แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1554 คนที่อยู่เบื้องหลังอาจจะไม่ใช่ขวัญชนก
ทันใดเบิร์ดก็รู้สึกขึ้นมาว่าจุดประสงค์ของการตรากตรำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคืออะไรกันแน่?
ช่วงที่เพิ่งได้แต่งงานกับน้ำ น้ำปฏิบัติต่อเขาอย่างดีมาก ถึงแม้จะไม่มีความรัก แต่เธอก็ยังทำหน้าที่ของเธอในฐานะภรรยา คอยปฏิบัติดูแลเขาอย่างดี แต่พวกญาติพี่น้องเหล่านี้ ทำอะไรให้เขาบ้าง?
ว่ากันว่าเมื่อครอบครัวประสบกับความเปลี่ยนแปลงก็จะมองเห็นบางอย่างได้ชัดเจน และหลังจากที่เบิร์ดประสบกับการเปลี่ยนแปลง ก็ไม่เห็นใบหน้าของคนเหล่านี้ชัด ตอนนี้ถึงค่อยมองเห็นได้อย่างชัดแจ้ง แต่ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว
เบิร์ดหัวเราะเยาะตัวเองในทันใด หัวเราะเสียจนทำให้คนปวดใจ
เมื่อคุณนายสุนันท์เห็นลูกชายมีทีท่าผิดหวังเช่นนี้ นางก็ตะโกนใส่คนเหล่านั้นด้วยความโกรธ
“พวกแกหุบปากนะ! ถ้าไม่มีเบิร์ดของเราแล้ว หลายปีมานี้พวกแกอดตายไปนานแล้ว ใครกันที่พูดกดขี่ให้น้ำออกไปทำงานเก็บเงินหาเลี้ยงพวกแกละ?
ไม่ใช่พวกแกหรือไงกัน? ใครกันละที่บอกว่าเด็กชมพูนั่นอยู่เป็นกาฝากในบ้าน เลยขายให้ลุงของเธอไปเล่นกายกรรมแล้วยังต้องหารายได้ให้ครอบครัวอีก มันไม่ใช่พวกแกหรือไง?
ตอนนี้พวกหมาป่าขี้ขลาดตาขาวทุกคนต่างก็หวังให้ลูกชายของฉันตายใช่ไหม? จิตใจที่ดีงามของพวกแกถูกหมามันกินไปหมดแล้วหรือไง?”
คำถามของคุณนายสุนันท์ทำให้คนอื่นในตระกูลธีรกุลภักดีต่างก็พากันรีบก้มหัว เพราะกลัวว่าบุริศร์จะคิดว่าพวกเขาเกี่ยวข้องไปด้วย
นรมนรู้สึกว่าละครตลกเรื่องนี้เป็นเพียงประสบการณ์รูปแบบต่างๆ ของชีวิต แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขี้เกียจดู
“เอาละ อย่าวุ่นวาย จะเซ็นหรือไม่ก็รีบเข้า เราไม่มีเวลามากพอที่จะอยู่ที่นี่”
เมื่อคิดถึงเจตต์ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าถูกพาไปที่ไหนแล้ว และไม่มีข่าวของขวัญตา นรมนก็รีบร้อนเล็กน้อย ดังนั้นคำพูดของเธอจึงเย็นชามาก
คุณนายสุนันท์อยากจะห้าม แต่เมื่อได้ยินเบิร์ดพูดว่า “แม่ อย่าห้ามผมเลย เดิมทีผมมีความทะนงตัว แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ผมเปลี่ยนไปไม่เหมือนตัวเอง แม่ให้ผมตัดสินใจเองเถอะ คนพวกนั้นภายหลังแม่ไม่ต้องสนใจแล้ว ท้ายที่สุดตระกูลธีรกุลภักดีก็พ่ายแพ้
