แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1465 โสดได้ด้วยความสามารถจริง ๆ
ในเมื่อรู้ความต้องการของพวกเขาแล้ว นภดลก็ไม่ค่อยเป็นกังวลแล้ว ถึงแม้ว่าคุณนายตระกูลจันทรวงศ์จะจับตัวปาณีไว้ แต่ว่าการฝึกฝนพิเศษของปาณีในระยะเวลาที่ผ่านมานภดลก็ได้เห็นด้วยตาตัวเองอยู่ ก่อนที่เขายังไปไม่ถึง แค่ปาณียืนหยัดไว้ได้ คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ก็ไม่กล้าทำอะไรกับเธอ
หลังจากที่นภดลวางสายแล้วก็โทรศัพท์หาบุริศร์เลย
“ประทานบุริศร์ครับ ปาณีโดนจับตัวไปแล้ว”
“ฉันรู้แล้ว ทำไมนายถึงปิดเครื่องไป?”
พอพูดถึงเรื่องนี้นภดลก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ตอนแรกกะว่าจะอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับปาณีดี ๆ สักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าเพราะเรื่องที่ตัวเองปิดเครื่องจะทำให้กระทบต่อเรื่องอื่นมากขนาดนี้
“เป็นความผิดของผมเอง ต่อไปจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วครับ คุณนายตระกูลจันทรวงศ์โทรศัพท์มาหาผม และบอกว่าได้จับตัวปาณีไปแล้ว จะให้ผมไปหาสักเที่ยว เป้าหมายของพวกเขาน่าจะเป็นเลือดของผม แต่ทางคุณนายก็ต้องการเหมือนกัน คุณว่าผมควรจะทำยังไงดีครับ?”
นภดลไม่อยากจะให้เลือดกับคุณนายตระกูลจันทรวงศ์เลยแม้แต่หยดเดียว แต่ว่าปาณีอยู่ในกำมือของพวกเขา ยังไงเขาก็ต้องไปสักหน่อย
มาตอนนี้เรื่องนี้จำเป็นจะต้องบอกกับบุริศร์และนรมน เพราะในตอนที่จำเป็นเขาต้องการให้อาณาจักรรัตติกาลมาช่วยเหลือ
พอบุริศร์เห็นว่านภดลได้รู้เรื่องแล้ว ก็พูดขึ้นว่า “เรื่องที่ปาณีโดนจับตัวไปนั้นคือวิธีแผนซ้อนแผนของพวกเรา ตอนนั้นติดต่อนายไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกเราก็เลยตัดสินใจกันก่อนแล้ว”
“แผนซ้อนแผนเหรอครับ?”
พอนภดลได้ยินคำสามคำนี้ ก็รู้สึกโล่งใจไปทีหนึ่งอย่างบอกไม่ถูก แต่ว่าก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี
“ตกลงทำไมปาณีจะต้องไปหาคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ด้วย?”
“เป็นแผนการ เพราะว่าพวกเราได้รับข่าวมาว่า มีคนมาเชื่อมสัมพันธ์กับดร.ฐานทัต และอยากจะได้เลือดของนายไปทำการวิจัยทางพันธุกรรม เพราะฉะนั้นคุณนายตระกูลจันทรวงศ์มาเข้าหาปาณี ปาณีก็เลยใช้แผนซ้อนแผน นายไม่ต้องเป็นกังวลมากนักหรอก ปาณีมียาถอนพิษที่ป้องให้ไว้ น่าจะไม่ได้ตกหลุมพราง เป้าหมายของเรานั้นง่ายมาก ก็คือลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังดร.ฐานทัตออกมา แล้วก็ถอนรากถอนโคนซะ”
บุริศร์ปิดบังไปส่วนหนึ่ง แต่ว่าก็ถือได้ว่าได้บอกเรื่องราวไปพอประมาณแล้ว
นภดลเข้าใจความหมายของนรมนและบุริศร์ขึ้นมาทันที จะถอนรากถอนโคนที่พวกเขาว่ามานี้ก็เพื่อตัวเขาทั้งนั้น
ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมีความอบอุ่นพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
“ประธานบุริศร์ ขอบคุณครับ”
“พูดเรื่องพวกนี้ทำไม? ตอนนี้นายอยู่ไหน? จะตรงไปเลยหรือว่าจะยังไง?”
