แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1391 เธอชินกับแบบนี้แล้ว
“ก็สิทธิ์ที่นายบอกว่านายคือพี่เขยของฉันไง!”
บุริศร์พูดอย่างเอาแต่ใจจบ ก็พานรมนไปอีกด้านทันที
ด้านจวัตณ์ก็ฟึดฟัดเล็กน้อย
“ฉันเป็นพี่เขย นายก็ควรเกรงใจฉันไม่ใช่เหรอ?”
“”เมียฉันแต่งงานกับฉันแล้ว นายไปเอาความกล้ามาจากไหนคิดว่าเมียฉันจะยอมทะเลาะกับฉันเพราะพี่เขยอย่างนาย? แล้วฉันต้องเกรงใจนายด้วยเหรอ? จวัตณ์ สมองนายมีปัญญาหรือไง? ฉันคือผู้บังคับบัญชาของนายนะ!”
น้อยครั้งมากที่บุริศร์จะพูดอะไรทิ่มแทงแบบนี้ ในเวลานี้จึงทำให้นรมนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ช่วงนี้ผู้ชายคนนี้ปากจัดบ่อยจังแฮะ
ด้านจวัตณ์ถูกขัดจนจะตายแล้ว
เอาตำแหน่งมาขู่ มุขนี้ของบุริศร์ใช้ได้เลยนี่
“ฉันสามารถปฏิเสธคำสั่งของนายได้ เพราะนี่ไม่ใช่การปฏิบัติภารกิจ”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่านายต้องทำอย่างนี้สักหน่อย แต่นายลองคิดดูนะ ตัวนายยังไม่ได้กลับเข้าตระกูล นายก็ทำให้น้องสาวผิดหวังเสียแล้ว พอถึงเวลานั้นฉันก็จะไปบอกคุณอารองว่านายทำให้เมียฉันผิดหวังยังไง แม้ว่านายจะเป็นลูกชายของคุณอารอง แต่ฉันคิดว่าคุณอารองต้องเป็นห่วงความรู้สึกของเมียฉันมากกว่าแน่ๆ และอีกอย่างแม่ของนายก็ยังเป็นป้าของเมียฉันอีก”
ไม่บ่อยนักที่บุริศร์จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา ครั้งนี้เขาพูดออกหน้าแทนนรมนไปเยอะมาก จวัตณ์อยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก
ทำไมเขาเปิดเผยตัวเองเร็วนักนะ?
ถ้าเขายังไม่พูด ป่านนี้คงได้กลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว และคงไม่ต้องมาทำการผ่าตัดที่โคตรของโคตรยากแบบนี้หรอก
“งั้นฉันขอพูดไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่ได้เป็นคนผ่าตัดลำคอของเธอ ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าข้างในมันอักเสบไปถึงขั้นไหนแล้ว ผลของการผ่าตัดในครั้งนี้ก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ดังนั้นถ้าผ่าตัดไม่สำเร็จ พวกนายอย่ามาโทษฉันนะ”
“คนที่แม้แต่ผ่าตัดก็ยังทำได้ไม่ดียังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเรียนจบแพทย์อีกเหรอ? สมชัยตาบอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถึงได้พะเน้าพะนออยากให้นายเข้าร่วมสถานบันวิจัยการทหารให้ได้”
บุริศร์พูดออกมาอย่างเนิบๆ กระตุ้นเส้นเลือดตรงหน้าผากของจวัตณ์จนกระตุก
นี่เขากำลังแหย่รังแตนยั่วโมโหกันใช่ไหม?
เพราะก่อนหน้านี้จวัตณ์แสดงออกว่ารักใคร่นรมนเลยถูกอีกฝ่ายบีบบังคับและเอาคืนใช่ไหม?
ไหนความยุติธรรม?
