แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1389 คุณมีวิธีใช่ไหม?
จวัตณ์ไม่ได้สนใจปฏิสัมพันธ์ทางความรู้สึกของสองคนนั้น สำหรับเขาขอแค่พาทุกคนออกไปได้อย่างปลอดภัยก็พอแล้ว
คนกลุ่มหนึ่งเดินถือศาสน์ของสมชัยออกไปนอกวังอย่างเปิดเผย
ทางด้านสมชัยไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าจวัตณ์กำลังพาใครออกไป รู้เพียงแค่ว่าผู้ช่วยของจวัตณ์กับหงส์เริ่มความสัมพันธ์กัน ตอนนี้คงถูกหงส์มอมเมาจนหัวปักหัวปำ แม้แต่ประเพณีขั้นพื้นฐานยังหลงลืม แต่ถือว่าเห็นแก่หน้าผู้นำตระกูลแหลมวิไลและเรื่องที่อีกฝ่ายรับปากจะพิจารณาเรื่องลงทุนการวิจัยทางการทหาร หรอกนะ สมชัยถึงได้วางใจลงมาบ้าง
แม้ว่าการที่ลูกสาวของเขาต้องครองคู่กับคนที่เป็นแค่ผู้ช่วยจะดูเสียเกียรติไปหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องการวิจัยทางการทหารแล้วล่ะ ขอแค่จวัตณ์ยอมลงทุนเข้ามา ขอบเขตการทหารของเขาก็จะยกสูงขึ้นไปอีกระดับ พอถึงตอนนั้นเขาก็จะคว้าจับผลลัพธ์ที่เขาต้องการเอาไว้ได้
อย่างมากก็แค่เสียสละลูกสาวไปก็เท่านั้น ซ้ำยังไม่ใช่ลูกคนโปรดอีกด้วย
คิดได้แบบนี้สมชัยก็ไม่สนใจหงส์กับจวัตณ์อีก ถึงขั้นคิดว่าการที่หงส์กับจวัตณ์ไม่ปรากฏตัวที่งานเลี้ยงเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ ถือว่าไว้หน้าซึ่งกันและกัน ไม่อย่างนั้นถ้าหากภาพของลูกสาวราชาผู้ยิ่งใหญ่กับผู้ช่วยถูกแพร่งพายออกไป ใบหน้าของเขาก็คงไม่เหลือซึ่งรัศมีใดๆ
เมื่อเนกษ์ได้รับข้อความว่าจวัตณ์ออกไปแล้ว เขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับเอ่ยพูดกับสมชัยว่า “พระราชา ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอันอบอุ่นในวันนี้ ผมเริ่มล้าแล้ว คงต้องขอตัวกลับก่อน”
“ได้ๆๆ คุณกลับไปพักผ่อนเยอะๆเถอะ เรื่องการวิจัยทางการทหารหวังว่าคุณจะเก็บไปพิจารณาไวๆ ผมรอคอยคุณมาเข้าร่วมอยู่นะ”
“ผมจะพิจารณา”
เนกษ์กล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป
งานเลี้ยงในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อผู้นำตระกูลแหลมวิไล เมื่อตัวหลักกลับไปแล้ว แน่นอนว่าคนอื่นๆก็สมควรแยกย้ายได้แล้ว ทว่าสมชัยกลับให้ทุกคนอยู่ก่อน
กล้าณรงค์หายตัวไป ซึ่งเรื่องนี้เขาต้องมีคำอธิบายให้ฉัตรพล
“มีใครเห็นกล้าณรงค์บ้างไหม?”
นัยน์ตาของสมชัยกวาดมองทีละคนอย่างจับผิด แววตาเฉียบแหลมคู่นั้นทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน
ราเชนชะงักไปเล็กน้อย
กล้าณรงค์หายตัวไปงั้นเหรอ?
นี่มันอะไรกัน?
