แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1510 ความรัก เจ็บปวดเกินไป
จณัตว์ไข้ขึ้นไม่ลดลงเลย แต่ก็ไม่มีการตอบสนองอย่างอื่น หลังจากที่มิลินอับจนหนทางจึงทำได้เพียงใช้วิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อประคับประคองลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขาอย่างโง่ๆเช่นนี้
แค่พริบตาก็ผ่านไปสามวันแล้ว มิลินเหนื่อยจนแทบจะยืนไม่อยู่ เดิมทีคิดว่าจณัตว์จะเป็นไข้ต่อไป แต่กลับพบว่าไข้ของเขาลดลงอย่างน่าประหลาดใจ
มิลินจึงร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
ครอบครัวผู้ตายเริ่มเคลื่อนย้ายศพแล้ว
มิลินทำตามแผนการเดิมให้จณัตว์นอนอยู่บนรถบรรทุกโลงศพ ไปที่ลานเผาศพพร้อมกับผู้ตาย
หลังจากที่รถบรรทุกศพขับเข้าไป มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ หลังจากสบตากับมิลิน ก็รับตัว จณัตว์มาแล้วเดินต่อไป
มิลินตามลงมาจากรถ ติดตามเจ้าหน้าที่ที่กำลังพาจณัตว์ผ่านเส้นทางด้านในมาถึงอาคารเก็บเถ้ากระดูก
ที่นี่คนไม่เยอะ มีพนักงานแค่สองคน
มิลินใช้ผ้าขาวปกปิดจณัตว์เอาไว้ เข็นเข้าไปในห้องพิเศษด้านข้างห้องหนึ่ง
อุณหภูมิภายในห้องนี้ค่อนข้างต่ำ แต่ถือว่าเหมาะสมกับจณัตว์ คาดว่าต่อให้คนอื่นๆคิดจนหัวแตกก็คงคิดไม่ถึงว่าจณัตว์จะอยู่ที่ลานเผาศพ
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากเจ้าหน้าที่ถอยออกไป มิลินก็เจอเข้ากับบุณพจน์
เธอค่อนข้างตกใจ ถึงกับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่ยังคงถามขึ้นด้วยความสงสัย: “คุณชายบุณพจน์ คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ?”
“บุริศร์โทรมาหาฉัน ให้ฉันดูแลเขา ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปเธอต้องฟังคำสั่งของฉัน ระยะนี้เขาอยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่า ต้องการยาหรืออุปกรณ์อะไรบอกฉันได้เลย เดี๋ยวฉันจะให้คนส่งมาให้ ไม่ว่าจะใช้กำลังคนหรือสิ่งของมากเท่าไหร่ ก็ต้องช่วยเขาให้ได้”
“ค่ะ”
มิลินหวาดกลัวบุณพจน์
ผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เล็กก็อยู่ข้างกายฉัตรพลจนเติบใหญ่ โดนหนอนกู่กัดจนเติบโตขึ้นมา เขาจึงวางพิษกู่ใส่คนอื่นๆได้อย่างง่ายดาย ทำให้คนที่โดนขอตายดีกว่าต้องมีชีวิตอยู่ การมีตัวตนของผู้ชายประเภทนี้น่ากลัวจริงๆ
บุณพจน์ไม่ได้สร้างความกดดันให้เธอมากมาย จากนั้นตนเองก็หมุนตัวเดินออกไป
สุขภาพของพรวลัยดีขึ้นมากแล้ว หลังจากเห็นบุณพจน์ออกมาจึงรีบเข้าไปหา
“คุณทำกับเธออย่างนี้ไม่แย่ไปหน่อยเหรอคะ? ถึงยังไงเธอก็คือยมราชนะ”
“เผื่อเอาไว้น่ะ ทำไมคุณไม่สวมเสื้อคลุมออกมาอีกแล้ว?”
บุณพจน์เห็นร่างบางๆของพรวลัยแล้วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
พรวลัยยิ้มพูดขึ้น: “ฉันไม่หนาว”
“ผมหนาว”
พูดจบบุณพจน์จึงเอาเสื้อคลุมของตนเองคลุมไว้บนร่างของพรวลัยอย่างวางอำนาจ ลมหายใจอุ่นๆทำให้สีหน้าของพรวลัยแดงระเรื่อเล็กน้อย
ตอนนี้เธอมีความสุขมาก การได้อยู่กับบุณพจน์ไปจนกว่าจะตายจากกัน เธอก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
“คุณว่าพวกบุริศร์จะเป็นอะไรไหม?”
