตัวล้มลุกคลุกคลาน กลับปีนขึ้นอย่างรวดเร็ว มองดูศาลบรรพบุรุษด้านในโดยรอบ พูดอย่างไม่เข้าใจ “ประธานบุริศร์ ไม่มีอะไรเลยครับ”
“นายตาบอดเหรอ? นั่น……”
บุริศร์ชี้ไปบนพื้นแล้วพูด เมื่อมองไปที่พื้นกลับชะงักไป
คนล่ะ?
คนในศาลบรรพบุรุษล่ะ?
ซากศพเหล่านั้นเพิ่งจะฆ่าไปชัดๆ ?
มองพื้นที่เงาวาวเหมือนรูปภาพ และศาลบรรพบุรุษที่ว่างเปล่า บุริศร์อึ้งไปทันที
ทำไมถึงไม่มี?
เมื่อสักครู่เพิ่งจะฆ่าไปชัดๆ เสียงลมหายใจกับเสียงฝีเท้าของคนเหล่านั้นคุ้นเคยเช่นนี้ จนแม้แต่……
เขานึกอะไรออกทันที รีบวิ่งไปใต้โต๊ะบูชา แต่ร่างของนรมนอยู่ไหน?
“นรมน!นรมน!”
ในวินาทีนี้บุริศร์หวาดกลัว
นี่มันอะไรกัน?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
บอดี้การ์ดมองบุริศร์อย่างงงงวย รู้สึกเหมือนบุริศร์มีปัญหาทางจิต แต่ไม่กล้าพูดออกมา
พวกเขาเฝ้าอยู่ด้านนอกตลอด จะไม่เห็นคนเข้าไปได้อย่างไร?
แต่ปฏิกิริยาแบบนี้ในตอนนี้ของประธานบุริศร์มันคืออะไรกัน?
คำถามแบบเดียวกันก็ผุดขึ้นในใจของบุริศร์
เมื่อสักครู่ทั้งหมดช่างสมจริงแบบนั้น สมจริงจนไม่เหมือนความฝัน และยัง……
เขาก้มมองต้นขาของตนเองทันที เลือดสดยังคงไหล บาดแผลที่ไม่เข้าตาทำให้เขาไม่อาจเพิกเฉยได้
แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น?
นัยน์ตาของบุริศร์เกิดความสงสัยขึ้นมาแวบหนึ่ง หันไปมองธูปอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนเขาจะตระหนักอะไรขึ้นได้
“ใครเป็นคนจัดเตรียมธูปที่นี่?”
บอดี้การ์ดไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงถามคำถามนี้ แต่ยังคงตอบอย่างรวดเร็ว “ซื้อมาจากหน้าหมู่บ้านครับ”
ตอนนี้ธูปเผาเกือบหมดแล้ว บรรยากาศภายในนอกจากกลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ไม่มีความรู้สึกอื่นใดอีก
บุริศร์มองประตูศาลบรรพบุรุษที่เปิดอยู่ คิดอะไรสักอย่าง
“ส่งคนไปพาคุณหนูกับนายน้อยกลับมา”
“ครับ”
บอดี้การ์ดไม่เข้าใจว่าเมื่อสักครู่บุริศร์ยังมีความอาฆาตพยาบาท ตอนนี้ทำไมจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนความสนใจ แต่ไม่ได้รับการลงโทษแน่นอนเป็นเรื่องที่ดี
เขารีบวิ่งออกไป
บุริศร์ก้าวขึ้นไป หยิบธูปมองซ้ายมองขวา และดมกลิ่นอีกครั้ง กลับไม่พบอะไร
นรมนหายไป
เรื่องนี้ทำให้บุริศร์ร้อนใจ แต่ยังคงสงบนิ่ง
ที่นี่เหมือนมีบางอย่างแปลกไป
คราวก่อนมาหมู่บ้านดารายน ที่นี่เป็นซากปรักหักพัง ไม่มีอะไรเลย แต่มาครั้งนี้ เหมือนมีวิกฤตไปทุกที่ มีกับดักไปทุกทาง
เขาจำเป็นต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นถึงแม้จะหานรมนเจอ เขาอาจสูญเสียเธอในครั้งต่อไป
นึกถึงความสามารถของนรมน บุริศร์ค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่น่าจะมีปัญหากับการปกป้องตนเอง
ตอนนี้คนที่สามารถคลายข้อสงสัยของตนเองได้คือกิจจา
กิจจาเข้าใจความรู้ทางการแพทย์บางอย่าง
บุริศร์หยิบธูป ในใจมีการคาดเดา
บอดี้การ์ดของตระกูลโตเล็กเฝ้าอยู่ด้านนอกประตู ถ้าจู่ๆ มีคนที่ไม่รู้จักมากมายเข้ามา พวกเขาไม่มีทางเพิกเฉย และไม่มีเสียงการต่อสู้เลยสักนิด
ถึงแม้บอดี้การ์ดของตระกูลโตเล็กจะร่วมกันหักหลัง แล้วซากศพที่เพิ่งจะฆ่าไปเหล่านั้นล่ะ?
คงจะไม่มีใครจัดการซากศพด้านในให้สะอาดเรียบร้อยภายในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้?
ดังนั้นคำอธิบายเดียวคือธูปนี้มีปัญหา
บางทีเมื่อสักครู่เขากับนรมนอาจจะเมาควันธูปนี้ จนมีอาการประสาทหลอน
ประสาทหลอน?
บุริศร์ไม่ต้องการคำอธิบายแบบนี้ แต่ดูเหมือนเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถอธิบายได้ในเวลานี้
เขากดต้นขาของตนเอง ความเจ็บปวดทำให้เขาหน้าซีด กลับใจเย็นผิดปกติ
กิจจากับกมลถูกบอดี้การ์ดพามาด้านในศาลบรรพบุรุษ
“แด๊ดดี้ เป็นอะไรไปคะ?หม่ามี้ล่ะ?”
เดิมทีกมลไม่ค่อยพอใจ แต่เมื่อเห็นสภาพของบุริศร์ในเวลานี้ จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ รีบพุ่งเข้าไปกอด
กิจจาหัวใจเต้นรัวเล็กน้อย กลับไม่ได้รีบก้าวเข้าไป แต่พยายามสูดดม จากนั้นถามด้วยความสงสัย “แด๊ดดี้ แด๊ดดี้เมาควันสลบ?”
“เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย”
บุริศร์หัวเราะอย่างเย็นชา ส่งธูปให้กิจจา
“ดูว่าด้านในมีส่วนประกอบของควันสลบอยู่รึเปล่า”
กิจจาพยักหน้า จากนั้นถามว่า “หม่ามี้ล่ะครับ?”
กมลก็เงยหน้ามองตนเอง
บุริศร์เจ็บปวดใจสุดๆ แต่รู้ว่าตอนนี้ไม่สามารถปล่อยให้ลูกๆ ตื่นตระหนกได้ จึงตอบเสียงเบาว่า “หม่ามี้ของพวกลูกๆ ไปจัดการธุระแทนแด๊ดดี้นิดหน่อย อีกสักพักก็กลับมา ตรวจสอบธูปเล่มนี้ก่อน”
“ครับ”
กิจจาพยักหน้า
เขาหยิบเครื่องมือออกมาจากกระเป๋าหนังสือด้านหลัง หน้าตาเหมือนกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ บุริศร์ก็ไม่ได้ถามรายละเอียด
กิจจานำไอโอดีนกับผ้าพันแผลออกมา ก้าวขึ้นมาจะช่วยพันบาดแผลของบุริศร์ กลับถูกเขาห้ามเอาไว้
ไม่ต้องรีบ ตรวจสอบธูปก่อน
ตอนนี้เขายังไม่สามารถพันแผลได้ หากธูปเล่มนี้มีส่วนประกอบของควันสลบจริง เขากลัวว่าตนเองจะเสียรู้อีก
ดูเหมือนกิจจาจะเข้าใจความคิดของบุริศร์ และไม่ได้บีบบังคับ หาไฟแช็กจุดธูป
เขาดมเหมือนลูกสุนัข
ดูเหมือนจมูกของบุริศร์จำได้กลิ่นควันสลบได้ รู้สึกหนักหัวทันที รีบอุ้มกมลออกไปจากศาลบรรพบุรุษ ถึงจะพบว่ากมลสลบไปแล้ว
“กมล”
บุริศร์ไม่คิดว่ากมลจะมีการตอบสนองกับกลิ่นนี้มากเช่นนี้ จึงอดเสียใจและโทษตนเองไม่ได้
เขาใช้แรงตบหน้ากมล
ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้กมลได้สติทันที
“แด๊ดดี้ ตบหนูทำไม?เจ็บจังเลย”
กมลฟ้องร้องบุริศร์อย่างน้อยใจ ส่วนบุริศร์กลับโล่งใจ
“อย่านอน”
เขาพูดแค่สองคำ กมลชะงักไป จากนั้นเหมือนตระหนักอะไรขึ้นมาได้ เบิกตาโตทันที
เธอหันไปมองกิจจาในศาลบรรพบุรุษ ถามอย่างตึงเครียด “แด๊ดดี้ พี่กิจจาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?