แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1524 ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะมีอำนาจตัดสินใจ
วิสุทธิ์ชะงักไปนิด และมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าทุกคนเล่นกับลูกสองคนของบุริศร์และลูกชายของนาวินอยู่อย่างสนุกสนาม เขาก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ ก่อนจะพูดว่า “คุณชายธเนศพลของผม นี่บ้านตระกูลโตเล็กนะครับ ระวังคำพูดหน่อยจะได้ไหม?”
“กลัวอะไรเล่า? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันให้ความช่วยเหลือบุริศร์ ไอ้เรื่องข่าวสารของจณัตว์ที่เขาต้องการฝัง มันจะราบรื่นได้ขนาดนี้ไหม?”
ไม่มีอะไรที่ธเนศพลกลัว
บ้านตระกูลโตเล็กแล้วยังไง?
เขากลับรู้สึกว่าที่นี่ผ่อนคลายสบายใจมาก อย่างน้อยก็ไม่มีกล้องคอยสอดแนมในห้องนอน โทรศัพท์ของตัวเองก็ไม่ได้ติดตั้งระบบดักฟัง และยิ่งไม่ต้องกังวลเลยว่าจะมีปัญหาด้านอาหารไหม ที่ว่ากินวันนี้พรุ่งนี้จะไม่ได้ตื่นมาอีกแล้ว
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาใช้ชีวิตอย่างสบายใจ
เมื่อมองดูรอยยิ้มที่มีความสุขของนรมนและบุริศร์ ใจของธเนศพลก็เจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ได้
“นายว่าถ้าเวลานั้นฉันไม่เลือกที่จะกลับบ้าน ตอนนี้ฉันกับเธอจะมีลูกน้อยเล่นกันเต็มพื้นไปแล้วหรือเปล่า?”
วิสุทธิ์รู้ว่าธเนศพลนึกถึงใครขึ้นมา ในช่วงปีเหล่านั้นชื่อของผู้หญิงคนนี้เป็นสิ่งต้องห้าม ไม่มีใครกล้าเอ่ยออกมา ไม่คิดเลยว่าธเนศพลจะเป็นคนพูดออกมาเอง
“ธเนศพล บางเรื่องมีได้ก็ย่อมมีเสีย ไม่มีหรอกที่จะดีได้ทั้งสองอย่าง”
วิสุทธิ์สลดใจแทนเขา
แต่ธเนศพลกลับพูดเสียงต่ำว่า “แต่นายดูบุริศร์ ป้อง คริชณะสิ หรือแม้กระทั่งอรรณพต่างก็โอบอุ้มดรุณีงาม หรืออย่างจณัตว์ก็แต่งงานแล้ว แต่ฉันกลับอยู่คนเดียว ช่างน่าเศร้าใจนัก”
วิสุทธิ์ตบบ่าธเนศพล “เดิมทีคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งก็เป็นเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นคุณก็ทำไปเพื่อปกป้องความปลอดภัยของเธอด้วย ฐานะของคุณถูกตัดสินไว้ล่วงหน้าแล้วว่าไม่มีทางได้ลงเอยกับเธอ ถ้าหากไม่ทำร้ายจิตใจเธอ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตรายต่อเธอถึงแก่ชีวิตได้ ผมได้ยินมาว่าคุณท่านเร่งรัดให้คุณแต่งงานนี่?”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ธเนศพลก็ยิ้มเยาะ เขาดื่มเบียร์ในมือจนหมด ในปากพลันขมฝาดขึ้นมา
“ยังไงก็คงไม้พ้นแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะมีอำนาจตัดสินใจหรอก”
“คิดดีแล้วไหมครับ? การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตนะครับ อยู่กับคนที่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบก็จะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต”
เมื่อได้ยินคำพูดของวิสุทธิ์เมื่อมองไปยังสีหน้าท่าทางที่มีความสุขของบุริศร์และนรมนแล้ว ธเนศพลก็สองจิตสองใจขึ้นมาทันที
สมองของเขาปรากฏภาพใบหน้าสวยงามที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา เขาอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดอย่างมาก
“ส่งข่าวไปให้จณัตว์ ถ้าเขายังไม่ตายให้ตอบฉันมา”
พูดจบธเนศพลก็เดินตรงเข้าไปในห้อง
วิสุทธิ์รู้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี ในตอนนี้ก็คงต้องการอยู่คนเดียวเพื่อเลียแผลใจ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ก่อนจะรีบส่งข่าวหาจณัตว์
เมื่อทำทุกอย่างหมดสิ้นแล้ววิสุทธิ์ก็ลงมาข้างล่าง เขาอดไม่ได้ที่จะแย้มริมฝีปากขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่มีความสุขของบุริศร์
บรรยากาศครอบครัวเช่นนี้ทำให้ผู้คนไม่อยากที่จะจากไป
“คุณนายบุริศร์ครับ ช่วงนี้ร่างกายของคุณค่อนข้างฟื้นตัวได้ดีทีเดียวครับ”
วิสุทธิ์เดินตรงเข้าไป
เมื่อวิสุทธิ์มาถึง กิจจาก็ดีใจอย่างมาก
“คุณอาวิสุทธิ์ มานั่งนี่สิครับ”
ความกระตือรือร้นของกิจจาทำให้นรมนนึกขำ เธอมองไปยังมิลิน เมื่อเห็นว่ามิลินไม่มีความไม่พอใจ เธอยิ้มและพูดว่า “กิจจา คุณครูของลูกยังอยู่นะ ยังจะไปประจบคนอื่นอีก ไม่กลัวคุณครูเสียใจเหรอลูก?”