“แน่นอนว่าจะต้องตรงไปเลยอยู่แล้ว ในเมื่อเป้าหมายของพวกเขาคือผม ถ้าผมไม่ปรากฏตัวไปก็เหมือนกับว่าจะไม่ค่อยดีซะเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าประธานบุริศร์คุณมีแผนอยู่แล้วใช่ไหมครับ?”
“อืม ใช่ นายไปเป็นเหยื่อล่อก่อน รอบนอกฉันได้วางกำลังคนไว้หมดแล้ว ขอแค่พวกเขาลงมือ พวกเราก็จะเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อเลย”
บุริศร์ได้วางแผนไว้ตั้งนานแล้ว
ในเมื่อในเมืองชลธีนี้ เป็นที่ของเขา ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาเองก็เงียบหายไปนานมาก และอีกอย่างคนของธเนศพลก็อยู่ ถ้าเวลานี้จะใช้คนของธเนศพลก็ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้
“ได้ครับ ผมจะฟังประธานบุริศร์”
พอนภดลวางสายโทรศัพท์แล้วก็ลุกยืนขึ้นมา
จ้องมองร้านอาหารที่ครึกครื้นแต่ตอนนี้กลับมีคนอยู่แค่ไม่กี่คนแล้ว และการนัดดูตัวของเขากับปาณีก็ถือได้ว่าล้มเหลวแล้ว
พอคิดถึงช่วงเวลาแบบนี้ ปาณีอาจจะยังไม่ได้กินข้าว นภดลก็ให้คนทำข้าวราดแกงใส่กล่องให้ปาณีชุดหนึ่งแล้วก็เอาไปด้วยเลย
เขามาขึ้นรถ พอเอาข้าวราดแกงวางไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงได้ขับรถไปตามตำแหน่งที่คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ส่งมาให้ตัวเอง
พอมาถึงที่นี่ นภดลก็พบว่าที่นี่มียามรักษาการณ์อยู่อย่างแน่นหนา หนำซ้ำพวกบอดี้การ์ดพวกนั้นแต่ละคนยังมองดูเขาด้วยสายตาที่ร้อนแรง
นภดลไม่เข้าใจว่าตกลงความหมายในดวงตาของพวกเขาคืออะไร แต่พอนึกถึงแผนการที่ของบุริศร์วางไว้ เขาก็ได้สงบนิ่งลงมา พอจอดรถเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้ามา
พอคุณนายตระกูลจันทรวงศ์เห็นนภดลเดินเข้ามาอย่างสงบนิ่งขนาดนี้ ก็อดไม่ได้ที่ขมวดคิ้วขึ้น
“แกนี่เป็นสัตว์เลือดเย็นตัวหนึ่งจริง ๆ ลูกสาวของฉันต้องตายเพื่อแก แกยังไม่หลั่งน้ำตาให้สักเท่าไหร่ มาตอนนี้ปาณีคนนี้โดนฉันจับตัวมาเพราะแก แต่แกกลับไม่รู้เรื่องเลยสักนิด ฉันนึกว่าแกจะรีบมาอย่างรวดเร็ว แต่แกกลับใช้เวลาไปตั้งครึ่งชั่วโมง นภดล ในเนื้อแท้ของแกนี่เป็นคนเลือดเย็นจริง ๆ คนอื่นสำหรับแกแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรเลยใช่ไหม?”
การซักถามของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ทำให้ในใจของนภดลนั้นไม่ชอบใจมาก
เขาเลือดเย็นเหรอ?
ตอนที่ฉัตรยาตายนั้นเขาแทบอยากจะตายตามไปด้วย เพียงแต่ว่าคนอย่างเขานั้นแสดงออกไม่เก่ง บางครั้งน้ำตาไม่ไหลก็ไม่ได้แปลว่าไม่เสียใจ แต่ว่าเห็นได้ชัดว่า ปัญหาพวกนี้คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ
“ตัวปาณีล่ะ?”
ตอนนี้นภดลแค่อยากจะยืนยันว่าปาณีปลอดภัยดีหรือเปล่า
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์กลับยิ้มเย็นแล้วพูดขึ้นว่า “แกมาคนเดียวใช่ไหม?”
“ไม่งั้นล่ะ?”
