แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1553 นี่มันเรื่องอะไรกัน
เมื่อได้ยินว่าบุริศร์จะแทงลูกชายตัวเองทั้งเป็น คุณนายสุนันท์ก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมาอีก
ในที่สุดกกหูของเขาก็เงียบสงบ สีหน้าของบุริศร์ถึงค่อยค่อยดีขึ้น
เบิร์ดที่ถูกถีบรู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย แผลครั้งก่อนยังไม่ทันหายดี ก็ถูกถีบอีกแล้ว สายตาที่เขามองไปยังบุริศร์คือเกือบจะกินคนเข้าให้แล้ว
ครั้งก่อนเขารู้สึกอยู่เสมอว่าบุริศร์นั้นช่างคุ้นเคย ในที่สุดครั้งนี้เบิร์ดก็จำได้
เขาเคยเป็นครอบครัวใหญ่ในเมืองชลธีมาก่อน และเขาไม่ควรจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับบุริศร์ เพียงแต่ว่าชีวิตระดับล่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำให้เขาลืมอะไรไปมากมาย ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านที่บุริศร์จากไปเขาคิดมาโดยตลอด คิดอยู่นานนี่สุดก็ขึ้นคิดมาได้
“บุริศร์ แกอาศัยอำนาจบาตรใหญ่รังแกคนอื่นไปทั่ว แกไม่กลัวเราเผยความลับแกเหรอวะ?”
ตอนนี้เป็นยุคของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่ว่าคุณจะร่ำรวยคับฟ้าแค่ไหน ขอเพียงแต่คุณทำเรื่องที่สร้างความขุ่นเคืองระหว่างมนุษย์และพระเจ้า ในช่วงเวลาแรกก็จะถูกคนรู้เข้าให้แล้ว
เบิร์ดมองไปยังบุริศร์ด้วยดวงตาที่โกรธจัด แต่ในใจกลับมีความหวัง
บุริศร์ยิ้มเย็นชา คนคุ้มกันที่อยู่ข้างๆ รีบเคลื่อนย้ายเก้าอี้สองตัวมาทันที นรมนที่หนึ่ง และบุริศร์อีกที่หนึ่ง
เขาปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงบนแขนเสื้อ แล้วพูดอย่างเย็นชา “แกคิดว่าฉันจะให้โอกาสแกเหรอ?”
ใช่แล้ว
เขาสามารถเปิดโปงความลับ แต่เขาต้องอยู่ในที่ที่บุริศร์มองไม่เห็น ตอนนี้… …
ความตื่นเต้นที่เบิร์ดเพิ่งสร้างขึ้นได้ถูกทำลายล้างไปชั่วพริบตาเดียว
เขามองไปยังบุริศร์อย่างเกลียดชัง และวางแผนที่จะหาช่องว่างบนตัวของนรมน
“คุณนายบุริศร์ อีสารเลวน้ำพูดอย่างไรก็เป็นมือที่สาม คุณคิดอยากจะให้สามีของคุณรับเธอกลับไปเหรอ? ลูกของมันกลับไป มันก็จะไปแย่งชิงทรัพย์สินมรดกของลูกคุณเข้านะ”
ผู้หญิงไม่สนใจเรื่องนี้เหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นเบิร์ดคิดว่าบุริศร์และนรมนต้องมีลูกอย่างแน่นอนในช่วงแปดปีที่ผ่านมา
นรมนรู้ดี ในเมื่อธเนศพลให้บุริศร์ออกหน้า ก็คือไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าใครคือพ่อผู้ให้กำเนิดของชมพู ดังนั้นไม่ว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ เรื่องที่ น้ำเป็นเมียน้อยของบุริศร์เธอก็ต้องอดทนไว้ไม่ให้โลกภายนอกรู้
โอ๊ย นี่มันเรื่องอะไรกันนักหนาเนี่ย!