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้จวัตณ์ไม่กล้าพูดกับบุรศร์อยู่แล้ว
“เมื่อปัญญ์ได้ยินว่าจวัตณ์สามารถผ่าตัดให้มายด์ได้ ก็รีบจูงมือมายด์มาส่งให้จวัตณ์พร้อมกับพูดขอบคุณ
“อย่าเพิ่งขอบคุณเลย รอให้ผลการผ่าตัดออกมาก่อนแล้วค่อยพูดก็ได้ การผ่าตัดในลักษณะนี้ต้องมีความละเอียดสูงเป็นพิเศษ ระดับความยากก็สูงมากๆด้วย ฉันต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งคืนในการผ่าตัด ดังนั้นทางที่ดีพวกนายห้ามมารบกวนฉันเด็ดขาด แล้วก็ ตอนนี้ลำคอของเธอเกิดปฏิกิริยาต่อต้านสิ่งแปลกปลอมและอักเสบ อาจจะต้องหาของมาแทนเครื่องผลิตเสียงที่เธอมีอยู่ข้างในตอนนี้ ดังนั้นพวกนายกลับไปนอนเถอะ คาดว่าคืนนี้คงอีกนาน”
จวัตณ์สรุปออกมาสั้นๆ
แน่นอนอยู่แล้วว่าบุริศร์เป็นห่วงนรมนกลัวไม่ได้พักผ่อน หลังจากฟังจบก็พูดเสียงต่ำขึ้นมาว่า “ถ้าผ่าตัดเสร็จแล้วก็บอกพวกฉันด้วย ต่อให้ดึกแค่ไหนก็ตาม”
“ได้”
แล้วจวัตณ์จะยังพูดอะไรได้?
ตอนนี้เขารู้สึกว่านรมนแต่งงานกับบุริศร์เป็นอะไรที่เสียเปรียบชะมัด ผู้ชายคนนี้หน้าเนื้อใจเสือ แถมยังเจ้าคิดเจ้าแค้นอีกด้วย
แต่ปัญญ์กลับไม่ยอมไปไหน
“ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน ผมก็จะรออยู่ข้างนอก”
เขามองมาที่มายด์ด้วยแววตาเป็นประกาย
มายด์ที่ตอนนี้แรกยังกลัวอยู่ตอนนี้เหมือนยกภูเขาออกจากอก รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเยอะ
จวัตณ์ให้เนกษ์ไปเตรียมการผ่าตัด นรมนตื่นเต้นมาก แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามารำลึกความหลังกับจวัตณ์ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเดินกลับห้องกับบุริศร์
“บุริศร์ คุณว่าพี่ชายฉันจะผ่าตัดสำเร็จไหม?”
“ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เขายังไม่ได้ตรวจดูคอของมายด์ก็รู้แล้วว่าเคยเธอผ่าตัดมาก่อน แถมยังรู้อีกว่าลำคอของเธออักเสบและมีปฏิกิริยาต่อต้านสิ่งแปลกปลอม แสดงว่าก็ต้องมีข้อมูลอยู่แล้ว อีกอย่างสมชัยให้ความสำคัญกับเขาขนาดนั้น แปลว่าเขาก็น่าจะเก่งอยู่พอสมควร ปัจจุบันคนที่สามารถทำการผ่าตัดในลักษณะนี้ได้บนโลกนี้น่าจะมีไม่เยอะแล้ว คนก่อนที่ปัญญ์หามาผมว่าคงผ่านการคัดเลือกหลายขั้นตอนถึงตัดสินใจเลือกได้ แต่การผ่าตัดก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ ดังนั้นฝีมือของจวัตณ์ก็อาจจะมีมากอยู่พอสมควร มายด์น่าจะยังมีหวัง”
เมื่อได้ยินบุริศร์พูดมาแบบนี้ นรมนก็วางใจลง
“แล้วหลังจากกลับประเทศคุณคิดจะให้ปวีราผ่าตัดเหมือนกันเหรอ?”
