แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1306 ยังเล่นไม่พออีกเหรอ
พอนรมนได้ยินข่าวนี้แล้วก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก หนำซ้ำยังแทบไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาเอาธนเดชมาเป็นเบาะแสค้นหามาตั้งนานขนาดนี้ แต่กลับเป็นคนที่ตายไปตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว
เป็นไปได้ยังไงกัน?
แต่ว่าเธอเองก็รู้สึกว่าบุณพจน์ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหลอกตัวเอง
นรมนอดไม่ได้ที่จะยิ่งคิดถึงบุริศร์มากยิ่งขึ้นเลย
ถ้าหากบุริศร์อยู่ด้วยละก็ ก็จะสามารถคิดถึงความเกี่ยวข้องอย่างอื่นได้แล้วใช่ไหม?
บุณพจน์เองก็กำลังครุ่นคิดสิ่งที่ตัวเองสงสัย แล้วในตอนที่หันกลับไปมองนรมนนั้น ก็อึ้งไปเล็กน้อยครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้นว่า “บุริศร์ยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”
“ยังค่ะ เหมือนกับว่าปีวราจะมีเรื่องอะไรปิดบังพวกเราไว้”
นรมนเล่าเรื่องราวทั้งหมดไปรอบหนึ่ง
เธอเป็นห่วงบุริศร์และกมลเป็นอย่างมาก แต่ว่าก็เป็นอย่างที่คุณนายใจภักดิ์พูดมา ปีวราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหักหลังคริชณะ งั้นที่เธอทำแบบนี้เพื่อเป้าหมายอะไรกันล่ะ?
“บางทีอาจจะเพื่อตบตาคนข้างนอก ให้พิรุณนึกว่าข้างกายคริชณะมีหนอนบ่อนไส้ขึ้น แล้วก็ล่อเสือออกจากถ้ำออกมา”
คำพูดของบุณพจน์ไม่ใช่ว่านรมนจะไม่เคยคิดมาก่อน แต่ว่ายังไงก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี
“ถ้าหากเป็นอย่างนี้ละก็ งั้นพวกบุริศร์ก็ควรส่งข่าวมาให้พวกเราซิ แต่กลับมีแค่หนอนพิษส่งสารตัวหนึ่งกลับมาว่า ให้เราอยู่นิ่ง ๆ ไม่ต้องเคลื่อนไหมกำลังพล ให้รอข่าวไปก่อน ฉันไม่รู้ว่าข่าวนี้จริงหรือปลอม เพราะฉะนั้นก็เลยเป็นห่วงอยู่บ้าง”
หัวคิ้วของนรมนขมวดกันนิ่ง
บุณพจน์พูดเสียงเรียบขึ้นว่า “ถ้าอยากจะรู้ว่าเรื่องจริงหรือปลอม อีกเดี๋ยวให้พรวลัยพาพวกเราเข้าไปหาก็พอแล้ว”
“อาการของพรวลัยในตอนนี้คุณเองก็เห็นแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาได้เมื่อไหร่ แล้วถึงจะตื่นแล้ว พวกเราก็รับประกันไม่ได้ว่าพรวลัยจะช่วยเหลือพวกเรา พี่ใหญ่ ฉันไม่รู้เรื่องความแค้นระหว่างพรวลัยและพิรุณ แต่ว่าในเมื่อเธอได้กินยาพิษไปอย่างเฉียบขาดแบบนั้น กลัวว่า……”
คำพูดที่เหลือนรมนไม่ได้พูดต่อ
เรื่องที่แก้ยากมากที่สุดบนโลกใบนี้ก็คือเรื่องความรู้สึก
บุณพจน์กลับหันไปมองพรวลัยที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงทีหนึ่ง แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เธอจะต้องฟื้นแน่ คุณกลับไปก่อนเถอะ รอให้เธอตื่นแล้ว ผมจะโทรหาคุณแน่นอน ช่วงเวลานี้ก็ดูแลตัวเองให้ดี ๆ ไม่งั้นละก็บุริศร์จะต้องปวดใจแน่นอน”
นรมนไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองรู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่มักจะรู้สึกว่าบุณพจน์เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว
เรื่องของพิรุณ สำหรับเขาแล้วไม่ควรเป็นเรื่องสะเทือนใจเรื่องหนึ่งเหรอ?
แต่ทำไมเขากลับมีท่าทางดีใจเล็กน้อยล่ะ?
