แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1297 คุณรอผมก่อน
“ใครนะคะ”
นรมนท่าทางเหมือนได้ยินไม่ชัด
บุริศร์เห็นขอบตาของเธอแดง กอดเธอแน่นขึ้นด้วยความสงสาร
“พวกเราไปหาคุณอาบุญทิวา นงลักษณ์บอกว่ามิลินจะพาเธอไปหาคุณอาบุญทิวา”
นรมนซบกับอกของบุริศร์ ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงของบุริศร์ ในใจรู้สึกค่อนข้างตะลึง
“ป้านงลักษณ์ก็มาหรือคะ”
“อึม แม้ว่าจะไม่รู้พวกเธอสองคนดีกันได้อย่างไร แต่แน่นอนว่าเพราะอำนาจของนงลักษณ์ถึงช่วยมิลินรักษาหมู่บ้านดารายนได้ เมื่อก่อนผมคิดว่าหมู่บ้านดารายนสำคัญกับมิลินมาก แต่วันนี้ผมไม่คิดอย่างนี้แล้ว”
ดวงตาบุริศร์มีแววสงสัย
นรมนผละจากอ้อมกอดของบุริศร์ มองบุริศร์ถามขึ้น “ทำไมคะ คุณคิดว่ามิลินมีปัญหาหรือคะ เพราะเธอรู้ว่าคุณอาบุญทิวาอยู่ที่ไหนแต่ไม่บอกเราหรือคะ”
“คุณไม่สงสัยหรือ”
บุริศร์รู้สึกว่านรมนนิ่งเฉยเกินไป อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
นรมนส่ายหน้า ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง
คนที่อยู่ข้างนอกยังยุ่งกัน เพราะกลัวคนนอกรู้เรื่องของคริชณะ ที่นี่จึงไม่มีพวกกมลและปีวรา แต่บรรยากาศที่นี่ยังคงตึงเครียด แม้ว่าจะจับพิรุณได้ บรรยากาศที่นี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
นรมนไม่รู้ว่าเพราะการฝึกฝนบอดี้การ์ดของตระกูลโตเล็ก หรือเพราะความรู้สึกของตัวเองมีปัญหา สรุปแล้วความกังวลนั้นมีแต่เพิ่มขึ้นไม่ลดลง
บุริศร์เดินเข้ามา กอดนรมนจากด้านหลัง
เขาชอบกอดนรมนอย่างนี้ตัวนรมนอ่อนนุ่ม อยู่ในอ้อมกอดของเขาทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองครอบครองโลกใบนี้ ความพึงพอใจนั้นเงินทองและสถานะไม่อาจเติมเต็มได้
“คุณมีความเห็นกับมิลินต่างออกไปหรือ”
น้ำเสียงบุริศร์อ่อนโยน แฝงด้วยความอ่อนล้าและแหบพร่า
นรมนรู้สึกสงสาร วางมือลงบนหลังมือของเขานวดเบาๆ กระซิบ “ไม่ว่าสถานะของมิลินเป็นอย่างไร เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง การตายของลูกชายบางทีอาจเป็นเรื่องที่เธอเสียใจที่สุดในชีวิต ถ้าหากเป็นผู้หญิงทั่วไป ไม่แน่อาจเป็นบ้าไปแล้ว แต่เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเป็นบ้า เธอยังมีภารกิจ และยังมีความรับผิดชอบด้วย เธอแบกภาระหมู่บ้านดารายนถูกทำลายล้างหนักอึ้งขนาดนี้ จนจะหายใจไม่ออกแล้ว ลูกชายเป็นความเจ็บปวดตลอดไปในใจเธอ แต่เธอก็รับกิจจา และยังเห็นกิจจาเป็นเหมือนลูกชาย เรื่องนี้ฉันเชื่อว่าเธอจริงใจกับกิจจา”
“ผมไม่เคยสงสัยความจริงใจที่เธอมีให้กิจจา แต่มันเกี่ยวกับการแสดงออกของเธอตอนนี้ยังไงหรือ”