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ยังคงไม่ค่อยมั่นใจ แล้วก็ให้คนไปตรวจสอบดูสักหน่อย ก็พบว่านภดลมาตัวคนเดียวจริง ๆ ในที่สุดคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ถึงได้วางใจลงสักที
“ในเมื่อแกเป็นห่วงเธอซะขนาดนี้ หรือไม่แกก็เขามาดูเองดีกว่าไหม?”
นภดลมองเห็นในดวงตาของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์มีประกายระยิบระยับอยู่ นั่นคือความดีใจแบบหนึ่ง เป็นแววตาแบบหนึ่งที่จะแสดงออกมาทุกครั้งที่เธอทรมานเขา
พอนึกถึงเป้าหมายของพวกเขาแล้ว นภดลก็ค่อย ๆ หรี่ตาลงครู่หนึ่ง
“พาตัวเธอออกมา ไม่งั้นละก็……”
“แกจะไปทำอะไรได้?”
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์เห็นเขามาตัวคนเดียว แต่ทางเธอนั้นมีคนมากมาย เธอไม่เชื่อหรอกว่านภดลจะสามารถติดปีกบินหนีไปได้?
นภดลยิ้มอ่อน ๆ ทีหนึ่ง จากนั้นจู่ ๆ ก็เปิดเสื้อออก ในเสื้อนั้นมีแต่ระเบิด จนคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ตกใจร้องกรี๊ดออกมาคำหนึ่งแล้วถอยหนีไปหลายก้าวเลย
“นี่แกบ้าไปแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ ผมบ้าไปตั้งนานแล้ว คุณรู้หรือเปล่า? ผมขอเตือนคุณนะ ทางที่ดีทำตามที่ผมบอก ไม่งั้นผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำเรื่องอะไรออกมาได้บ้าง ตอนนี้ผมจะเจอปาณี”
นภดลทำตัวเฉยเมย อย่างกับว่าชีวิตของตัวเองนี้สำหรับเขาแล้วไม่มีความสำคัญอะไรเลย แต่ว่าคุณนายตระกูลจันทรวงศ์กลับรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว
เธอไม่เพียงแค่กลัวนภดลตาย แถมยังกลัวว่านภดลจะไม่สนใจอะไรเลยด้วย
แล้วก็ในเวลานี้พอดี น้ำเสียงของดร.ฐานทัตก็ลอยออกมาจากข้างใน
“ให้เขาเจอกับปาณีสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไร ที่สำคัญคือเขาจะต้องมีชีวิตอยู่! และอีกอย่างเลือดจะสิ้นเปลืองไปไม่ได้!”
คำพูดนี้ทำให้ดวงตาของนภดลหรี่ลงครู่หนึ่ง
ในความทรงจำของเขานั้น ดร.ฐานทัตเอาแต่จมอยู่กับการวิจัยมาตลอด และพูดน้อยมาก ไม่ว่าคุณนายตระกูลจันทรวงศ์จะทำอะไรลงไปเขาก็ไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ ตอนแรกนึกว่าเขาเป็นนักวิชาการคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ดูท่าเขาคงจะคิดผิดไปแล้ว
บางทีตั้งแต่เริ่มต้นมาดร.ฐานทัตก็คงจะทำงานเพื่อใครมาแล้ว เพียงแต่แค่พวกเขาไม่รู้เรื่องเท่านั้น
มาตอนนี้น้ำเสียงของดร.ฐานทัตนั้นเย็นชามาก ไม่ได้เรียบเฉยเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว กลับทำให้นภดลคิดมากขึ้นมาอีกหน่อย
พอคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ได้ยินคำพูดของดร.ฐานทัต ก็รีบหยุดฝีเท้าลง แล้วก็พูดกับคนอื่น ๆ ขึ้นว่า “ไปเอาตัวยัยเด็กปาณีนั่นออกมาซิ”
ดูจากท่าทีของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์แล้ว เธอดูมีความเกรงกลัวต่อดร.ฐานทัตอยู่เล็กน้อย
เป็นไปได้ยังไงกัน?
พอคิดถึงการกระทำที่คุณนายตระกูลจันทรวงศ์มีต่อดร.ฐานทัตมาในหลายปีมานี้ ใช้คำว่าทำชั่วได้ตามอำเภอใจมาเปรียบเทียบก็คงจะไม่เกินไปเลย แล้วนี่แค่ระยะเวลาสั้น ๆ ไม่เท่าไหร่เอง คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ก็กลัวดร.ฐานทัตขึ้นมาแล้วเหรอ?
เป็นเพราะว่าคนที่อยู่เบื้องหลังดร.ฐานทัตเหรอ?
หัวสมองของนภดลหมุนวนไปอย่างรวดเร็ว
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์จดจ้องนภดลไว้ตลอด อย่างกับกลัวว่าจู่ ๆ เขาจะจุดระเบิดขึ้นมา
นภดลกลับรออยู่ตรงนั้นอย่างไม่สนใจ แต่ในใจกลับรู้สึกร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย
ในตอนที่ปาณีโดนคนพาออกมานั้น แววตาของนภดลก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ตอนแรกนึกว่ามีการข่มขู่ของตัวเองแล้ว คุณนายตระกูลจันทรวงศ์จะไม่กล้าทำอะไรปาณี แต่ว่าพอมองเห็นรอยแส้บนตัวปาณีนั้น ดวงตาของนภดลก็มองไปทางคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ทันที
“นี่คุณกล้าตีเธอเลยเหรอ?”
วินาทีนี้ นภดลรู้สึกโกรธขึ้นมาแล้ว
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์มองเห็นแววอำมหิตจากดวงตาของนภดล จึงถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างอัตโนมัติ แต่ว่าผู้คนมากมายที่อยู่รอบข้างนี้ล้วนเป็นคนของตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะมีความกล้าเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันตีเธอแล้วจะทำไม? ยัยเด็กนี่ทำให้ฉันขายหน้าไปหมดตอนที่อยู่ที่ห้าง ถ้าฉันไม่ตีเธอในใจของฉันก็คงจะไม่ได้ระบายความโกรธนี้ออกไป แล้วอีกอย่าง ตั้งแต่ที่แกโทรมาแล้วฉันก็ไม่ได้ตีเธออีก ไม่งั้นฉันต้องตีนังตัวดีนี่ให้ตายแน่”
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์พูดแล้วก็จะเงื้อมมือไปตบปาณี แต่กลับได้ยินนภดลพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยมว่า “คุณกล้าแตะต้องเธอดูอีกซิ”
บางทีน้ำเสียงของนภดลอาจจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว หรือบางทีคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ยังมีอย่างอื่นให้ต้องคำนึงถึงอีก เธอจึงลดแขนลงทันที แล้วจ้องมองนภดลและพูดขึ้นว่า “ในเมื่อแกเป็นห่วงเธอ ทางที่ดีก็ทำตามที่ฉันพูด ไม่งั้นละก็……”
“ปาณี คุณนี่โง่หรือไง? ถึงได้ยอมให้เธอตีคุณแบบนี้ได้? ช่วงที่ผ่านมาคุณไปเล่นบนเกาะมาเหรอ?”
พอนภดลเห็นสีหน้าที่ขาวซีดของปาณี ใจก็เจ็บปวดขึ้นมาทันที แต่ว่าน้ำเสียงก็ยังไม่ค่อยดีนัก
ปาณีไม่สามารถที่จะตื่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นแผนการของบุริศร์ เพราะฉะนั้นตอนที่คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ตีเธอนั้น เธอจึงต้องกัดฟันอดทนไว้เพื่อไม่ให้ร้องออกมา แล้วถ้าเอาตามเวลาที่กะไว้ตอนนี้เธอก็น่าจะตื่นได้แล้ว เพราะฉะนั้นถึงได้ยอมปล่อยให้คนพวกนี้พาเธอออกมา
ในวินาทีที่เห็นนภดลนั้น ปาณีก็ถือได้ว่าวางใจได้แล้ว แต่ว่านภดลเจ้าผู้ชายซื่อบื้อคนนี้จะทำให้ปาณีบ้าตายแล้วจริง ๆ
นี่เขากลับตะคอกใส่เธอเลยเหรอ?