ในใจนรมนรู้สึกอึดอัด เธอทำสีหน้าไม่ดีใส่เบิร์ด
“ตระกูลโตเล็กมีเงินมากมาย ไม่สนว่าใครจะมาแย่งหรอก ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเป็นลูกของบุริศร์จริง ฉันก็จะไม่รุนแรงกับเธอ”
คำพูดนี้พูดอย่างใจกว้างมาก แต่นรมนกลับรู้สึกเกลียดชังและเย็นชาเล็กน้อย ถ้าเมียน้อยของบุริศร์มาจริง เธอไม่ฆ่าให้ตายก็ดีเกินไปแล้ว นี่ยังจะให้เลี้ยงลูกอีก?
ฝันไปเถอะ
เบิร์ดคล้ายกับไม่คิดว่านรมนจะมีท่าทางเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะชะงักไป
บุริศร์ขี้เกียจจะฟังคำพูดพล่ามและยั่วยุให้เกิดความบาดหมางแก่เขาทั้งสองแล้ว เมื่อเขาส่งสายตา ก็มีใครบางคนเข้าไปจับเบิร์ด มา และให้นั่งคุกเข่าต่อหน้าบุริศร์
เบิร์ดรู้สึกถึงความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง
เขารู้สึกเหมือนขันทีคุกเข่าต่อหน้าพระราชา และคนคนนี้ยังเป็นคนที่ทำให้เขาต้องโดนสวมเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถในด้านไหน แต่อย่างไรตอนนี้น้ำก็เป็นภรรยาของเขา
“นายคิดจะทำอะไร?”
“เซ็นมัน”
บุริศร์โยนใบสัญญาหย่าร้างให้เบิร์ด
ธเนศพลเตรียมของสิ่งนี้ไว้นานแล้ว บุริศร์ก็พิมพ์เอกสารออกมาเป็นกระดาษ ในเมื่อมาที่นี่แล้วเรื่องสองเรื่องมาชนกัน อย่างนั้นแล้วก็แก้ปัญหาด้วยกันเลยเถอะ
เบิร์ดเห็นตัวอักษรสี่ตัวในใบสัญญาหย่าร้าง จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“หย่า? ไม่คิดเลยว่าแกจะบังคับให้ฉันหย่า? ไม่มีทางหรอก! ถึงแม้ฉันจะตาย ฉันก็ต้องลากอีสารเลวน้ำนั่นไปด้วย!”
“ถ้าอย่างนั้นแกก็ตายเถอะ แกตายเธอก็จะกลายเป็นแม่ม่าย ก็สามารถแต่งงานกับใครสักคนได้เช่นกัน”
บุริศร์ไม่สนว่าเบิร์ดจะตายหรือไม่
เบิร์ดนิ่งชะงัก จากนั้นฉันก็พลันตระหนักได้ว่า คนตรงหน้าเขามีความสามารถในการพลิกฟ้าคว้าฝนในเมืองชลธี แต่ที่นี่คือประเทศY เขากล้าได้อย่างไร!
“ที่นี่คือประเทศY บุริศร์ นายคิดว่านี่เป็นเมืองชลธีของนาย? ที่นี่มีกฎหมายบ้านเมือง!”
