แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1550 ผมสามารถปฏิเสธได้ไหม
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากจะซื้อของกินให้หม่ามี้สักหน่อย ถ้าช่วงนี้หม่ามี้ยังไม่ไปไหน งั้นผมก็จะส่งไปให้ที่นั่นนะครับ”
คำพูดของกานต์ทำให้นรมนรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาไม่หยุด
“โอ้โห ลูกชายของฉันจะซื้อของให้ฉันกินแล้วเหรอ? หม่ามี้ซาบซึ้งมากจริง ๆ เลย”
บุริศร์กลับมาถึงพอดี พอได้ยินนรมนพูดแบบนี้ก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อยเลย
สังคมสมัยนี้ไม่เพียงแต่ต้องระวังผู้ชายข้างนอก หรือว่ายังต้องคอยระวังเจ้าลูกชายที่ตัวเองทำให้เกิดมาอีกเหรอ?
“แกไม่ต้องซื้อหรอก เงินที่แกเอามาซื้อก็เป็นเงินที่ฉันให้ไม่ใช่เหรอ? หม่ามี้ของแกมีฉันอยู่ ถ้าอยากจะกินอะไรฉันจะซื้อให้เธอไม่ได้เหรอ?”
พอคำพูดแบบนี้ของบุริศร์พูดออกมา นรมนก็ไม่ชอบฟังขึ้นมาทันทีเลย
“คุณอย่ามาโจมตีลูกชายของฉันนะ”
“ที่ผมพูดเป็นความจริง คุณเป็นเมียผม ถ้าอยากจะกินอะไรผมซื้อให้คุณไม่ได้เหรอ? ยังต้องให้เขามาซื้อเหรอ?”
น้ำเสียงที่หึงหวงสุด ๆ แบบนี้ของบุริศร์ทำให้นรมนรู้สึกอยากจะกระทืบเท้าเลย
กานต์เองยิ่งหดหู่
ดูซิ นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ซื้อของกินอร่อยให้หม่ามี้นะ แต่เป็นเพราะว่ามีแด๊ดดี้ที่ชอบหึงหวงแบบนี้ไง เขาเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายมากจริง ๆ
“เงินที่ผมใช้เป็นเงินของผม เงินของตัวผมเอง”
กานต์อดไม่ได้จึงต้องแสดงตัวสักหน่อย
“แกเจ้าเด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่งจะไปมีเงินได้ยังไงกัน?”
บุริศร์ไม่เชื่อหรอก และที่สำคัญตอนนี้จำเป็นที่จะต้องข่มความอยากซื้อของลูกชายลงด้วย ไม่งั้น ต่อไปถ้าเขามาซื้อให้ภรรยามากเกินไป ตำแหน่งของตัวเองที่อยู่ในใจภรรยานั้นก็ยังจะเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดอีกเหรอ?
กานต์พูดขึ้นอย่างโกรธจัดว่า “ตอนนี้ผมมีเงินเดือนแล้วนะครับ คุณอาธเนศพลทำให้ผมได้เข้าสู่สถานภาพการเป็นทหารแล้ว ตอนนี้ผมมีเงินเดือนแล้ว”
“เฮ้ย ทำไมเรื่องนี้ฉันถึงไม่รู้เรื่องล่ะ?”
บุริศร์รู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อย
“เรื่องที่คุณไม่รู้ยังมีอีกเยอะครับ”
กานต์ขี้เกียจที่จะพูดกับผู้ชายคนนี้แล้ว แล้วก็พูดกับนรมนโดยตรงเลยว่า “หม่ามี้ เดี๋ยวหม่ามี้อย่าลืมรับพัสดุนะครับ”
“ได้จ้ะ”
ใจดวงนี้ของนรมน รู้สึกอบอุ่นอย่างมาก ว่ากันว่าเด็กผู้หญิงเปรียบเสมือนเป็นเสื้อกันหนาวของแม่ แต่ลูกชายคนนี้ของเธอนั้นเป็นเสื้อขนมิ้งเลยนะ และอบอุ่นเป็นอย่างมาก
พอเห็นว่ากานต์วางสายไปแล้วแต่นรมนยังถือโทรศัพท์ด้วยท่าทางที่ใบหน้าเต็มไปด้วยซาบซึ้งอยู่ บุริศร์ก็รู้สึกว่าตัวเองลำบากมากเลยจริง ๆ
แค่เด็กตัวเหม็นคนหนึ่งก็เป็นอย่างนี้แล้ว ต่อไปเจ้าเด็กตัวเหม็นสี่คนมาเอาใจหม่ามี้ของพวกเขาพร้อมกัน แล้วเขาจะยังมีพื้นที่เหลือให้ซะที่ไหน?