“พี่ใหญ่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
นรมนถามขึ้นอย่างไม่ค่อยวางเล็กน้อย
“ไม่เป็นอะไร คุณกลับไปก่อนเถอะ”
บุณพจน์ออกคำสั่งไล่แขกขึ้นมาเลย นรมนเองก็ไม่รู้จะอยู่ที่นี่ต่อยังไงดี เพียงแต่แค่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วก็จากไปเลย
ในตอนที่เธอเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว บุณพจน์ก็ปิดประตูลงทันที ท่าทีแบบนั้นทำให้นรมนรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อยจริง ๆ
เธอไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนมากขนาดนี้เลยเหรอ?
ในตอนที่ห้องพักผู้ป่วยเหลือแต่บุณพจน์และพรวลัยแล้วนั้น บุณพจน์ก็จ้องมองไปที่พรวลัยบนเตียงทีหนึ่ง ในดวงตาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกลึกซึ้งเสี้ยวหนึ่ง
“ยังจะแสดงไปถึงเมื่อไหร่? หนังตาก็กระตุกแล้ว อยู่กับผมมานานขนาดนี้แล้ว ยังคงโกหกไม่เป็นอีก พรวลัยที่เสแสร้งไม่เป็น คุณว่าสิบกว่าปีมานี้อยู่ข้างกายผมนี่อยู่มาได้ยังไงกันเนี่ย?”
น้ำเสียงของบุณพจน์แฝงไว้ด้วยความขบขันและรักใคร่เสี้ยวหนึ่ง
หลังจากที่พรวลัยโดนเปิดโปงแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา ในตอนที่สบเข้ากับแววตาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มของบุณพจน์นั้น ที่หัวใจก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะผ่านมาสิบสองปีแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังคงไม่มีทางที่จะต้านทานเสน่ห์ของเขาได้
ยังคงแค่รอยยิ้มจาง ๆ ของเขาอันเดียวก็สะเทือนไปหมดทั้งหัวใจแล้ว จนต้องโอนอ่อนต่อเขา โดยไม่สนใจอะไรเลย
พรวลัยรู้สึกโกรธเคืองที่ตัวเองเป็นแบบนี้เล็กน้อย
เธอรีบหันหน้าไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าไม่ไปมองบุณพจน์ก็จะสามารถลืมไปว่าคนคนนี้เป็นลูกชายของพิรุณ เป็นศัตรูของเธอได้
ตอนแรกนั้นบุณพจน์ยังยิ้มอยู่ แต่ว่าพอเห็นท่าทางพรวลัยที่หลบหนีอย่างกับนกกระจอกเทศเจอศัตรูนั้น ดวงตาก็อดไม่ได้ที่จะเคร่งขรึมลงหลายส่วน
“ยังเล่นไม่พออีกเหรอ?”
น้ำเสียงของเขาเย็นเฉียบ แฝงได้ด้วยความโกรธกรุ่น ๆ เสี้ยวหนึ่ง
พรวลัยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่กลับกัดริมฝีปากล่างเอาไว้และไม่ได้พูดอะไร
บุณพจน์รีบเดินหน้าขึ้นมา แล้วคว้าคางของเธอมาบีบไว้ บีบบังคับจนเธอจะไม่สบตาคู่ที่โกรธจัดคู่นั้นของเขาไม่ได้
“ผมถามคุณ ว่าเล่นพอหรือยัง?”
“ฉันไม่ได้เล่น! ปล่อยฉันนะ!”
น้ำเสียงของพรวลัยแหบแห้ง แต่กลับแฝงไว้ด้วยความดื้อดึงเสี้ยวหนึ่ง
คางของเธอรู้สึกเจ็บมาก
อยู่ข้างกายบุณพจน์มาสิบสองปี น้อยครั้งมากที่เขาจะหยาบคายกับเธอ นอกจากปีแรก ๆ ที่อารมณ์เสียใส่เธอแล้วนั้น ส่วนใหญ่แล้วเขาก็ดีกับเธอมากเลย แต่ท่าทางเหมือนอย่างตอนนี้ ที่ดวงตาแดงเดือดคู่นั้นที่แทบจะกินเธอเข้าไปยังไงอย่างงั้น ก็ยังเป็นครั้งแรกที่พรวลัยได้เห็นมาเหมือนกัน จึงอดไม่ได้ที่จะจิตใจหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย
เธอบอกกับตัวเองว่า คนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นลูกชายศัตรูของเธอ เธอไม่ควรและไม่สามารถที่จะโดนเขาลุ่มหลงและกระทบกระเทือนได้อีกแล้ว แต่ว่าความกลัวแบบนั้นกลับพุ่งทะยานขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ เหมือนอย่างกับว่าเธอได้ทำเรื่องอะไรที่ทำผิดต่อเขาไปยังไงอย่างงั้น
เรื่องที่ทำผิดต่อเขาเหรอ?