คราวหลังผมไม่อยู่ข้างกายพ่อกับแม่ ใช้ชีวิตให้ดีนะครับ ชาติหน้าผมจะเกิดมาเป็นลูกของท่านอีก”
“ไม่นะ ลูกแม่ อย่าทำแบบนี้”
คุณนายสุนันท์ร้องให้โศกเศร้าราวกับจะขาดใจ
แต่เบิร์ดกลับยิ้มอย่างสบายใจ และพูดว่า “แม่ครับ แม่ให้ผมเป็นสมบัติล้ำค่าน้ำก็เคยเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของครอบครัวเช่นกัน ความเจ็บปวดที่ผมทำกับน้ำในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีอยู่จริง แม่ว่าเรื่องที่ไม่ดีไม่ควรจ่ายค่าเสียหายเหรอครับ? ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตอนที่ผมทำไม่ดีกับน้ำผมก็น่าจะรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว ตอนนี้ผมก็ไม่มีอะไรที่ต้องโทษอีกต่อไป”
เมื่อกล่าวออกมาแล้ว คุณนายสุนันท์ก็เงียบสงัด
เธอก็เป็นผู้หญิง เธอรู้ดีถึงความเจ็บปวดของน้ำ แต่เบิร์ดก็เป็นลูกชายของเธอ และยังต้องแบกรับเรื่องอย่างนั้นอีก ต้นตอของเรื่องราวมาจากน้ำดังนั้นคุณนายสุนันท์จึงไม่ได้ห้ามทุกอย่างที่ลูกชายของเธอทำ แต่เมื่อละทิ้งสิ่งเหล่านี้ และพูดจากมุมของผู้หญิงแล้วนั้น เธอเองก็รู้ว่าน้ำน่าสงสารมากแค่ไหน
เมื่อเห็นคุณนายสุนันท์ไม่พูดอะไรแล้ว เบิร์ดก็ค่อยหันไปมองบุริศร์และนรมนก่อนจะพูดว่า “ฉันเซ็นได้ แล้วก็สามารถยอมรับผลอะไรก็แล้วแต่ที่จะตามมาทีหลัง แม้จะตายก็ไม่เป็นไร แต่พวกนายต้องจัดการพ่อแม่ของฉันอย่างเหมาะสม
พ่อของฉันเป็นโรคหลอดเลือดสมองและเป็นอัมพาตนอนติดเตียง พวกเขาต้องการเงิน คนอื่นในตระกูลธีรกุลภักดีจะเป็นยังไงฉันไม่สน แต่พ่อแม่ของฉันต้องใช้ชีวิตอย่างดี นี่คือสิ่งที่ตระกูลพรรณโรจน์เป็นหนี้เรา!
ในเมื่อพวกนายอยากให้น้ำหลุดพ้นจากสภาพเลวร้ายรับผิดชอบตัวเองได้ อยากให้ฉันชดใช้กับสิ่งที่ทำไป ก็ต้องตอบรับเงื่อนไขนี้ของฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะพยายามหาความยุติธรรมให้กับตัวเองอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้อำนาจของพวกนายจะใหญ่คับฟ้า แต่ฉันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีลู่ทางเลยใช่ไหมละ?”