ทำไมถึงได้คลอดเจ้าเด็กตัวเหม็นสี่คนออกมาได้นะ?
“โทรศัพท์ก็วางไปแล้ว ก็แค่ซื้อของกินอร่อยให้คุณหน่อยไม่ใช่เหรอ? ผมซื้อให้คุณน้อยไปเหรอ? ไม่เห็นว่าคุณจะทำดีกับผมแบบนี้บ้างเลย”
ความหึงหวงของบุริศร์นี่ช่างเหลือเกินจริง ๆ
นรมนรู้สึกอยากจะหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย
“นั่นมันเหมือนกันที่ไหน? นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกชายซื้อของให้ฉันอย่างจริงจัง คุณจะมาหึงทำไม? โตเป็นผู้ใหญ่หน่อยได้หรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้”
ตอนนี้บุริศร์ไม่สนใจภาพพจน์อะไรแล้ว การแย่งเป็นที่รักถึงจะสำคัญที่สุด
อยู่ ๆ นรมนก็รู้สึกว่าบุริศร์ที่เป็นแบบนี้น่ารักที่สุดเลย
หลังจากที่กานต์วางสายไปแล้วก็ได้สั่งของทางออนไลน์เลย และได้ซื้อมะม่วงให้นรมนไปกล่องหนึ่ง
หม่ามี้ชอบกินมาก พวกเขาทั้งหมดต่างก็แพ้มะม่วง ก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องที่จะมีใครมาขโมยกินเลย
เป็นแบบนี้ก็ยิ่งดี
หลังจากที่กานต์ซื้อเสร็จแล้วมุมปากก็คลี่ยิ้มขึ้นเล็กน้อย
ชมพูจ้องมองการกระทำของกานต์มาตลอด จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย
“นายกับแด๊ดดี้ของนายนี่มีความสัมพันธ์ดีกันจริง ๆ”
“อืม”
ถึงแม้ว่ากานต์กับบุริศร์จะชอบพูดแขวะกันบ่อย ๆ แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธว่าตัวเองกับคุณบุริศร์นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก
ดวงตาของชมพูหรี่ต่ำลงเล็กน้อย
“นี่คือความรู้สึกของพ่อแท้ ๆ เหรอ?”
กานต์อึ้งไปเล็กน้อย
“วิธีการอยู่ด้วยกันของทุกคนมันไม่เหมือนกัน บางทีคุณอาธเนศพลอาจจะรักและเอาใจใส่เธอมากก็ได้ อย่าคิดมากเลย พวกเราไปที่รถแล้วเล่นเกมอีกสักหน่อยดีกว่า”
“ได้”
ชมพูตามกานต์ไปที่รถแล้ว ธเนศพลเองก็เดินออกมาแล้ว
ตอนที่วิสุทธิ์เห็นธเนศพลออกมาก็รีบเดินเข้าไปหา
“จะเอายังไงต่อครับ? ตอนนี้น้ำยังกลับเมืองหลวงไปกับคุณไม่ได้นะ เรื่องงานแต่งที่พระราชาจัดแจงไว้ให้คุณก็จะประกาศออกมาในไม่กี่วันนี้แล้ว ทั้งสองตระกูลได้ตกลงกันไว้แล้ว ถ้าจู่ ๆ เธอกลับไปละก็……”
“ความหมายของนายคือให้ฉันไม่ต้องสนใจพวกเขาแม่ลูกเหรอ?”
ใจของธเนศพลอดกลั้นจนว้าวุ่น พอตอนนี้มาได้ยินวิสุทธิ์พูดแบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะมีท่าทีเยือกเย็นลงหลายส่วน
วิสุทธิ์เองก็รู้ว่าในเวลาแบบนี้จะไม่สนน้ำก็ไม่ได้ แต่พอนึกถึงสถานะของธเนศพลในตอนนี้ เขาก็ต้องพูดขึ้นว่า “คุณเองไม่คิดถึงสถานะของคุณในตอนนี้บ้างเหรอ? ยังไงตอนนี้น้ำก็ยังเป็นภรรยาของเบิร์ดอยู่ ไม่ว่าคุณจะยินดีหรือไม่ ถ้าเกิดคุณทำเกินเลยไป แล้วถ้าเบื้องล่างเกิดร้องเรียนขึ้นมา ว่าคุณใช้อำนาจข่มเหงแย่งเมียคนอื่น เส้นทางนี้ก็จะไม่สามารถคว้าไว้ได้แล้วนะครับ”
“ทำไมจะต้องคว้าด้วย? ฉันมีสถานะอะไร?”
