แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1342 ไม่นึกว่าจะหยาบคายเช่นนี้
“พวกเธอรีบเข้าไปซ่อนในตู้เร็ว”
คำพูดของชัญญาทำให้นรมนกับบุริศร์ค่อนข้างประหลาดใจ แต่ทว่าก็ไม่มีเวลาอธิบายอะไรมาก เพื่อความปลอดภัยบุริศร์จึงต้องรีบดึงนรมนเข้าไปซ่อนในตู้
เรื่องนี้บุริศร์เชื่อคำพูดของชัญญาอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนรมนเข้าไปซ่อนก็โดนบุริศร์กอดอยู่ในอ้อมอก ลมหายใจของทั้งสองคนปะปนเข้าด้วยกัน ในที่ว่างแคบๆ รูปร่างที่ค่อนข้างใหญ่ของบุริศร์ เห็นได้ชัดว่าห้อมล้อมนรมนเอาไว้อย่างแน่นหนา แต่ความรู้สึกอย่างนี้ยังคงแปลกใหม่มาก
เสียงโซ่เหล็กดังขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่านรมนกับบุริศร์จะอยู่ในตู้ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน ทั้งสองคนสบตากัน แล้วก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาของชัญญาลอยเข้ามา
“พวกนายอยากให้ฉันหิวตายหรือไง? ช่วงเวลาส่งอาหารนี่นานขึ้นเรื่อยๆเลยนะ ทำไม? ตอนนี้สมชัยใกล้หมดความอดทนกับฉันแล้วงั้นสิ?”
ถึงนรมนจะไม่รู้ว่าชัญญากำลังคุยกับใคร แต่ทว่าฟังจากน้ำเสียงแล้วแย่มากๆ
เสียงโซ่เหล็กหยุดลงแล้ว ตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายที่ดังขึ้น
“คุณชัญญาตลกแล้ว พระราชาของพวกเราใส่ใจคุณชัญญามากนะครับ”
“งั้นเหรอ?”
ชัญญาคำรามออกมาอย่างเย็นชา มองสิ่งของในมือของอีกฝ่าย จึงยิ้มเยาะพูดขึ้น: “เดี๋ยวพายุหิมะก็จะมาแล้ว พระราชาของพวกนายให้สิ่งของกันหนาวฉันแค่นี้น่ะเหรอ? วางแผนจะให้ฉันตายใช่ไหม? ที่นี่กลายเป็นเขตรกร้าง เครื่องให้ความอุ่นก็ไม่ทำงานแล้ว ยังไม่เตรียมถ่านมาให้ฉันอีก ในฤดูที่เย็นยะเยือกอย่างนี้ ฉันจะใช้ชีวิตยังไง?”
ฝ่ายชายพูดขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม: “คุณชัญญา ช่วงนี้ภายในประเทศมีเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญต้องสะสาง พระราชาบอกว่าในช่วงไม่กี่วันนี้ให้คุณทนไปก่อน เดี๋ยวจะจัดการให้ครับ”
“เฮอะๆ ในช่วงไม่กี่วันนี้ให้ทนไปก่อนงั้นเหรอ? สงสัยเขาอยากให้ฉันหนาวตายน่ะสิ หลายปีมานี้ไม่ได้อะไรที่มีคุณค่าจากตัวฉันเลย จึงอยากจะยอมแพ้ฉันแล้ว ให้ฉันเอาตัวรอดเองใช่ไหมล่ะ?”
ชัญญาเต็มไปด้วยความเดือดดาล แต่ยังไงด้วยนิสัยที่หนักแน่นของอีกฝ่าย ก็ยังคงพูดอย่างนอบน้อม: “คุณชัญญาพูดเล่นแล้ว ตัวตนของคุณมีคุณค่ามากที่สุดอยู่แล้วครับ พระราชาไม่ยอมให้คุณตายแน่นอน แต่พระราชาได้ยินมาว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในเขตรกร้างที่ด้านนี้ ยังหวังอีกว่าคุณชัญญาจะไม่ติดต่อกับคนนอกสะเปะสะปะนะครับ”
“น่าขำจริงๆเลย ที่นี่โดนพวกนายจัดการจนกลายเป็นเขตรกร้างไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีคนแปลกหน้าเข้ามา ผีหรือเปล่า?” ชัญญาคำรามอย่างเย็นชา ไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
ฝ่ายชายมองไปรอบๆอยู่ครู่หนึ่ง เห็นน้ำชากับถ้วยน้ำชาสามใบที่ยังร้อนๆอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“คุณชัญญาที่นี่มีแขกเหรอครับ?”