บุริศร์เป็นผู้ชาย ย่อมไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิง
นรมนยิ้ม “เกี่ยวสิคะ ถ้าหากมิลินเห็นกิจจาสำคัญมาก เพื่อให้กิจจาปลอดภัย เป็นไปได้มากที่เธอจะวางเรื่องหมู่บ้านดารายนไว้หลังกิจจา ประกอบกับตอนนี้หมู่บ้านดารายนมีคุณแล้ว ภาระของเธอก็เบาลงมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจะดูแล กิจจาเหมือนแม่ดูแลลูก ฉันถึงคิดว่า ข้างตัวกิจจามีคนคอยจับตาดู และเรื่องนี้บางทีพวกเราอาจจะไม่รู้”
เมื่อได้ยินนรมนพูดเช่นนี้ บุริศร์ก็ชะงัก
“คุณรู้ได้อย่างไรล่ะ”
“ถ้ารอบตัวกิจจาไม่มีคนจับตาดู ไม่มีคนคุกคามความปลอดภัยของกิจจา อย่างนั้นมิลินก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่รู้ที่อยู่ของคุณอาบุญทิวาแต่ไม่บอกพวกเรา กลับปิดบังมาตลอด ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด มิลินถูกคุณบีบให้ไม่มีทางออก จึงทำได้แต่ขอความช่วยเหลือจากป้าของฉัน และใช้เงื่อนไขนี้เพื่อให้ป้าร่วมมือ คุณไม่สังเกตหรือคะ คนพวกนั้นที่อยู่กับป้านงลักษณ์ฟังแต่คำสั่งของป้านงลักษณ์เท่านั้น ไม่สนใจมิลิน มิลินเคยอยู่กับป้าของฉันสิบกว่าปี ถึงกับมีหลายเรื่องที่ป้าใช้ให้มิลินไปจัดการ ต่อให้ต้องทะเลาะกับในองค์กร หลายปีมานี้ทำไมมิลินเป็นคนเดียวที่ไม่เคยถูกดึงไปเกี่ยวข้อง ไม่มีทางที่จะไม่มีคนที่ไว้ใจ แต่คนพวกนี้กลับเหมือนไม่รู้จักมิลิน ฉันเดาว่าคนพวกนี้บางทีอาจเป็นไพ่ตายสุดท้ายของป้านงลักษณ์ เป็นพลังลับที่ป้าซ่อนไว้ แต่มิลินทำให้ป้าใช้พลังลับนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะมิตรภาพในอดีต ก็น่าจะมีความเป็นไปได้อย่างเดียว ก็คือคุณอาบุญทิวา หรือพูดได้ว่าในสถานการณ์บีบบังคับมิลิน จึงต้องใช้คุณอาบุญทิวาเป็นหมากเพื่อให้ได้โอกาสร่วมมือกับป้านงลักษณ์”
ขณะที่นรมนพูดเป็นหลักเป็นการ ในใจของบุริศร์ตกตะลึงมาก
เขารู้มาตลอดว่านรมนเป็นคนคิดทะลุปรุโปร่ง แต่นึกไม่ถึงเธอจะสังเกตละเอียดขนาดนี้
นรมนโตขึ้นแล้ว
เรื่องนี้ทำให้บุริศร์ทั้งชื่นชมและเสียใจ
เขาคิดหวังให้นรมนเข้มแข็ง แต่เขาเป็นผู้ชาย ก็กลัวว่านรมนจะเข้มแข็งเกินไป เพราะอย่างนั้นจะทำให้เขาสงสาร แต่ขณะที่ไม่รู้ตัวนั้น นรมนก็โตจนถึงขั้นนี้แล้ว
เธอไม่เปิดเผยความสามารถ และไม่ตะลุยโจมตีศัตรู แต่ทำให้ตัวเองละเอียดขึ้น ฉลาดและใจเย็นขึ้นในทุกๆ ความยากลำบากและอันตราย
การเปลี่ยนแปลงอย่างนี้อยู่ในการคาดเดาของบุริศร์ แต่อยู่เหนือความคาดหมาย
บุริศร์กระชับแขน วางคางลงบนไหล่ของนรมน ลมหายใจอุ่นระแก้มของเธอ จนนรมนรู้สึกเขินอาย
“ถอยไปเลย”
“ไม่เอา!”