อารมณ์ที่อดกลั้นไว้ของธเนศพลระเบิดออกมาทันที
“เมื่อก่อนเป็นเพราะว่าสถานะของฉัน ฉันถึงต้องผลักเธอออกไป เพื่อที่จะปกป้องเธอ ฉันต้องทนดูเธอแต่งงานกับคนอื่นไปเฉย ๆ แต่ปรากฏว่าเธอมีชีวิตยังไงบ้างล่ะ? แล้วตัวฉันเองล่ะเป็นยังไงบ้าง? หลายปีมานี้ทุกครั้งที่นอนหลับฝันในตอนกลางคืนนั้น สิ่งที่ฉันคิดถึงมีแต่เรื่องราวในอดีตของเราทั้งนั้น มาวันนี้นายก็มาบอกว่าสถานะในปัจจุบันกับฉันอีก ชาตินี้จะมีเวลาแปดอีกกี่ครั้ง? นายเห็นลูกสาวของฉันไหม? นายดูความแตกต่างระหว่างแกกับกานต์ดูซิ!”
วิสุทธิ์รู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย เขาเข้าใจความในใจของธเนศพลในตอนนี้ดี
“ธเนศพล ผมก็แค่พูดไปเฉย ๆ เท่านั้น ถ้าคุณอยากจะทำอะไรจริง ๆ ผมก็จะต้องตามคุณไปด้วยแน่”
อารมณ์ของธเนศพลได้ผ่านการระบายไปรอบหนึ่ง ยังไงก็ผ่อนคลายลงไปหลายส่วนแล้ว
“ฉันต้องการให้เบิร์ดตาย!”
ดวงตาของธเนศพลเปล่งประกายแสงเย็นยะเยือกออกมา
กล้าแตะต้องผู้หญิงของเขา กล้าทรมานลูกสาวของเขา จะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่หนักหน่วงแน่ เมื่อก่อนเขาไม่รู้ก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้รู้เรื่องแล้ว จะต้องไม่มีทางให้อภัยอีกแน่
“แต่ว่า……”
วิสุทธิ์อยากจะพูดว่า ตอนนี้มีคนจ้องเขาอยู่มากขนาดนี้ การกระทำทุกอย่างของเขาจะต้องโดนจับตามองอยู่ ถ้าเกิดตอนนี้ทำให้เบิร์ดตายไป ผลที่ตามมาไม่ค่อยดีแน่ แต่เขาก็รู้จักนิสัยของธเนศพลดี ถ้าไม่ทำให้เบิร์ดตายในใจของเขาจะต้องไม่สบายใจแน่
ธเนศพลรู้ว่าวิสุทธิ์อยากจะพูดอะไร แล้วก็หายใจออกยาว ๆ ทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวฉันจะโทรหาเจ้าบุริศร์สายหนึ่ง เรื่องนี้จะต้องให้เขาเป็นคนมาจัดการ”
อยู่ ๆ วิสุทธิ์ก็หัวเราะขึ้นมาเลย
ตอนนี้บุริศร์ไม่มีเรื่องอะไรตัวเบาสบายอยู่ แน่นอนว่าจะต้องไม่มีใครมาจ้องเขาอยู่แล้ว และอีกอย่างเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้เขายังบริจาคเงินเยอะขนาดนั้นและศูนย์วิจัยด้วย ตอนนี้ถึงแม้ว่าพระราชาจะยังคงเกรงกลัวเขา แต่ก็จะต้องสร้างภาพด้วย จึงได้ถอนคนที่เฝ้าสังเกตการณ์ทั้งหมดออกไปก่อน เพราะฉะนั้นในเวลาแบบนี้ไม่ว่าบุริศร์จะทำเรื่องอะไรก็เป็นอิสระมากจริง ๆ
“เจ้าบุริศร์จะต้องด่าคุณตายแน่”
ธเนศพลนึกถึงภาพบุริศร์กระทืบเท้า แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาเลย
“ไม่เป็นไร ถ้ายังไงต่อไปฉันให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของเขาก็ได้”
วิสุทธิ์หัวเราพรืดออกมาคำหนึ่ง
ในตอนที่บุริศร์ได้รับโทรศัพท์สายนี้จากธเนศพลนั้น ก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองมือบอนไปกดรับสายเข้า เขาควรจะปิดเครื่องโทรศัพท์ไปเลย
แต่ละคนนั้น ช่างกลัวว่าตัวเองกับภรรยาจะอยู่กันว่างเกินไปใช่ไหม?