“แขก? งั้นก็คงเป็นพวกนายนั่นแหละที่ให้คนเข้ามา”
ชัญญาก็มองไปที่ถ้วยชาบนโต๊ะโดยปริยาย แต่ทว่าสีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง จึงทำให้ฝ่ายชายค่อนข้างไม่แน่ใจ
“คุณชัญญาแล้วถ้วยน้ำชาสามใบนี้คือ……”
“ฉันอยู่คนเดียวมันเงียบเหงาเกินไป จึงจินตนาการว่ามีคนมานั่งคุยเล่นกับฉันที่นี่ ฉันชงชาให้เขา แล้วพูดคุยกันไม่ได้เหรอ?”
คำพูดนี้ของชัญญาเหมือนกับเกิดอะไรขึ้นแล้วจริงๆ
ฝ่ายชายไม่ค่อยเชื่อ อยากจะเข้าไปดูในห้องนอนของชัญญาสักหน่อย แต่กลับเห็นชัญญาเข้ามายืนขวางเอาไว้ ตะโกนออกมาอย่างเย็นชา: “กำเริบเกินไปแล้วนะ! นายมันตัวอะไร? ยังกล้าจะเข้าห้องของฉันอีก?”
“ไม่กล้าครับ แต่ว่าคุณชัญญาถ้าซ่อนคนอื่นไว้ที่นี่ กระผมก็จนปัญญาที่จะอธิบายกับพระราชานะครับ ดังนั้นเพื่อให้ดีกับทุกฝ่าย คุณชัญญาหลบให้ผมเข้าไปดูจะดีกว่า”
แม้อีกฝ่ายจะท่าทางเคารพนอบน้อม แต่คำที่พูดออกมากลับน่ารังเกียจ อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ก็ทำให้ชัญญาสะอิดสะเอียนมาก
“สถานะตัวตนของฉันง่ายที่จะให้นายทำตัวกำเริบเสิบสานนักใช่ไหม! อีกอย่างนะ ห้องใหญ่ขนาดนี้ นายคิดว่าจะซ่อนคนเอาไว้ได้เหรอ?”
“งั้นก็ต้องดูนะครับจะได้รู้”
ฝ่ายชายพูดจบก็ผลักชัญญาออกไป ท่าทางไม่มีความเคารพเลย ทำให้ชัญญาโมโหจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะกำจัดเขาทิ้งไปซะจริงๆ
ใจของนรมนตื่นเต้นลนลานขึ้นมาทันที
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?
ไม่นึกว่าจะหยาบคายเช่นนี้!
บุริศร์เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา แค่ผู้ชายคนนั้นเปิดตู้ เขาก็จะเอาชีวิตของผู้ชายคนนั้นทันที
บรรยากาศที่ตึงเครียดพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
หลังจากชายคนนั้นเข้ามาสำรวจไปรอบๆห้องสักครู่ เมื่อเห็นว่ากำลังจะเดินไปทางตู้ ชัญญาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วโยนถ้วยน้ำชาในมือออกไปทันที
ถ้วยน้ำชากระแทกเข้าไปที่กลางหัวของชายคนนั้นพอดี เขาชะงักงัน แล้วก็ได้ยินเสียงคำรามที่เย็นชาของชัญญาพูดขึ้น: “นายอยากตายจริงๆใช่ไหม? ฉันกลับไม่ถือสาที่จะฆ่าสุนัขที่สมชัยส่งมาหรอกนะ ถึงยังไงถ้านายตายไปก็ต้องมีคนอื่นมาแทนนายอยู่แล้ว”
พูดอย่างเย็นชา ถึงกับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชัญญากำลังถือมีดสั้นเอาไว้ในมือ ประกายความโหดเหี้ยมสาดเข้ามาในดวงตาของฝ่ายชาย เห็นได้ชัดว่ากำลังครุ่นคิด
“คุณชัญญาพูดเล่นแล้ว นี่เป็นของที่พระราชาเตรียมไว้ให้คุณกินสามวัน ถ้าไม่มีเรื่องอะไร คุณชัญญาพยายามกินให้น้อยหน่อยนะครับ เพราะพายุหิมะกำลังจะมาแล้ว พวกผมคงออกมาไม่ได้”
ท่าทีนอบน้อมของฝ่ายชายกลับอีกครั้ง แต่ชัญญาไม่สนใจเลยสักนิด
“ไสหัวไป!”
ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใส่ใจท่าทีของชัญญา หลังจากที่ชัญญาพูดจบก็ออกไป
เสียงโซ่เหล็กลอยเข้ามาอีกครั้ง ตั้งแต่ระยะใกล้ๆจนออกไปไกล
นรมนอยากจะผลักประตูตู้ออกไป แต่กลับโดนบุริศร์ห้ามเอาไว้
เขาส่ายหน้าใส่เธอ
นรมนแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวอีก ในสถานที่อย่างนี้ เธอเชื่อมั่นบุริศร์ไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจใดๆ แค่บุริศร์รู้สึกว่าทำได้ก็จะทำได้
ทั้งสองรออยู่อีกสักพัก ชัญญาก็ยังไม่เข้ามา แต่กำลังยกถ้วยน้ำชาอยู่ที่ด้านนอก เทน้ำชาทิ้งไป แล้วยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาอีกครั้ง พูดกับตนเอง: “ธเนศพล มา ดื่มชา ลองชิมผู่เอ๋อร์ที่น้าเพิ่งต้มสิ ถ้าชิมแล้วบอกได้ว่าเป็นแบบดั้งเดิมหรือแบบสมัยใหม่ น้าจะมีรางวัลให้นะ”
นรมนตะลึงเล็กน้อย บุริศร์เองก็ชะงักไป
แม้จะตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ในใจของชัญญาก็ยังคงคิดถึงธเนศพล
คำเล่าลือจากโลกภายนอกที่บอกว่าเธอเลี้ยงธเนศพลเหมือนกับลูกในไส้ ดูแล้วคงจะเป็นเรื่องจริง
นรมนรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้หญิงคนนี้
ก็ในตอนนี้เอง ไม่มีเสียงโซ่เหล็กดังขึ้น แต่ชายคนก่อนหน้านี้กลับผลักประตูเข้ามา
ชัญญาโยนกาน้ำชาร้อนๆออกไปทันที
“นายอยากตายใช่ไหม?”
อาจจะเป็นครั้งแรกที่ชายคนนั้นได้เห็นชัญญาโมโหขนาดนี้ จึงหลบไปโดยอัตโนมัติ แต่กลับหลบไม่พ้น
กาน้ำชาของชัญญาไม่ได้โยนไปทางเขา แต่ขว้างไปที่กำแพง น้ำร้อนจึงกระเด็นออกมาลวกไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นทันที
“อ๊าก!”
เขาร้อง แล้วกระโจนเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน การต่อต้านอย่างผลุนผลันของเขา กลับโดนชัญญาเตะเข้าไปที่ท้อง ทั้งตัวจึงกระเด็นออกไป
ชัญญาราวกับอยากจะฆ่าเขาขึ้นมาจริงๆ ยกเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างคิดจะทุ่มลงไปบนร่างของชายคนนั้น
เขาก็ไม่กล้าตอบโต้ เมื่อเห็นว่าจะทุ่มมาที่ตนเองแล้ว จึงรีบเอ่ยปาก
“คุณชัญญา ผมไม่ได้มีเจตนา ผมแค่จะกลับมาบอกคุณ พระราชาบอกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยสงบ ไม่อยากให้คุณออกไปข้างนอก”
เก้าอี้ของชัญญา หยุดอยู่ห่างจากบนหัวของเขาเพียงห้าเซนติเมตรเท่านั้น
สีหน้าของเธอเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง น้ำเสียงยิ่งปะปนไปด้วยความโมโห
“ถ้ายังกล้าสอดส่องฉันอีก ฉันรับรองเลยว่าครั้งหน้าจะระเบิดสมองนาย!”
ชัญญาไม่ได้ล้อเล่น เขารู้สึกได้ หัวใจเต้นแรง ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
เขารับรู้ถึงความน่ากลัวของชัญญามาโดยตลอด ผู้หญิงคนนี้โดนขังเอาไว้ที่นี่หลายปีขนาดนี้ ระบบประสาทก็คงไม่ปกติไปตั้งนานแล้ว คนส่งอาหารก่อนหน้าเขาที่ตายไปตั้งหลายคน พระราชาเพียงแค่ให้เงินก้อนใหญ่ปลอบใจครอบครัวพวกเขาเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องอื่นๆก็ไม่ได้สนใจอีก
แน่นอนว่าเขาไม่อยากเดินตามหลังคนอื่นๆ ดังนั้นหลังจากที่เขารับช่วงต่อหน้าที่นี้ ก็ถือว่าเขาปฏิบัติต่อชัญญาด้วยความนอบน้อมจริงๆ
เขารู้สึกว่าแค่ตนเองปฏิบัติต่อชัญญาอย่างสมเกียรติ ชัญญาจะไม่สร้างความลำบากให้ วันนี้เป็นเพราะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขาจึงคิดจะดำเนินการจับกุมถึงได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นการยั่วโมโหชัญญาเช่นนี้
อย่ามองว่าชัญญาเป็นผู้หญิง แต่พละกำลังตอนที่สติหลุดผู้ชายต่างก็กลัวกันทั้งนั้น นึกถึงเก้าอี้เมื่อครู่ที่จะทุ่มลงมาบนหัวของตนเองไม่แน่สมองอาจจะแตกกระจายก็ได้
เหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากของเขา
“คุณชัญญา ผมลืมประโยคนั้นไปจริงๆ ถึงได้กลับมาบอกคุณ”
ฝ่ายชายรีบพูดขึ้น
ชัญญารู้ว่าเขาไม่ได้พูดความจริง แต่ตอนนี้ก็ขี้เกียจจะคิดจุกจิกกับเขาแล้ว
เธอขว้างม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆมือออกไป พูดอย่างเย็นชา: “ไสหัวไป!”