วิสุทธิ์มองมิลิน ก่อนจะพูดพลางขัน “พี่สะใภ้ครับ สิ่งที่คุณพูดไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ขอบเขตด้านความรู้ของมิลินกับผมต่างกัน นอกจากนี้ ผมไม่ได้คิดจะแย่งลูกศิษย์ของเธอไปด้วย ผมกับกิจจาแค่สอบถามกันแค่นั้นเอง”
มิลินมีความสุขมากที่กิจจาและวิสุทธิ์ติดต่อกัน เธอรีบเปิดปากพูดว่า “ไม่เป็นไรเลยค่ะ แค่ดีกับกิจจาก็โอเคแล้ว”
“คุณครูยอดเยี่ยมที่สุดเลย”
กิจจารีบแลบลิ้น ทำท่าทางซนของเด็กเล็กน้อย
บุริศร์เห็นว่าวิสุทธิ์พูดถึงร่างกายของนรมนแล้ว จึงอดที่จะพูดออกมาไม่ได้ว่า “ช่วงนี้สีหน้าของภรรยาฉันไม่เลวเลย คราวหลังนายกับมิลินให้เธอลองดู ว่าทำอย่างไรถึงจะเสริมสร้างภูมิคุ้มกันสักหน่อย”
“นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย”
มิลินพยักหน้า
ลูกของนาวินชื่อว่าชนัต หน้าตาสะอาดหมดจด บนกายมีเงาของธิดาวีร์พาดผ่าน แต่โดยรวมยังคงเหมือนนาวินมากกว่านิดหน่อย
นรมนรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียแม่ของชนัตตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก และรู้สึกสงสารเขาเล็กน้อย นอกจากนี้ในบ้านก็ยังมีเด็กน้อยหลายคน เลยให้นาวินอยู่ต่อไปเพื่อช่วยจัดการบริษัท อย่าจากไปไหน
เริ่มแรกนาวินยังไม่รับปาก แต่หลังจากที่บุริศร์คุยกับเขาแล้วนาวินก็ตอบรับ นรมนไม่รู้ว่าบุริศร์ไปพูดอีท่าไหน
ชีวิตความเป็นอยู่อย่างนี้ทำให้นรมนมีความสุขมาก
ลูกชายตัวน้อยทั้งสองคนยังไม่ได้ตั้งชื่อ นรมนให้บุริศร์คิดชื่อมา บุริศร์ถามชินทร แต่ชินทรกลับบอกว่าให้บุริศร์และนรมนตัดสินใจกันเอาเอง
บุริศร์บอกนรมนว่าเขาต้องการให้ลูกชายทั้งสองคนใช้นามสกุลของคุณท่านตนุวร นรมนอึ้งไปเลยทันที
“ใช้นามสกุลของคุณตา? ทำไมกันคะ?”
นรมนคิดไม่ออก
ถ้าบุริศร์อยากให้ลูกชายใช้นามสกุลเธอก็ยังพอเข้าใจได้ แต่นี่ทำไมถึงใช้นามสกุลของคุณตาล่ะ?
ท่าทางสงสัยของนรมน ทำให้บุริศร์ยิ้มพลางพูดต่อ “ตระกูลโตเล็กของเรามีลูกชายสองคนแล้ว และตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็มีจณัตว์ที่จะสืบสายเลือดต่อไป แย่ที่สุดก็ยังมีอาธรรศและอาธรณี แต่ว่าคุณตามีเพียงลูกสาวสองคน ผมรู้สึกอยู่เสมอว่าคุณท่านนั้นเหงาเกินไป ยังไงเขาก็เป็นลูกของเรา จะใช้นามสกุลของใครก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาเป็นลูกของเราไม่ได้ อย่างนั้นแล้วทำไมไม่ทำให้คุณท่านเขาดีใจหน่อยล่ะ?”