“ไม่เอา!”
บุริศร์ปฏิเสธไปโดยตรงเลย
ธเนศพลกลับพูดขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์มากว่า “งั้นฉันก็จะลองไปคิดดูว่าวันหยุดประจำปีของกานต์จะเอามาฝึกฝนพิเศษดีไหมนะ”
“ธเนศพล คุณนี่มันชั่วช้าจริง ๆ!”
บุริศร์ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามีวันหนึ่งจะโดนคนอื่นข่มขู่เพราะว่ากานต์ได้
เขาพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “นี่คุณตอบแทนบุญคุณด้วยการแก้แค้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมกับภรรยา ตอนนี้คุณก็ยังไม่รู้เลยว่าน้ำจะมีความเป็นอยู่ยังไง ยังสามารถมีลูกสาวที่โตขนาดนี้แล้วคนหนึ่งอีกเหรอ?”
ใจของธเนศพลเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่าก็ยังพูดขึ้นว่า “ใช่ซิ และก็เพราะอย่างนี้คุณถึงต้องทำความดีทำให้ถึงที่สุดซิ ทำแล้วก็ต้องทำต่อไปซิ เรื่องนี้คนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี และเบิร์ดก็เคยเห็นหน้าคุณแล้ว แค่คุณออกหน้าแล้วให้เขาคิดว่าคุณเป็นผู้ชายของน้ำก็พอแล้ว ในเมื่อเขากระโดดออกจากกำมือคุณไม่ได้อยู่แล้ว”
บุริศร์อยากจะร้องไห้ขึ้นมาแล้วจริง ๆ
“คุณชายธเนศพล คุณคิดว่าเบิร์ดเป็นคนโง่เหรอ? และที่สำคัญเรื่องนี้ขวัญชนกก็รู้เรื่องด้วย ถ้าทางนี้ผมแตะต้องเบิร์ดไป แล้วทางด้านขวัญชนก……”
“ตระกูลพรรณโรจน์จะหายไปหมดภายในหนึ่งชั่วโมงให้หลังนี้ สำหรับขวัญชนกนั้น ในเมื่อกล้าวางกับดักใส่ผม งั้นก็ต้องเตรียมรับมือกับการแก้แค้นของผมไว้ให้ดี”
เสียของธเนศพลเย็นจนเหมือนกับว่าเล็ดลอดออกมาจากอุโมงค์น้ำแข็งยังไงอย่างงั้น
ถึงแม้ว่าจะคิดไว้ตั้งนานแล้วว่าตระกูลพรรณโรจน์จะต้องจบสิ้น แต่ก็คิดไม่ถึงว่าธเนศพลจะเฉียบขาดขนาดนี้ ไม่ลังเลเลยสักนิด
“คุณท่านจิรเมธยังอาการโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย คุณแตะต้องตระกูลพรรณโรจน์ในเวลาแบบนี้มันคงไม่ดีเท่าไหร่มั้ง?และที่สำคัญป้องเขา……”
“ไหนป้องโดนตัดชื่อออกจากตระกูลพรรณโรจน์แล้วไม่ใช่เหรอ? อย่านึกว่าผมไม่รู้นะว่าคุณท่านจิรเมธคิดยังไงอยู่ นี่คือการเอาทั้งตระกูลมาแลกกับอนาคตที่สดใสอย่างเดียวของป้อง ในเมื่อทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจแล้ว งั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องคิดมากแล้ว และอีกอย่างถึงเขาจะรอดชีวิตกลับมาได้ แล้วฉันพังตระกูลพรรณโรจน์ไป ลมหายใจเฮือกหนึ่งของเขายังไม่รู้เลยว่าจะสามารถผ่อนลงมาได้ไหม มาแหย่โดนฉันเจ้าจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นก็น่าจะคิดการณ์ทุกอย่างไว้ดีหมดแล้ว”
คำพูดของบุริศร์ยังพูดไม่จบ ก็โดนธเนศพลพูดขัดไปแล้ว
เขาเองก็ไม่เกรงใจ แล้วก็เอาเรื่องที่รู้อยู่แก่ใจแต่ไม่พูดออกมาพวกนั้นพูดออกมาจนหมดเลย
พูดกันจนมาถึงขั้นนี้แล้ว บุริศร์ยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ เขาเพียงแต่แค่รู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่ตัวเองมือบอน ไม่ควรช่วยชมพูเด็กคนนั้นไว้เลย พอมาตอนนี้ดีเลย เขาโดนหมายหัวไว้แล้ว?
