แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1675 นิสัยไม่ดี
เมื่อป้องมาถึงปาณีก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอมองแม่บ้านหลิวที่อยู่ตรงหน้าเงียบๆ ทว่าแววตาของเธอกลับทำให้แม่บ้านหลิวรู้สึกสงสารสุดชีวิต
“คุณหนู รู้สึกยังไงบ้างคะ? ยังเจ็บอยู่ไหม? ทนอีกหน่อยนะ เดี๋ยวคุณชายป้องก็มาแล้ว”
ท่าทางที่เต็มไปด้วยความสงสารของแม่บ้านหลิวทำให้ปาณีหงุดหงิดในใจ
จากนั้นเธอก็นึกถึงแก้วตา
ในตอนที่ได้รู้ตัวตนของตัวเองเธอตื่นเต้น แต่ตุลธรกลับผลักเธอลงเหวลึก
ท่าทีที่ตุลธรมีต่อเธอมันจะเกินจะบรรยาย สีหน้ารังเกัยจเดียดฉันฑ์ของเขา ท่าทางที่แสดงออกว่าอยากให้เธอตายเสียเหลือเกินของเขามันทำให้เธอสงสัยเกี่ยวกับชีวิตคนเรา
เธอเป็นผู้หญิงแล้วยังไง?
เป็นผู้หญิงมันผิดมากจนสมควรตายเหรอ?
นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว อีกอย่างครอบครัวก็ไม่เห็นจะมีบัลลังค์ให้สืบต่อด้วย ทำไมลูกผู้หญิงถึงจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้? ทำไมถึงไม่เป็นที่ยอมรับของพ่อแม่?
ตอนแรกเธอคิดว่าแม่ของเธอก็เป็นแบบนี้ แต่คำพูดของแก้วตาทำให้เธอเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง
อันที่จริงปาณีเลิกดิ้นรน และยอมทิ้งชีวิตไปแล้ว วินาทีที่ตุลธรบอกเรื่องตัวตนของเธอ เธออับจนหนทางไปหมด
ในเมื่อเขาเป็นคนทำให้เธอเกิดมามีชีวิต ถ้าเขาอยากได้คืน เธอจะให้เขาง
ชีวิตนี้เธอไม่อยากได้มันแล้ว!
ลูกที่ไม่เป็นที่ยอมรับของพ่อแม่ อยู่ไปแล้วมีความหมายอะไร?
จนกระทั่งแก้วตามาที่นี่ คำพูดของอีกฝ่ายที่ดังอยู่ข้างหู ทำให้ปาณีเข้าใจว่าตัวเองโง่แค่ไหน
ทำไมเธอต้องตายด้วย?
ถึงใครไม่รัก ไม่สนใจเธอ เธอยังมีนภดล และนรมนอยู่ทั้งคน
ชีวิตของเธอไม่ได้มีแค่พ่อแม่สักหน่อย
ยี่สิบกว่าปี พวกเขาไม่เึยมีส่วนร่วมในชีวิตของเธอ เพราะงั้นพวกเขามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินความเป็นความตายของเธอ?
โดยเฉาะที่แก้วตาพูดว่านี่อาจจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย ปาณีก็ยิ่งอยากลืมตามามองแม่ของตัวเอง
เมื่อเห็นแม่บ้านหลิวที่คอยดูแลแก้วตาอยู่ตรงหน้าในใจของปาณีก็ยุ่งเหยิงไปหมด ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
เมื่อป้องมาถึงก็พอช่วยขจัดความอึดอัดของปาณีไปได้บ้าง
“คุณหมอป้อง”
เสียงของปาณีแหบอย่างรุนแรง แม่บ้านหลิวจึงรีบหยิบน้ำมาให้
คุณหมอป้องรีบพูดขึ้นมาว่า “ระวังคอของเธอด้วย ช่วงนี้พยายามอย่าพูดอะไรเลย ร่างกายของเธอตอนนี้กำลังอ่อนแอ จำเป็นต้องฟื้นบำรุง พี่มนกำลังมาถึง ถ้าให้มาเห็นสภาพของเธอในตอนนี้ต้องเสียใจมากแน่ๆ”
ปาณีนิ่งไปเล็กน้อย ดวงตาเริ่มร้อนผ่าว
คุณนายจะมาเหรอ?
ปาณีพยักหน้า รู้สึกทั้งร่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง จึงหลับตานอนพักผ่อน
แม่บ้านหลิวยกน้ำมายืนอยู่ข้างๆอย่างเก้ๆกังๆ ไม่รู้ว่าควรปลุกปาณีขึ้นมาดีไหม
ปาณีลืมตาขึ้นมาราวกับมีเซนส์ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปรับแก้วน้ำมาถือไว้
“ขอบคุณค่ะ”
แม่บ้านหลิวพลันน้ำตาคลอ
คุณหนูแตกต่างจากพชิราจริงๆด้วย
พชิราไม่เคยเห็นหัวใคร เชิดหน้าเชิดตามาตั้งแต่เด็กๆ พอมามองปาณี ทั้งๆที่เป็นพี่น้องกัน แต่เด็กคนนี้กลับดูจิตใจดีกว่าเสียอีก
หมอป้องตรวจร่างกายปาณีเสร็จ ก็แก้ไขข้อมูลอยู่สักพัก จากนั้นก็กำชับให้เธอพักผ่อนเยอะๆ ถึงได้เดินออกไป
ทางด้านธเนศพลหลังจากที่แก้วตาไปแจ้งความเขาก็กลับมาทำงาน
เมื่อป้องเดินออกไปปาณีก็ลืมตาขึ้นมา มองแม่บ้านหลิวแล้วเอ่ยถามเสียงเบาว่า “เธอไปไหน? พรุ่งนี้ยังจะมาไหม?”