เมื่อสมาชิกในตระกูลธีรกุลภักดีได้ยินสิ่งที่เบิร์ดพูด ทันใดพวกเขาระเบิดขึ้นมาทันที
“เบิร์ด แกหมายความว่าอะไรวะ? พวกเราก็เป็นคนในตระกูลธีรกุลภักดี”
“หลายปีมานี้ฉันดูแลพวกแกมามากพอแล้วละ อย่าพูดว่าเพราะเรื่องเมื่อแปดปีที่แล้วของฉันเลยต้องมาเกี่ยวพันด้วย ถึงจะไม่มีเรื่องเมื่อแปดปีก่อน อย่างไรพวกแกก็เป็นเพียงแค่ข้ารับใช้ของฉัน คนที่หารายได้คือฉันไม่ใช่พวกแก! ตอนนี้ฉันไม่อยากดูแลแล้ว ใครก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น
ตระกูลธีรกุลภักดีแพ้ก็คือแพ้ ถึงแม้จะไม่มีเรื่องเมื่อแปดปีก่อน ถ้าฉันไม่ดูแลพวกแก พวกแกก็จะยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนนี้ ฉันก็แค่ให้พวกแกเห็นฐานะที่ตัวเองควรจะอยู่ให้ชัดขึ้นก็แค่นั้นแหละ ”
ใจของเบิร์ดเย็นชา
หลายปีมานี้ไม่ได้ทำให้ญาติพี่น้องเหล่านี้อบอุ่น ในภายภาคหน้าเขาไม่กล้าหวังมากเกินไปว่าคนเหล่านี้จะปฏิบัติกับพ่อแม่ของเขาอย่างดีต่อหน้าเขา ดังนั้นการตัดสายสัมพันธ์กับพวกเขาเป็นการปกป้องพ่อแม่อย่างดีที่สุดแล้ว
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงน้ำ
ถึงแม้ว่าเขาจะปฏิบัติกับน้ำไม่ดี แต่เมื่อตอนที่พ่อของเขาเป็นอัมพาตนอนติดเตียง ก็เป็นน้ำที่คอยปรนนิบัติดูแลข้างกายมาโดยตลอด ถึงแม้จะนอนไม่พอ แต่เธอก็ทำทุกอย่างที่ลูกสะใภ้ควรทำทั้งหมดแล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ควรเป็นญาติในครอบครัวของพวกเขาที่ต้องทำไหม?
แต่ละคนซ่อนตัวให้ไกลกว่าใคร กระทั่งรังเกียจชีวิตของพ่อที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ สมองเขานี่น้ำเข้าไปมากเท่าไหร่กัน ถึงให้ไอ้พวกจิ้งจอกขี้ขลาดตาขาวพวกนี้มากดขี่ภรรยาของตัวเอง?
แม้ว่าตัวเองจะไร้มนุษยธรรม แต่ว่าน้ำก็เป็นเมียแต่งของเจา แค่เพียงเขาปฏิบัติต่อน้ำและชมพูอย่างดี เขาก็สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขใช่ไหม?
ในที่สุดเบิร์ดก็คิดได้ แต่เขามาคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว
เขารีบหันกลับมา หยิบปากกาและเซ็นชื่อลงบนสัญญาหย่า
นรมนเห็นเบิร์ดที่สำนึกผิด บุริศร์เองก็เช่นกัน แต่แล้วอย่างไร? เดิมทีโลกนี้มันไม่มียารักษาความเสียใจอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นความเจ็บปวดที่โดนกระทำก็มีอยู่จริง ถึงแม้จะขอโทษหรือสำนึกผิดทีหลัง ก็ไม่สามารถชดเชยบาดแผลของน้ำและชมพูได้
ดังนั้นอารมณ์แม่พระก็ไม่จำเป็นต้องมี
หลังจากเซ็นสัญญาหย่าร้างเสร็จแล้วคุณนายสุนันท์ก็ได้เป็นลมล้มลงไปจากความเสียใจ คนอื่นในตระกูลธีรกุลภักดีก็ยังต้องการที่จะร้องโวยวาย บุริศร์ได้ออกคำสั่งโดยตรงให้โยนพวกเขาออกไป
เบิร์ดไม่มีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนที่พวกเขาพูดให้ตัวเขาเองไปตาย หัวใจของเบิร์ดก็ได้ปิดตัวลงไปแล้ว