“ผมสามารถปฏิเสธได้ไหม?”
“ไม่ได้! ในเมื่อคุณเองก็จะอยู่ท่องเที่ยวที่นี่ต่อ ก็รวดจัดการเรื่องนี้ไปด้วยเลย ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นที่ของอรรณพอีกด้วย จะต้องให้คุณลงมือเองหรือเปล่ายังไม่แน่เลย คุณจะมาน้อยใจทำไมกัน”
คำพูดของธเนศพลตรงมาก กลับทำให้บุริศร์โกรธจนหัวเราะเลย
“คุณชายธเนศพลคุณนี่ช่างเหลี่ยมจัดเยอะจริง ๆ แม้แต่อรรณพคุณก็ยังจะหลอกใช้ไปด้วยเลยเหรอ? คุณเชื่อหรือเปล่าเดี๋ยวผมจะบอกความคิดของคุณให้เขารู้ซะ ให้เขาร่วมมือกับศัตรูข้างนอกมาทำให้คุณตายไปเลย”
“ถ้าผมตายไปคุณก็ไม่มีร่มโพธิ์ร่มไทรแล้วละซิ และที่สำคัญคุณก็ทำใจไม่ได้ด้วย?”
ท่าทางที่เจ้าเล่ห์ของธเนศพลนี้ช่างน่าต่อยจริง ๆ เลย
บุริศร์พูดขึ้นอย่างโกรธจัดว่า “ผมจะไปมีอะไรทำใจไม่ได้กัน? คุณไม่ได้เมียผมสักหน่อย”
“แต่ผมเป็นพี่น้องของคุณ”
พูดจบธเนศพลก็วางสายไปเลย
พอบุริศร์ได้ยินเสียงสัญญาณเตือน ก็พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ฉันนี่ซวยไปแปดชาติแล้ว มาเป็นพี่น้องกับนายนี่”
นรมนรู้สึกว่าพอบุริศร์ปลดประจำการมาแล้วอารมณ์ก็ค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเหมือนกัน และที่สำคัญก็ไม่มีความเคารพนอบน้อมต่อธเนศพลเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้วด้วย แต่กลับคบกันเหมือนกับเป็นพี่น้อง เธอพูดไม่ได้ว่าแบบนี้ดีหรือว่าไม่ดี แต่ก็กลัวว่าบุริศร์จะโกรธขึ้นมาจริง ๆ เหมือนกัน
“เรื่องนี้คุณกะว่าจะยื่นมือเข้าไปแทรกยังไงคะ? ถึงแม้ว่าเบิร์ดจะถือว่าเป็นอากาศธาตุไม่ได้ ตระกูลธีรกุลภักดีก็ล้มละลายไปแล้ว แต่ว่าฉันมักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
“คุณเองก็รู้สึกแล้วเหรอ?”
บุริศร์ถอนหายใจทีหนึ่งแล้วพูดขึ้น “ผมก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ง่าย ก็เลยพาคุณหนีมาก่อนที่ธเนศพลจะมาถึง แต่คิดไม่ถึงว่าไป ๆ มา ๆ จะมา จะกลับมาถึงมือผมได้อีก หรือว่าเราสองคนปิดเครื่องโทรศัพท์ไปให้หมด แล้วไม่ต้องสนใจอะไรเลย ตอนนี้ก็มาซื้อตั๋วเครื่องบินบินไปท่องเที่ยวที่อื่นกันเลยเป็นไง?”
นรมนจ้องมองท่าทางที่ไร้เดียงสานั้นของบุริศร์ แล้วก็ทำใจที่จะดับความหวังของเขาไม่ได้ แต่ว่าเธอไม่อยากจะขายหน้ากับบุริศร์ที่สนามบินนี่ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องพูดเตือนเขาขึ้นว่า “ในเมื่อคุณชายธเนศพลพูดแบบนี้แล้ว คุณนึกว่าตอนนี้จะออกไปจากที่นี่ได้เหรอคะ? และอีกอย่างไม่แน่เขาอาจจะโทรศัพท์บอกคุณชายอรรณพไปตั้งนานแล้วด้วย”
พอคำพูดนี้พูดออกมา บุริศร์ก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันทีเลย