แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1291 พวกเราแค่หลงเข้ามา
ระหว่างที่พรวลัยตกลงไปก็จับนรมนแน่น และตอนที่กำลังจะตกถึงพื้นก็คิดจะรองรับ แต่นรมนเข้าใจดี ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดทันที
“คุณ…”
พรวลัยประหลาดใจมาก
นรมนกระซิบ “เธอคือผู้หญิงของบุณพจน์ พวกเรารับปากเขาแล้วจะดูแลเธออย่างดี ตอนนี้เธอท้องลูกของเขา ถ้าหากตกลงไปคงจะอันตรายแน่”
พูดจบนรมนก็ผลักพรวลัยขึ้นด้านบน ส่วนตัวเธอเป็นเบาะรองเอง
ความเจ็บปวดรุนแรงประกอบกับความเร็วของที่ตกลงมา เกือบทำให้นรมนรู้สึกว่ากระดูกซี่โครงตัวเองจะหัก
สายตาของพรวลัยฉายแววซาบซึ้ง
นับแต่เป็นผู้หญิงของบุณพจน์ เธอถูกบอกว่าไม่ว่าในสถานการณ์ใดเธอจะต้องดูแลความปลอดภัยของบุณพจน์ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเองก็ตาม จะปล่อยให้บุณพจน์เป็นอันตรายไม่ได้
แต่นรมนกับบุริศร์คือคนที่บุณพจน์แคร์มากที่สุด ตามเหตุผลแล้วเธอรู้สึกว่าตัวเองควรจะปกป้องพวกเขา ไม่อย่างนั้นบุณพจน์จะเสียใจ แต่นึกไม่ถึงในสายตาของนรมน เธอกลับมีความสำคัญ
สิบกว่าปีแล้ว เธอเป็นเงามาตลอด มีหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดในมุมมืด เป็นหมากที่จะถูกโยนทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เวลานี้เธอถึงรู้สึกว่าตัวเองคือคน และมีคนใส่ใจและให้ความสำคัญ
ความรู้สึกนี้นอกจากบุณพจน์มอบให้เธอแล้ว นรมนนับเป็นคนที่สองที่ทำให้เธอรู้สึกเช่นนี้
เธอรู้สึกคัดจมูกอยากจะร้องไห้ พูดเสียงอู้อี้ “ขอบคุณค่ะ นรมน”
“ไม่ต้องเกรงใจ แต่เธอควรจะดึงฉันขึ้นไปนะ ฉันเจ็บมาก”
นรมนรู้สึกว่าตัวเองจะหักเป็นแปดส่วนแล้ว เจ็บสุดๆ
พรวลัยรีบประคองเธอลุกขึ้น สองคนเพิ่งลุกขึ้นมาได้ ก็มีปากกระบอกปืนเย็นเฉียบจ่อที่หลังหัว
“อย่าขยับ! หันไป!”
เสียงที่เย็นเยือกไร้อารมณ์ทำให้รมนกับพรวลัยตะลึง ใจเต้นรัว เกรงว่าเรื่องที่พวกเขากลัวจะเป็นจริงแล้ว
ที่นี่เป็นสถานที่ของคนของพิรุณจริงๆ หรือ
นรมนก้มหน้า เห็นว่าอีกฝ่ายสวมรองเท้าบูตทหาร ขาก็สวมกางเกงของทหารรับจ้าง ใจก็อดรู้สึกหนักอึ้งไม่ได้
ขณะที่เธอแอบคิดว่าจะหยิบปืนพกติดตัวออกมาจากในอกเสื้อ แต่ถูกอีกฝ่ายดูออกก่อน
“บอกแล้วไง อย่าขยับ! ไม่งั้นแกโดนระเบิดหัวแน่”
คำพูดนี้แน่นอนว่าเต็มไปด้วยการข่มขู่
ต่อให้นรมนอยากจะสู้ตาย แต่ตอนนี้เธออยู่กับพรวลัย ทำให้เธอไม่กล้าประมาท
อีกฝ่ายแย่งปืนของพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว
บุริศร์ไม่รู้ตกลงไปตรงไหนแล้ว ตอนนี้นรมนร้อนใจมาก
“พวกแกเป็นใคร พวกเราแค่หลงเข้ามา”
“หุบปาก! ตามพวกเรามา!”
