แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1396 งั้นทางที่ดีที่สุดก็เป็นแบบนั้น
หลังจากที่จณัตว์ออกมาแล้ว แน่นอนว่าเนกษ์ก็ต้องตามมาด้วย ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กของเขา และยิ่งเป็นตัวแทนของเขาด้วย เนกษ์เองก็ถามขึ้นอย่างมีความกล้ามากว่า “คุณชายครับ คุณอยากจะหักมือข้างหนึ่งของคุณชายบุริศร์ทิ้งจริง ๆ เหรอครับ? คาดว่าคุณนายบุริศร์จะต้องกินคุณเข้าไปแน่ ๆ”
“เธอจะต้องเชือดฉันให้ตายแน่”
พอจณัตวนึกถึงความรู้สึกที่นรมนมีต่อบุริศร์แล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้มขมขื่นขึ้น
“อ๋อใช่แล้ว ต่อไปอย่าเรียกคุณนายบุริศร์อะไรแล้วนะ เธอเป็นน้องสาวฉัน ให้เรียกคุณหนู ส่วนบุริศร์จะเรียกคุณชายบุริศร์หรือว่าคุณน้องเขยก็ได้”
จณัตว์มักจะรู้สึกแปลก ๆ
น้องสาวตัวเองดี ๆ ทั้งคนมาอยู่ที่บ้านเขานี่ จะมาเรียกคุณนายบุริศร์ทำไม? นี่ฟังดูแล้วก็เหมือนเป็นคนนอกยังไงอย่างงั้น ถึงแม้ว่าอยู่ที่บ้านตระกูลแหลมวิไลจะไม่ค่อยเหมาะสมนักก็เถอะ แต่ว่าก็เป็นเรื่องแค่คำคำเดียวของเขาเท่านั้น
แน่นอนว่าเนกษ์จะต้องทำตามคำสั่งอยู่แล้ว แต่ว่าก็ยังพูดอย่างเป็นกังวลอยู่บ้างว่า “คุณชายครับ ความรู้สึกที่คุณมีต่อหงส์นั้นเธอคงจะไม่รู้ แล้วเอาชื่อคุณชายบุริศร์มาใช้หลอกเธออยู่แบบนี้ก็ไม่ใช่แผนที่จะใช้ได้นาน ทำไมคุณถึงไม่บอกเธอไปเลยละครับว่าที่ไม่ยอมให้เธอไปนั้นเพราะกลัวเธอจะลำบากใจ เพราะกลัวสมชัยจะทำร้ายเธอเข้า? แล้วพูดคำพูดที่โหดร้ายมากขนาดนั้นออกไป ถ้าเกิดเธอยิ่งเกลียดคุณเข้าไปอีกจะทำยังไงครับ?”
“ก็ไม่ทำไง! คนที่ฉันจณัตว์หมายตาไว้แล้ว ถึงจะเกลียดก็ต้องทนแบกรับเอาไว้ให้ฉัน ยังไงชาตินี้ก็อย่าหวังว่าจะหนีฉันพ้นไปได้เลย แล้วตอนนั้นเธอทรมานฉันยังไงบ้างนายลืมไปแล้วเหรอ?”
หัวคิ้วของจณัตว์ขมวดขึ้นเล็กน้อย ปฏิกิริยาที่ซับซ้อนในดวงตากะพริบผ่านไป
แต่เนกษ์กลับอึ้งไปเล็กน้อย พอนึกถึงจณัตว์ในอดีตแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
คนเรานั้น บางครั้งตัวเองทำเรื่องผิดพลาดไปก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนที่เหมาะสมออกมา ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังไม่สาย แต่ยังดีที่ในใจของจณัตว์ยังมีหงส์อยู่ ไม่งั้นละก็ตอนนี้หงส์จะกลายเป็นสภาพแบบไหนแล้วเนกษ์ก็ไม่กล้าที่จะคิดเลย
โลกภายนอกต่างก็ลือกันไปว่านายน้อยของตระกูลแหลมวิไลเป็นคนหนุ่มชอบอิสรเสรี สุภาพเรียบร้อย แต่มีเพียงแต่เนกษ์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ความสง่างามทั้งหมดก็แค่แกล้งแสดงออกมาเท่านั้น แต่ลึก ๆ แล้วจณัตว์ก็คือปีศาจตัวหนึ่งนั่นเอง
นรมนและบุริศร์เห็นจณัตว์ออกมา แต่กลับไปเห็นหงส์มาด้วย ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปครู่หนึ่ง
“พี่ หงส์ล่ะ?”
“ให้เธออยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะยังไงเธอก็เป็นลูกสาวของสมชัย พอถึงตอนนั้นเกิดความขัดแย้งกันขึ้นมา แล้วถ้าคนอย่างสมชัยเกิดเอาเธอมาเห็นโล่กำบังเข้า พวกเราก็จะทำอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าจะไม่สนใจเธอ แต่เธอก็เป็นคนของพวกเรา แต่ถ้าสนใจก็จะเป็นการเปิดเผยมากเกินไป และอีกอย่างตอนนี้ที่ฉันจะไปก็ไม่ได้กะว่าจะเข้าไปในฐานะผู้ช่วยนายน้อยตระกูลแหลมวิไล ตระกูลแหลมวิไลที่อยู่เบื้องหลังฉันถึงแม้จะยังไม่ยิ่งใหญ่พอ แต่ก็ไม่มีทางที่จะให้สมชัยมาจับกำได้ตามใจชอบเช่นนี้หรอก”
จณัตว์รู้สึกโกรธขึ้นมาแล้วจริง ๆ
บุริศร์สามารถมองเห็นความอาฆาตได้จากดวงตาของเขา
“อย่ากำจัดสมชัยทิ้งโดยตรง สิ่งที่พวกเราต้องการคือให้เขากับฉัตรพลต่อสู้กันเอง ทางที่ดีคือต้องสามารถทำให้ฉัตรพลยื่นฟ้องสมชัยเองกับมือ หลักฐานการกระทำผิดมากมายของเขามีแต่ฉัตรพลคนเดียวเท่านั้นที่มี ถ้าไม่มีหลักฐานสมชัยก็ลงจากบัลลังก์ไม่ได้ ภารกิจของเราก็ทำสำเร็จไม่ได้ด้วย”
คำพูดของบุริศร์ทำให้ดวงตาของจณัตว์หรี่ลงทีหนึ่ง
“งั้นสิ่งที่ฉันต้องทำที่สุดในตอนนี้ก็คือไปหาฉัตรพล แล้วก็ไปอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา คนทั้งประเทศ Fต่างก็รู้ว่าสาเหตุที่สมชัยมาเอาอกเอาใจฉันนั้นเพื่ออะไร ถ้าหากว่าฉันไปสนับสนุนฉัตรพลละก็ ฉัตรพลเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความทะเยอทะยานนั้น พอถึงตอนนั้นสองพี่น้องก็คงจะต้องมาต่อสู้กันเองแน่ แต่ว่าเป็นแบบนี้เวลาก็จะยืดยาวไปหน่อยนะ”
จณัตว์เป็นคนฉลาด ในตอนที่ได้ยินบุริศร์พูดแบบนั้นเขาก็รู้แล้วว่าจะต้องทำยังไง แต่ว่าสำหรับการต่อสู้ที่ใช้ระยะเวลานานแบบนี้นั้นเขาไม่ค่อยชอบเลยจริง ๆ ยังไงเขาก็ชอบแบบตรงไปตรงมามากกว่า
ไม่พอใจก็ลุยเลยถึงจะเป็นสไตล์ของเขา!
บุริศร์ทอดถอนใจทีหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “ใช้เวลานานก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อโลกภายนอกต้องการหลักฐาน และพวกเราก็เป็นแค่ประเทศหนึ่งเท่านั้น ถ้าจะพิพากษาสมชัยยังไงก็ต้องให้สหประชาชาติเข้ามา พอถึงตอนนั้นไม่ใช่ว่าพวกเราพูดอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น ยังไงก็ต้องดูที่หลักฐานกัน”
“ผมรู้แล้ว เดี๋ยวผมจะจัดการให้เรียบร้อยเอง คุณกับน้องสาวผมซ่อนตัวไปก่อนก็แล้วกัน สมชัยเองก็คงจะไม่เชื่อใจผมหรอก ถึงได้คอยค้นหาตามบ้านต่าง ๆ แต่ถึงบ้านใหญ่ตระกูลแหลมวิไลจะมีสิทธิพิเศษอยู่ แต่ว่ายังไงก็ต้องผ่านกระบวนการเหมือนกัน ผมได้จัดแจงไว้หมดแล้ว แต่ก็ต้องลำบากพวกคุณไปอยู่ในห้องใต้ดินสักพักก่อน อีกเดี๋ยวผมค่อยให้คนปล่อยพวกคุณออกมา”
จณัตว์ไม่อยากจะทำให้พวกเขาต้องมาลำบากแบบนี้ แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เขาคิดอะไรมากไม่ได้
บุริศร์กลับไม่ได้รู้สึกอะไร แน่นอนว่านรมนเองก็ไม่ได้มีความเห็นแตกต่างอะไร
“พี่ พี่เข้าไปในวังจะต้องระวังตัวด้วยนะ”
“รู้แล้ว”
ตอนที่จณัตว์หันมาเจอกับนรมนนั้น ดวงตาคู่ที่เยือกเย็นไร้ไออุ่นนั่นถึงได้มีความอบอุ่นขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง และยังอยากจะลูบหัวนรมนด้วยความเคยชินอีกด้วย แต่กลับโดนบุริศร์ขวางไว้ซะก่อน
“เธอแต่งงานแล้ว คุณคิดว่าผมเป็นคนตายหรือไง?”