ปาณีรู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที ขอบตาก็เริ่มแดงขึ้นมาเล็กน้อย ของเหลวที่อุ่นร้อนก็เต็มไปหมด ยิ่งกระตุ้นโดนนภดลมากขึ้น
“คุณยังมีหน้ามาร้องไห้อีก? แค่คนน่าเกลียดไม่กี่คนนี่ คุณยังรับมือไม่ไหวอีกเหรอ? นี่กลับยังให้ผู้หญิงที่ชั่วช้าขนาดนั้นมาใช่แส้ตีคุณได้อีก คุณไม่รู้เหรอว่ารอยแส้มันรักษาหายยากน่ะ? ถ้าไม่ระวังดี ๆ ก็จะเกิดเป็นแผลเป็นขึ้นมาได้นะ”
คำพูดของนภดลทำให้ปาณีโกรธจนเจ็บหน้าอกไปหมด
“คุณหุบปากไปเลย! ฉันจะเป็นแผลเป็นก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว? ผมลูบไปแล้วมันจะไม่สบายมือนะ!”
พอคำพูดของนภดลพูดออกมา ปาณีก็เกือบจะสำลักตายเลย สีหน้าก็แดงขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัวด้วย และกลับทำให้สีหน้าที่ขาวซีดของเธอสวยขึ้นมาหลายเท่าเลย
“คุณลูบกับผีนะซิ ใครจะให้คุณลูบกัน?”
“ห้ามพูดคำหยาบคายนะ”
ตอนนี้นภดลกับปาณีกำลังเธอพูดคำหนึ่งฉันพูดคำหนึ่งอยู่ โดยไม่ได้สนใจผู้คนที่อยู่รอบข้างเลย จนทำให้คุณนายตระกูลจันทรวงศ์โมโหแทบตายขึ้นมาทันที
“พวกเธอยังจะเอาหน้าอยู่ไหมเนี่ย? คนอยู่กันเยอะแยะขนาดนี้ พวกเธอมาพูดคำพูดลามกอะไรอยู่?”
“คุณหุบปากให้ผมไปเลย!”
นภดลมีไฟโกรธอยู่เต็มอก พอเห็นบาดแผลที่อยู่บนตัวปาณีเขาก็ยิ่งโกรธจนเสียสติไปแล้ว
แรงมือของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์นั้นเขารู้ชัดเจนดี ช่วงหลายปีมานี้สิ่งที่ตัวเองเจอมามากที่สุดก็คือแส้ของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ มาตอนนี้ร่างกายที่บอบบางของปาณีจะมาทนรับไหวได้ยังไง?
ถึงจะบอกว่าเป็นแผน แต่ว่าแผนก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ตัวเองมาบาดเจ็บหรอกมั้ง
ที่สำคัญแส้นั่นยังตีลงบนร่างกายช่วงบนของปาณี ซึ่งใกล้กับหน้าอกซะขนาดนั้น เขาเจ็บปวดใจจนจะตายอยู่แล้วจริง ๆ
พอคุณนายตระกูลจันทรวงศ์เห็นว่านภดลถึงกับกล้าตะคอกใส่ตัวเองแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธจนระเบิดขึ้นมาเลย
“พวกแกเป็นคนตายไปหมดแล้วหรือไง? ยังไม่รีบมาจับตัวคนไว้ให้ฉันอีก”
ผู้คนรอบข้างรีบรุดหน้าเข้ามา ก็เห็นนภดลเอารีโมตออกมาจากกระเป๋า แล้วพูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า “ใครกล้าเข้ามาแตะต้องฉันดูซิ”
วินาทีนี้ ปาณีเองก็เห็นรีโมตและระเบิดที่อยู่บนตัวนภดลแล้ว จึงอดไม่ได้ที่ตาจะเบิกกว้างขึ้นมาทีหนึ่ง
“นภดล นี่คุณจะทำอะไรน่ะ?”
“คุณเองก็หุบปากไปเลย! อย่าให้ผมได้ยินเสียงคุณอีกนะ ยัยผู้หญิงโง่”
คำพูดของนภดลทำให้ปาณีโกรธจนอยากจะกระทืบเขาให้ตายไปเลย
ผู้ชายคนนี้นี่เป็นโสดด้วยความสามารถจริง ๆ
เธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจขึ้นมาหน่อยแล้ว นี่สมองของเธอโดนลาเตะมาหรือยังไง? ทำไมถึงได้ชอบผู้ชายซื่อบื้อแบบนี้ได้
นี่เธอโดนคนจับตัวมานะ!
เขาไม่ควรที่จะต้องปลอบโยนเธอ ให้เธอไม่ต้องเป็นกังวล เขาจะต้องช่วยตัวเธอออกไปเหรอ? นี่ถึงควรจะเป็นการดำเนินพล็อตเรื่องไปตามปกติไม่ใช่เหรอ?