ดวงตาของนรมนเห่อร้อนทันที
คนในตระกูลโตเล็กมีน้อยนิด แต่นรมนไม่คิดว่าบุริศร์จะนึกถึงความเหงาของคุณท่านตนุวรด้วย ดูท่าเขาคงจะถือว่าคุณท่านตนุวรเป็นญาติของตัวเองไปจริงๆแล้ว
“เอาตามคุณว่าแล้วกันค่ะ”
นรมนซบอยู่ในอกแกร่งของบุริศร์ และร้องให้ด้วยความยินดี
บุริศร์ลูบหลังของนรมนพลางพูดเสียงต่ำ “โตขนาดนี้แล้วยังร้องให้อีก ไม่กลัวพวกเด็กๆขำเหรอ เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะเข้าโรงเรียนประถมแล้วคุณยังเป็นอย่างนี้อีกจะขายหน้าเอานา”
“ฉันก็เป็นแบบนี้ต่อหน้าคุณไงคะ”
นรมนกระดากอายเล็กน้อย
บุริศร์แย้มมุมปากเบาๆ ก่อนจะพูด “ลูกชายเราเป็นฝาแฝด พวกเขาคือกิเลนมงคลของครอบครัวเรา ถ้าอย่างนั้นคนโตชื่อว่าภาคิน ส่วนคนเล็กให้ชื่อว่าภาณสองคนรวมกันกิเลนมงคล ชีวิตสะดวกสบาย ไม่ว่ายังไงก็มีพี่ชายสองคน และพี่สาวหนึ่งคนคอยดูแล ชาตินี้แม้ไม่มีอะไร อนาคตก็สบายไปจนแก่เฒ่า”
เมื่อได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ นรมนก็เห็นด้วย
เมื่อคุณท่านตนุวรได้ยินว่าเจ้าสองแฝดจะใช้นามสกุลเดียวกันก็ตื่นเต้นมาก เขาเกือบหัวใจจะวาย เกือบจะทำให้นรมนและบุริศร์ตกใจอย่างมาก
“คุณตาคะ ถ้าเป็นอย่างนี้อีก พวกเราจะคิดกันใหม่อีกรอบนะคะ”
คำพูดของนรมนทำให้คุณท่านตนุวรฮึกเหิมขึ้นมา
“ไม่ได้! ก็พูดแล้วนี่ว่าจะใช้นามสกุลตาก็ต้องเป็นคนของตระกูลตระกูลพรโสภณ ใครมาเปลี่ยนนะเดือดร้อนแน่”
สีหน้าวิตกกังวลของคุณท่านตนุวรทำให้ทั้งครอบครัวขบขัน
เพราะว่าติดต่อเจตต์ไม่ได้ ดังนั้นเรื่องเกี่ยวกับคุณยายของนรมนเลยหยุดไปต่อไม่ได้ ทุกคนมีความเข้าใจโดยปริยายและไม่มีใครพูดถึง ชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่น
กระพริบตาก็ล่วงเลยไปเดือนกว่าๆแล้ว นรมนก็ได้ฟื้นฟูตัวเองหลังจากการคลอดแล้ว ภายใต้การดูแลของวิสุทธิ์และมิลิน ร่างกายเธอฟื้นฟูดีมาก กระทั่งสีหน้าก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก
คมทิพย์และพฤกษ์ไม่สามารถกลับมาได้เนื่องจากพวกเขากำลังถ่ายทำหนังอยู่ที่ต่างประเทศ พวกเขาส่งวิดีโอให้ดู และยังส่งซองแดงขนาดใหญ่มาให้ด้วย ซึ่งทำให้นรมนมีความสุขมาก
ทันใดนั้นเธอก็จำได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคมทิพย์และนภดลเป็นความสัมพันธ์แบบลูกพี่ลูกน้อง แต่ในเวลานี้ไม่ทราบที่อยู่ของนภดล เธอไม่สามารถบอกคมทิพย์ได้ ค่อยว่ากันทีหลังก็แล้วกัน
ธเนศพลอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลโตเล็กมาได้เดือนกว่าแล้ว ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับเด็กๆ จะยังไม่ดีขึ้นมากนัก แต่ก็ยังดีที่ไม่ถูกหมายหัว นับเป็นพัฒนาการที่ดี และเขาก็ดูเหมือนกับเด็กอย่างยิ่ง ที่หมกตัวเล่นเกมอยู่แต่ในห้องทุกวัน หรือบางทีก็เล่นเกมตีป้อมจัดอันดับกับพวกเด็กๆ กลับกันเกมนี้สามารถเล่นด้วยกันกับพวกเขาได้
บางทีเพราะว่ามีธเนศพลอยู่ ครอบครัวโตเล็กเลยสงบสุขมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว และนรมนก็หวงแหนความสงบสุขนี้มาก
เธอถามบุริศร์ว่า “ธเนศพลจะไปตอนไหนเหรอคะ?”
