แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1416 นรมนอารมณ์ไม่ดี
“พี่เขาไม่ได้กำลังผ่าตัดให้ราเชนอยู่บนเครื่องบินเหรอ?”
นรมนยังจำข่าวที่ตนเองได้รับก่อนออกมาได้ แต่ตอนนี้เห็นธรรศตึงเครียดเช่นนี้ จึงอดตกใจไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เพิ่งมีข่าวกลับมาว่า เครื่องบินที่จณัตว์โดยสารถูกจู่โจม ตอนนี้เครื่องบินตก พวกเขาสาบสูญไร้ร่องรอย”
ธรรศกังวลมาก
จณัตว์คือลูกชายคนเดียวของพี่รอง หลายปีที่ผ่านมาพี่รองยังไม่เคยเจอลูกชายตนเองเลย หากเกิดอะไรขึ้นจริง เขาไม่กล้าจินตนาการ
“ฉันจะส่งคนไปตามหา”
นรมนรู้สึกว่าเลือดในร่างกายแข็งตัวขึ้น
ใครจู่โจมจณัตว์?
ไม่มีทางเป็นสมชัย พรินทร์ตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสแล้ว งั้นจะเป็นใคร? หรือจะเป็นฉัตรพล?
ถ้าฉัตรพลต้องการนั่งบนตำแหน่งพระราชาของประเทศ F คงจะไม่ลงมือกับจณัตว์ หรือจะเป็นกองกำลังที่ไม่รู้จักที่ลงมือกับเธอและบุริศร์ที่บ่อน้ำพุร้อน
เป็นใครกันแน่?
นรมนหันตัวไปจะสั่งคนอาณาจักรรัตติกาลกลับไปตามหา กลับถูกธรรศขวาง
“ฉันจะจัดการเรื่องของจณัตว์เอง เธอพาบุริศร์กลับเมืองชลธีไปก่อน ที่ฉันถามไม่ใช่เพราะต้องการให้เธอทำอะไร แค่คิดว่าเธออาจจะรู้อะไรบ้าง ฉันจะได้เปิดทางให้ฉันลงมือตรวจสอบ”
ธรรศขวางนรมนไว้
ถึงแม้จณัตว์จะมีความสำคัญมาก แต่นรมนก็เช่นกันไม่อาจปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นได้
นรมนนึกถึงอาการบาดเจ็บของบุริศร์ และรู้ว่าตอนนี้ตนเองเอาแต่ใจไม่ได้ จึงกระซิบเรื่องที่เกิดขึ้นกับบ้านตระกูลแหลมวิไลให้เขาฟัง
สีหน้าของธรรศเคร่งขรึมทันที
“พวกเธอต่างไม่รู้ว่าใครต้องการฆ่าพวกเธอ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน อีกฝ่ายเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว และคนที่ส่งมาต่างเป็นพวกพลีชีพ พวกเราจึงสืบอะไรไม่ได้เลย”
“มีปัจจัยที่ไม่สงบสุขแบบนี้ทำไมยังมุทะลุอีก? ทำไมบุริศร์ทำซี้ซั่วแบบนี้?”
ธรรศปวดหัวแทบระเบิด
เจตต์ทนเห็นธรรศพูดแบบนี้กับนรมนไม่ได้ แต่ธรรศก็เป็นคุณอาธรรศของนรมน เขาจึงต้องก้าวขึ้นไปพูดว่า “คุณอาธรรศ เรื่องนี้ถ้าผมอยู่ในเหตุการณ์ เดาว่าก็คงจะทำแบบนี้ ไม่มีเวลาวางแผน และในประเทศ F พวกเขาหัวเดียวกระเทียมลีบ คุณกับกองกำลังป้องกันประเทศต่างถอนกำลังกลับมาแล้ว พวกเขาสามารถกลับมาครบสามสิบสองก็ไม่เลวแล้ว ส่วนณัตว์ผมคิดว่าเขาน่าจะมีวิธีหลบหลีกเหตุการณ์เลวร้าย ตอนนี้อาจไม่สะดวกติดต่อพวกเราแค่นั้นเอง”
“ขอให้เป็นแบบนั้น พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ ผมจะไปดูอีกครั้ง”
ธรรศพูดจบก็หันตัวเดินจากไป
จณัตว์เป็นลูกชายคนโตของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา และเป็นลูกชายของพี่รอง เขาไม่หวังให้เกิดเรื่องขึ้นกับเขาจริงๆ
เจตต์ตบไหล่ของนรมนเบาๆ กล่าวปลอบโยน “อย่าถือสาเลย คุณอาธรรศแค่เป็นห่วงจณัตว์มากเกินไป”
“ฉันไม่ได้อิจฉา อย่าคิดมากเลย”
นรมนหัวเราะออกมาเบาๆ เห็นเจตต์แล้วอบอุ่นเป็นพิเศษ
“ร่างกายของพี่เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก เธอไม่ได้รู้ทุกอย่างที่ควรรู้หมดแล้วเหรอ? อย่าถามเรื่องพวกนี้เลย ว่าแต่เธอ ครั้งนี้เก่งมากเลย เปลี่ยนมุมมองของพี่ใหม่ไปเลย คิดไม่ถึงว่าน้องสาวตัวเล็กๆ ของพี่จะกล้าหาญแบบนี้ หื้อ?”