“แต่งงานแล้วยังไง? แต่งงานแล้วก็ยังเป็นน้องสาวผมอยู่ดี!”
จณัตว์กอดตัวนรมนทีหนึ่งอย่างไม่กลัวตายเลย จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “พี่ไปก่อนนะ”
“ค่ะ”
นรมนเองกลับรู้สึกอยากจะหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย
บุริศร์โกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด แล้วตอนนี้มาเห็นนรมนยังหัวเราะอยู่ ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
มือใหญ่ของเขายื่นไปคว้าทีหนึ่ง แล้วก็คว้าตัวนรมนเข้ามาไว้ในอกเลย จากนั้นก็อุ้มตัวเธอขึ้นมาแล้วก็ยกเท้าเดินไปเลย
พอเห็นท่าทางหึงหวงของบุริศร์แล้ว ในใจของจณัตว์ถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย
“ยังดีที่เขาจริงใจต่อน้องสาวฉันอยู่ แต่ถ้าหากกล้าคิดอะไรกับหงส์หน่อยละก็ ฉันไม่สนใจหรอกว่าตอนนี้เขาจะมียศทหารอะไรอยู่”
เนกษ์ได้แต่ฟังไปเท่านั้นแต่ไม่กล้าพูดอะไร แต่ว่าในใจกลับรู้ดีว่า ต่อไปควรจะมีท่าทียังไงกับหงส์แล้ว
ทั้งสองคนเดินออกไป แล้วอย่างรวดเร็วก็รวบรวมกำลังคนได้กลุ่มหนึ่ง แล้วก็มุ่งตรงเข้าไปที่วังเลย
ในตอนที่สมชัยได้รับข่าวนั้น จณัตว์ก็ได้มาถึงประตูหน้าตำหนักแล้ว และเพราะว่าใส่หน้ากากเอาไว้ ก็เลยไม่มีใครกล้าขัดขวาง และที่สำคัญสมชัยก็เคยออกคำสั่งไว้แล้วด้วย
ตอนนี้จณัตว์กำลังเป็นบุคคลสำคัญอยู่ แน่นอนว่าเรื่องนี้คนทั้งประเทศทุกคนต่างก็รู้กันดี พอตอนนี้เห็นเขามาด้วยท่าทางดุร้าย ก็มีคนไปรายงานสมชัยทันทีเลย แต่สมชัยกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคือพ่อเลี้ยงของจณัตว์ เอกฉัท นั่นเอง พอได้ยินว่าลูกเลี้ยงของตัวเองพาคนมาด้วยแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดขึ้นว่า “พระราชา คุณดูเจ้าลูกชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ของผมซิ มันวู่วามเกินไปหน่อยแล้ว นิสัยแบบนี้คงจะไม่เหมาะที่จะทำงานในกรมทหารหรอก ยังไงก็หวังว่าพระราชาจะลองไปคิดวิเคราะห์ดูให้ดีอีกสักรอบนะครับ”
ความหมายนี้เห็นได้ชัดเลยว่าจะช่วยจณัตว์ปฏิเสธการเชิญชวนของสมชัย
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าสมชัยจะทำให้จณัตว์ยอมตอบตกลงจะลองเอาไปคิดดูว่าจะเข้าไปเป็นนักวิจัยในกรมทหารหรือเปล่า แล้วตอนนี้จะมายอมแพ้ไปได้ยังไง?
