แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1353 ฉันไม่มีทางให้ย้อนกลับไปแล้ว
จะทำยังไงดี?
ใจของนรมนและชัญญาเต้นตึ้กตั้กขึ้นมาทันที
“พวกเธอไปก่อนเลย”
ราเชนผลักนรมนทีหนึ่ง
นรมนกลับรู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อยแล้ว
“ฉันจะต้องไปทางไหนล่ะ?”
ที่นี่เธอไม่คุ้นเคยกับพื้นที่และผู้คน แล้วตอนนี้ราเชนจะให้เธอไปก่อน งั้นก็ชี้ทิศทางให้หน่อยซิ
ระหว่างที่พูดกันนั้นอีกฝ่ายก็มาถึงตรงหน้าราเชนแล้ว
“พี่รอง? นี่คุณกำลังจะไปทำอะไรเหรอคะ? ว้าย! คนสองคนข้างหลังคุณนี่ออกมาจากกองขยะเหรอคะ? เหม็นจะตายอยู่แล้ว”
คนที่มาคือองค์หญิงหกของประเทศFดารัณ แม่ของเธอเป็นลูกสาวของตระกูลเล็ก ๆ ในตอนที่ตระกูลกำลังตกอยู่ในอันตรายนั้น ก็โดนคนของตระกูลส่งตัวเข้ามาเป็นพระมเหสีเก้าให้กับสมชัย พอคลอดดารัณออกมาแล้วก็ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานอีก หลายปีมานี้จึงปลีกตัวไปอยู่อย่างสงบ ไม่ข้องเกี่ยวกับฝ่ายใด ดารัณเองก็ออกมาข้างนอกไม่บ่อยนัก โดยปกติแล้วแทบจะอยู่อย่างคนไม่มีตัวตนเลย
ราเชนไม่ได้มีภาพประทับใจอะไรเกี่ยวกับน้องสาวคนนี้ เพียงแต่แค่บังเอิญได้เจอกันขึ้นมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู มักจะรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย
“นี่น้องหกจะไปไหนเหรอ?”
“ออกมาเดินดูสักหน่อยค่ะ พายุหิมะตกติดต่อกันมาสามวัน คุณแม่บอกว่าบางทีข้างนอกอาจจะมีเรื่องต้องการให้ช่วยเหลือ ฉันก็เลยกะว่าจะออกมาดูสักหน่อย”
น้ำเสียงของดารัณกลับไพเราะราวกับเสียงนกขมิ้นเหลือง เวลายิ้มขึ้นมาบนใบหน้ายังมีลักยิ้มหวาน ๆ ขึ้นมาสองอัน ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
แต่ว่าราเชนนั้นรู้ดี เด็กที่เติบโตขึ้นมาในวังนั้นจะไปมีคนใสซื่อบริสุทธิ์ได้ยังไง
“งั้นน้องหกก็รีบไปเถอะ”
ราเชนกลับไม่อยากจะพูดมาก จูงมือนรมนไว้แล้วก็เดินไปข้างหน้าเลย แต่กลับโดนดารัณขัดขวางเอาไว้
“นี่พี่รองจะไปที่ตำหนักคุณผู้หญิงเจ็ดเหรอคะ?”
ทิศทางนี้เป็นทิศทางที่จะไปตำหนักของนงลักษณ์จริง ๆ ดารัณสามารถเดาออกมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร
“น้องหกมีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ”
ราเชนรู้ ตอนนี้พูดอะไรก็ช้าไปแล้ว ถ้าหากว่าไม่ได้จริง ๆ ละก็เขาก็คงต้อง……
พอคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของราเชนก็มีแววเยือกเย็นและแววสังหารขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
แน่นอนว่าดารัณจะต้องมองเห็นอยู่แล้ว และตัวสั่นอย่างตื่นกลัวขึ้นมาทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พี่รอง ท่านพ่อกำลังอยู่ในตำหนักของคุณผู้หญิงเจ็ด เมื่อกี้ฉันเห็นตอนที่เดินผ่านมา ถ้าหากคุณจะไปละก็ ฉันขอแนะนำว่ายังไงคุณก็จัดการคนข้างหลังคุณให้สะอาดก่อนซะหน่อยค่อยไปดีกว่า จะได้ไม่ทำให้ท่านพ่อโกรธเคือง วันนี้เหมือนว่าอารมณ์ของท่านจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
คำพูดพวกนี้กลับเหมือนกับว่าเป็นการเตือนเล็กน้อยเลย
ใจของราเชนกระตุกขึ้นทีหนึ่ง ถ้าหากว่าที่ดารัณพูดมาเป็นความจริง งั้นตอนนี้ถ้าพานรมนไปก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเท่ากับรนหาที่ตายเอง แต่ว่าตอนนี้จะสามารถส่งตัวนรมนไปไว้ที่ไหนก่อนดีล่ะ?