บุริศร์เหมือนเด็กๆ เกาะติดแจ
นรมนหัวเราะไม่ออก
“ถ้าขืนคนอื่นมาเห็นแบบนี้ ชื่อเสียงฮีโร่คุณป่นปี้แน่”
“ผมอยู่กับเมีย จะมีใครกล้าเข้ามา”
ขณะที่พูดอย่างนี้ จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตู
นรมนพลันยิ้มออกมา
“คุณชายบุริศร์ ถูกตบหน้าเร็วไปหน่อยมั้ย”
บุริศร์มองนรมนยิ้มแฉ่ง ก็กระตุกริมฝีปาก
“คุณรอดูละกัน”
พูดจบเขาก็ปล่อยนรมน สีหน้าขรึมขึ้น
“ใคร”
“แด๊ดดี้ ผมเอง”
เสียงของกิจจาดังเข้ามา ทันใดนั้นมุมปากของนรมนก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้น
ถ้าหากเป็นคนอื่น ไม่แน่บุริศร์อาจไล่ตะเพิดไป แต่เมื่อเป็นกิจจา เขาทำได้แต่อดทนไว้
มองนรมนแวบหนึ่ง บุริศร์ส่ายหน้าจนใจ
เดินไปเปิดประตู “ลูกมาทำไม บุณพจน์เป็นอะไรหรือเปล่า”
กิจจามองไปรอบๆ จากนั้นก็มองลอดแขนบุริศร์เข้าไปในห้อง มองเห็นนรมนก็เดินเข้าไป
“หม่ามี้ ร่างกายรู้สึกยังไงบ้างครับ”
“โอเคจ้ะ มีอะไรหรือ”
นรมนลูบหัวกิจจา แล้วอุ้มเขามานั่งบนหน้าตัก
กิจจารู้สึกเขิน อยากจะลุกออก แต่ก็โหยหาความรักจากแม่
บุริศร์รู้สึกเซ็ง
คนนั้นคนนี้มาแย่งเมียเขาคือเรื่องอะไรกันแน่ แล้วยังต้องเจาะจงเป็นกิจจาที่เขาพูดอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินไปรินน้ำอุ่นส่งให้กิจจา
“ดื่มน้ำอุ่นหน่อย บนเขาอากาศเย็น เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะ”
“ขอบคุณครับแด๊ดดี้”
กิจจายิ้มรับแก้วน้ำไป แล้วจิบคำหนึ่ง ค่อยพูดขึ้น “หม่ามี้ แด๊ดดี้ ผมรู้สึกว่าที่นี่มีสปาย”
“เอ๊ะ”
บุริศร์ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง
เขานึกถึงที่นรมนคาดเดาเมื่อครู่ ใจเต้นนิดหนึ่ง
กิจจาพูดเสียงเบา “เมื่อกี้นี้ ตอนที่ผมเอาโจ๊กไปให้คุณลุง ผมเห็นว่าในนั้นมียากล่อมประสาท”
“ยากล่อมประสาท?”
บุริศร์กับนรมนตะลึง
พวกเขาคิดว่าคนที่แอบอยู่รอบตัวกิจจามีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นคนของพิรุณ ตอนนี้พวกเขาจับพิรุณไว้แล้ว อีกฝ่ายย่อมวางแผนช่วยพิรุณหนีไป ดังนั้นนรมนคาดเดาคนที่คอยจับตาดูกิจจา น่าจะเป็นคนของพิรุณ ขณะที่บุริศร์ก็คิดเช่นนี้ จึงไม่ได้รีบร้อนลงมือ คิดจะคอยดูความเปลี่ยนแปลงเงียบๆ จับคนของพิรุณให้หมด แต่นึกไม่ถึงคนที่คนคนนั้นต้องการพาไปกลับเป็นบุณพจน์
ทำไมต้องพาไป
ถ้าหากบุณพจน์เป็นศัตรูของพวกเขา พวกเขาต้องการให้บุณพจน์ฟื้น จากนั้นก็แอบหนีไปจะไม่ดีกว่าหรือ หรือว่ารอบุณพจน์ฟื้นขึ้นมาแล้ว จะไม่เป็นผลดีกับพวกเขาทำอะไรบางอย่างที่นี่ แต่พวกเขาวางยากล่อมประสาทบุณพจน์ วางแผนจะพาบุณพจน์ไป ก็น่าสนใจแล้ว
หรือพูดได้ว่าคนที่คิดจะพาไปไม่ใช่คนของบุณพจน์ อย่างนั้นเป็นใครกันแน่
คนของพิรุณหรือ
ถ้าหากเป็นพิรุณ ทำไมไม่ให้คนพาตัวเองหนี
คำถามมากมายประเดประดังเข้ามาในหัวของนรมนและบุริศร์
สองคนสบตากันไม่ได้พูดอะไร
กิจจาเห็นพวกเขาเป็นอย่างนี้ ก็อึ้งไปนิดหนึ่ง
“แด๊ดดี้ หม่ามี้ ผมพูดจริงๆ นะ”
“พวกเราเชื่อลูกพูดจริงๆ แต่ลูกจัดการโจ๊กนั่นอย่างไรล่ะ”
บุริศร์มองกิจจา ลูบหัวของเขา
กิจจาพูดเสียงเบา “ผมเปลี่ยนแล้วครับ เปลี่ยนเป็นยาที่ช่วยทำให้คุณลุงฟื้นเร็วๆ”
บุริศร์ชอบการจัดการปัญหาอย่างนี้มาก
เขามองหน้ากิจจา กระซิบถาม “หลายวันนี้ลูกรู้สึกว่ามีคนคอยจับตามองมั้ย หรือว่าทำอะไรลูก”
“ไม่มีครับ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
กิจจารีบส่ายหน้า
สีหน้าของนรมนกับบุริศร์ค่อนข้างเคร่งขรึม
ถ้ากิจจาไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ อย่างนั้นคนที่จับตามองเขาก็อาจเป็นคนใกล้ชิดที่อยู่รอบตัว และคนใกล้ชิดนอกจากพวกเขาจะเป็นใครกัน
กมล?
ลูกสาวของตัวเองคิดอย่างไรกับกิจจา นรมนกับบุริศร์รู้ชัดที่สุด จึงตัดออกไปแน่นอน แต่นอกจากกมลยังมีใครอีกที่อยู่ข้างกิจจาได้โดยไม่กระโตกกระตาก
สองคนชะงักทันใด จากนั้นก็สบตากันรู้สึกเหมือนกัน จากนั้นสีหน้าของบุริศร์ร้อนใจ
“ผมจะไปโทรศัพท์”
พูดจบบุริศร์ก็รีบยืนขึ้น เปิดประตูเดินออกไปทันที
กิจจาตะลึง คิดว่าตัวเองพูดอะไรผิด รีบถามขึ้น “หม่ามี้ ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่าครับ”
“ไม่จ้ะ ลูกทำได้ดีมาก กิจจา ลูกอยู่นี่ก่อน แม่มีธุระกับอาจารย์ของลูกนิดหน่อย”
พูดแล้ว นรมนก็รีบวางกิจจาลง แล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไป
ได้ยินนรมนจะไปหามิลิน กิจจาก็ลุกขึ้นตามไป เขาก็ไม่ได้เจออาจารย์นานแล้ว และยังมีคำถามมากมายที่อยากให้อาจารย์อธิบาย
คิดถึงตรงนี้ กิจจาก็ไม่ได้เรียกนรมน แต่ขาเล็กๆ ก็เร่งเดินตามไป
นรมนรีบเร่งเดินมาที่ห้องมิลิน นงลักษณ์ก็ยืนหน้าประตูห้องของเธอ ดูท่าทางแล้วนงลักษณ์ก็มาหามิลิน ไม่รู้ว่าเพิ่งมาถึงหรือเพราะเหตุใด เธอยืนข้างหน้าไม่เคาะประตูก็เห็นนรมนเดินเข้ามา
“นรมน”
“ป้าคะ เดี๋ยวเราคุยกันค่ะ”
นรมนพูดจบก็ผลักประตูห้องของมิลิน แม้แต่มารยาทพื้นฐานอย่างเคาะประตูก็ลืม