อีกฝ่ายไม่อยากฟังคำอธิบายของนรมน
พรวลัยดึงแขนเสื้อนรมน กระซิบ “ตามพวกมันไปก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้พวกเราไม่มีทางเลือกอื่น”
“แต่บุริศร์เขา…”
“เขาน่าจะอยู่แถวนี้ นั่นเป็นค่ายกลแปดทิศหยินหยาง อาจจะเป็นเพราะเลือดของฉันกระตุ้นค่ายกล ทำให้พวกเราตกลงมา แต่บุริศร์ไม่น่าจะอยู่ไกลจากพวกเรามากนักค่ะ”
เมื่อได้ฟังพรวลัยพูดเช่นนี้ นรมนก็ค่อยวางใจลงหน่อย
ขอแค่บุริศร์อยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลมาก นรมนก็มีวิธีหาเขาเจอ
พวกเธอสองคนตามทหารรับจ้างสองคนเดินเข้าไปเต็นท์ข้างหนึ่ง
นรมนมองรอบๆ ที่นี่มีเต็นท์ราวสิบกว่าหลัง สร้างกลางแจ้งทั้งหมด หรือว่าที่นี่สร้างขึ้นเพื่อดักตอรอกระต่ายจับพวกเธอ
พวกเธอเดินมาแล้วสามวัน แต่ยังหนีไม่พ้นอีกหรือ
หรือว่าถูกพิรุณจับได้แล้ว
เมื่อนึกถึงพิรุณ นรมนก็รู้สึกโกรธ ดูเหมือนตัวเองเดินวนไปเวียนมานานขนาดนี้ สุดท้ายก็ยังเหมือนตัวตลกตกอยู่ในมือเขา ความรู้สึกนี้แย่สุดๆ
“เข้าไปรอ! อย่าเล่นลูกไม้!”
ผู้ชายคนหนึ่งเร่งพวกนรมนเข้าไปในเต็นท์หนึ่ง
ในเต็นท์นี้ไม่มีคน มีแค่นรมนกับพรวลัยสองคน เต็นท์ค่อนข้างกว้าง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตามเข้ามา เพียงแต่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก
นรมนเห็นที่นี่มีอาหารและน้ำดื่ม คิดถึงสุขภาพของพรวลัย เธอพูดเสียงเบา “ไม่ว่าต่อไปพวกเราจะเจออะไร กินอะไรก่อนเถอะ ดีกว่าไม่มีแรง”
“ค่ะ”
สีหน้าของพรวลัยซีดเซียวมาก ถึงกับมีเหงื่อเย็นผุดที่หน้าผาก
สภาพจิตใจของเธอย่ำแย่มาก
นรมนกลัวว่าเป็นอย่างนี้ต่อไปพรวลัยจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน ถึงกับรักษาเด็กในท้องไว้ไม่ได้ รีบให้เธอเอนพิงถุงนอนพักผ่อน
เธอยกอาหารมาวางตรงหน้าพรวลัย แล้วกินอาหารกับเธอ
พรวลัยดูเหนื่อยมาก เธอกินอิ่มแล้วก็ผล็อยหลับไป ขณะที่นรมนไม่กล้าหลับ นั่งอยู่ข้างๆ ตลอด มองทหารรับจ้างที่อยู่ข้างนอก ได้ยินเสียงเปลี่ยนกะด้านนอก ในใจว่างเปล่าไม่รู้จะทำอย่างไร
บุริศร์ตกลงมาใกล้ๆ กับพวกเธอแล้วก็ถูกทหารรับจ้างจับตัวเช่นกัน ถูกพามายังเต็นท์ที่อยู่ด้านนอกสุด
“พวกแกอย่าทำอะไรเมียฉัน ไม่อย่างนั้นฉันสาบานจะทำให้พวกแกเสียใจแน่ๆ”
บุริศร์ไม่สนใจตัวเองทั้งนั้น ในหัวมีแต่เงาของนรมน
เมื่อตกอยู่ในมือของพิรุณ พวกมันคงจะทำอะไรรุนแรงแน่
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ บุริศร์ก็กังวลมาก ถึงกับไม่สนใจความเป็นความตายอยากจะหนีออกไป แต่ถูกคนที่เข้ามาทำให้ตกตะลึง
“เป็นไงบ้าง เราเพิ่งเจอกันไม่นานนี้เอง ไม่รู้จักกันแล้วหรือ”
คริชณะยิ้มตาหยีเดินเข้ามา
บุริศร์นึกว่าตัวเองตาลาย รีบขยี้ตา ก็เห็นว่าคริชณะมาถึงข้างตัวแล้ว และยังยกมือขึ้นต่อยเขาทีหนึ่ง
“แกยังเหมือนเดิม ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นมาหาฉันถึงที่นี่ ไม่รู้หรือไงตอนนี้นายมีอันตรายมากแค่ไหน”
“พี่ใหญ่?”
บุริศร์ถูกต่อยทีหนึ่งถึงตอบสนอง ดวงตาพลันรู้สึกร้อน
“นายไม่เป็นอะไรแล้วหรือ”
“ไม่เป็นไรแล้ว นั่งลงคุยกันเถอะ”
คริชณะดึงให้บุริศร์นั่งลง และให้คนเอาของกินเข้ามาให้
“วางใจเถอะ ฉันจัดให้น้องสะใภ้กับผู้หญิงคนนั้นอยู่ในเต็นท์อีกหลังแล้ว แล้วก็จัดอาหารเครื่องดื่มให้ด้วย ตอนนี้ไม่เป็นอะไร”
คริชณะรู้ว่าบุริศร์กำลังคิดอะไร รีบอธิบายให้เขาฟัง
บุริศร์ถึงค่อยวางใจ
“พี่อยู่ที่นี่จริงๆ!”
คำพูดของบุริศร์ทำให้คริชณะอึ้งนิดหนึ่ง
“ได้ยินบุณพจน์พูด เดิมทีคิดว่าเขาหลอกซะอีก เห็นพี่กับคนข้างนอกผมก็รู้แล้ว คนพวกนี้น่าจะเป็นทหารใช่มั้ย”
บุริศร์ดื่มน้ำอึกหนึ่ง รู้สึกว่าคอแห้ง
คริชณะพยักหน้า “ถือว่าใช่ แต่เป็นทหารที่ปลดประจำการแล้ว เรื่องที่ฉันสืบจะใช้ทหารปัจจุบันไม่ได้ เพื่อป้องกันสปาย ก็เลยต้องทำอย่างนี้ เมื่อกี้นายพูดถึงบุณพจน์หรือ ลูกชายของพิรุณงั้นหรือ นายติดต่อกับเขาจริงๆ หรือ ผู้ชายคนนั้นเย็นชาไร้หัวใจ”
บุริศร์ได้ยินคริชณะประเมินบุณพจน์อย่างนี้ ก็ชะงักนิดหนึ่ง “เขาเป็นพี่ชายคนละพ่อของผม”
“หา”
คริชณะประหลาดใจไม่น้อย แต่คริชณะรู้เรื่องของหมู่บ้านดารายนไม่น้อย เขาจึงเข้าใจทันที
“ที่แท้เขาคือลูกชายของป้าโอหรือ”
“ใช่แล้ว เขาก็เลยขัดขวางไม่ให้ผมมาที่นี่ มีบางเรื่องที่ผมแทรกแซงไม่ได้ ผมคิดว่าพี่น่าจะอยู่ที่นี่ ก็เลยตัดสินใจลองมาดู อีกอย่างเรื่องของหมู่บ้านดารายนเกี่ยวข้องกับคุณน้าชัญญาและคุณอาบุญทิวา คุณชายธเนศพลก็อยากให้ผมมา”
“คุณชายธเนศพลหรือ”
คริชณะแปลกใจ แต่ก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว
“ฉันเข้าใจแล้ว ภารกิจครั้งนี้เดิมทีนายท่านทีปกรสั่งฉันลับๆ คุณชายธเนศพลรู้บางอย่างก็ไม่เสียหายอะไร”
บุริศร์พยักหน้า กินอะไรนิดหน่อย “แต่คุณชายธเนศพลรู้ไม่มาก”
“เขาไม่มีทางรู้เยอะเกินไปแน่นอน ตอนก่อนที่ฉันจะมา บางทีฉันก็ไม่มีทางรู้มากเกินไป บุริศร์ นายคิดดีแล้วใช่มั้ย ถ้าฉันบอกเรื่องที่ฉันรู้ นายจะต้องเข้าร่วมกับภารกิจครั้งนี้ และจะเลิกกลางคันไม่ได้ ตอนนี้นายยังมีตำแหน่งทหาร ขั้นตอนเกษียณยังไม่เรียบร้อย ถ้าจะพูดให้ถูกนายยังเป็นทหาร ถ้านายรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ก่อนที่ภารกิจจะเสร็จสิ้นนายจะถอยไม่ได้”
คริชณะมองบุริศร์อย่างระมัดระวังมาก