“ไม่รู้สิ”
บุริศร์ไม่ได้ถาม เรื่องนี้ธเนศพลเป็นคนตัดสินใจ แต่ในที่สุดธเนศพล ก็ได้รับการตอบกลับจากจณัตว์ หลังจากผ่านไปมากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว
“ยังไม่ตาย สบายใจได้”
คำสั้นๆที่ทำให้ธเนศพลอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ระหว่างคิ้วของเขาดูผ่อนคลายลง
ในเวลาเดียวกัน กานต์ก็สกัดจับช่วงคลื่นสัญญาณนี้ได้ หลังจากแปลออกมาแล้วเขาก็ขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับบุริศร์
นรมนก็อยู่ด้วยกันพอดี เมื่อได้ยินรายงานของกานต์แล้ว ทั้งสองก็ตลึงตาค้างไปทันที
“หมายความว่าอะไร? พี่ชายของฉันติดต่อกับธเนศพลมาโดยตลอด?”
นรมนไม่คิดว่าผลมันจะเป็นอย่างนี้
พวกเขาปกปิดความจริงที่ว่าจณัตว์ยังมีชีวิตอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน
ไม่คิดว่าเลยว่าจณัตว์จะติดต่อกับธเนศพลโดยตรง
พวกเขาไปติดต่อกันตอนไหน?
จณัตว์วางแผนที่จะติดตามธเนศพล? หรือธเนศพลมีความคิดที่แตกต่างกันเกี่ยวกับตระกูลโตเล็กและจณัตว์ตั้งแต่แรก?
ชั่วขณะหนึ่งความรู้สึกนึกคิดในใจของนรมนมันมีร้อยแปดพันเก้า
บุริศร์ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยเสียงต่ำ “ผมว่าแล้วว่าทำไมถึงราบรื่นนัก คิดมาโดยตลอดว่าพวกเราทำดีมาก ตอนนี้คิดๆดูแล้วคนของเบื้องบนก็คงเป็นคนที่เจนโลกกันเสียทั้งหมด ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้ทำพลาดอะไร แต่เราก็ยังทำเบาะแสอะไรสักอย่างตกหล่นอยู่ดี ตอนนี้ดูเหมือนว่าธเนศพลจะคอยจัดการให้อยู่ข้างหลังอย่างดี มีเพียงตำแหน่งของเขาเท่านั้นที่สามารถทำให้ทุกอย่างเป็นความลับแบบสุดๆได้”
“แล้วยังไง? แล้วสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง? ธเนศพลคนนี้จะทำอะไร?”
นรมนกังวลใจตรงนี้
เดิมทีเธอคิดว่าเรื่องทุกอย่างมันจบไปแล้ว แต่เธอไม่คิดเลยว่าคนที่พวกเธอต้องการปกป้องมากที่สุดจะติดต่อกับธเนศพล
สามารถติดต่อกับธเนศพลได้แต่ไม่ติดต่อกับครอบครัว แสดงว่าตำแหน่งของจณัตว์คงมั่นคงมาก ดังนั้นแต่เดิมเขาคือคนของธเนศพล?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นรมนก็ปวดหัว
บุริศร์รู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาปลอบนรมนก่อนพูดว่า “คุณอย่าเพิ่งคิดมากไปก่อนเลย ผมจะไปคุยกับธเนศพล หากเขามีความคิดอะไรต่อจณัตว์จริงๆ พวกเราค่อยคิดหาวิธีอื่น”
ถึงแม้นรมนจะพยักหน้า แต่ในใจอย่างไรก็ไม่รู้สึกปลอดภัย
กานต์ถูกบุริศร์นำตัวออกไป ในห้องเหลือเพียงแค่นรมนคนเดียว ยิ่งเธอคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกไม่กระวนกระวายใจ เธอต้องการหาคนคุยโทรศัพท์ ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรมาเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย นรมนจึงกดปฏิเสธไปโดยไม่รู้ตัว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ลดละและโทรมาอีกรอบ
นรมนอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดี เมื่ออีกฝ่ายโทรมาหาเป็นรอบที่ห้า เธอจึงรับสายก่อนพูดอย่างหงุดหงิด “ใครคะ? จะซื้อบ้าน ทำประกัน หรือซื้ออะไรก็ตาม ฉันไม่สน!”
“นรมน ฉันเอง!”
เสียงที่คุ้นเคยลอยเข้าสู่โสตประสาท ทำให้ทั้งร่างของนรมนนิ่งงันไปทันที