“เฮอเฮอ”
บุริศร์ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับคนพรรค์นี้อีก แต่ทำอย่างไรได้ตอนนี้มีเรื่องมากมายที่ต้องถามเขา มิเช่นนั้นเขาคงอดไม่ได้ที่จะตรงเข้าไปหักคอมันโดยตรง
นรมนมองไปยังเบิร์ดด้วยความสงสาร เธอส่ายศีรษะและพูดว่า “เบิร์ด หลายปีที่ผ่านมานี้แกใช้ชีวิตอย่างคนชั้นต่ำจนทำให้ตัวเองโง่แล้วเหรอ? ไม่ว่าอย่างไรเมื่อก่อนแกก็เป็นคนตระกูลสูงส่ง ฉันไม่เชื่อว่าในมือไม่ได้ทำเรื่องชั่วมาก่อน แล้วนี่จัดการยังไง คิดให้ดีๆ”
เมื่อเบิร์ดได้ยินนรมนพูดอย่างนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงเวลาเมื่อแปดปีที่แล้ว
เรื่องราวครั้งนั้นตอนนี้ราวกับอยู่กันคนละยุคสมัย แต่เขาก็ยังนึกขึ้นมาได้
ใช่แล้ว คือเงิน
แค่มีเงิน จะอะไรก็ได้ทั้งหมด
สีหน้าของเบิร์ดซีดเผือดทันที
เขามองดูใบสัญญาหย่าร้างด้วยสีหน้ามืดมน แต่กลับไม่ปริปากพูดอะไร
บุริศร์ไม่มีความอดทนนัก นรมนรู้ดี เกรงว่าเบิร์ดจะคิดไม่ออก ทำให้บุริศร์หงุดหงิดจนตัวเองซวย เธอจึงรีบพูดว่า “อันที่จริงการหย่าจะเป็นประโยชน์ต่อแกกับตระกูลธีรกุลภักดี”
เบิร์ดเงยหน้ามองไปยังนรมนด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ
นรมนพูดต่อ “แม้ว่าพวกแกทุกคนในตระกูลธีรกุลภักดีจะไม่เป็นมิตรกับน้ำและชมพู แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากเกินไป และแกก็คือคนร้าย
ถ้าแกยังคิดว่าแกเป็นลูกผู้ชาย เซ็นสัญญาหย่าร้างซะ เราจะให้ทางเดินแก่ตระกูลธีรกุลภักดีของแก อย่างมากที่สุด แกต้องได้รับโทษทั้งหมดแค่นั้น คนอื่นในตระกูลธีรกุลภักดีสามารถใช้ชีวิตอย่างดีต่อไปได้
แต่ถ้าแกไม่เซ็น ทำให้คุณบุริศร์ของเราโกรธเข้า น้ำจะถูกรับกลับไปด้วยแน่นอน และจะได้ฐานะที่ยังไม่แต่งงานกลับไปด้วย ถ้าอย่างนั้นแกก็ทำได้เพียงลาโลกนี้ไป
และตระกูลธีรกุลภักดีที่รู้เรื่องภายในจะไม่มีชีวิตที่มั่นคงอีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกกำจัดให้หมดสิ้น แต่สุดท้ายพ่อแม่ของแกก็ไม่โชคดีที่ได้รอดพ้นหรอก ญาติสายอื่นของแกบางทีอาจจะถูกจำคุกตลอดชีวิต ทีนี้ตระกูลธีรกุลภักดีของแกก็จบเห่อย่างสมบูรณ์”
คำพูดของนรมนไม่ใช่ข่าวที่แสร้งทำให้ตกใจ อย่างไรเรื่องนี้ธเนศพลก็ให้บุริศร์จัดการ ถ้าเบิร์ดไม่ให้ความร่วมมือ ผลลัพธ์มันก็ต้องเป็นอย่างนี้ อีกอย่างวิธีการของธเนศพล คนของตระกูลธีรกุลภักดีถูกฆ่าผิดปากทั้งตระกูลแน่
เบิร์ดอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นงันงก
ตอนนี้เขาเพิ่งจะสำนึกได้ว่าตัวเองกำลังมีปัญหาอยู่กับคนอย่างไร
เมื่อแปดปีที่แล้ว ตอนที่เขายังเป็นคุณชายของครอบครัวที่ร่ำรวย เขาได้รับคำสั่งว่าอย่าไปยั่วยุคุณชายทั้งสี่แห่งเมืองชลธีโดยเด็ดขาด เพราะว่ามีคนอยู่เหนือพวกเขา เล่ากันว่าสามารถตรงสู่การได้ยินจากสรรค์
ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะเป็นความจริง