ใช่ซิ
เธอได้ฆ่าลูกระหว่างพวกเขาไปเองกับมือ
คาดว่าเรื่องนี้บุณพจน์น่าจะรู้แล้วมั้ง
เขาชอบเด็กซะขนาดนั้น อยากจะได้ลูกซะขนาดนั้น แต่ว่าการกระทำทั้งหมดของเธอ ถึงแม้ว่าจะฆ่าเธอให้ตายไป บุณพจน์ก็คงจะไม่หายเกลียดหรอกมั้ง?
พรวลัยรู้มาตลอด ว่าบุณพจน์ไม่ใช่ผู้ชายที่ใจบุญสุนทาน ความโหดเหี้ยมของเขาเธอรู้ดียิ่งกว่าใครทั้งหมด
สิบสองปีมานี้ มือของบุณพจน์เปื้อนเลือดสด ๆ มาไม่น้อย เธอเคยเห็นมามากมายแล้ว แต่ว่าวิธีเหล่านั้น ความโหดร้ายและความโหดเหี้ยมเหล่านั้นต่างก็ไม่เคยใช้กับเธอมาก่อน
แต่ตอนนี้เขาจะจัดการกับเธอเหรอ?
ก็ใช่
เธอเป็นของขวัญบรรลุนิติภาวะของบุณพจน์ ตอนแรกก็เป็นแค่ของเล่นที่จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้อยู่แล้ว พอมาตอนนี้เขาอยากจะฆ่าเธอ เธอเองก็ขัดขืนไม่ได้
บางทีเริ่มตั้งแต่วินาทีที่ปล่อยตัวพิรุณไป แล้วโดนพวกนรมนจับตัวกลับมานั้น เธอก็รู้แล้วว่า จุดจบที่รอตัวเองอยู่นั้นคืออะไร
สิ่งที่บุณพจน์เกลียดที่สุดก็คือการหักหลัง
เธอไม่เพียงแค่หักหลังเขา แต่ยังทำเรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมาอีก แม้แต่ตัวเองก็ยังดูถูกตัวเองเลย แล้วบุณพจน์ล่ะจะขนาดไหน?
พรวลัยร้องไห้น้อยมาก แต่ว่าวินาทีนี้กลับยังไงก็อดกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ไม่อยู่
เธอนึกว่ายาพิษของตัวเองจะแรงมากพอ ตัวเองจะสามารถลงไปเจอกับพ่อแม่และญาติพี่น้องได้แล้ว แต่น่าเสียดายใครจะไปรู้ว่าเธอจะยังโดนช่วยชีวิตกลับมาได้อีก
โลกนี้สำหรับเธอแล้วนั้นมันได้พังพินาศไปตั้งนานแล้ว เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าต้องการอยู่เป็นเพื่อนบุณพจน์อีกสักหน่อย บางทีเธออาจจะไปตายตั้งนานแล้ว
มาวันนี้บุณพจน์ตามหาบุริศร์เจอแล้ว ตามหาญาติที่แท้จริงเจอได้แล้ว ในที่สุดเธอก็สามารถปล่อยมือได้แล้ว ทำไมถึงยังต้องช่วยชีวิตเธอด้วยนะ?