“อืม ถึงยังไงป้องก็เป็นเพื่อนผม ปวีราคือคุณหนูของตระกูลพรรณโรจน์ ถ้าพูดไม่ได้ก็คงหดหู่น่าดู ถ้าสามารถทำให้เธอกลับมาพูดได้เหมือนคนปกติผ่านการผ่าตัดนี้ คงเป็นเรื่องที่ดีมากเรื่องหนึ่ง”
บุริศร์เอ่ยพูดเสียงเบา นรมนเองก็พยักหน้าตามไปด้วย
“ใช่ ปวีราเป็นเด็กดี อีกอย่างยังเด็กกว่ามายด์อีกด้วย พวกเขาสมควรมีอนาคตที่ไร้ข้อจำกัดในชีวิต และมันคงเป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ พี่ชายฉันนี่ยอดเยี่ยมไปเลยแฮะ เมื่อก่อนฉันอิจฉารมิดามาตลอด อิจฉาที่เธอได้เป็นหมอผ่าตัดมือฉมังระดับประเทศ ที่ช่วยชีวิตผู้คนเอาไว้มากมาย คิดไม่ถึงเลยว่าพี่ชายของฉันก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน น่าภูมิใจสุดๆ”
สีหน้าภูมิอกภูมิใจของนรมนกระต้นบุริศร์ได้เป็นอย่างดี
“จวัตณ์ดีขนาดนั้นเลย? ดีถึงขนาดที่คุณไม่คิดจะเอาใครแล้ว? นรมน คุณคงไม่ได้ลืมหรอกใช่ไหมว่าคุณยังมีสามียืนหัวโด่อยู่ตรงนี้อยู่?”
กลิ่นอายหึงหวงเข้มข้นล้นออกมาจากคำพูดของบุริศร์ ทำให้นรมนพลันนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็คล้องแขนเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว เอ่ยพูดราวกับกำลังปลอบประโลมว่า “สามีของฉันดีที่สุดอยู่แล้ว อีกอย่างพี่ชายของฉันเป็นแค่หมอผ่าตัดที่มีชื่อเสียง แต่สามีของฉันเก่งครบทุกด้าน เขาจะมาเทียบคุณได้ยังไงกัน? ฉันดีใจที่เพิ่งได้รู้ว่าตัวเองมีพี่ชายแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ? คุณเข้าใจฉันใช่ไหม?”
นรมนพูดมาขนาดนี้แล้ว บุริศร์จะยังพูดอะไรได้อีก?
แน่นอนว่าเขารักภรรยาของตัวเองอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะให้โอกาสไว้เวรจวัตณ์นั่นเหรอ?
บุริศร์ไม่เคยคิดเลยว่าคนที่จะมาแย่งความรักไปจากตัวเองไม่ใช่ศัตรูหัวใจ แต่ดันเป็นพี่ชายของนรมนซะงั้น
แค่เจตต์คนเดียวก็ปวดหัวแทบบ้า ตอนนี้ยังจะมีราเชนกับจวัตณ์เพิ่มมาอีก เธอคงไม่ได้มีพี่ชายมากกว่านี้อีกหรอกใช่ไหม?
บุริศร์คิดอย่างฮึดฮัด
เมื่อนรมนเห็นสีหน้าของบุริศร์คลายลงมาบ้างแล้ว เธอถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
รอดแล้ว!
บุริศร์ตามใจเธอทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องหึงหวงอย่างเดียวที่เขาทำตัวไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น เธอยังไม่ลืมเรื่องที่บุริศร์ใช้ตำแหน่งมาข่มขู่พี่ชายของเธอเมื่อสักครู่เลยนะ จากนั้นเธอก็ยังไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักอย่าง
“คิดอะไรอยู่น่ะ?”
บุริศร์ยื่นมือแกว่งไปมาตรงหน้านรมน เพื่อดึงสติของนรมนกลับมา
“บุริศร์ ตอนนี้กล้าณรงค์ตายแล้ว คุณว่าสมชัยกับฉัตรพลจะแตกคอกันไหม?”