พรินทร์ไม่ได้พูดอะไรออกมา คนที่เขาส่งไปยังไม่กลับมา จึงไม่รู้ว่ากล้าณรงค์ออกไปทำอะไรนอกวัง และใช่เขาจะให้สมชัยรู้ไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นตอนนี้เขาจำต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว
คนอื่นๆต่างก็รู้ว่าสมชัยปฏิบัติต่อกล้าณรงค์เป็นพิเศษ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าแตะต้องกล้าณรงค์ พอได้ยินสมชัยเอ่ยถามขึ้นมาอย่างนี้ แต่ละคนก็ตื่นตระหนก แสดงสีหน้าออกมาหลากหลาย
สมชัยกวาดมองทุกคนแต่ก็ยังไม่เจอความผิดปกติใดๆ จึงทำได้แค่เอ่ยพูดเสียงต่ำว่า “ฉันไม่สนว่าใครเคยขัดแย้งหรือล้ำเส้นกล้าณรงค์หรือเปล่า เพราะฉันเคยพูดไว้แล้วว่าห้ามแตะต้องเขา ถ้าฉันรู้ว่าใครแอบเล่นตุกติกทำร้ายกล้าณรงค์ล่ะก็ อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”
ราเชนก้มหน้าแสยะยิ้ม ส่วนพรินทร์ตีหน้านิ่ง ใครก็มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร
เมื่อเห็นว่าถามไปก็ไม่ได้อะไร คนของตัวเองก็ยังไม่กลับมา เห็นแบบนี้สมชัยก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ
“กลับไปให้หมด ช่วงนี้อยู่ในช่วงโกลาหล ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็อย่าออกไปไหนตามใจเด็ดขาด”
คำพูดนี้เท่ากับสั่งให้ทุกคนอยู่แต่ในตำหนักของตัวเองดีๆ ถึงไม่ได้ประกาศห้าม แต่ก็ถือว่าใกล้เคียง
ราเชนกับพรินทร์ส่งเสียงหึออกมาพร้อมกัน แต่กระนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วพาคนของตัวเองกลับไป
หลังจากที่ปัญญ์ขึ้นมาบนรถกับจวัตณ์ ก็พบว่าผู้นำตระกูลแหลมวิไลขึ้นมานั่งบนรถคันเดียวกันกับจวัตณ์ ทว่าทันทีที่ขึ้นมาบนรถอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาว่า “คุณชาย คุณจะพาองค์หญิงห้ากลับไปด้วยจริงๆเหรอ?”
“นายมีปัญหา?”
จวัตณ์เหลือบมองเนกษ์
เนกษ์ส่ายหน้า เอ่ยพูดเสียงเบาว่า “ถ้าเธอเป็นคนของคุณชายจริงๆก็ไม่เป็นอะไรหรอก กลัวก็แต่ว่าเธอจะถูกสมชัยส่งมาสอดแนมคุณชายน่ะสิ”
“ไม่ใช่ เธอเป็นคนของบุริศร์”
จวัตณ์ไม่ได้ปิดบังเนกษ์
และบทสนทนาของพวกเขาก็ไม่ได้ปิดบังคนในรถเช่นเดียวกัน ปัญญ์นิ่งอึ้งเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาเข้าใจ แต่ก็ฉลาดพอที่จะไม่เปิดปากถาม
สำหรับเขาแล้ว จวัตน์กับผู้นำตระกูลคนนี้เป็นอะไรกัน หรือวางแผนคิดจะทำอะไรไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องกังวล เพียงแต่พอได้ยินว่าหงส์คือคนของบุริศร์ก็อดหันไปมองเธอด้วยแววตาคลุมเครือไม่ได้
มายด์มองปัญญ์อยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองหงส์ ก็รู้สึกหึงหวงขึ้นมา
เธอดึงปัญญ์เข้ามาหาตัว ทำให้ปัญญ์นิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มออกมา พร้อมกับลูบหัวของเธอเหมือนกำลังปลอบโยนสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ เขาพูดกลั้วยิ้มขึ้นมาว่า “หนาวไหม?”