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเต็มใจ แม้ว่าจะยังสามารถระบายความโกรธของเขาได้ แต่เบิร์ดก็วิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียได้อย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่วินาทีที่น้ำถูกบุริศร์ค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือชมพูก็ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
แต่เมื่อคิดถึงทุกสิ่งเมื่อแปดปีที่แล้วใจเขาก็อัดอั้นไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
“พวกเราตระกูลธีรกุลภักดีทำอะไรผิดอีก? ตอนแรกฉันเป็นคนขอให้น้ำแต่งงานกับฉัน แต่ถ้าหากน้ำไม่ยินยอมกับการแต่งงาน ฉันจะไปบีบบังคับชิงมาได้ยังไง? ในเมื่อเธอยินยอม พวกเราตระกูลธีรกุลภักดีทำไมต้องได้รับความทุกข์ทรมานนี้ด้วย? เราเคยเป็นตระกูลใหญ่ บุริศร์ เป็นแกที่ทำลายตระกูลธีรกุลภักดีของพวกเรา”
“ไม่ใช่ คนที่ทำลายตระกูลธีรกุลภักดีของแก ก็คือขวัญชนก หัวหน้าตระกูลพรรณโรจน์ และฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกเป็นคนที่แต่งงานกับน้ำ และอีกอย่างตระกูลธีรกุลภักดีของแกก็ไม่ควรค่าให้ฉันลงมือ”
ถึงแม้ตระกูลธีรกุลภักดีจะถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ในสมัยนั้น แต่เมื่อเทียบกับตระกูลของบุริศร์มันไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึง ก็ไม่ใช่ของเกรดดีไหม
เมื่อเบิร์ดถูกพูดอย่างนี้ใส่ก็โกรธเล็กน้อย แต่กลับโต้แย้งไม่ได้
แท้จริงแล้วแม้ว่าตระกูลธีรกุลภักดีจะเป็นตระกูลขุนนาง แต่ก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะอยู่เคียงข้างตระกูลของสี่คุณชายในเมืองชลธี
“น้ำเป็นคนของตระกูลพรรณโรจน์ ทำไมขวัญชนก… …”
“เพื่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูล บางทีอาจมีจุดประสงค์อื่น แต่มันไม่ใช่สิ่งที่แกควรรู้ แกรู้เพียงแค่ว่าตระกูลพรรณโรจน์ติดหนี้ตระกูลธีรกุลภักดีของแก และฉันคืนให้ตระกูลธีรกุลภักดี แต่เงื่อนไขแรกคือแกต้องเซ็นสัญญาหย่าร้างนี่ซะ”
บุริศร์รู้ว่าเบิร์ดได้รับผลกระทบ แต่เขากลับไม่ใช่คนไร้ความผิด อย่างไรก็ตามหลังจากที่แต่งงานกับน้ำแล้ว และถ้าเขาปฏิบัติต่อน้ำเป็นอย่างดี จุดจบของเขาอาจไม่เป็นอย่างวันนี้
เบิร์ดเคยเป็นคุณชายของตระกูลขุนนางมาก่อน เมื่อเขาละทิ้งทุกอย่างแล้วมองดูเรื่องนี้อีกครั้ง เขากลับพบว่าข้างในมีสิ่งที่แปลกประหลาด
อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องการแย่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูลของขวัญชนกและน้ำเลย มันจำเป็นต้องตัดขาดไมตรีกันขนาดนี้ไหม ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง จำเป็นต้องวางยาเขาไหม? ให้เขาทรมานน้ำคือเป้าหมายหลักนี่? แต่แล้วทำไมละ? อย่างไรก็คือคนในครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ?
เบิร์ดยิ่งคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโง่มากเท่านั้น เริ่มตั้งแต่ที่เขาแต่งงานกับน้ำ พวกตระกูลธีรกุลภักดีที่ทำตัวราวกับมีดเล่มหนึ่ง มีดที่ถึงแม้จะทรมานน้ำ แต่คนที่ถูกแทงคือใครกันละ?
บุริศร์หรือ?
