แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1431 ตัวเองไม่ได้ป่วยจริงๆ ใช่มั้ย
บุริศร์รู้สึกว่าตอนนี้ถ้าตัวเองสลบลงไปก็ไม่ต้องเผชิญกับคำถามอย่างนี้ของนรมนใช่ไหม
ขณะกำลังคิดอย่างนี้ นรมนก็พูดขึ้น “คุณคงจะไม่สลบใช่มั้ย มิลินล่ะ เธอหายไปไหนแล้ว”
ท่าทางนี้มีความรู้สึกไม่มีวันจบสิ้น
บุริศร์เลิกคิดที่จะดิ้นรนแล้ว
“ที่รัก เป็นความผิดของผมโอเคมั้ย คุณพูดมาเลย คุณต้องทำยังไงกันแน่ถึงจะหายโกรธ ผมรับรองจะให้ความร่วมมือ”
“ฉันจะไปเดทกับเด็กหนุ่ม ฉันอยากจะมีประสบการณ์จีบกันและถูกตามจีบ ตอนนี้คิดๆ ดูก่อนแต่งงานชอบผู้ชายอย่างคุณ เสียเปรียบชะมัด”
นรมนพูดออกไปเช่นนี้ บุริศร์เกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
เธอเข็นเก้าอี้รถเข็นเข้าไปในห้อง หยิบมีดปอกผลไม้ยื่นให้นรมน
“หมายความว่าไงคะ”
นรมนงงงวย
บุริศร์พูดขึ้นจริงจัง “ถ้าคุณเป็นหม้ายก็ไปนัดเดทกับเด็กหนุ่มได้อย่างเปิดเผยแล้ว”
“แต่เป็นการฆ่าคนผิดกฎหมาย”
นรมนพูดขึ้นอย่างน้อยใจ
“บุริศร์ อย่าทำร้ายฉัน ฉันพูดแล้วไงความรู้สึกของคุณต่อฉันไม่บริสุทธิ์ คุณยังไม่ยอมรับอีก ดูสิ หางจิ้งจอกโผล่ออกมาแล้ว ยังคิดจะให้ฉันฆ่าคนหรือไง คุณกลัวว่าข้างนอกจากมีเพื่อนสนิท อยากให้ฉันออกไปใช่ไหมล่ะ”
นรมนยิ่งพูดยิ่งไม่มีเหตุผล
บุริศร์จู่ๆ ก็รู้สึกว่านรมนตอนนี้เหมือนกับวิตกกังวล หรือว่าเขาทำให้เธอตกใจจนเกิดความผิดปกติขึ้น
“ทั้งชีวิตนี้ผมมีภรรยาคนเดียว ผู้หญิงคนเดียว คนรักคนเดียว ฟังเข้าใจแล้วยัง”
“ผู้หญิงสามคนไง งั้นฉันก็ยิ่งเสียเปรียบ”
ความสามารถจับแพะชนแกะของนรมนทำให้บุริศร์แทบเป็นบ้า
“พอละ ยิ่งพูดกับคุณฉันยิ่งเซ็ง กลับห้องนอนละ”
นรมนพูดจบก็วางมีดปอกผลไม้ จากนั้นก็ลุกไปห้องนอนที่อยู่ติดกัน ทิ้งให้บุริศร์งุนงงอยู่ตรงนั้นคนเดียว
บุริศร์รู้สึกเซ็งสุดๆ
เมื่อไหร่ช่วงเวลานี้จะจบลงเสียที เมื่อไหร่นรมนถึงจะกลับมาปกติ เขาแทบจะทนรับอารมณ์หดหู่และคำพูดกระแทกแดกดันเย็นชาไม่ไหวแล้วจริงๆ
นรมนเข้าห้องแล้วสายตาครุ่นคิด
คำพูดของลูกชายกานต์เหมือนคลื่นทะเลลูกใหญ่ซัดสาดในก้นบึ้งหัวใจเธอ
เขาพูดว่าหม่ามี้ถ้าไม่ใช่วัยทองก่อนวัยอันควร ก็ตั้งท้อง อารมณ์แปรปรวนหนักขนาดนี้ อยากจะให้คนอื่นมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ประโยคนี้ฟังแล้วเป็นเพียงการบ่น แต่กับนรมนคนพูดไม่ตั้งใจแต่มีความหมายกับคนฟัง
เดือนนี้ประจำเดือนเธอมาช้าหนึ่งสัปดาห์ และเรื่องครั้งนี้แม้ว่าเธอจะโกรธมาก และคิดอยากจะทำให้บุริศร์จดจำ ครั้งหน้าจะได้ไม่คิดไปเองอีก ไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง แต่ตอนที่เธอเห็นบุริศร์ ความโมโหที่ระงับไม่ได้ก็เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