มายด์ใส่เสื้อผ้าค่อนข้างบาง เวลานี้กำลังอยู่ในช่วงฤดูหนาวพอดี แถมที่นี่ยังอากาศหนาวกว่าเมืองBเสียอีก ดังนั้นเขาถึงได้ถามออกมาอย่างเป็นห่วง
มายด์หันหน้าหนีไม่สนใจเขา
ทำไมผู้ชายคนนี้ต้องมองผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรด้วย?
ไม่ใช่ว่าจวัตณ์ชอบองค์หญิงห้าเหรอ?
แล้วทำไมปัญญ์ถึงดูสนใจอีกฝ่ายด้วยล่ะ?
คิดมาถึงตรงนี้ มายด์ก็แอบปรายตามองหงส์ที่ยังคงสลบอยู่ หน้าตาสวยใช่เล่น
เธอยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองอย่างอดไม่ได้
เธอไม่ได้หน้าตาสะสวยขนาดนั้น อีกอย่างร่างกายยังมีไม่สมประกอบอีก ไม่แปลกที่ปัญญ์จะมองเธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
คิดมาถึงตรงนี้ อารมณ์ของมายด์ก็ดิ่งลงในทันที
ปัญญ์จับสังเกตได้อย่างว่องไว กำลังจะเอ่ยถามอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็คิดได้ว่าไม่ควรพูดมันที่นี่ จึงทำได้แค่กุมมือของเธอเอาไว้อย่างแนบแน่น ต่อจากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา
เมื่อจวัตณ์กับเนกษ์ขึ้นมาบนรถ รถก็ค่อยๆออกตัวอย่างช้าๆ มีเหล่าองครักษ์เปิดทางให้ และรถก็ขับออกไปจากราชวัง
ส่วนบุริศร์กับนรมนไม่สามารถไปจากประเทศFในตอนนี้ได้ และข้างนอกก็มีคนของสมชัยคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลา พวกเขารู้สึกว่าสถานที่ที่ดีที่สุดก็คือตระกูลแหลมวิไล
ดังนั้นบุริศร์จึงพานรมนมุ่งไปที่ตระกูลแหลมวิไล ซึ่งเป็นที่อยู่ที่ธรรศให้เขาเอาไว้ก่อนหน้านี้ พูดได้อีกอย่างก็คือที่ธรรศเข้ามาในประเทศFได้ก็เพราะจวัตณ์ช่วยปกปิดร่องรอยให้
ต่อให้สมชัยคิดจนสมองแตกก็ไม่มีทางคาดคิดถึงแน่ว่าตระกูลแหลมวิไลที่เขาประจบสอพลอนักหนาจะกลายมาเป็นพรรคพวกเดียวกันกับบุริศร์และธรรศ
ไม่ต้องถามจวัตณ์ก็รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน พอดีกับที่รถวิ่งออกมาจากวังก็ตรงกลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลแหลมวิไลทันที
แม้ว่าตระกูลแหลมวิไลจะตกอับในประเทศF แต่สมบัติที่บรรพบุรุษเหลือทิ้งไว้ให้ก็ยังคงมีอยู่มากมาย คฤหาสน์บนภูเขาที่กินพื้นที่เกือบหลายร้อยตารางเมตรเป็นมรดกตกทอดมาหลายร้อยปีของตระกูลแหลมวิไล มีห้องเยอะ มีบอดี้การ์ดพร้อม ห้องทดลองของจวัตณ์ก็อยู่ที่นี่ ดังนั้นการที่เขากลับมาอย่างเปิดเผยจึงไม่น่าสงสัยแต่อย่างใด
เมื่อเดินเข้ามาในคฤหาสน์เนก์ก็ถอดหน้ากากออก
เขามีหน้าตาที่คมคาย โครงหน้าชัด ถือได้ว่าเป็นคนที่หล่อเหลาคนหนึ่ง
“คุณชาย ผมจะให้คนไปเตรียมห้องให้พวกเขาก่อน”
“อืม”
จวัตณ์พยักหน้า หลังจากที่อุ้มหงส์เดินเข้าไปในห้องตัวเองแล้วปล่อยให้ธีรตาดูแล ถึงได้พาปัญญ์กับมายด์ไปพบบุริศร์กับนรมน
เมื่อได้ยินว่าจวัตณ์พาปัญญ์ออกมาได้ นรมนก็ดีใจเป็นอย่างมาก ไม่รอให้เขาเดินไปหาก็ชิงวิ่งเข้ามาหาพวกเขาเสียก่อน
“ปัญญ์!”