เขาข่มไฟโกรธที่อยู่ในใจลึก ๆ เอาไว้ แล้วยิ้มและพูดขึ้นว่า “ถ่อมตัวเกินไปแล้ว นายน้อยจณัตว์ยังหนุ่มยังแน่นและมีความสามารถ กำลังเป็นคนมีความสามารถที่คุณท่านเอกฉัทประเทศเราหาได้ยากอยู่ คนที่มีความสามารถแบบนี้จะต้องเอามาใช้ในกรมทหารถึงจะเหมาะสมที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นลูกโตมาแล้วก็จะต้องมีความคิดของตัวเอง ยังไงก็รอฟังความคิดเห็นของนายน้อยจณัตว์ก่อนดีกว่า”
ในขณะที่กำลังพูดอยู่ คนส่งสารก็มารายงานว่า จณัตว์ได้พาคนเข้ามาแล้ว
เขาอวดดีเป็นอย่างมาก แถมยังไม่มีเหตุผลอยู่บ้าง ในตอนที่เห็นสมชัยนั้นไม่เพียงแต่ไม่ทำความเคารพ แถมยังพูดกับเอกฉัทเป็นอันดับแรกเลยด้วยว่า
“พ่อ พ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
“ไม่เป็นไร พระราชาให้ฉันมารำลึกความหลังหน่อยเท่านั้น เจ้าเด็กอย่างแกนี่มันอะไรกัน? พาคนเข้ามาในวังมันผิดกฎข้อห้ามนะ ยังไม่รีบให้พวกเขาออกไปอีก!”
ถึงปากของเอกฉัทจะบ่นไปแบบนี้ แต่ในแววตากลับมีความโล่งใจขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
แล้วจณัตว์ถึงได้มองไปยังสมชัย ในดวงตาแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจและความดุร้ายเสี้ยวหนึ่ง
“พระราชา นี่คุณหมายความว่ายังไงกัน? ผมก็ได้ตอบตกลงไปแล้วว่าจะลองคิดดูก่อน แล้วคุณมากักขังพ่อของผมแบบนี้เพื่อต้องการจะบีบให้ผมตอบตกลงเหรอ? คุณน่าจะรู้นะว่าผมจณัตว์ไม่ใช่คนที่โตมาโดยการโดนข่มขู่ให้กลัว ถ้าหากวันนี้พ่อของผมไม่สามารถกลับออกไปได้ ผมไม่ขัดข้องที่จะเป็นคนทรยศหรอกนะ ผมว่าตอนนี้คนที่หวังในตำแหน่งพระราชาในวังก็มีอยู่ไม่น้อย ก็ไม่เห็นว่าผมจณัตว์จะไม่สามารถสนับสนุนได้”
พอคำพูดนี้พูดออกไป บรรยากาศในทั้งตำหนักก็หนักหน่วงขึ้นมาทันที
“จณัตว์ พูดเรื่อยเปื่อยอะไร?”
เอกฉัทตกใจจนเหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมาทั้งตัว
ถึงแม้จะรู้ว่าลูกเลี้ยงคนนี้มีนิสัยหยิ่งผยอง ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีความกล้ามากขนาดนี้ นี่คือการท้าทายกับอำนาจของสมชัย และก็ยิ่งเป็นการรนหาที่ตายด้วย
เป็นครั้งแรกที่เอกฉัทรู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุด
สมชัยเองก็โดนทำให้โมโหจนแทบอยากจะฆ่าจณัตว์ไปเลย แต่ว่าการวิจัยทางพันธุกรรมในตอนนี้กำลังมาถึงช่วงเวลาที่สำคัญอยู่ และไม่มีใครสามารถแก้ปัญหาการรวมตัวของโมเลกุลทางพันธุกรรมได้ นอกจากจณัตว์เท่านั้น
เขาก็เลยจำเป็นต้องอดกลั้นความโกรธนี้ไว้ จากนั้นก็พยายามฉีกยิ้มออกมาอันหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “นายน้อยจณัตว์คิดมากไปแล้ว ฉันก็แค่ไม่เจอพ่อของนายมานานหลายปี ก็เลยนัดเขามารำลึกความหลังกันหน่อยเท่านั้น ในเมื่อนายน้อยจณัตว์เป็นกังวลเช่นนี้ งั้นก็พาตัวกลับไปก็ได้แล้ว ฉันยังจะไม่ยอมให้ไปเหรอ? พูดว่ากักขังอะไรกัน นี่มันเรื่องไร้สาระทั้งนั้น”
“ใช่เหรอ? ทางที่ดีที่สุดก็ขอให้เป็นเช่นนั้น”
จณัตว์ไม่สนใจเลยสักนิด หลายปีมานี้รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้คือศัตรูของตัวเองมาตลอด เขาบีบบังคับแม่ ทำร้ายพ่อ และตอนนี้ก็ยิ่งทำร้ายพ่อจนไม่สามารถเป็นคนปกติได้แล้ว ความแค้นนี้ทำให้เขาแทบอยากจะเชือดเฉือนสมชัยออกทีละครั้งทีละครั้ง แต่ว่าเขาเป็นนายทหารคนหนึ่ง ในใจและบนบ่าของเขาไม่ได้มีเพียงแต่ความแค้นของครอบครัวเท่านั้น ยังมีความแค้นของประเทศอีกด้วย
พอมาตอนนี้ถ้าจะต้องเลือกระหว่างทั้งสองอย่างนี้ เขาก็ทำได้แค่ต้องวางความแค้นส่วนตัวของตัวเองลงก่อน แต่เมื่อสามารถแสดงความโกรธแค้นของตัวเองออกมาได้อย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ได้อย่างเปิดเผยเช่นนี้ แล้วทำไมจณัตว์ยังจะต้องอดกลั้นไว้อีกล่ะ?