พรวลัยค่อนข้างเป็นกังวล
บุณพจน์กำลังมองควันหนาๆที่พวยพุ่งออกมาที่ด้านนอก พูดขึ้นอย่างเรียบเฉย: “คงไม่เป็นอะไรหรอก เขาไม่เคยทำเรื่องที่ไม่มั่นใจ แต่ว่าจณัตว์นี่ทำให้บุริศร์สูญเสียไปมากมายจริงๆ ประสบกับเรื่องนี้ โดนแยกจากกันปีสองปีก็ถือว่าเบาแล้วนะ”
“งั้นทำยังไงล่ะคะ? เวลานานอย่างนี้ ลูกๆของบุริศร์กับนรมนก็จะไม่ได้เจอพ่อแม่จริงๆเหรอ?”
พรวลัยรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
บุณพจน์จับมือของเธอไว้ในมือของตนเองแล้วเป่าลมอุ่นๆออกมา พูดขึ้น: “มีตระกูลทวีทรัพย์ธาดากับตระกูลพรโสภณอยู่ พวกเขาคงไม่นานเกินไปหรอก เพียงแต่ระยะนี้ที่พวกเขาไม่ได้ออกมา คาดว่าตระกูลโตเล็กคงต้องการให้ผมกลับไปสักพัก”
“ฉันจะไปกับคุณด้วย”
พรวลัยพูดอย่างอ่อนโยน ทำให้มุมปากของบุณพจน์อมยิ้มเล็กน้อย
“นี่คุณยังคิดจะวิ่งอีกงั้นเหรอ?”
ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันก็เหมือนกับภาพทิวทัศน์ที่งดงาม
ในที่สุดตอนเช้าของวันที่สามหงส์ก็ไข้ลดลงแล้ว เธอมองราเชนที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกเหมือนเขาซูบไปเยอะเลย
“พี่คะ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“เธอไข้ขึ้นตั้งสามวัน เธอไม่ตื่นขึ้นมาพี่จะกล้าออกไปได้ยังไง”
เสียงของราเชนแหบพร่า
แต่ก่อนหงส์ไม่เคยรู้สึกว่าพี่ชายคนนี้จะอ่อนโยนและน่ารักเช่นนี้ ตอนนี้เพราะเรื่องนี้กลับทำให้ในใจของเธออบอุ่นขึ้นมากเลย บางทีอาจจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ของจณัตว์ หรืออาจจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือด ถึงยังไงตอนนี้เธอก็ต้องการความรักอย่างนี้
“พี่ เหมือนฉันฝันถึงจณัตว์เลย”
ตอนที่หงส์พูดสองพยางค์นี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวด
ราเชนเข้าใจความรู้สึกของเธออยู่แล้ว แต่บางเรื่องเขาพูดไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูหงส์เจ็บปวดเสียใจเท่านั้น
“คนตายไปก็ไม่เหลืออะไรแล้ว เธอต้องเข้าใจและก้าวไปข้างหน้าให้ได้ เธอต้องรู้ไว้นะ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ เขาคงไม่ปรารถนาจะเห็นสภาพตอนนี้ของเธอแน่ๆ”
ฟังราเชนพูด หงส์ก็เบ้าตาแดงขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันเห็นเขาเลือดเต็มตัวกำลังมองฉันอยู่ เหมือนมีคำพูดมากมายแต่กลับไม่พูดออกมา ฉันรู้สึกได้ว่าเขาไม่อยากแยกจากฉันเขายังอาลัยอาวรณ์ฉันอยู่ แต่เขาก็ยังจากไป เดินไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ฉันไล่ตามยังไงก็ตามไม่ทัน แต่ก่อนแค่ฉันร้องไห้ เขาก็จะกลับมาปลอบฉัน แต่ครั้งนี้ฉันร้องไห้อยู่นาน นานมากๆ ฉันล้มจนหัวเข่าถลอกแล้ว เขาก็ไม่อยู่ต่อ พี่คะ ต่อไปมีแค่ในฝันเท่านั้นใช่ไหมที่ฉันจะได้เจอเขา?”