“ครับๆๆ ผมจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
เขาลนลานออกไป
ชัญญาขมวดคิ้วแน่นมองทางที่เขาออกไป
ชายคนนั้นออกไปได้สักพัก ชัญญาก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหว บุริศร์จึงไม่ให้นรมนออกไป
นรมนนึกถึงเมื่อครู่ถ้าไม่เชื่อฟังบุริศร์ เป็นไปได้มากว่าตนเองคงจะเผยตัว ให้อีกฝ่ายจับไปแน่ๆ
แค่นึกถึงตรงนี้ เธอก็ค่อนข้างใจหาย
ผ่านไปหลายนาทีแล้ว บุริศร์จึงพูดกับนรมนเบาๆ: “ออกไปได้แล้ว”
“ต้องรออีกหน่อยไหม?”
นรมนยังกลัวว่าผู้ชายคนนั้นไปแล้วจะกลับมาอีก ถามขึ้นด้วยใบหน้ากังวล
บุริศร์ยิ้มบางๆส่ายหน้า: “ไม่เป็นไรแล้ว น่าจะไปแล้วแหละ อารมณ์ที่โหดร้ายเมื่อกี้ของคุณน้าธนเกียรติโกศล สงสัยว่าจะทำให้เขาขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว”
“ฉันก็ขวัญหายไปด้วยแล้วเนี่ย”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปดีดหน้าผากเธอ
“ความกล้าหาญของคุณมันเหลือแค่นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ตอนนี้ไง มีคุณอยู่ข้างๆ ความกล้าหาญของฉันก็เล็กที่สุดเลย”
นรมนแลบลิ้น บุริศร์เห็นท่าทางทะเล้นนั้นแล้วค่อนข้างหวั่นไหว
ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้พักนี้ล่อใจเขาขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ
บุริศร์ยกแขนของนรมนเดินออกมาจากในตู้
ชัญญาเห็นพวกเขาแล้ว พูดขึ้นเบาๆ: “เธอรู้สึกแล้วใช่ไหม?”
“ครับ”
บุริศร์พยักหน้า แต่นรมนกลับงงงัน
“รู้สึกอะไรเหรอ?”
จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าไม่เข้าใจบทสนทนาระหว่างบุริศร์กับชัญญาเลย
เกิดอะไรขึ้น?
บุริศร์มองท่าทีงงงันของนรมน จึงพูดขึ้น: “ครั้งแรกตอนที่ผู้ชายคนนั้นเข้ามามีเสียงโซ่เหล็กด้วย แต่ครั้งที่สองตอนที่เขากลับเข้ามาอีกครั้งไม่มีเสียงโซ่เหล็ก แสดงว่าที่นี่อาจจะมีทางออกหรือทางเข้าสองทาง”
“ใช่ ฉันคิดมาโดยตลอดว่าที่นี่มีทางเข้าออกแค่ทางเดียว ถึงยังไงประตูใหญ่ก็โดนปิดตายไป แต่ตอนนี้ดูแล้ว เห็นๆอยู่ว่าฉันคิดผิด แล้วก็ เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นละเอียดรอบคอบ เขาน่าจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของที่นี่ คงไม่กล้าทำอะไรฉัน จึงกลับไปขอให้สมชัยสั่งการแล้วแหละ ตอนนี้พวกเราเสี่ยงมาก ฉันแค่อยากถามว่า พวกเราจะออกไปได้ไหม?”
คำพูดของชัญญาทำให้พวกนรมนประหม่าขึ้นมาทันที