และเธอก็อยากทะเลาะมากๆ กระทั่งหุนหันอยากจะทะเลาะกับบุริศร์ใหญ่โต
ความรู้สึกนี้คิดอย่างไรก็ไม่ปกติ แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าไร้เหตุผล
แต่ความอึดอัดในใจระบายออกมาไม่ได้ เห็นอะไรก็ขัดหูขัดตา
เธอเป็นอะไรกัน
หรือว่าวัยทองก่อนวัยอันควรจริงๆ
คิดถึงตรงนี้ นรมนค่อนข้างกังวล
ส่วนเรื่องตั้งท้อง นรมนไม่คิดเช่นนั้น
บุริศร์เคยบอกว่า ป้องเป็นคนผ่าตัด นรมนรู้ระดับความสามารถของป้องดี และตอนนั้นบุริศร์ก็ตัดสินใจแน่วแน่ไปผ่าตัด ย่อมไม่มีปัญหาแน่ อีกอย่างหนึ่ง ต่อให้การผ่าตัดของป้องผิดพลาด ตัวเองท้องขึ้นมาจริงๆ ช่วงนี้มิลินดูแลสุขภาพเธอตลอด จะดูไม่ออกได้อย่างไร
ถ้าหากเธอท้องจริงๆ มิลินจะไม่รู้ได้อย่างไร
นรมนรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะบ้าแล้ว ในตัวเหมือนมีสัตว์ประหลาดอยู่ พร้อมจะกระโดดออกมาฉีกเธอตลอดเวลา
อารมณ์หงุดหงิดพัวพันเธอ เธออยากจะไปหาจณัตว์ช่วยตรวจให้ แต่ดูเหมือนจณัตว์ยุ่งมาก และอีกอย่างเขาเพิ่งจดทะเบียนกับหงส์ ตัวเองไปรบกวนตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะ
เธอก็นึกถึงโพนี่
โพนี่คลอดลูกแล้วก็อยู่บ้านเลี้ยงลูกตลอด พูดให้ชัดก็คือเธอไม่ได้ส่งของขวัญครบเดือนให้ลูกชายของป้อง ตอนนี้เธอยังมีบาดแผล ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หากไปแล้วทำให้ภรรยาและลูกของเขาไม่สบาย ก็ไม่ค่อยเหมาะสม
ได้ยินมาว่าช่วงนี้รมิดาไปทำงานที่ต่างประเทศ ยังกลับมาไม่ได้ช่วงนี้
นรมนพบว่าตัวเองไม่มีใครสักคนจะพูดคุยด้วยได้
คมทิพย์อยู่ก็จริง แต่นรมนไม่รู้จะพูดกับเธอยังไงดี เป็นไปได้มากที่เธอคงจะรู้สึกว่าตนเองไร้เหตุผล
นรมนถอนหายใจยาวๆ อีกครั้ง
ยากจัง
เธอจู่ๆ ก็คิดถึงนภดลกับปาณี
จริงสิ
ครั้งนี้กลับมาทำไม่เจอสองคนนี้
นรมนโทรไปหาชัยยศทันที
“ชัยยศ นภดลกับปาณีล่ะ”
“คุณนาย พวกเขาฝึกพิเศษอยู่ที่เกาะครับ ยังไม่กลับมา”
ชัยยศรีบตอบ
“ไปนานเท่าไหร่แล้ว”
“ไปตั้งแต่ตอนที่คุณกับประธานบุริศร์ไม่อยู่เมืองชลธีครับ”
เมื่อได้ยินชัยยศตอบเช่นนี้ นรมนรู้สึกว่าพวกเขาไปนานมากแล้ว และอีกอย่างตอนนี้เธอก็คิดถึง ปาณี
ไม่รู้ว่าตอนนี้นภดลกับปาณีเป็นยังไงบ้างแล้ว
“โทรหาพวกเขา ให้พวกเขากลับมาละกัน บอกว่าฉันคิดถึงปาณี”
“ครับ”
ชัยยศรีบทำตามคำสั่ง
บุริศร์ที่อยู่ในห้องนอนใหญ่ได้ยินนรมนคุยโทรศัพท์ ก็ยิ่งรู้สึกเซ็ง
แม้แต่พยาบาลพิเศษก็คิดถึง แล้วไม่คิดถึงเขาหรือไง
เขาจะทำอย่างไรดีกันแน่
หรือว่าจะต้องทำร้ายตัวเองจริงๆ
ตอนนี้ภรรยาเขาโกรธจัด กระทั่งบัญชีเก่าเมื่อห้าปีก่อนก็ขุดขึ้นมา คงจะไม่ใช่ว่าไม่คิดจะรักเขาต่อไปแล้วนะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ บุริศร์ก็วิตกกังวล
ไม่ได้!
ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป เป็นไปได้ที่นรมนจะขุดเรื่องเก่าๆ ที่ไม่ชอบใจขึ้นมาพูดหมด
ก่อนหน้านี้บุริศร์กังวลนรมนจะไม่คุยกับเขา แต่ตอนนี้เขากลัวนรมนพูดกับเขา
รสชาติความทุกข์นี้ไม่ประสบเองยากที่จะเข้าใจ
ป้องกับอรรณพสองคนเห็นเรื่องสนุกแล้วยังช่วยเติมเชื้อไฟทักทายมาหาบุริศร์
“พี่รอง แผนมีชู้ของพี่สะใภ้รองสรุปยัง”
ป้องถามติดตลก
ใบหน้าของบุริศร์ที่เคร่งเครียดยิ่งเครียดหนักขึ้น
“นายอยากจะไปเป็นหมอในสนามรบจริงๆ หรือไง”
“เปล่าๆๆ ผมแค่ล้อเล่นน่ะ”
ป้องรีบหนีไป
อรรณพเห็นป้องที่อยู่ในกลุ่มกลัว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “กล้าหาญหน่อยไม่ได้หรือไง ก็แค่ไปเป็นหมอในสนามรบเอง ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่โตตรงไหน! ก็แค่ไปเท่านั้น ให้เขาขู่อยู่ได้ ไม่เหมือนบางคน ต่อให้ไปเป็นหมอสนามรบก็คงจะเรียกความสนใจจากพี่สะใภ้รองไม่ได้”
“อรรณพ รมิดาไม่อยู่ นายร่อนอยู่ใช่มั้ย เชื่อมั้ยล่ะฉันจะโทรไปหารมิดา ตอนนี้นายไปจีบสาวอยู่ข้างนอก”
บุริศร์รู้สึกว่ายิ่งปวดใจ
ทำไมคบเพื่อนเลวอย่างไอ้สองคนนี้
อรรณพกลับหัวเราะคิกๆ “ตุลยาของผมเชื่อใจผมที่สุด ยุให้รำ ตำให้รั่วก็ไม่มีประโยชน์ แต่ผมพูดกับพี่สะใภ้รองได้นะ ตอนแรกที่นายเลือกส่งพี่สะใภ้รองไป ตัวเองอยู่ที่นี่ ที่จริงเป็นเพราะถูกใจสาวน้อยคนหนึ่งในวังของสมชัย ลองทายดูสิพี่สะใภ้รองจะเชื่อผมมั้ย”
“อรรณพ!”
บุริศร์อยากจะบีบคอไอ้บ้าสองคนนี้ผ่านโทรศัพท์
อรรณพอารมณ์ดีหัวเราะร่วน น้อยครั้งที่จะได้เห็นบุริศร์หน้าแตก เขาไม่ฉวยโอกาสแหย่ซะหน่อย จะไว้หน้าตัวเองได้อย่างไรที่ครั้งนี้เกือบพลาดไป
บุริศร์โกรธจนเขวี้ยงมือถือลงบนเตียง
ไม่ได้เรื่องสักคน!
บุริศร์ด่าอยู่ในใจ ก็ได้ยินเสียงติ๊งจากโทรศัพท์ อรรณพส่งข้อความส่วนตัวเข้ามา
“อย่างนี้นะพี่รอง ผมจำได้อาการปวดเส้นประสาทใบหน้ายังรักษาไม่หายใช่มั้ย”
“ว่าไง นายจะแนะนำหมอเก่งๆ ให้หรือไง”
บุริศร์ถามอย่างไม่ค่อยสนใจ
“ผมมีที่ไหนแนะนำให้นายกันล่ะ พี่เขยนายไม่ใช่ดอกเตอร์ทางการแพทย์หรือไง ขอให้เขาตรวจให้หน่อยสิ แต่ผมคิดว่านะ ตอนนี้ถ้านายปวดกะทันหัน ไม่แน่อาจจะได้ผลบางอย่าง”
“ได้ผลอะไรเหรอ”
บุริศร์ยังไม่ค่อยเข้าใจ หลังจากอึ้งไปนิดหนึ่งก็ดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว
“ผมช่วยพี่ออกความเห็น แต่อย่าให้พี่สะใภ้รู้ว่าพี่แกล้งละกัน”
อรรณพพูดจบก็วางสาย
บุริศร์จู่ๆ ก็รู้สึกมีความหวังรำไร
จริงสิ
เขาแกล้งทำเป็นน่าเวทนาได้
เมียใจอ่อนที่สุด ถ้าหากเขาปวดหัวแทบระเบิด เธอจะไม่แยแสเขาได้ไง
บุริศร์คิดถึงตรงนี้ มุมปากก็มีรอยยิ้ม
เขาพยายามนึกถึงตอนที่ตัวเองป่วย บุริศร์เพิ่งจะเตรียมพร้อมทุกอย่าง ยังไม่ทันร้องตะโกน ก็มีเสียงกรีดร้องของนรมนดังขึ้น ทำเอาบุริศร์ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ผลักรถเข็นไปห้องข้างๆ
“เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น”
บุริศร์ผลักประตูเข้าไป ก็เห็นนรมนนอนฟุบที่ใกล้หน้าต่างหอบหายใจเฮือกใหญ่
เขาใจเต้นตึ้กตั้ก
“เป็นอะไรไป คุณไม่สบายตรงไหน ผมจะให้มิลินมาดูคุณหน่อย”
มิลินออกไปซื้อยาแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมา บุริศร์รีบหยิบมือถือมาจะโทรหามิลิน ก็ได้ยินนรมนพูดขึ้น “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ แค่รู้สึกแน่นอกจนทนไม่ไหว ก็เลยตะโกนออกไปเท่านั้น”
นรมนกลับไปนั่งที่เตียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่าทางกะปลกกะเปลี้ย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
บุริศร์รู้สึกสงสาร
“ให้ผมพาคุณไปริมทะเลตะโกนหน่อยมั้ย”
“ไม่ต้อง ฉันจะออกไปเดินเล่นหน่อย”
พูดจบนรมนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าลุกขึ้นออกไปจากห้อง
บุริศร์อยากจะเรียกเธอไว้ แต่เมื่อเห็นท่าทางนรมนไม่มีความสุข ในที่สุดเขาก็ไม่ได้ห้ามเธอ
หงส์ส่งข่าวมา กล้าณรงค์ตายแล้ว การคุกคามนรมนจากภายนอกก็คลี่คลายแล้ว ตอนนี้เธออยากจะออกไปเดินเล่น บุริศร์ก็ไม่มีเหตุผลจะขวางเธอ แต่ทันใดนั้นเขานึกขึ้นมาได้ว่าแผนการที่ตัวเองคิดจะแกล้งเจ็บปวดเส้นประสาทเพื่อดึงความสนใจและสงสารจาก นรมนดูเหมือนจะคว้าน้ำเหลวแล้ว
แม้แต่สวรรค์ยังไม่เข้าข้างเขาจริงๆ หรือ
บุริศร์เซ็งเป่าเท้าแขนเก้าอี้รถเข็น บ้านเก่าตระกูลโตเล็กใหญ่โตโอ่อ่าแต่กลับว่างเปล่า ตอนนี้แม้แต่ภรรยายังไม่แยแสตัวเอง เขาจะผ่านวันคืนนี้ไปได้อย่างไรกัน
เดิมทีคิดจะรับเด็กๆ กลับมา ตอนนี้ถูกนรมนทำลายแผนแล้ว ถ้าหากรับมาแล้วเธอไม่มีความสุขจะทำอย่างไร
บุริศร์อับจนหนทาง จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าปัญหานี้ยากที่จะเลือกยิ่งกว่าสัญญาราคาร้อยล้านเสียอีก
นรมนไม่สนใจในใจบุริศร์คิดอย่างไร เธอแค่รู้สึกอึดอัด
ร่างกายผิดปกติ ใจก็อึดอัดจนทนไม่ไหว
ตัวเองไม่ได้ป่วยจริงๆ ใช่มั้ย
แม้ว่าเพื่อนๆ จะเป็นหมอ แต่ตอนนี้นรมนไม่อยากให้ใครรู้อาการป่วยของเธอ เธอยอมไปหาโรงพยาบาลธรรมดาลองรักษาดีกว่า
คิดอย่างนี้แล้ว
นรมนก็ขับรถทิ้งบอดี้การ์ดไว้ข้างหลัง จากนั้นก็ทิ้งรถไว้ข้างทาง เรียกรถไปโรงพยาบาลใกล้ๆ