สมชัยมองเห็นแววอาฆาตเสี้ยวหนึ่งมาจากดวงตาของจณัตว์ แต่ว่าก็หายไปในชั่วพริบตา
ใจของเขาหล่นตุ๊บลงทีหนึ่ง
แววตานั้นกลับทำให้เขานึกถึงนงลักษณ์ผู้หญิงคนนั้น!
ดวงตาของทั้งสองคนนั้นเหมือนกันมาก แววตาที่แทบจะอยากจะกลืนกินเขาไปก็ดูเหมือนกันเปี๊ยบ ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าจณัตว์เป็นลูกของตระกูลแหลมวิไล สมชัยก็จะสงสัยจริง ๆ ว่าเขามีความเกี่ยวข้องอะไรกับนงลักษณ์หรือเปล่า
พอคิดมาถึงตรงนี้ ในใจของสมชัยก็มีความว้าวุ่นไม่สบายใจขึ้นมา แล้วก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมาเสแสร้งกับจณัตว์ต่อไปอีกแล้ว
“พาพ่อของนายกลับไปเถอะ ฉันรู้สึกเหนื่อยแล้ว คงจะไม่ส่งนายแล้วนะ แต่ว่าถ้าครั้งหน้านายยังกล้าพาคนเข้ามาในวังเยอะขนาดนี้อีก ก็อย่ามาโทษฉันว่าไม่เกรงใจนายล่ะ จณัตว์ ถึงนายจะเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง แต่ว่าก็ควรจะต้องรู้จัดมารยาทด้วยนะ ยังไงฉันก็ยังเป็นพระราชาอยู่ ไม่ใช่คนที่นายจะมาท้าทายได้ตามใจชอบ!”
พูดจบสมชัยก็ลุกขึ้นแล้วจากไป แต่ว่าเห็นได้ชัดเลยว่าดูมีอารมณ์โกรธเคืองอยู่
เหงื่อเย็น ๆ ของเอกฉัทได้ทำให้เสื้อเปียกชื้นไปแล้ว พอตอนนี้เห็นสมชัยเดินไปแล้ว ถึงได้คว้ามือของจณัตว์มากุมไว้ทีหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “แกจะทำให้ฉันตกใจตายเหรอ วู่วามขนาดนี้ แกกลัวว่าสมชัยจะไม่ฆ่าแกใช่ไหม?”
“พ่อ เขาทำอะไรพ่อหรือเปล่า?”
จณัตว์ถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย
“เปล่า และก็ไม่ทันได้ทำด้วย พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
เอกฉัทมักจะรู้สึกว่าที่นี่น่าอึดอัดมากเลย และก็ยิ่งมีความรู้สึกเหมือนโดนคนจับตามองอยู่ตลอด เขากลัวว่าจณัตว์จะพูดคำพูดทรยศอะไรออกมาที่นี่ เพราะฉะนั้นก็เลยดึงตัวเขาลุกขึ้นมาแล้วก็ออกไปเลย
พอจณัตว์เห็นเอกฉัทเป็นกังวล ก็ไม่ขัดขืนอีก แล้วก็ยื่นมือออกไปพยุงแขนของเอกฉัทเอาไว้ ส่วนเนกษ์ที่อยู่อีกข้างหนึ่งก็รีบเดินเข้ามา แล้วก็มาพยุงแขนอีกข้างหนึ่งของเขาไว้
ตอนที่เอกฉัทเห็นเนกษ์นั้นก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ตัวก็แข็งทื่อไปเล็กน้อยด้วย
“คุณ คุณคือ……”