เมื่อพิจารณาจากมุมมองของเบิร์ด มันก็จะมุ่งเป้าไปที่บุริศร์ แต่บุริศร์กับนรมนรู้ว่าคนที่ถูกมุ่งเป้าไปคือธเนศพล
ขวัญชนกเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง การทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่การที่ทรมานธเนศพลนี่ เขาไม่กลัวธเนศพลแก้แค้นทีหลังหรือไง?
อย่างไรธเนศพลก็ไม่ใช่คนธรรมดา แม้ว่าตอนแรกเขาจะตกเข้าไปในหลุมพราง แต่เขาก็จะปีนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทำไมขวัญชนกถึงต้องทำแบบนี้ด้วย?
บุริศร์และนรมนมีข้อสงสัยในใจ แต่ก็ไม่สะดวกที่จะพูดถึงเรื่องนี้ในเวลานี้
เบิร์ดชั่งน้ำหนักก่อนจะตัดสินใจ
เมื่อเขาหยิบปากกาขึ้นมา คุณนายสุนันท์ก็ดิ้นรนขัดขืนขึ้นมา พลางร้องฮือฮือ
นรมนให้คนเอาของที่อยู่ในปากของคุณนายสุนันท์ออก
คุณนายสุนันท์รีบร้องตะโกนว่า “เบิร์ด ลูกเอ๋ย อย่าเซ็นนะ ถ้าลูกเซ็นมัน จะเป็นหรือตายก็ไม่รู้ ถ้าหากว่าตระกูลธีรกุลภักดีไม่มีลูกแล้วละก็ จะมีประโยชน์อะไรที่จะโรยความมั่งคั่งให้กับเรา? ลูกเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของพ่อกับแม่นะ”
คำพูดนี้ทำให้นรมนแสบร้อนที่จมูก
ไม่ว่าจะเป็นใคร ในฐานะแม่แล้ว ลูกคือสิ่งแรกที่ต้องคำนึง
มือของเบิร์ดหยุดชะงัก ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นเมื่อเขามองไปยังแม่ของตัวเองอีกครั้ง
“แม่ครับ หลายปีที่ผ่านมา ผมถูกทรมานจนจะคนก็ไม่ใช่จะผีก็ไม่เชิง บางทีความตายอาจจะช่วยบรรเทาผมได้บ้าง”
“แม่ไม่อนุญาต! ลูกแม่ แม่ไม่ยอม!”
คุณนายสุนันท์กรีดร้องขึ้นมา แต่คนอื่นในตระกูลธีรกุลภักดีต่างก็ทนกับชีวิตตอนนี้มานานแล้ว ความมั่งคั่งร่ำรวยในอดีตทำให้พวกเขากำลังเพ้อฝัน เมื่อได้ยินว่าเบิร์ดจะรับผิดชอบทุกสิ่งก็จะสามารถฟื้นคืนสู่อดีตได้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่สะใภ้ เดิมทีเบิร์ดก็เป็นผู้นำของตระกูลธีรกุลภักดี ตอนนี้เขาก็แค่แบกรับภาระความรับผิดชอบของผู้นำตระกูล พี่จะโวยวายทำไม?”
เมื่อคุณอารองพูดออกมาอย่างนี้ เบิร์ดก็รู้ว่าความหมายของคนอื่นคืออะไร
เขามองไปรอบๆ คนเหล่านี้คือคนในครอบครัว ตลอดแปดปีที่ผ่านมาเขาทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกเขา เพื่อพวกเขา เขาออกไปทำรับจ้างกุลี ไปเล่นพนัน เพื่อคิดจะนำเงินมาให้พวกเขาพัฒนาและปรับปรุงชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาคือพวกเขา เขากระทั่งบังคับให้น้ำและชมพูออกไปทำงานใช้แรงงานเพื่อมาเลี้ยงดูพวกเขา แล้วผลตอนนี้ละเป็นยังไง?
นอกจากแม่ของเขาแล้ว นี่คนพวกนี้ต้องการให้เขาตายอย่างรีบด่วน?