เจตต์พูดแล้วก็ยื่นมือมาบีบจมูกนรมน นรมนขมวดคิ้วอย่างกลุ้มใจ
“ดั้งจมูกฉันเบี้ยวหมดแล้วเนี่ย”
“ทำเป็นพูด เธอไม่ได้ทำจมูกซะหน่อย ไปเถอะ พี่จะพาเธอไปหาเมียของพี่ หล่อนคิดถึงเธอน่าดู”
“อืม ฉันก็คิดถึงพี่สะใภ้”
นรมนตามเจตต์ขึ้นเครื่องบินไป
เมื่อถึงสถานที่ที่นัดกับบุริศร์ นรมนก็มองเห็นขวัญตา
“พี่สะใภ้ ตอนนี้พี่ดูหน้าตาอิ่มเอิบจังเลยค่ะ”
หลังคลอดหนึ่งเดือน ขวัญตาอ้วนไปห้ากิโลกรัม แต่ฟื้นตัวดีมาก
ขวัญตาถลึงตาใส่เจตต์อย่างคับแค้นใจ จากนั้นโอบไหล่นรมน ฟ้องว่า “เธอไม่รู้หรอกว่าพี่ชายของเธอเกินไปมาก ให้ฉันดื่มซุปให้หมดในคราวเดียว และไม่ให้ใส่เกลือ ฉันไม่รู้ว่าจะดื่มน้ำมันทั้งชามลงไปยังไง พอฉันไม่ดื่มเขาก็เอาแต่จ้องฉัน น่ากลัวจริงๆ”
นรมนหลุดขำออกมา
“ฉันกลับคิดว่าพี่เขาห่วงใยพี่นะคะ”
“พอกันที ครั้งต่อไปฉันจะไม่ให้เขามาดูแลหลังคลอดแล้ว”
ท่าทางไม่ยินยอมของขวัญตาทำให้นรมนหัวเราะ แต่กลับทำให้เจตต์เซ็ง
“ผมมันชอบรังแกขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ตัวเองน่าเอือมระอายังไงไม่รู้เลยเหรอ? ฉันไม่พูดกับคุณแล้ว ฉันจะคุยกับนรมน”
ขวัญตาจูงมือนรมนกำลังจะเดินขึ้นเครื่องบินไป ก็ได้ยินเจตต์พูดขึ้น “อย่าไม่รู้จักแยกแยะแบบนี้ ตอนนี้บุริศร์ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ไม่ว่ายังไงนรมนก็ต้องไปดูบุริศร์ก่อน”
“นั่นไม่ต้องหรอก มิลินคอยดูอยู่ข้างๆ พฤกษ์ก็อยู่ ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรอก พี่สะใภ้ บนเครื่องบินมีผลไม้ไหมคะ? พวกเรากินไปคุยไป”
“หา?”
ขวัญตาแปลกใจเล็กน้อย มองไปทางเจตต์ทันที
เจตต์เองก็ทำหน้างง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
พวกเขาต่างรู้ความรู้สึกที่นรมนมีต่อบุริศร์ โดยเฉพาะครั้งนี้ก็นับว่าผ่านความเป็นความตาย ผ่านอุปสรรค์และความยากลำบากมา ตอนนี้มองเห็นท่าทีไม่แยแสของนรมนกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล?
เจตต์เอ่ยถามอย่างลังเล “นรมน เธอมีปัญหากับบุริศร์เหรอ?”
“เขานอนเป็นผักอยู่ตรงนั้น ฉันจะมีปัญหากับเขาได้ยังไง?”