คำพูดของหงส์ทำให้ราเชนแสบจมูก น้ำตาร่วงลงมาเป็นสายอย่างควบคุมไม่ได้
“ญาณิน จริงๆ……”
“คุณอารองครับ หัวหน้าองครักษ์มีธุระต้องการพบอาครับ”
คำพูดของราเชนโดนกานต์ขัดจังหวะอย่างนี้ จึงได้สติขึ้นมาทันที
ไม่นึกว่าเขาเกือบจะพูดความลับออกไปแล้ว
หมดหนทาง หงส์เจ็บปวดเสียใจเกินไป เห็นแล้วเขาปวดใจเหลือเกิน ถ้าไม่ได้กานต์ สงสัยว่าเขาต้องทำพลาดครั้งใหญ่แน่ๆ
ราเชนมองกานต์ ก็เห็นกานต์ยกโจ๊กข้าวฟ่างชามหนึ่งเดินเข้ามา
“คุณน้าครับ ผมให้ในครัวทำมาให้ เย็นลงนิดหน่อยแล้ว กำลังอุ่นๆเลย คุณน้ารีบกินเถอะครับ หมอบอกว่าร่างกายของคุณน้าตอนนี้กินได้แค่อาหารอ่อนๆ รอให้ดีขึ้นแล้ว ผมจะให้ป้าหวานของตระกูลโตเล็กทำซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานมาให้คุณน้ากิน”
ท่าทางเฉลียวฉลาดของกานต์ทำให้หงส์อบอุ่นใจขึ้นมาทันที
“ได้เลย ขอบใจนะกานต์”
หงส์รับโจ๊กข้าวฟ่างมา ค่อยๆกิน
ราเชนเห็นอย่างนี้ถึงได้ลุกขึ้น
“พี่จะไปดูด้านหน้าหน่อย ถ้าเธอยังไม่สบายตรงไหนอีกรีบๆบอกพี่เลยนะ”
“ค่ะ”
หงส์พยักหน้า
สูญเสียจณัตว์ไปเธอทรมานมาก แต่คนตายก็ตายไปแล้ว ส่วนเธอต้องอยู่เพื่อคนที่ยังอยู่ต่อไป
หงส์รู้ว่าใจของตนเองตายไปแล้ว ในวินาทีที่รู้ว่าจณัตว์ตาย ใจของเธอก็ฝังไปพร้อมกับเขาด้วย
ตอนนี้เธอต้องดูแลเด็กๆให้ดีเพื่อนรมนกับบุริศร์ ดูแลตระกูลทวีทรัพย์ธาดา แล้วยังมีพ่อแม่สามีของตนเองอีก
ถ้าพวกเขารู้ว่าจณัตว์ตายไปแล้วจะเสียใจขนาดไหนกันนะ
เรื่องราวมากมายที่กำลังรอเธอไปจัดการ เธอไม่มีเวลาและไม่มีสิทธิ์ป่วยแล้ว
หงส์พยายามกินให้เยอะๆ กานต์ก็อยู่เป็นเพื่อนข้างกายเธอตลอด อยู่อย่างเงียบๆ แต่กลับทำให้หงส์อบอุ่นใจ
เธออดไม่ได้ที่จะคิด ถ้าเธอมีลูกได้ ลูกของเธอกับจณัตว์จะเป็นยังไงนะ
จะเหมือนกานต์ที่เฉลียวฉลาดน่าเอ็นดูอย่างนี้ไหม?
หงส์ปวดใจขึ้นมาเล็กน้อย
“กานต์ หลายวันนี้ที่น้าไม่สบาย เราก็ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่เลยสินะ? ขึ้นมา น้าจะกอดเรานอนสักพัก”
ถ้าเป็นเวลาปกติ กานต์คงปฏิเสธแน่ๆ
เขาเป็นเด็กโตอายุห้าขวบแล้วนะ จะนอนกับผู้หญิงได้ยังไง? แต่ว่าคุณลุงไม่อยู่แล้ว คุณน้าเสียใจขนาดนี้ แด๊ดดี้กับหม่ามี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง ในฐานะที่เขาเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ ตอนนี้การปลอบใจคุณน้าก็ควรทำใช่ไหม?