เมื่อในห้องว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว นรมนถึงค่อยเห็นพ่อชยพลที่อยู่ตรงมุมห้อง
เพราะชีวิตที่ลำบากยากแค้น พ่อชยพลนั่งลงอยู่ที่พื้น อย่างสมบูรณ์ เขาถูกคนบดบังเอาไว้ทำให้มองเห็นไม่ชัด ตอนนี้ดูๆแล้วก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบากเล็กน้อย
เขาร้องฮือฮือราวกับอยากจะพูดอะไร ทำอย่างไรได้เขาออกเสียงไม่ชัด น้ำลายเปียกปอนเสื้อผ้า ถึงจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน แต่สายตาของเขามันบ่งบอกว่าไม่อยากจะแยกจากเบิร์ด
จมูกของเบิร์ดแสบร้อนเล็กน้อย
เขาหันกลับไปแสดงความเคารพต่อพ่อชยพลสามครั้ง จากนั้นจึงพูดว่า “พ่อครับ ลูกชายคนนี้ไม่ได้อกตัญญู ผมจะไม่ได้อยู่ปฏิบัติรับใช้พ่ออีกแล้ว รักษาตัวเองให้ดีนะครับ”
“ฮือฮือ”
ยิ่งพ่อชยพลรีบร้อนใจเท่าไหร่เขาก็ยิ่งพูดออกมาไม่ได้
เบิร์ดรีบพูดออกมาว่า “ผมรู้ว่าพ่ออยากจะพูดอะไร ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อปลูกฝังให้ผมเป็นผู้สืบทอด ทุ่มเทจิตใจไปมากกับผม แต่ผมกลับยังคงเดินทางอ้อม ผมเนรคุณต่อความหวังของพ่อ เป็นผมที่ทำลายตระกูลธีรกุลภักดี
แต่ผมจะแก้แค้นคนที่ทำร้ายพวกเราแน่นอน พ่อครับ หลายปีมานี้ผมรู้ดี ว่าพ่อไม่ชอบในสิ่งที่ผมทำทั้งหมด วันนี้ทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว ให้ผมได้รับผิดชอบเถอะครับ”
ดวงตาที่ขุ่นมัวของพ่อชยพลมีน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย แต่เขาไม่ได้ขัดขวางอีกแล้ว
เมื่อเทียบกับคนอื่นในตระกูลธีรกุลภักดี คุณนายสุนันท์และพ่อชยพลยังนับว่าใช้ได้
นรมนดึงแขนเสื้อของบุริศร์และกระซิบว่า “เบิร์ดจำเป็นต้องตายอย่างเดียวเหรอคะ?”
“น่าจะ”
บุริศร์รู้นิสัยของธเนศพล ท่าทีที่เขากระทำต่อแม่กับลูกสาวน้ำ มันได้ตัดสินตอนจบของเขาแล้ว
นรมนถอนหายใจ “ถ้าหากจะทำอย่างนั้นจริงๆ ก็อย่าอยู่ที่นี่อีกเลยค่ะ อย่างไรก็ให้ผู้เฒ่าสองคนนี้ได้คิดถึง”
“โอเค”
บุริศร์ทำตามใจคำขอร้องของนรมนมาโดยตลอด
หลังจากที่เบิร์ดพูดอธิบายทุกอย่างหมดแล้ว เขาก็ได้หันไปทางบุริศร์ก่อนจะพูดว่า “ไปกันเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการถูกลงโทษที่นี่เช่นกัน
บุริศร์พาเบิร์ดออกไปจากบ้าน เหลือทิ้งไว้เพียงสองคน บอดี้การ์ดคนอื่นได้ถอนกำลังไปแล้ว
ถึงอย่างไรฐานะของอรรณพนั้นพิเศษมาก ถ้าหากถูกคนรู้ว่าเขาใช้อำนาจของอรรณพทำอะไร ก็คงจะไม่ดีต่ออรรณพด้วย แต่บุริศร์ก็รู้ดีอยู่แกใจว่าน้องชายทั้งหลายของอรรณพก็ไม่ได้สงบเสงี่ยมกันเสียขนาดนั้น
เบิร์ดเดิมทีคิดว่าบุริศร์จะพาเขาไปที่ที่ร้ายผู้คนแล้วฆ่าซะ แต่เขาไม่คิดว่าบุริศร์จะพาเขาไปที่ซอยด้านหลัง เป็นสถานที่ที่เจตต์เคยถูกขังมาก่อน เขาอดที่จะนิ่งไปนิดไม่ได้
“พวกนายมาที่นี่ทำไม?”