คำพูดนี้ของนรมนค่อนข้างแรง กลับยิ่งทำให้เจตต์มั่นใจว่าเกิดเรื่องขึ้นระหว่างพวกเขา
“เขาก็แค่ยังไม่ฟื้น ไม่ได้นอนเป็นผักซะหน่อย”
“แล้วยังไงล่ะ ตอนนี้ฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สู้อาศัยเวลานี้คุยเล่นกับพี่สะใภ้ดีกว่า จริงไหมคะ? พี่สะใภ้”
นรมนยิ้มบางๆ แต่ขวัญตากลับรู้สึกผิดปกติ
“หรือเธอจะพักผ่อนสักหน่อยไหม? เดินทางมาคงจะเหนื่อย และบนร่างกายของเธอยังมีบาดแผลด้วย”
ถ้าเป็นแต่ก่อนขวัญตาคงคิดจะคุยกับนรมน ตอนนี้เธอไม่กล้า ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่านรมนโมโหและอารมณ์ร้อน แม้จะมีท่าทีอ่อนโยนต่อพวกเขา แต่เมื่อพูดถึงบุริศร์กลับแรงมาก
ตอนนี้เธอไม่รู้ และไม่เข้าใจอะไร คิดว่าให้นรมนไปหาบุริศร์จะดีกว่า
นรมนก็ไม่ปฏิเสธ และกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ก็ดี ตลอดทางที่ผ่านมาเหนื่อยจริงๆ พี่สะใภ้ เครื่องบินของครอบครัวพี่มีพ่อครัวไหมคะ? ทำอะไรให้ฉันกินสักหน่อยสิ ฉันจะเปิดห้องผู้โดยสารคนเดียวพักผ่อน เหนื่อยเหลือเกิน อยากจะพักผ่อนเงียบๆ ทำเสร็จแล้วเอาไปเสิร์ฟฉันก็พอ”
พูดจบนรมนก็ไม่สนว่าขวัญตากับเจตต์จะมีสีหน้าอย่างไร เปิดห้องโดยสารด้านข้างเดินเข้าไปอย่างสบายๆ
ภายในห้องโดยสารค่อนข้างสะอาด นรมนก็ไม่พิถีพิถันอะไร เอนหลังหลับตาลงทันที ดูแล้วเหนื่อยล้ามาก
เจตต์ขมวดคิ้วคิดจะถามอะไร กลับถูกขวัญตาลากออกไป และถือโอกาสให้คนเตรียมอาหารให้นรมนรับประทาน
“อะไรเนี่ย คุณจะดึงผมทำไม? นรมนอารมณ์ไม่ดี”
“ฉันก็ไม่ได้ตาบอด แน่นอนมองออกว่าเธออารมณ์ไม่ดี แต่ตอนนี้บุริศร์ยังไม่ฟื้น นรมนเหนื่อยล้าแบบนี้ และยังได้รับบาดเจ็บ คุณยังคิดจะไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับบุริศร์อีกเหรอ? โดยเฉพาะเรื่องของผัวเมียถ้าสามารถพูดกับคุณได้นรมนคงพูดไปนานแล้ว ยังต้องรอคุณถามอีกเหรอ?”
ขวัญตามองสามีจอมงี่เง่าของตนเองจึงอดพูดออกมาไม่ได้
เจอกับเรื่องของนรมนเจตต์ก็สูญเสียความมีเหตุผลไป ครั้งนี้ได้รู้ว่านรมนจะพาบุริศร์ที่สลบไสลไม่ได้สติมาน่านน้ำสากล เจตต์แทบจะเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่สนว่าตนเองยังล้างพิษอยู่ด้วยซ้ำ ถอดเข็มออกจัดเตรียมคนและรีบมา
ขวัญตากลับไม่ได้รู้สึกหึง แค่รู้สึกว่าบางครั้งเจตต์ออกแรงมากเกินไป อาจไม่เป็นผลดีระหว่างบุริศร์กับนรมนเสมอไป
เจตต์มองขวัญตา นึกถึงท่าทางร้อนรนของตนเองตอนได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับนรมน อีกอย่างขวัญตาก็รู้ว่าตนเองเคยมีความรู้สึกต่อนรมน จึงอดพูดไม่ได้ “คุณภรรยา อย่าเข้าใจผิดไปนะ ตอนนี้ผมรู้สึกกับเธอแค่พี่ชายกับน้องสาวเท่านั้นจริงๆ”
“ฉันรู้ ฉันก็ไม่เคยสงสัยความรู้สึกของคุณ เพียงแต่เจตต์ บางเรื่องพวกเราไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วงนรมน ฉันเองก็เป็นห่วงเธอ แต่ตอนนี้เธออ่อนแอนี่คือความจริง ไม่ว่าจะมีเรื่องใดๆ รอเธอตื่นขึ้นมาก่อน พักผ่อนพอแล้วค่อยว่ากัน ตกลงไหม?”
“เอาตามที่คุณว่า”
เจตต์พยักหน้า โอบขวัญตาไปที่ห้องโดยสาร
หลังจากพ่อครัวทำอาหารเสร็จจึงนำไปเสิร์ฟภายในห้องนรมน เธอสะลึมสะลือ แต่ก็หิวจริงๆ เลยไม่สนใจภาพลักษณ์ หยิบตะเกียบคีบกิน หลังจากกินเสร็จก็ไม่รออาหารย่อย เอนกายหลับต่อทันที
การโจมตีกลับครั้งนี้เกินที่ร่างกายของเธอจะรับไว้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นได้รับบาดเจ็บอีก ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนทางความคิด นรมนไม่รู้ว่าตนเองจะรอดมาบรรจบกับเจตต์หรือเปล่า
คริชณะไม่ได้ตามมาด้วย แต่รับผิดชอบจัดการปัญหาที่ตามมา
นรมนรู้ว่าเรื่องหลังจากนี้มีคนจัดการแล้ว จึงไม่เอามาใส่ใจโดยปริยาย โดยเฉพาะการผ่าตัดของบุริศร์ประสบความสำเร็จ ความเครียดของเธอจึงผ่อนคลายลง จึงรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจ
การนอนหลับนี้ทำให้เจตต์เป็นห่วงคิดจะเข้ามาดูอยู่หลายครั้ง แต่ถูกขวัญตาลากไป ภายหลังเพราะเป็นห่วงจริงๆ จึงให้มิลินมาดู มิลินบอกว่าเธอแค่เหนื่อยเกินไป ทุกคนถึงจะโล่งอก
หลังจากผ่านไปทั้งวันทั้งคืนบุริศร์จึงฟื้นขึ้นมา เมื่อฟื้นขึ้นก็กลับมาที่บ้านตระกูลโตเล็กแล้ว เขาฟื้นขึ้นมองเห็นห้องที่คุ้นเคยก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ไร้การตอบสนองไปชั่วขณะ
พฤกษ์เห็นเขาฟื้นขึ้น รีบถามว่า “คุณชายบุริศร์ คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหมครับ? ผมจะให้มิลินมาตรวจให้คุณ เธอเพิ่งไปพัก”
พูดจบพฤกษ์ก็จะออกไป กลับถูกบุริศร์เรียกไว้
“นรมนล่ะ?”
ความทรงจำของเขาคืนสภาพ ในสมองค่อยๆ ผุดเรื่องบางอย่างขึ้นมา และสิ่งที่ทำให้เขาชัดเจนที่สุดคือท่าทางเดือดดาลของนรมน
ดูท่าแล้วคราวนี้นรมนจะโกรธจริงๆ
วันนี้ฟื้นขึ้นมาไม่เห็นนรมน หัวใจของบุริศร์เต้นรัวทันที
คุณภรรยาคงจะไม่โกรธจนย้ายออกไปใช่ไหม?
พฤกษ์ไม่รู้ว่าบุริศร์กำลังคิดอะไรอยู่ ได้ยินเขาถามถึงนรมน จึงรีบตอบ “คุณนายยังพักผ่อนอยู่ครับ มิลินบอกว่าปฏิบัติการครั้งนี้เกินกว่าที่ร่างกายคุณนายจะรับไหว และคุณนายก็ได้รับบาดเจ็บ ร่างกายอ่อนแอสุดๆ หลับตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินของตระกูลปวนะฤทธิ์ ไม่ตื่นขึ้นมาเลย นี่ผ่านไปทั้งวันทั้งคืนแล้วครับ”
“อะไรนะ? มิลินอยู่ไหน? นรมนไม่เป็นอะไรใช่ไหม? หลับไปแบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอ?”
ในขณะพูดบุริศร์พยายามลุกขึ้น น่าเสียดายที่เขาบาดเจ็บหนักเกินไป จึงลุกขึ้นไม่ไหว และยังทำให้แผลฉีก เขาเจ็บจนแยกเขี้ยวออกมา