“ฆ่าฉันไปเถอะ”
ดวงตาของพรวลัยจ้องมองไปที่บุณพจน์ จ้องมองผู้ชายคนนี้ที่ติดตามมาตั้งแต่วัยรุ่น ถ้าจะพูดว่าสามารถปล่อยวางลงได้นั้นก็คือการโกหกแล้ว
เขาเป็นเหมือนกับเลือดเนื้อของเธอ ที่แยกกันไม่ออกมาตั้งนานแล้ว
แต่ว่าเธอไม่สามารถรักได้ ไม่สามารถคลอดลูกให้เขาได้ เธอทำไม่ได้
บางทีอาจจะมีแต่ตายเท่านั้นถึงจะสามารถหลุดพ้นได้
“คุณนี่คิดได้ง่ายนะ ฆ่าลูกของผมไปแล้ว ก็จะอยากจะหนีตายไปเลยเหรอ? คุณคิดว่าผมบุณพจน์เป็นคนที่จะบอกปัดไปได้ง่าย ๆ แบบนั้นเหรอ? พรวลัย เวลาที่คุณติดตามมาข้างกายผมก็ไม่น้อยแล้วนะ ทำไมถึงได้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งโง่ไปแล้วล่ะ ผมบุณพจน์เป็นคนที่มีความแค้นแล้วไม่ชำระเหรอ?” แววตาของบุณพจน์มีความเย็นชาอยู่บ้าง
เมื่อก่อนพรวลัยเคยคิดว่าตัวเองจะสามารถแบกรับความเย็นชาของบุณพจน์ไหว แต่ตอนนี้ถึงพบว่า ตัวเองประเมินตัวเองสูงไป
เธอรักบุณพจน์รักจนเข้ากระดูกดำ เธอแบกรับการที่บุณพจน์เย็นชาและเคียดแค้นต่อตัวเองไม่ไหว
ที่คางเจ็บปวดเป็นอย่างมาก กระเพาะก็ปวดแสบปวดร้อนอยู่เพราะว่าเพิ่งล้างท้องมา แต่ว่าล้วนเทียบกับเศษเสี้ยวความเจ็บปวดในใจไม่ได้
“คุณชายบุณพจน์อยากจะลงโทษฉันยังไง? ฉันจะไม่โต้แย้งสักคำเลย”
พรวลัยหลับตาลง
เธอไม่มีทางที่จะพูดคำพูดที่ตรงกับใจต่อใบหน้านี้ออกมาได้ เธอทำไม่ได้
นิ้วมือของบุณพจน์ใช้แรงขึ้นมาเล็กน้อย คางของพรวลัยก็แดงขึ้นมา แต่ว่าเธอกลับเพียงหลับตาไว้แน่น และไม่ร้องออกมาสักแอะอย่างดื้อด้าน
“ลงโทษคุณ? ลูก ๆ ระหว่างเราสี่คน มาโดนคุณทำให้ตายไปอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง แต่คุณแค่พูดว่าให้ลงโทษคุณคำเดียวก็พอแล้วเหรอ?”
ใจของพรวลัยโดนบีบจนเจ็บจี๊ด
ลูกเป็นความเจ็บปวดที่ลึกที่สุดในใจของเธอ
เธอเคยเตรียมการป้องกันแล้ว และพยายามป้องกันไม่ให้ตัวเองตั้งท้องอย่างสุดความสามารถ แต่ว่าเธอก็ยังตั้งท้องขึ้นมาได้ เธอเองก็ไม่อยากทำ เพราะนั่นก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอด้วยเช่นกัน!
พรวลัยน้ำตาไหลไปอย่างไม่มีสุ้มเสียง
บุณพจน์จ้องมองพรวลัยที่อยู่ตรงหน้า ในดวงตามีแววเจ็บปวดพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
เขารีบก้มหน้าลงทันที แล้วก็จูบปากพรวลัยอย่างบ้าอำนาจขึ้นมาทันที
“อู้ว์ อู้ว์……”
พรวลัยอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มขัดขืนขึ้นมา แต่ว่ากลับโดนบุณพจน์ล็อกตัวไว้ด้วยมือข้างเดียว
จูบที่ร้อนแรงจนทำให้คนรู้สึกขาดอากาศหายใจ และบ้าอำนาจอย่างไม่ว่างเว้นแม้แต่อณูเดียว
ในตอนแรกพรวลัยยังพยายามขัดขืนอยู่ แต่ที่สุดแล้วต้านทานไม่ไหว จึงได้แต่ยอมปล่อยให้บุณพจน์ทำตามความต้องการไป
ช่างเถอะ
เขาอยากจะทำยังไงก็ทำไปเถอะ
พรวลัยยอมแพ้การต้านทานไป แต่กลับยิ่งทำให้บุณพจน์เกิดไฟโกรธอย่างหนึ่งขึ้นมา
อยู่ข้างกายเขามันเป็นทุกข์มากขนาดนี้เลยเหรอ?
ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองคนต่างก็มีความรู้สึกต่อกัน ทั้ง ๆ ที่คนที่ฆ่าคนในครอบครัวเธอทั้งหมดไม่ใช่เขา แล้วมีสิทธิ์อะไรที่จะต้องให้เขามาเช็กบิลเรื่องทุกอย่างด้วย?