บุริศร์กลับยิ้ม “ผมมีทางเลือกหรือครับ หมู่บ้านดารายนเป็นเรื่องที่ผมไม่อาจปัดความรับผิดชอบ ตอนนี้ในตัวผมมีพิษทองคำที่หมู่บ้านดารายนวางไว้ กระทั่งความจริงที่ตอนนั้นหมู่บ้านดารายนถูกทำลายผมก็ต้องการคำตอบให้คนรุ่นต่อไป แม้ว่าไม่เข้าร่วมปฏิบัติการ ผมก็ต้องรู้ให้กระจ่างแจ้ง ถึงตอนนั้นผมทำคนเดียวยากที่จะเลี่ยงไม่ทำลายแผนการของพี่ อย่างนี้สู้ผมเข้าร่วมไม่ได้”
คริชณะได้ยิน บุริศร์พูดอย่างนี้ ก็ถอนหายใจ “ถ้าหากเป็นไปได้ ฉันไม่อยากให้นายเข้าร่วมจริงๆ ฉันรู้กฎของปฏิบัติการครั้งนี้ เมื่อไหร่ที่ภารกิจเกี่ยวข้องกับตัวนาย ก็จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอันตราย แต่ตอนนี้ถ้าหากจะหลีกเลี่ยงอันตราย บางทีมีหลายเรื่องมากที่สืบได้ไม่ชัดเจน ดังนั้นครั้งนี้เดี๋ยวฉันจะพูดกับเบื้องบนเป็นพิเศษ”
บุริศร์พยักหน้า แล้วกินอาหารอีกหลายคำ
สามวันนี้เขาเหน็ดเหนื่อยมาก
คริชณะเห็นว่าเขาอ่อนล้า ก็ยิ้มแล้วตบไหล่เขา “กินอิ่มนอนพักสักหน่อย รอนายพักผ่อนแล้วพวกเราค่อยคุยกัน ไม่ต้องห่วงเมียนาย มีคนของฉันดูแลไม่เป็นอะไรหรอก”
“ครับ”
ถูกไล่ฆ่ามาตลอดทาง บุริศร์แทบไม่ได้พักผ่อน ตอนนี้มาถึงที่อยู่ของคริชณะ เขารู้สึกเหมือนกลับบ้านจริงๆ กินอาหารและดื่มน้ำแล้ว ก็นอนหลับในถุงนอน
ขณะที่นรมนสุดท้ายก็ฝืนไม่ไหว ฟุบลงบนถุงนอนหลับไปเช่นกัน
พวกเขานอนหลับสนิท กระทั่งตื่นในเช้าวันรุ่งขึ้น
พรวลัยประหลาดใจ เธอไม่เคยหลับเป็นตายมานานมากๆ แต่การนอนหลับครั้งนี้สบายจริงๆ พวกคนที่อยู่ข้างนอกก็ไม่ได้เข้ามาสร้างความลำบากให้พวกเขา กระทั่งยกอาหารเช้ามาให้ด้วย
นรมนตื่นขึ้นก็เห็นพรวลัยใช้เข็มเงินทดสอบในอาหารเช้า เห็นว่าไม่มีพิษก็พูดกับนรมน “กินหน่อยเถอะค่ะ”
“ค่ะ”
สองคนกินข้าวเสร็จ ก็มีคนที่อยู่ด้านนอกบอกนรมน ให้พวกเธอพักผ่อนที่นี่ก่อน เดี๋ยวบุริศร์จะมาหา
เมื่อได้ยินข่าวนี้นรมนก็ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง “พวกเขาไม่จำเป็นต้องดีกับพวกเราขนาดนี้หรือเปล่า หรือว่านี่ไม่ใช่คนของพิรุณ”
พรวลัยไม่ได้พูดอะไร แต่สายตายังคงระมัดระวังเต็มที่
หลังจากบุริศร์ตื่นก็ถูกคริชณะเรียกออกไป
ไม่รู้ว่าเขามีอะไรที่พูดในเต็นท์ไม่ได้ แต่เมื่อเขากับคริชณะยืนที่เชิงเขามองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหน้า บุริศร์ก็ตกตะลึง