แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1375 เป็นจณัตว์อีกแล้วเหรอ
บุริศร์เอาตัวนรมนมาปกป้องไว้ข้างหลัง แล้วจ้องมองไปที่เรณุกา ท่าทีที่มีความซับซ้อนเล็กน้อย แต่กลับพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “อย่าไปฟังเธอ ที่นี่เป็นประเทศF ตกลงอาสามจะอยู่ที่นี่หรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ยังไงก็รอตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน”
ความหมายของคำพูดนี้แสดงออกได้ชัดเจนว่าไม่เชื่อเรณุกา
มุมปากของเรณุกาคลี่รอยยิ้มที่ขมขื่นออกมาอันหนึ่ง
ตัวเองทำเรื่องผิดพลาดไปมากขนาดนั้น ก็ช่วยไม่ได้ที่บุริศร์จะไม่เชื่อถือเธอ
“กองกำลังของธรรศอยู่ในเมืองนี้แหละ ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ยังเป็นคนของตระกูลจันทรวงศ์อยู่ สำหรับข่าวพวกนี้ก็ยังพอรู้อยู่บ้าง ตอนก่อนปีใหม่ธรรศได้รับภารกิจลับแล้วออกมาจากประเทศZ ที่จริงก็เพื่อมาตรวจสอบเรื่องที่ลูกสาวข้าราชการระดับสูงหายตัวไป พวกเด็กสาวที่อยู่ในนี้ล้วนเป็นลูกสาวของข้าราชการระดับสูงของแต่ละประเทศ หลังจากที่สมชัยจับตัวคนมาแล้วก็มอบให้ลูกชายคนที่สามพรินทร์เป็นผู้เฝ้าดูแล และเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเธอหนี ก็เลยถอดเสื้อผ้าของพวกเธอออกจนหมด และถึงจะหนีออกจากห้องลับนี้ไปได้ แต่พวกเธอก็คงจะไม่มีหน้าที่จะหนีออกไปข้างนอก ส่วนพวกปรัญชัยนั้นก็เป็นคนที่มาเฝ้าพวกเธอโดยเฉพาะ และฉันก็มาดูแลความเป็นอยู่ของพวกเขาที่นี่”
เรณุกาเอาเรื่องทั้งหมดที่ตัวเองรู้มาบอกกับบุริศร์และนรมนไปทั้งหมด
นรมนจ้องมองพวกเด็กสาวที่ขดตัวอยู่ในกรงนั้น แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารขึ้นมา
เด็กสาวพวกนี้ล้วนเคยเป็นแก้วตาดวงใจที่พ่อแม่ประคบประหงมมาก่อน แถมอาจจะเกิดมาในครอบครัวที่สูงส่งเพราะว่าสถานะและตำแหน่งของพ่อแม่ แต่ตอนนี้กลับต้องมากลายเป็นนักโทษของสมชัย ต้องมาโดนคนคุมขังอย่างไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน และจากสิ่งนี้ก็สามารถมองออกถึงความสำคัญและความไว้วางใจที่สมชัยมีต่อพรินทร์ได้
“ทำไมพรินทร์ถึงได้รับความสำคัญจากสมชัยมากขนาดนี้?”
นรมนเองก็โกรธเกลียดเรณุกาอยู่เหมือนกัน แถมเมื่อคิดถึงทุกอย่างในอดีตแล้วก็ยังรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาทั้งตัว แต่ว่าคนเราทำอะไรไว้สุดท้ายแล้วก็ต้องได้รับผล พอเรณุกาตกไปอยู่ในสภาพอย่างแบบนี้แล้ว นรมนเองก็ไม่มีใจที่อยากจะแก้แค้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเรณุกายังเป็นคนที่เลี้ยงดูบุริศร์จนเติบใหญ่มา มีเรื่องบางอย่างเธอเองก็รู้สึกว่ามอบให้ประเทศชาติเป็นคนมาตัดสินจะดีกว่า
เรณุกาจ้องมองนรมน จ้องมองหญิงสาวคนนั้นที่ดูอ่อนแอเมื่อห้าปีก่อน และรักจนไม่ลืมหูลืมตา แต่ตอนนี้กลับเปล่งประกายเป็นอย่างมาก แล้วในใจก็มีความรู้สึกหลากหลายมากมาย
เมื่อก่อนนรมนเองก็เคยปฏิบัติกับเธอเป็นแม่สามีที่ดีคนหนึ่งจริง ๆ ใช่ไหม แต่คือเธอเองที่ทำลายครอบครัวดี ๆ ครอบครัวหนึ่งไป
ในดวงตาของเรณุกามีความรู้สึกผิดและเจ็บปวดเสี้ยวหนึ่งพาดผ่านไป จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ตระกูลทางฝั่งแม่ของพรินทร์มีนายท่านชัยเดช แล้วช่วงหลายปีมานี้ลูกหลานของนายท่านชัยเดชก็ได้เจริญเติบโตอยู่ที่ข้างนอกได้ไม่เลว เพราะฉะนั้นสมชัยก็เลยค่อนข้างให้ความสำคัญกับเขา”
พูดจนสุดแล้วก็เป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ทางตระกูลฝั่งแม่ยิ่งใหญ่นั่นเอง
นรมนเข้าใจขึ้นมาทันทีเลย
บุริศร์จ้องมองเรณุกา แล้วถามเสียงต่ำขึ้นว่า “ผมเห็นว่าเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ของประเทศFล้วนก้าวหน้าทั้งนั้น ดูแบบนี้แล้วการคลังของประเทศก็น่าจะมั่งคั่งมาก แต่ว่าเขากับฉัตรพลกลับต้องการเส้นทางแร่ของประเทศเรา ตกลงมันเป็นอะไรกันแน่?”
เรณุกาส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วก็พูดขึ้นว่า “ถ้าหากเป็นแค่การพัฒนาเศรษฐกิจแบบปกติละก็ แน่นอนว่าก็จะสามารถพึ่งพาตัวเองได้ แต่ว่าหลายปีมานี้พระราชาได้ทุ่มเทให้กับการพัฒนาและวิจัยของทหารและการวิจัยอาวุธนิวเคลียร์มาตลอด และการวิจัยเหล่านี้ก็ต้องการบุคลากรและเงินทองเป็นจำนวนมาก แต่ว่าการเงินของประเทศเราก็ไม่ได้มั่งคั่ง เงินทองที่ทุ่มเทให้กับเรื่องทางทหารและการวิจัยจึงค่อย ๆ ร่อยหรอลง เพราะฉะนั้นหลายปีมานี้ฉัตรพลก็เลยพยายามหาเงินทุกวิถีทางอยู่นอกประเทศมาตลอด เป้าหมายก็เพื่อสนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาทางทหารภายในประเทศ”
พอพูดมาแบบนี้บุริศร์ก็เข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมสมชัยและฉัตรพลถึงต้องเอาเส้นทางแร่มาให้ได้
“เพราะฉะนั้นที่อยากได้ภาพออกแบบทางทหารที่ผมมอบให้กับประเทศในตอนแรกก็เป็นคำสั่งของสมชัยเหรอ?”
บุริศร์จ้องมองดูเรณุกา มีปัญหามากมายที่เมื่อก่อนยังไม่ทันได้ถาม วันนี้เขาจะถามชัดเจนให้หมด ในเมื่อโอกาสแบบนี้ต่อไปคงจะไม่มีอีกแล้ว
หลังจากที่ส่งตัวนักโทษเรณุกากลับประเทศแล้วก็คงจะต้องโดนตัดสินโทษและได้รับโทษ สิ่งที่รอคอยเธออยู่อาจจะเป็นการติดคุก หรืออาจจะเป็นกระสุนนัดหนึ่ง มีเรื่องบางเรื่องตอนแรกเขานึกว่าตัวเองคงจะไม่สนใจแล้ว แต่สุดท้ายแล้วก็ยังสนใจอยู่ดี
พอได้ยินบุริศร์ถามมาแบบนี้ เรณุกาก็พยักหน้าเล็กน้อย
มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่ตัวเองจะไม่สามารถสารภาพได้อีกแล้ว
“ตอนแรกสิ่งที่พระราชาอยากได้คือการออกแบบทางพันธุกรรมของเชษฐ์ ต่อมาถึงอยากได้ภาพออกแบบทางทหารของนาย ถึงแม้ว่าตระกูลโตเล็กจะไม่ได้มีลูกหลานมากมาย แต่ว่าแต่ละคนล้วนเป็นคนที่มีพรสวรรค์ และตั้งแต่แรกเป้าหมายของสมชัยก็คือตระกูลโตเล็กอยู่แล้ว”
ดวงตาของบุริศร์ขรึมลงมาหลายส่วน
“แล้วข่าวเสียหายที่ตรินท์ทะเลาะต่อยตีกับคนอื่นในตอนนั้นคุณเป็นคนวางแผนขึ้นมาเองกับมือหรือเปล่า?”
เรื่องนี้เป็นหนามที่ทิ่มแทงอยู่ในใจบุริศร์
เขาคิดว่าตลอดว่าคนอย่างตรินท์นั้นไม่มีทางที่จะลงมือกับคนอื่นได้ ถึงแม้ว่าจะคนหนุ่มไฟแรงก็ตาม แต่เขาก็เชื่อว่าน้องชายตัวเองนั้นรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ตอนนี้ความสงสัยนี้ฝังอยู่ในใจของเขามาหลายปีมากแล้ว แน่นอนว่าจะต้องถือโอกาสในวันนี้ถามให้ชัดเจนไปเลย
พอพูดถึงตรินท์ บนใบหน้าของเรณุกาก็มีความทุกข์ใจเกิดขึ้นมาเล็กน้อย
“เจ้าเด็กอย่างตรินท์นั่นเป็นคนที่กตัญญูมาตลอด และเป็นเด็กดีมาก เรื่องที่เขาต่อยตีกับคนอื่นในตอนนั้นฉันไม่ได้เป็นคนวางแผน แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว สมชัยกลับเรียกร้องให้ฉันแอบทำเรื่องให้มันใหญ่โตขึ้น ตอนแรกฉันคิดว่าแค่ต้องการทำลายชื่อเสียงของตรินท์เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าฉัตรพลจะแอบส่งคนไปฆ่าเด็กคนที่บาดเจ็บคนนั้น แล้วก็เอาเรื่องทั้งหมดมาโบ้ยใส่ตัวตรินท์ไปอย่างมีเหตุมีผล และภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ความหมายของพวกเขาก็ชัดเจนมาก ว่าอยากจะให้ตรินท์ตาย ตระกูลโตเล็กมีลูกแค่สองคน ถึงแม้ว่าความสามารถของตรินท์จะสู้นายไม่ได้ แต่ว่าคนมากขึ้นคนหนึ่งตัวแปรก็จะมากขึ้นมาตัวหนึ่ง ตอนนั้นพวกเขาถูกใจกับความสามารถทางทหารของนาย จึงรู้สึกว่าเหลือนายไว้แค่คนเดียวก็พอแล้ว เพราะฉะนั้นถึงได้วางแผนแบบนี้ออกมา และฉันเองก็ทนทำใจไม่ได้ จึงแอบให้คนไปบอกนาย ให้ส่งตัวตรินท์ออกไปล่วงหน้า ตอนแรกนึกว่าจะสามารถรักษาชีวิตของเขาไว้ได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ยังตายอยู่ทางนั้นได้”
คำพูดของเรณุกาทำให้บุริศร์นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าตอนนั้นเป็นเพราะการเตือนของจดหมายนิรนามฉบับหนึ่ง เขาถึงได้ส่งตรินท์ออกไปอย่างรีบร้อนก่อน
ตอนนั้นหาไม่เจอเลยว่าคนคนนั้นคือใคร ที่แท้ก็คือเรณุกานี่เอง
เพราะฉะนั้นเธอก็คงจะมีความรู้สึกที่แท้จริงต่อพวกเขาสองพี่น้องอยู่แหละมั้ง?
บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองน่าขำเล็กน้อย
สายลับคนหนึ่งที่เป็นภัยต่อประเทศแบบนี้ แต่ตัวเขากลับยังช่วยเธอหาข้ออ้างอันน้อยนิดเพื่อมาปลอบใจตัวเอง
สีหน้าของบุริศร์เย็นลงมาหลายส่วน แต่กลับพูดกับนรมนขึ้นว่า “ติดต่อกับอาสามหน่อย ดูซิว่าเขาอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“ได้ค่ะ”
นรมนเปิดโทรศัพท์ออกอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก และบุริศร์ก็เปิดคอมพิวเตอร์ย่อส่วนออกมาทำการรบกวนสัญญาณ
โทรศัพท์ของธรรศนั้นพอมาถึงทางนี้ก็เป็นสัญญาณที่ทหารใช้กัน แน่นอนว่าเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่ใช่เบอร์เดิมแล้ว หลังจากที่บุริศร์บอกเบอร์โทรกับนรมนแล้ว และอย่างรวดเร็วก็มีคนรับสายขึ้นมา
“ใคร?”
“อาสามคะ หนูเองค่ะ”
ตอนที่นรมนได้ยินเสียงของธรรศนั้นก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
ตอนตรุษจีนนั้นธรรศได้จากตระกูลทวีทรัพย์ธาดามา และออกจากเมืองชลธี เธอเองก็รู้คิดถึงเขาขึ้นมาบ้างแล้ว
พอได้ยินเสียงของนรมน ธรรศก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ตั้งสติขึ้นมาได้ว่านี่เบอร์นี้เป็นเบอร์ที่ใช้กันทางทหาร จึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอะไรขึ้นมา
“บุริศร์อยู่ข้างกายเธอเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เขาอยู่ด้วยค่ะ ตอนนี้พวกเราอยู่ในวังของประเทศFค่ะ อาสาม พวกเราหาเด็กสาวกลุ่มหนึ่งเจอ น่าจะเป็นลูกสาวของข้าราชการใหญ่แต่ละประเทศ ตอนนี้ลำพังเรี่ยวแรงของพวกเราสองคนไม่มีทางที่จะพาพวกเขาออกไปได้ อาสามมีวิธีเข้ามาพาตัวพวกเขาออกไปไหมคะ?”
แล้วนรมนก็เล่าเรื่องพวกนี้ให้ธรรศฟังไปอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อเวลาคุยโทรศัพท์นั้นค่อนข้างมีจำกัด ถ้าไม่รีบพูดคำพูดให้จบอย่างรวดเร็ว ก็อาจจะทำให้เกิดการติดตามสัญญาณได้สูงมาก
ไม่ว่ายังไงธรรศก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่ตัวเองไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี กลับถูกนรมนและบุริศร์มาจัดการเรียบร้อยซะแล้ว
เขารีบพูดขึ้นว่า “ที่แห่งนั้นปลอดภัยหรือเปล่า?”
“น่าจะปลอดภัยค่ะ”
ตอนนี้พวกปรัญชัยไม่อยู่แล้ว และพรินทร์ก็ไปร่วมงานเลี้ยง ไม่ว่ายังไงคืนนี้กว่าจะกลับมาได้ก็คงจะต้องสุดเหวี่ยงไปก่อนแน่ เพราะฉะนั้นดูจากตอนนี้แล้วก็น่าจะปลอดภัยอยู่
พอได้ยินนรมนพูดแบบนี้ ธรรศก็รีบพูดขึ้นว่า “ในวังนั้นฉันเข้าไปไม่ได้ พวกเขามีระบบป้องกันที่เข้มงวดเกินไปแล้ว ฉันเคยคิดวิธีมามากมายแล้วแต่ก็เข้าไปไม่ได้ ตอนนี้ฉันกับคนของฉันซ่อนตัวอยู่ในเขตผู้คนพลุกพล่านในใจกลางเมือง แต่ก็ต้องออกไปปฏิบัติการอย่างระมัดระวังเช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าจะให้เข้าไปพาคนกลุ่มนั้นออกมาคงเป็นไปไม่ได้เลย แต่ว่าเธอสามารถไปขอให้คนคนหนึ่งช่วยได้ บางทีเขาอาจจะมีวิธีพาคนออกมาได้”
“ใครเหรอคะ?”
“จณัตว์”
คำพูดประโยคนี้ของธรรศทำให้นรมนอึ้งไปอีกครั้ง
เป็นจณัตว์อีกแล้วเหรอ!
ตกลงจณัตว์คนนี้นี่เป็นใครกันแน่?
“อาสามคะ ตกลงจณัตว์คนนี้นี่เป็นใครเหรอคะ? เชื่อถือได้ไหมคะ?”
คำพูดของนรมนเพิ่งพูดจบ ธรรศก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “บนโลกใบนี้ ใครก็ทำร้ายเธอได้ แต่มีเพียงแต่จณัตว์เท่านั้นที่จะไม่มีทางทำ นรมน ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาอธิบายกับเธอ เธอฟังฉันนะ ไปหาจณัตว์ แล้วเอาเรื่องนี้บอกกับเขา จากนั้นก็ให้เขารีบจัดแจงให้เธอออกจากวังให้เร็วที่สุด ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัย”
หัวคิ้วของบุริศร์ขมวดขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร แต่กลับตัดสัญญาณการสื่อสารระหว่างพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว
“บุริศร์?”
นรมนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แล้วบุริศร์ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “มีการติดตามสัญญาณ”
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว การพูดคุยระหว่างเธอกับธรรศจึงต้องโดนบังคับให้จบไป
พอเรณุกาได้ยินชื่อของจณัตว์แล้วก็รู้สึกตกใจขึ้นเล็กน้อย
“จณัตว์? ใช่จณัตว์ของตระกูลแหลมวิไลคนนั้นหรือเปล่า? จณัตว์ที่มีปริญญาเอกทางการแพทย์คนนั้นเหรอ?”
“คุณรู้เขาด้วยเหรอ?”
นรมนจ้องมองไปที่เรณุกา ในดวงตามีแววระแวงเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
เรณุกาพยักหน้าเล็กน้อย แน่นอนว่าเธอจะต้องเห็นแววหวาดระแวงในดวงตาของนรมนอยู่แล้ว แต่ว่าการกระทำของตัวเองไม่ซื่อสัตย์ จะมาโทษนรมนที่มองเธอแบบนี้ก็ไม่ได้หรอก
เธอพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “จณัตว์น่าจะเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ตอนเด็ก ๆ ร่างกายเขาอ่อนแอมาก มีคนบอกว่าเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงอายุยี่สิบ แต่ว่าความจริงได้ยืนยันแล้วว่าเขาไม่เพียงอยู่เกินอายุยี่สิบแล้ว แต่ที่สำคัญตอนนี้ยังแข็งแรงมากด้วย ผู้ชายคนนี้เริ่มสัมผัสกับการแพทย์ตั้งแต่อายุห้าขวบ ร่างกายของตัวเองก็เป็นคนดูแลรักษาเอง พวกเธอก็รู้นะ สมชัยลุ่มหลงอยู่กับการวิจัยทางพันธุกรรมมาตลอด แถมยังส่งคนไปเอารหัสการวิจัยทางพันธุกรรมมาจากทางเชษฐ์มาได้ด้วย และช่วงหลายปีมานี้ก็อยากจะสร้างคนจากพันธุกรรมออกมาร่วมสู้รบด้วยจริง ๆ แต่ว่าการวิจัยนี้กลับมีไม่กี่คนที่สามารถทำสำเร็จได้ และเขาก็อยากจะดึงตัวจณัตว์เข้ามาสู่การวิจัยนี้ด้วย แต่กลับไม่มีโอกาสทำได้มาเลย”
“ไม่มีโอกาสเหรอคะ? จณัตว์เป็นประชากรของประเทศFนี่คะ ขอแค่สมชัยออกคำสั่งไป เขาจะกล้าขัดขืนเหรอ?”
นรมนถามความสงสัยของตัวเองออกไป
เรณุกากลับยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “ก็ใช่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นประชากรประเทศFคนไหนก็ไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของพระราชา แต่ว่าจณัตว์ในปีที่เขาเพิ่งอายุครบสิบหกนั้น ไม่รู้ว่าได้ใช้ความสัมพันธ์อะไร ถึงได้โอนสัญชาติของตัวเองออกไปได้ ตอนนี้เขาเป็นคนประเทศZ”
“คนประเทศZเหรอคะ?”
ทั้งนรมนและบุริศร์ล้วนรู้สึกแปลกใจกันทั้งนั้น
นี่กลับกลายมาเป็นพวกเดียวกับพวกเขาแล้วเหรอ?
“ตระกูลแหลมวิไลเป็นตระกูลของประเทศFไม่ใช่เหรอ”
“ใช่”
เรณุกาพูดขึ้นอย่างมั่นใจเป็นอย่างมาก “ตระกูลแหลมวิไลเป็นตระกูลใหญ่ของประเทศมาตลอดF แต่ว่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อนได้เข้าร่วมการแก่งแย่งภายในวังจึงหลุดออกจากรายชื่อสี่ตระกูลใหญ่ และช่วงหลายปีมานี้ก็เป็นเพราะว่าเสียหายอย่างหนักก็เลยอยู่ในช่วงกำลังพัฒนาอยู่ ได้ยินมาว่าจณัตว์เป็นลูกนอกสมรสของหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบัน ว่ากันว่าแม่เป็นแค่ผู้หญิงในผับคนหนึ่ง แล้วก็ตายไปเพราะว่าตกเลือดเยอะในตอนที่คลอดเขา เพราะฉะนั้นสำหรับทำไมเขาถึงได้โอนสัญชาติไปนั้นก็ไม่มีใครรู้แน่ชัด รวมทั้งพ่อแท้ ๆ ของเขาก็ยังไม่รู้เรื่องด้วย”