“ฉันถามแกหน่อย ถ้าแกตอบดี ไม่แน่ว่าฉันอาจจะหาทางออกให้แกได้”
บุริศร์พูดอย่างสงบ
คนของอรรณพรออยู่ข้างนอกไม่มีใครได้ยินการสนทนายกเว้นนรมน
เบิร์ดแปลกใจเล็กน้อย
“แกไม่ฆ่าฉัน?”
“มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่แกพูดว่ามันจะมีฆ่าพอให้ไว้ชีวิตแกไหม”
บุริศร์พูดกำกวม แต่เบิร์ดเห็นความหวังอันริบหรี่
“แกพูดจริงไหม?”
เมื่อนรมนได้ยินเบิร์ดพูดอย่างนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ แต่บุริศร์กลับไม่แปลกใจ
เบิร์ดสามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ในใจยังค่อนข้างที่จะมีกฎระเบียบ มีสิ่งที่เขาไม่ได้พูด แต่หลังจากที่เบิร์ดได้รู้ความจริงเล็กน้อย ไม่แน่ว่าจะคาดเดาเรื่องอื่นไม่ได้
บุริศร์พยักหน้า
“ดูเหมือนว่าตัวแกเองจะพบสิ่งผิดปกติ”
“ใช่”
แต่ก่อนเบิร์ดเคยถูกความแค้นทรมานมาก่อน เขาถูกปิดบังดวงตาทั้งสองข้าง รู้สึกเป็นความผิดของน้ำที่ความภาคภูมิใจในการเป็นผู้ชายตลอดชีวิตนี้ได้ถูกทำลาย ดังนั้นจึงไประบายมันทุกอย่างกับน้ำ แต่เมื่อตอนนี้กระโดดออกมา กลับพบว่า ตระกูลธีรกุลภักดีถูกใช้ให้กลายเป็นปืน และดูเหมือนว่าเขาจะถูกใช้ประโยชน์จากคนอื่น
คนคนนี้เป็นใครนั้น ในสมองของเขามีภาพแห่งความทรงจำบ้างอยู่นิดหน่อย ดังนั้นเขาจึงพูดกับพ่อชยพลว่า เขาจะต้องแก้แค้นคนที่ทำร้ายตระกูลธีรกุลภักดีให้ได้
คำพูดของบุริศร์ตอนนี้ทำให้เขากระจ่าง ตอนนี้ตัวเองทำได้เพียงพึ่งพาบุริศร์เท่านั้นถึงจะสามารถหาคนเบื้องหลังที่ชั่วร้ายได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง ดังนั้นครั้งนี้เบิร์ดมั่นใจด้วยใจจริง
นรมนยังคงไม่แน่ใจเล็กน้อยในตอนแรก ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทางระหว่างเบิร์ดและบุริศร์ คิดได้สักพักเธอก็เข้าใจ
“พวกคุณหมายความว่าคนที่อยู่เบื้องหลังในตอนนั้นอาจจะไม่ใช่ขวัญชนก?”
“อืม”
เบิร์ดและบุริศร์พยักหน้าพร้อมกัน
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด อาจเป็นหลังจากเรื่องที่เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลธีรกุลภักดี ในตอนนั้น เลยทำให้เบิร์ดไปขอน้ำแต่งงานใช่ไหม?”
คำพูดของบุริศร์ทำให้เบิร์ดนิ่งไปนิด สีหน้าของเขาดูทำอะไรไม่ถูก ถึงอย่างไรตอนแรกเขาขอน้ำแต่งงานในสถานะรักใคร่ชื่นชม เรื่องนี้ยังคงถูกเล่าต่อกันเป็นเรื่องราวที่ดีงามในแวดวงของพวกเขา ตอนนี้เมื่อได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้แล้ว เบิร์ดก็พบว่าช่องว่างระหว่างตัวเขากับบุริศร์อยู่ที่ไหน
“ที่จริงแล้ว ในเวลานั้นตระกูลธีรกุลภักดีของฉัน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำใจต้องขอน้ำแต่งงาน”
เมื่อเบิร์ดพูดออกมา นรมนก็ตกตะลึงไปในทันที