ชั่วขณะหนึ่งราเชนรู้สึกลำบากขึ้นมาเล็กน้อย
ดารัณจ้องมองราเชน แล้วก็พูดขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “พี่รอง ถ้าไม่รังเกียจละก็ ตำหนักของฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก หรือไม่พี่รองพาคนไปทำความสะอาดตัวที่ตำหนักฉันสักหน่อยเป็นไง?”
นรมนอดไม่ได้ที่จะมองดารัณทีหนึ่ง
เด็กผู้หญิงคนนี้ดูสะอาดหมดจด ภาพประทับแรกนั้นที่ให้คนก็รู้สึกดีมาก และที่สำคัญน้ำเสียงที่พูดจาก็น่าฟังไพเราะเสนาะหู ทำให้คนรู้สึกสบายใจมากจริง ๆ แต่ว่าเธอก็สามารถดูออกได้ว่า ราเชนไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรต่อน้องหกที่อยู่ตรงหน้านี้เลย แถมยังเทียบกับคนแปลกหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้อยู่ ๆ ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ จะเป็นโชคดีหรือว่าเคราะห์ร้ายก็บอกชัดเจนไม่ได้เลย
แต่ว่าตอนนี้มากันถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาก็ทำได้แค่เดินไปก้าวหนึ่งดูก้าวหนึ่งแล้ว
พอคิดมาถึงตรงนี้ นรมนก็ดึงแขนเสื้อของราเชนเล็กน้อย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “หรือไม่พวกเราไปกันก่อนดีกว่า ยืนบื้ออยู่ตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง ถ้าเกิดพบเจอคนของกล้าณรงค์เข้า พวกเราก็จะซวยเลยนะ”
คำพูดนี้ก็เป็นความจริงอยู่
ราเชนนึกถึงพวกหางที่ตามมาของกล้าณรงค์ แล้วก็ไม่รู้ว่าไรยาจะสามารถจัดการให้เรียบร้อยได้หรือเปล่า จึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองดารัณที่เหมือนว่าจะใสซื่อบริสุทธิ์ทีหนึ่ง และในใจก็คิดวิเคราะห์ไป
ดารัณเองก็ไม่รีบร้อน และรอให้ราเชนตัดสินใจอยู่แบบนั้น
นรมนจ้องมองดูรอบข้าง แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พวกเราไปกันก่อนดีกว่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนายังไง ก็ต้องลองไปถึงจะรู้”
“ก็ได้”
ตอนนี้ราเชนไม่มีแผนการที่ดีอะไร จึงมองไปทางดารัณแล้วก็พูดขึ้นว่า “งั้นก็ไปที่ตำหนักเธอก่อนก็แล้วกัน”
“พี่รองตามฉันมาเถอะ ส่วนพี่สาวคนนี้ต้องขอโทษด้วยนะ กลิ่นบนตัวของคุณแรงเกินไปแล้ว เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันนะคะ”
ดารัณ ปฏิบัติกับนรมนนั้นยังอ่อนโยนดูเป็นมิตร แต่ว่านรมนนั้นกลับไม่มีทางหลงเชื่อคนง่าย ๆ หรอก
ราเชนพาพวกนรมนไปที่ตำหนักของดารัณ
ข้าวของเครื่องใช้และการตกแต่งในตำหนักนี้แน่นอนว่าเทียบกับทางญาณินไม่ได้แน่ และก็แตกต่างกับของในตำหนักของพวกราเชนเยอะมาก สามารถดูออกได้ถึงความแตกต่างระหว่างเป็นที่โปรดปรานกับไม่เป็นที่โปรดปรานเลย
นรมนมองสำรวจทุกอย่างมาตลอดทาง ทหารยามและสาวรับใช้ของที่นี่ก็มีอยู่ไม่กี่คน ทั้งตำหนักดูว่างเปล่า ดูแล้วค่อนข้างเงียบเหงามาก
ดารัณพาพวกเขาเข้าไปในตำหนัก จากนั้นก็สั่งให้คนพานรมนและชัญญาไปอาบน้ำทำความสะอาด แล้วถึงจะมาเทน้ำชาร้อน ๆ ให้ราเชนแก้วหนึ่ง ยิ้มและพูดขึ้นว่า “พี่รอง ดื่มชาค่ะ”
“ขอบใจ”
แน่นอนว่าราเชนไม่รู้สึกว่าน้องหญิงหกคนนี้เป็นคนดีอะไร แต่พอดมแก้วชาดูทีหนึ่ง ก็พบเป็นแค่ใบชาธรรมดาเท่านั้น
ดารัณพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ทางพวกเราไม่ได้รับความโปรดปราน แน่นอนว่าใบชาก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พี่รองอย่ารังเกียจเลยนะคะ”
“ไม่หรอก แต่ว่าฉันอยากจะรู้ว่าที่น้องหญิงหกช่วยฉันในวันนี้มีเป้าหมายอะไรกัน?”
ราเชนเห็นว่านรมนไม่ได้อยู่ตรงหน้า ก็เลยไม่ได้ปิดบังหล่นซ่อนเอาไว้ ในฐานะที่เป็นพี่ชาย เขาไม่สามารถที่จะนำพาอันตรายและความไม่สบายใจมาให้นรมนได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ดารัณดูไปแล้วจะไม่มีอันตราย แต่ว่ายังไงก็จะต้องมีเป้าหมายแน่ ถ้าหากว่าเป้าหมายนี้มันเกินความสามารถของตัวเองไป ถ้างั้นเขาก็จำเป็นที่จะต้องคิดหาแผนการอื่นแล้ว
ดารัณเองก็ไม่ได้แตกตื่น ยังคงยิ้มอ่อนหวานแล้วพูดขึ้นว่า “พี่รองนี่ก็ใจร้อนจริง ๆ เลยนะคะ แต่ว่าก็ช่างเถอะ พวกเราเป็นคนเปิดเผยไม่พูดจาอ้อมค้อมอยู่แล้ว ฉันดูออกว่าช่วงนี้บรรยากาศในวังดูมีลับลมคมใน ทุกคนต่างก็กำลังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอด แต่ว่าพี่รองคะ ฉันมีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือเปล่า”
“เธอพูดขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าจะต้องอยากพูด งั้นก็พูดมาเถอะ ในเมื่อก็พูดกันอย่างตรงไปตรงมาแล้ว งั้นก็ไม่ต้องปิดบังไว้หรอก”
ราเชนนั้นกลับซื่อตรง
ดารัณอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อยังอยู่ในช่วงวัยกลางคน พวกคุณก็เริ่มวางแผนแย่งชิงอำนาจกันแล้ว มันคงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ใช่ไหมคะ? คุณจะต้องรู้ไว้นะ ถึงแม้ตอนนี้พวกเราจะไม่ได้อยู่ในยุคโบราณ แต่ว่าคนที่อยู่ในตำแหน่งพระราชานั้นยังไงก็คงจะไม่อยากสละอำนาจอยู่แล้ว ฉันรู้ว่าระหว่างพี่รองกับพี่สามอยากจะแย่งชิงที่หนึ่งกัน แต่ว่าท่านพ่อก็ไม่ได้มีโรคภัยไข้เจ็บอะไร คาดว่าก็คงจะอยู่ในตำแหน่งได้อีกหลายปี แล้วถ้าพวกคุณทะเลาะกันใหญ่โตเกินไป แล้วไปแตะต้องโดนจุดต้องห้ามของท่านพ่อเข้า กลัวว่าคงจะสามารถนำภัยใส่ตัวได้”
คำพูดพวกนี้กลับพูดได้อย่างซื่อตรง
ราเชนยิ้มเย็นแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่เคยมีความสนใจต่อตำแหน่งนั้นมาก่อน และเมื่อก่อนเพื่อที่จะหลีกหนีจากที่นี้ก็ยังเคยหลบหนีออกไปจากที่นี่ด้วย”
“งั้นที่พี่รองกลับมาครั้งนี้นั้นเพื่ออะไรกันละคะ?”
“เพื่อที่จะแก้แค้น!”
ดวงตาของราเชนมีความเยือกเย็นพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
“พี่รองคะ ซินดี้คนนั้นเป็นคนที่คุณรักที่สุดในดวงใจจริง ๆ เหรอคะ? พวกคุณร่วมเป็นร่วมตายกันมา บางทีนั่นอาจจะไม่ใช่ความรักอย่างที่คุณคิด หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าคุณไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงมาก่อน ฉะนั้นก็เลย……”
แน่นอนว่าดารัณเองก็เคยได้ยินเรื่องของราเชนมาบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็เลยลังเลอยู่บ้าง
ราเชนพูดอย่างจริงใจขึ้นว่า “ระหว่างฉันกับซินดี้มันเกินความรักไปตั้งนานแล้ว ฉันกับเขาเป็นคนที่ผูกพันกัน เป็นคนรักกัน เป็นญาติพี่น้องกัน พวกเราร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกัน ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน แต่ว่าเขากลับโดนกล้าณรงค์ทำให้ตายไป ถ้าความแค้นนี้ฉันไม่ชำระ แล้วฉันจะไม่ทำผิดต่อวิญญาณที่อยู่บนสวรรค์ของซินดี้เหรอ”
“แต่ว่าถ้าหากว่าคนที่ทำให้ซินดี้ตายไม่ใช้กล้าณรงค์ แต่เป็นผู้อื่นล่ะ?”
คำพูดของดารัณทำให้หัวคิ้วของราเชนขมวดขึ้นมาทันที
“เธอรู้เรื่องอะไรมาใช่หรือเปล่า?”
“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ก็แค่คาดเดา พี่รอง ฉันยังคงพูดคำเดิม ท่านพ่อไม่มีทางที่จะวางอำนาจจากตำแหน่งพระราชาแน่ คุณปล่อยวางความตั้งใจนี้ทิ้งไปตั้งแต่เนิ่น ๆ เถอะ”
คำพูดของดารัณพูดได้อย่างจริงใจ ราเชนยิ้มเย็นแล้วพูดขึ้น “ฉันจะรามือไปตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว ในเมื่อท่านพ่อยอมให้พวกเราคาดหวังกับตำแหน่งนั้นไม่ได้ ก็แน่นอนว่าจะต้องมีแผนป้องกันพวกเราไว้แล้ว ตอนนี้ถ้าฉันไม่เดินไปให้ถึงตำแหน่งนั้น ความแค้นของฉันก็จะไม่มีทางได้ชำระ น้องหก ฉันไม่มีทางให้เดินย้อนกลับได้อีกแล้ว”
ราเชนรู้ว่าที่ตัวเองเดินบนเส้นทางนี้มานั้นจะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่ชิงดีชิงเด่นกับไอ้สามเท่านั้น แต่ศัตรูที่สำคัญที่สุดจริง ๆ แล้วก็คือพ่อแท้ ๆ ของตัวเองสมชัยนั่นเอง
และความจริงก็เป็นอย่างที่ดารัณพูดมา ท่านยังอยู่ในวัยที่แข็งแกร่ง ไม่มีทางที่จะยอมสละอำนาจในมือลงง่าย ๆ แน่ แต่ว่าราเชนจะทนรอให้เขาแก่ตายแล้วค่อยแก้แค้นไม่ได้แล้ว จากระดับความลำเอียงและการปกป้องที่สมชัยมีต่อกล้าณรงค์นั้น เขากลัวว่าตัวเองยังไม่ทันได้แก้แค้นสำเร็จ ตัวเองก็ต้องมาตายไปซะก่อนแล้ว
พอดารัณได้ยินราเชนพูดอย่างนี้ ก็ถอนหายใจทีหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “นี่พี่รองมีความตั้งใจว่าจะเดินไปให้สุดทางแล้วใช่ไหมคะ”
“เธอเป็นคนที่ท่านพ่อส่งตัวมาเจรจาเหรอ?”
ราเชนไม่คาดเดาแบบนี้ไม่ได้
ดารัณส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “พี่รอง ถ้าหากว่าคุณตกลงปลงใจจะแย่งชิงตำแหน่งพระราชานั่นแล้ว ฉันและตระกูลของแม่ฉันจะสามารถช่วยเหลือคุณได้แรงหนึ่ง”
คำพูดนี้ทำให้ราเชนอึ้งไปเล็กน้อย
ตระกูลฝั่งแม่ของดารัณคือสกุลแหลมวิไล ตระกูลแหลมวิไลนั้นอยู่ในประเทศFไม่ได้ถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ แม้แต่สี่อันดับแรกก็ยังไม่ติดโผด้วยซ้ำ แต่กลับมีความมั่นใจนี้ว่าจะมาสนับสนุนราเชน และเป็นราเชนเองที่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ตระกูลแหลมวิไลของพวกเธอเหมือนว่าจะไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้นนี่”
“พี่รองรังเกียจตระกูลแหลมวิไลของพวกเราเหรอคะ?”
ดารัณยิ้มได้อ่อนหวานมาก แต่ว่ากลับทำให้คนมีความกดดันเล็กน้อย
“รังเกียจนั้นคงไม่ใช่หรอก ฉันเองเป็นแม่ทัพที่ไร้ทหารคนหนึ่ง จะมีสิทธิ์อะไรไปรังเกียจคนอื่น เพียงแต่ฉันแค่อยากจะรู้ นี่เป็นเจตนาของเธอหรือว่าเป็นเจตนาของแม่เธอ? หรือจะบอกว่าเป็นเจตนาของตระกูลแหลมวิไลงั้นเหรอ?”
ดารัณจ้องมองราเชน เงียบขรึมไปครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือเป็นเจตนาของลูกพี่ลูกน้องฉันจณัตว์”
จณัตว์คนนี้ราเชนเองก็พอได้ยินชื่อมาแล้ว ได้ยินมาว่าเป็นผู้นำทัพรุ่นใหม่ของตระกูลแหลมวิไล มีพรสวรรค์ทางด้านธุรกิจเป็นอย่างมาก แค่เวลาสั้น ๆ ไม่กี่ปีก็มาเติมเต็มธุรกิจที่ขาดทุนก่อนหน้านั้นของตระกูลแหลมวิไลได้หมดแล้ว และที่สำคัญยังได้ยินมาว่าตอนนี้เริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นความหวังรุ่นใหม่ของตระกูลแหลมวิไลอีกด้วย
คนคนนี้ค่อนข้างที่จะทำตัวลึกลับ ไม่เคยออกงานสังคมอะไรเลย และส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ช่วยไปออกงานสังคมต่าง ๆ แทนเขา เพราะฉะนั้นมาจนถึงวันนี้ก็มีคนอยู่ไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง
มีคนบอกว่าเขาหน้าตาน่าเกลียดมาก และก็มีคนบอกว่าเขาเป็นคนพิการคนหนึ่ง พูดกันไปต่าง ๆ นานา แต่ว่าจณัตว์กลับไม่เคยออกมาพูดอะไรเลย
ที่จริงราเชนไม่เข้าใจว่าทำไมจณัตว์คนนี้จะต้องมาสนับสนุนให้ตัวเองแย่งตำแหน่งพระราชาด้วย
“เขาต้องการอะไร?”
“พี่ชายบอกว่าอยากจะให้ตระกูลแหลมวิไลกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในประเทศF”
ดารัณยังคงยิ้มแย้ม แต่ว่าคำพูดที่พูดออกมากลับทำให้ราเชนตกตะลึงไปเล็กน้อย
ความทะเยอทะยานของจณัตว์คนนี้นี่ไม่น้อยเลยจริง ๆ
“ถ้าหากฉันพ่ายแพ้ขึ้นมาล่ะ?”
“มีพี่ชายของฉันอยู่ พี่รองไม่มีทางพ่ายแพ้หรอกค่ะ”
ความเชื่อมั่นนี้กลับทำให้ราเชนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ทำไมพวกเธอถึงไม่เลือกไอ้สามล่ะ? ในด้านพลังอำนาจนั้นเขามีมากกว่าฉัน หนำซ้ำยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับนักวิชาการหลายคน ถ้าหากว่าพวกเธอเลือกเขา โอกาสชนะก็น่าจะเยอะกว่ามาก ทำไมต้องมาเลือกฉัน?”
ราเชนไม่ได้โง่ เส้นทางของตัวเองที่ฝ่าฟันอุปสรรคมาจนถึงวันนี้ ล้วนพึ่งแต่ตัวเขาต่อสู้มาเองเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าพลังอำนาจที่นงลักษณ์เหลือทิ้งไว้จะพอช่วยเขาได้บ้าง แต่ว่าในที่สุดแล้วก็ไม่ใช่พละกำลังที่จะสามารถหนุนนำเขาได้ มาวันนี้ตระกูลแหลมวิไลกลับแสดงเจตจำนงแบบนี้ออกมา จึงทำให้ราเชนต้องครุ่นคิดอย่างหนัก
แต่ดารัณกลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เหตุผลนี้ต่อไปพี่ชายฉันจะมาบอกกันคุณเอง พี่รอง ที่จริงพรหมลิขิตของคุณกับพี่ชายฉันนั้นลึกซึ้งต่อกันมากเลยนะ”
คำพูดประโยคนี้ทำให้ราเชนตกไปสู่ความงวยงงขึ้นมาทันที และอดไม่ได้ที่จะต้องคาดเดาขึ้นมา