เมื่อนรมนคิดมาถึงเรื่องนี้ ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
บุริศร์ดึงเธอมานั่งบนตัก จากนั้นก็พูดเสียงต่ำว่า “ระหว่างพวกเขาเพิ่งเกิดรอยร้าว ถ้าอยากให้แตกแยกอย่างสมบูรณ์ยังต้องใช้เวลาปรับสภาพและอาศัยแผนอื่นไปด้วย ผมวางแผนเอาไว้แล้วล่ะ สบายใจได้ เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วงหรอก”
ตราบใดที่เป็นการตัดสินใจและแผนการของบุริศร์ นรมนก็ไม่มีอะไรต้องเคลือบแคลงอยู่แล้ว ถึงยังไงไอคิวของเขาก็ดีมากๆ
แต่นรมนกลับพูดเสียงเบาออกมาว่า “โชคดีของกล้าณรงค์ชัดๆ ทั้งๆที่เขาทำเรื่องเลวๆเอาไว้มากมายขนาดนั้น แต่สุดท้ายกลับตายง่ายๆแบบนี้ คิดไปคิดมาก็รู้สึกขัดใจชะมัด”
คำพูดของนรมนสะกิดความคิดของบุริศร์
แต่ไหนแต่ไรกล้าณรงค์ก็เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ตอนนี้กลับติดกับและตายไปอย่างง่ายๆ เรื่องนี้มันค่อนข้างทะแม่งๆ
“เราให้คนไปดูร่างจริงของกล้าณรงค์ดีไหม”
บุริศร์พูดจบก็เตรียมตะโกนเรียกคน แต่กลับถูกนรมนห้ามเอาไว้
“ตอนนี้กล้าณรงค์อยู่ในกระท่อม ใครจะไปรู้ว่าสมชัยจะตามไปเจอที่นั่นหรือเปล่า? ก็แค่ผู้ชายสารเลวคนหนึ่ง ปล่อยให้ตายๆไปเถอะ ยังต้องไปดูอะไรอีก?”
แค่คิดว่าตอนนี้สมชัยกำลังตามหาพวกเขาทั่วทุกที่ เธอก็อดผวาไม่ได้
สมชัยไม่ใช่คนโง่เขลา แน่นอนว่าเขาคงรู้เรื่องหลายอย่างแล้ว ถ้าส่งคนไปตอนนี้ก็เท่ากับว่าเดินเข้าไปติดกับดักเอง
เมื่อบุริศร์ได้ยินที่นรมนพูดมาอย่างนี้ก็โล่งใจ
ทั้งสองคุยกันอยู่สักพัก นรมนก็หลับไปในที่สุด
เมื่อบุริศร์เห็นว่าเธอหลับไปแล้ว ถึงได้ถอดรองเท้าออกแล้วนอนกอดนรมนเข้าสู้ห้วงนิทราตามกันไป
ทางด้านหงส์เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บบริเวณคอเป็นอย่างมาก หัวสมองพลันหวนนึกอะไรบาง
อย่างได้ ต่อมาสีหน้าก็อึมครึมลง
“องค์หญิง ฟื้นแล้วเหรอคะ?”
เมื่อธีรตาเห็นหงส์กะพริบตา ก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หงส์ลืมตาขึ้นมามองรอบๆ จึงพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง เธอเอ่ยถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ที่นี่ที่ไหน?”