คิดอย่างนี้ กานต์จึงถอดรองเท้าขึ้นไปบนเตียง นอนอยู่ในอ้อมกอดของหงส์อย่างว่าง่าย
เจ้าก้อนเล็กๆอบอุ่นๆ กอดอยู่ในอ้อมกอดทำให้เติมพลังได้ทั่วทั้งร่างกาย
หงส์คิดๆแล้วคงเป็นความรักจากแม่สินะ เสียดายที่ชีวิตนี้เธอจนปัญญาที่จะได้สัมผัสถึง
ดังนั้นเธอจึงยิ่งชอบกานต์มากขึ้น
เนื่องจากไม่สบายด้วย หงส์กอดกานต์ไม่นานก็หลับไป กานต์มองๆไปที่ด้านนอก เวลานี้ตนเองทำอะไรไม่ได้เลย ช่างเถอะ นอนดีกว่า ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องนอนให้อิ่มถึงจะมีแรง
ครั้งนี้หงส์ไม่ฝัน หลับค่อนข้างสนิท
สองวันผ่านไป สุขภาพของหงส์ดีขึ้นมากแล้ว เธอจึงตัดสินใจกลับประเทศ
แม้ราเชนจะอาลัยอาวรณ์ แต่ก็รู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจของหงส์ อีกอย่างถึงหงส์จะอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์จริงๆ
“ไปเมืองชลธีแล้ว ต้องการอะไรก็โทรหาพี่ได้ทุกเมื่อนะ ถ้าคนดูแลที่ด้านนั้นทำให้เธอลำบาก ก็ต้องบอกพี่ ถึงตอนนี้ประเทศของพวกเรามีเรื่องมากมายที่ต้องทำ แต่ถ้าน้องสาวของพี่โดนรังแก พี่คงไม่อยู่เฉยแน่ๆ”
ที่ราเชนไม่ได้พูดก็คือ ถ้าเขาไม่ปกป้องหงส์ให้ดี วันหน้ารอให้จณัตว์กลับมา คาดว่าคงฆ่าเขาตายแน่เลย
หงส์ซึ้งใจมาก
หลายปีที่ผ่านมานี้ คิดไม่ถึงว่าในที่สุดตนเองก็จะได้รับความรักจากครอบครัวแล้ว แต่มันดันเกิดขึ้นหลังจากที่สูญเสียจณัตว์ไป
“รู้แล้วค่ะพี่ ฉันไปแล้วไม่มีคนคอยช่วยพี่แล้ว พี่ต้องสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าอัครมหาเสนาบดีมากๆหน่อยนะ ถ้าไม่ไหวจริงๆให้น้องหกออกหน้าก็ได้ เห็นแก่ตระกูลแหลมวิไล น้องหกต้องช่วยพี่อยู่แล้ว”
คำพูดของหงส์ทำให้ราเชนพยักหน้า
“พี่รู้แล้ว เรื่องทางพี่นี่ไม่มีปัญหาหรอก กลับเป็นเธอซะอีก อยู่คนเดียวที่นั่น ถ้าเจอเรื่องอะไรต้องจัดการอย่างใจเย็นนะ ตอนนี้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาคงจะวุ่นวายมาก พ่อแม่สามีของเธอคงจะอารมณ์ไม่มั่นคงเท่าไหร่ เธอดูแลพวกเขาให้ดีนะ”
“อื้ม”
ทั้งสองคนคุยกันไม่กี่ประโยค หงส์ก็พากานต์ขึ้นเครื่องบิน
สนามนี้ใช้การเคลื่อนไหวของนภดลเป็นเหยื่อล่อเพื่อสร้างความชะงักงันอย่างเป็นทางการ ตามด้วยการเสียชีวิตของจณัตว์ การหายตัวไปของนภดล คนพวกนั้นที่อยู่ข้างหลังก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
ชินทรกับคิมพวกเขายังคิดจะตามหาข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวกับนิวัฒน์ต่อไป แต่เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ไม่เจอเบาะแสอะไรเลย
เบื้องบนตัดสินใจให้ชินทรกับคิมอยู่ที่ป่าดำเพื่อศึกษาวิจัยสัตว์ที่เปลี่ยนไปพวกนั้นต่อไป ส่วนหงส์หลังจากพากานต์กลับประเทศไป ก็โดนธรณีรับกลับมาที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา
“อาธรณีคะ”
แค่เอ่ยปากหงส์ก็สะอึกสะอื้นแล้ว
ดวงตาของธรณีก็แดง พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วพูดขึ้น: “เธอลำบากแล้ว ไม่ว่าจณัตว์จะอยู่หรือไม่อยู่ เธอก็เป็นคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเสมอนะ ถ้าวันไหนที่เธอมีคนรักใหม่อีกครั้ง ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็จะเป็นครอบครัวฝั่งผู้หญิงของเธอ”
หงส์ร้องไห้ออกมาทันที
“อาธรณี ชีวิตนี้ฉันคงไม่รักใครอีกแล้วค่ะ ความรัก เจ็บปวดเกินไป”
ธรณีมองหงส์อย่างปวดใจ โบกๆมือแล้วพาเธอขึ้นรถ กานต์ก็ขึ้นมาด้วย
ระหว่างที่รถขับไปที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา จู่ๆกานต์ก็ถามขึ้น: “คุณปู่เล็กครับ น้องสาวกับน้องชายของผมกลับมาหรือยังครับ?”
ธรณีชะงักเล็กน้อย
ช่วงนี้เรื่องเยอะมาก โดยเฉพาะหลังจากที่ข่าวร้ายของจณัตว์แพร่เข้ามา เขาเองก็แทบใจสลาย ไม่ได้สนใจเด็กสองคนของตระกูลโตเล็กจริงๆว่ากลับมาหรือยัง
ตอนนี้ได้ยินกานต์ถามอย่างนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น: “นี่พวกเขาไม่อยู่บ้านหรอกเหรอ?”
ดวงตาของกานต์ขรึมลงเล็กน้อย พูดขึ้น: “คุณปู่เล็ก ส่งผมกลับบ้านเถอะครับ ผมอยากกลับบ้าน”