มีสิทธิ์อะไร?
บุณพจน์ปล่อยตัวพรวลัยออกอย่างรวดเร็ว เขาโกรธจนเตะเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าบินไปเลยทีเดียว จนเกิดเสียงดังขึ้นมาดังมาก
พรวลัยตกใจจนสะดุ้งขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วจ้องมองบุณพจน์ที่โกรธจัดอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย
เหมือนกับว่าเธอจะไม่เคยเห็นบุณพจน์ที่อารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้มาก่อน
“คุณชายบุณพจน์ คุณ……”
“ทางที่ดีที่สุดคุณหุบปากให้ผมไปเลย ไม่งั้นผมกลัวว่าผมจะฆ่าคุณได้จริง ๆ!”
บุณพจน์หันหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาแดงก่ำจนทำให้พรวลัยตกใจจนสะดุ้งไปทีหนึ่ง
สีหน้าของเธอขาวซีดจนทำให้คนเห็นแล้วขัดตา
บุณพจน์พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามให้ไฟโกรธของตัวเองสงบนิ่งลงมา
เขาไม่ได้โกรธพรวลัย แต่โกรธตัวเอง
“ทำไมถึงได้ปล่อยตัวพิรุณไป? เขามีความแค้นที่ลึกราวกับมหาสมุทรกับคุณ ทำไมคุณถึงปล่อยเขาไปได้? อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นบุริศร์หรือว่านรมน ก็จะต้องไม่มีใครปล่อยตัวเขาไปทั้งนั้น ทำไมคุณจะต้องมาลงมือเองด้วย? ทำไมคุณจะต้องมาเปิดเผยสถานะของตัวเองด้วย?”
บุณพจน์พยายามให้ลมหายใจของตัวเองสงบนิ่งลงมาเล็กน้อย
พอพรวลัยได้ยินคำพูดของบุณพจน์แล้ว ก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่นขึ้นว่า “ใช่ บุริศร์กับนรมนนั้นจะไม่มีทางปล่อยตัวพิรุณไป แต่ว่าก็ไม่ฆ่าเขาเหมือนกัน พวกเขาจะเอาตัวพิรุณส่งให้กับตำรวจหรือว่ากรมทหาร พอถึงตอนนั้นถึงแม้จะผ่านการสอบสวนแล้ว เขาเองก็แค่ตายด้วยกระสุนนัดเดียวเท่านั้น มือของเขาเปื้อนความผิดบาปไว้มากมาย บนตัวเขาแบกชีวิตคนไว้มากมายขนาดนั้น แล้วมีสิทธิ์อะไรที่จะมาให้ตายอย่างง่ายดายด้วย? และนี่ยังถือว่าเป็นจุดจบที่ดีที่สุด แต่ถ้านรมนและบุริศร์ไม่ได้เฝ้าเขาไว้ให้ดี แล้วโดนคนของเขามาช่วยตัวไป แล้วครั้งหน้าที่จะจับตัวพิรุณได้อีกจะเป็นเมื่อไหร่? ฉันรอมาสิบสองปีแล้ว ทุกค่ำคืนฉันมักจะฝันเห็นญาติ ๆ ของฉันมาร้องไห้กับฉัน มาถามฉันว่าทำไมยังไม่แก้แค้นให้พวกเขา ฉันอายุสามสิบแล้ว ฉันไม่มีเวลาอีกมากมายให้มารออีกสิบสองปีแล้วนะ”
พูดไปพูดมา น้ำตาของพรวลัยก็ไหลออกมา
“คุณรู้ไหม? ตอนที่ฉันอายุสิบแปดถูกเอาไปเป็นของขวัญมอบให้คุณเป็นของขวัญบรรลุนิติภาวะนั้น ในใจของฉันมีความรู้สึกยังไง? ฉัน คนที่ร่างกายสะอาดบริสุทธิ์ กลับต้องมาบำเรอลูกชายของศัตรู และที่สำคัญยังจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร้ศักดิ์ศรีอีก ปีนั้นฉันมีชีวิตอยู่มาได้ยังไงนั้น คุณรู้หรือเปล่าคะ?”
“ผมรู้”
อยู่ ๆ ดวงตาของบุณพจน์ก็ขรึมลงมาหลายส่วน คำพูดของเขาทำให้พรวลัยนิ่งอึ้งไปเลย
“คุณรู้? คุณจะไปรู้อะไร? คุณไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”