นรมนเป็นห่วงร่างกายของปัญญ์มาตลอด พอเห็นเขานั่งรถเข็นปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า จึงอดรู้สึกเสียใจขึ้นมาไม่ได้
เขายังยืนไม่ได้เหรอ?
เมื่อปัญญ์เห็นแววสึกผิดและเสียใจในดวงตาของนรมน ก็รีบพูดกลั้วยิ้มขึ้นมาว่า “พี่นรมน พี่ทำหน้าอะไรของพี่เนี่ย?”
“ไอ้เด็กแสบทำไมมาอยู่ที่นี่ได้? แกรู้ไหมฉันตกใจมากที่รู้ว่าแกมาอยู่ที่นี่ สถานการณ์ตอนนี้กำลังโกลาหล แถมแกยังอยู่ในวังอีก ไหนแกบอกมาซิว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับแกจะให้ฉันอธิบายกับพี่สาวแกว่ายังไง? แกตั้งใจทำให้ฉันรู้สึกผิดใช่ไหม?”
นรมนเตรียมทุบกำปั้นลงบนหน้าอกของเขา
ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ปัญญ์ดูคล้ำและผอมลงมาก แต่กระนั้นก็ยังดูมีชีวิตชีวา ประกายในแววตาก็กลับมาสดใสเหมือนเมื่อก่อน จุดนี้ทำให้นรมนรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
เพียงแต่ยังไม่ทันที่กำปั้นของเธอจะได้ประทับลงไปบนร่างกายของปัญญ์ ก็ถูกกำปั้นของใครอีกคนขวางเอาไว้
“ห้ามทำเขานะ!”
มายด์ขมวดคิ้ว พร้อมทั้งมองมาที่นรมนอย่างไม่เป็นมิตร
แน่นอนว่าเธอรู้จักนรมน แต่ถ้าทำไม่ดีกับปัญญ์เธอก็พร้อมจะเป็นฝ่ายปกป้องเขา
ด้านนรมนกลับชะงักไปเล็กน้อย พอมองดีๆถึงได้สังเกตว่าคนตรงหน้าคือมายด์?
“เธอคือมายด์?”
มายด์เงียบ แต่ก็นับว่าเป็นการยอมรับไปในตัว
นรมนประหลาดใจมากกว่าเดิม
“เธอพูดไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึง……”
ถ้าหากจะพูดว่าเพราะลำคอหรือเส้นเสียงของมายด์มีปัญหา พอได้รับการรักษาเลยสามารถกลับมาพูดได้ แต่ว่าเธอจำได้แม่นว่ามายด์ถูกคนในชุมนมทรมานโดยการตัดลิ้นจึงทำให้สูญเสียความสามารถในการพูดไป ตอนนี้ทำไมถึงพูดได้แล้วล่ะ?