“คฤหาสน์ตระกูลแหลมวิไล องค์หญิง พระราชามีรับสั่งให้องค์หญิงมาอยู่ที่นี่สักพัก แถมยังมีศาสน์มาด้วยนะคะ”
ธีรตารีบบอกหงส์ว่า “องค์หญิง คนคนนั้นที่ทุกคนต่างคิดว่าเป็นผู้ช่วยของผู้นำตระกูลแหลมวิไล จริงๆแล้วคือจวัตณ์ตัวจริงต่างหาก”
เมื่อนึกถึงเรื่องทุกอย่างที่ตัวเองได้ยินมา ธีรตาก็รีบบอกหงส์ทันที
ด้านหงส์ก็แสยะยิ้มเย็นออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เพื่อผลประโยชน์แล้วสมชัยถึงกับยอมเสียสละลูกสาวอย่างเธอเลยสินะ
“ใช่สิองค์หญิง คนของเราส่งข่าวมาว่า องค์หญิงหกถูกขัง ตามที่ได้ยินมาบอกว่านิ้วขององค์หญิงหกต่อไม่ติดแล้ว เกรงว่าอาจจะพิการจริงๆค่ะ”
ธีรตาบอกข่าวกับหงส์ ทำให้หัวคิ้วของเธอขมวดเล็กน้อย ไอเย็นๆแผ่ซ่านออกมา
“พิการก็พิการสิ อย่างน้อยก็ยังเหลือชีวิตรอด”
หงส์ไม่ค่อยมีความรู้สึกดีๆให้องค์หญิงหกผู้นี้เท่าไหร่
เมื่อเห็นเธอนิ่งได้ถึงขนาดนี้ ธีรตาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก แต่รีบไปบอกให้คนไปทำอาหารมาให้หงส์กิน
ตอนอยู่งานเลี้ยงหงส์ดื่มแค่เหล้า ไม่ค่อยได้กินอะไรเท่าไหร่นัก ตอนนี้ยังถูกจวัตณ์นำตัวกลับมาในสภาพถูกตีสลบอีก ธีรตาจึงเป็นห่วงว่าหงส์จะหิวเป็นธรรมดา
จริงๆแล้วในใจของหงส์รู้สึกเศร้าและกรุ่นโกรธ ที่ตัวเองถูกพ่อแท้ๆขายเหมือนเป็นแค่สิ่งของ ไม่มีสิ่งใดเทียบเท่าและสามารถบรรยายความรู้สึกนี้ได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าธีรตาเธอต้องทนเก็บซ่อนมันเอาไว้
เธอคุ้นชินกับอะไรแบบนี้เสียแล้วล่ะ
ธีรยาอยู่คอยรับใช้จนกระทั่งหงส์ทานข้าวเสร็จ หลังจากนั่งพักอยู่ชั่วครู่ หงส์ก็พูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้จวัตณ์อยู่ไหน?”
“ได้ยินมาว่ากำลังช่วยผ่าตัดให้เด็กผู้หญิงที่กลับมากับปัญญ์อยู่ค่ะ เหมือนคอของเด็กคนนั้นจะมีปัญหา ฉันได้ยินมาว่าจวัตณ์ต้องใช้เวลาในการผ่าตัดตั้งคืนหนึ่งเลยล่ะค่ะ องค์หญิง ถ้าต้องการอะไรสั่งได้ตลอดเลยนะคะ
ธีรตารู้ว่าหงส์เป็นคนเย็นชาและหยิ่งยโส พอถูกจวัตณ์นำตัวกลับมาแบบนี้ คงจะรู้สึกไม่เป็นธรรมและต่อต้านเป็นธรรมดา ตอนนี้จวัตณ์กำลังยุ่งอยู่กับการผ่าตัด แบบนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีให้พวกเธอหนีน่ะสิ?
แน่นอนหงส์เองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน หลังจากที่ทานข้าวจนอิ่ม เธอกับธีรตาก็ทำการเก็บข้าวของ จากนั้นก็แอบย่องออกไปทางประตู แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเปิดประตูออกไปได้ไม่ทันไร จะเห็นจวัตณ์ยืนหน้าดำทะมึนอยู่ตรงหน้าประตูของพวกเธอ
หงส์ขมวดคิ้วมุ่น ด้านธีรตาก็ตกใจจนหน้าขาวซีด