มายด์ไม่อยากอธิบายเกี่ยวกับสิ่งนี้
ปัญญ์มองมาที่เธอ ในตอนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับนรมน ก็ได้ยินจวัตณ์ที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นมาเสียงต่ำว่า “เธอน่าจะเคยผ่าตัดเส้นเสียง โดยการติดตั้งเครื่องมือบางอย่าง ที่สามารถอาศัยแรงสะเทือนส่งเสียงพูดได้ ถึงแม้จะไม่มีลิ้นแต่ก็สามารถสื่อความหมายสิ่งที่อยากจะพูดออกมาได้อย่างชัดเจน เพียงแต่การผ่าตัดก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จขนาดนั้น ช่วงนี้เส้นเสียงและลำคอของเธอน่าจะเริ่มอักเสบแล้ว”
เมื่อได้ยินจวัตณ์พูดมาแบบนี้ ปัญญ์ก็กังวลขึ้นมาในทันที
“จริงเหรอ? ตอนนี้คอของเธอแล้วอักเสบแล้วจริงเหรอ? เจ็บมากไหม?”
ตอนนั้นปัญญ์ตามหาหมอเก่งๆทั้งโลก จนได้มาเจอหมอที่สามารถทำการผ่าตัดแบบนี้ได้
เขาเคยถามความคิดเห็นของมายด์ และรู้ดีว่าการผ่าตัดแบบนี้มันมีความเสี่ยง แต่มายด์ใจร้อนอยากพูดได้เร็วๆ จึงรีบทำการผ่าตัดอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นปัญญ์ฆ่าเชื้อก่อนผ่าตัดให้เธอเป็นอย่างดี แต่คิดไม่ถึงเลยว่าไม่นานหลังจากการผ่าตัดจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลแหลมวิไล และมายด์ก็หายตัวไป ตอนนี้พอได้เจอมายด์อีกครั้ง หลังจากได้ยินเสียงเธอพูด ปัญญ์ก็ดีใจเป็นอย่างมาก คิดว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จ แต่คำพูดของจวัตณ์ทำให้เขาเริ่มไม่มั่นใจ
เพราะถึงอย่างไรจวัตณ์ก็เรียนจบหมอมา มีพรสวรรค์ในด้านการแพทย์ เขายังไม่ได้ทำอะไรก็มองออกแล้วว่ามายด์เคยผ่าตัดมาก่อน ดังนั้นปัญญ์ถึงได้กังวลขนาดนี้ไง
เดิมทีมายด์ว่าจะไม่พูด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะถูกจับไต๋ได้ เธอหันไปมองจวัตณ์อย่างเศร้าๆ จากนั้นก็หันมาสบตากับปัญญ์ แล้วจึงพยักหน้าเบาๆ
“คุณหมอจณัตว์ คุณมีวิธีใช่ไหม?”
ปัญญ์หันไปมองทางจวัตณ์ในทันที
เขาไม่ได้สนิทกับจวัตณ์ แต่เขาหวังว่าจวัตณ์จะช่วยมายด์
มายด์เพิ่งจะสิบสาม ชีวิตหลังจากนี้ยังอีกยาวไกล ถ้าหากไม่สามารถพูดได้เหมือนคนทั่วไปก็คงน่าเสียดาย เขาเป็นคนมอบความหวังให้เธอเปล่งเสียงออกมาได้สำเร็จ ทว่าตอนนี้กลับต้องมาเจอกับปัญหานี้ ซึ่งเป็นอะไรที่โหดร้ายกับมายด์เป็นอย่างมาก
นรมนดูออกว่ามายด์พิเศษสำหรับปัญญ์
นรมนติดหนี้บุญคุณตระกูลเจริญไชย ติดหนี้บุญคุณคมทิพย์และปัญญ์มาตลอด แม้ไม่รู้ว่าจวัตน์จะยอมช่วยหรือเปล่า แต่ถ้าเธอเอ่ยปากขอร้องด้วยคนความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จก็จะมีมากขึ้นใช่ไหม?
คิดมาถึงตรงนี้ นรมนก็หันไปทางจวัตณ์อย่างอดไม่ได้ แววตาทอแววนุ่มนวล ทว่าต่อมาบุริศร์ก็หันมาเห็นพอดี สีหน้าของเขาจึงเครียดขึงขึ้นมาชั่วขณะ