ตอนแรกแม่บ้านหลิวไม่รู้ว่าเธอถามถึงใคร แต่เมื่อเห็นประกายความคาดหวังที่ฉายผ่านดวงตาก็เข้าใจในทันที
เมื่อนึกถึงแก้วตา ท่าทางของแม่บ้านหลิวก็เศร้าลง
“คุณหนู ตอนนี้คุณต้องพักผ่อน อย่าเพิ่งสนใจเรื่องอื่นเลยค่ะ”
“เธอจะไม่มาแล้วใช่ไหม?”
สายตาของปาณีเจือปนไปด้วยความคาดหวัง
เธอหันหน้าหนีไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี ปาณีไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่หลับตาลงอีกครั้งเพื่อพักผ่อน
เมื่อเห็นปาณีเงียบไปแล้ว แม่บ้านหลิวก็รู้สึกปวดหน่วงในใจ
การที่คุณผู้หญิงไปในครั้งนี้อาจจะไม่ได้กลับมาเจอคุณหนูอีกแล้ว ตอนนี้ท่าทางที่คุณหนูมีต่อคุณผู้หญิงช่างเฉยชาเหลือเกิน
แต่แม่บ้านหลิวก็ไม่รู้ว่าต้องช่วยพูดแทนคุณผู้หญิงยังไง เมื่อหันไปมองร่างกายของปาณีสุดท้ายก็เรียกที่จะปิดปากเงียบ ปล่อยให้เธอได้พักผ่อนอย่างสงบ
เมื่อนรมนมาถึงก็เป็นเวลาค่อนคืนแล้ว
ชินทรได้ยินว่าลูกสาวมาถึงแล้ว ก็รีบขับรถมารับ
เมื่อเห็นชินทร นรมนก็รู้สึกคัดจมูก จากนั้นก็โถมตัวพุ่งเข้ากอดเขาเต็มรัก ทำเอาชินทรวางไม้วางมือไม่ถูก
“นรมน”
“คุณพ่อนิสัยไม่ดี! พ่อทำอย่างนี้ทำไม? ผลักไสแม่มาให้ฉันแล้วมีประโยชน์อะไร? นั่นภรรยาพ่อนะ! จะทำอะไรก็ไม่คิดจะปรึกษาพวกฉันหน่อยเหรอ? เราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันหรือไง? ทำไมพ่อทำอย่างนี้? ยี่สิบปีก่อนพ่อทิ้งแม่ ยี่สิบปีต่อมาก็ยังจะทิ้งฉันกับแม่อีกเหรอ พ่อใช่ลูกผู้ชายหรือเปล่า? เป็นพ่อประสาอะไรกัน?”
นรมนพูพร่ำบ่นออกมาเป็นชุด ทว่าในใจของชินทรกลับรู้สึกอบอุ่น
ก่อนที่เขาจะมาเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะล้มตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร แต่คิดไม่ถึงเลยว่าธเพศพลจะห้ามเขา รวมไปถึงกิจจาและกานต์ด้วย ในตอนที่ธเนศพลโทรมาบอกเขาว่าตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรถึงจุดจบแล้ว แถมยังบอกเขาว่าไม่ต้องทำอะไรแล้ว ชินทรก็แอบมึนงงอยู่เหมือนกัน
ตอนนี้พอได้มากอดลูก ได้ยินเสียงลูกพร่ำบ่น จู่ๆชินทรก็หัวเราะออกมา
“ยังจะมาขำอีกนะ? พ่ออายุเท่าไหร่แล้วรู้ตัวไหม? ทำไมทำตัวเหมือนเด็กอยู่ได้? พ่อรู้หรือเปล่าว่าถ้าแม่รู้ว่าพ่อคิดจะทำอะไรเธอจะเป็นยังไง? เพราะพ่อมั่นใจว่าฉันจะไม่บอกความจริงกับเธอใช่ไหม?”
“อืม”
เมื่อเทียบกับอารมณ์เดือดปุดๆของนรมนแล้ว ชินทรกลับตอบกลับราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ทำให้นรมนโมโหจนแทบเสียสติ
“ยังจะมาอืมอีกเหรอ?”
นรมนเบิกตาโพลง ในตอนที่กำลังจะพูดกับชินทรให้รู้เรื่อง เสียงของกิจจากับกานต์ก็เรียกสติเธอเอาไว้ก่อน
“หม่ามี๊!”
“หม่ามี๊!”
เสียงใสดังขึ้นพร้อมกันทำให้นรมนชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมอง ก็เห็นกิจจากับกานต์โผล่หัวออกมาจากเบาะหลัง ท่าทางเหมือนคนเพิ่งตื่น
เธอหันมามองชินทร เอ่ยพูดเสียงต่ำว่า “ทำไมพ่อพาเด็กๆมาด้วย? เวลานี้พวกเขาควรนอนได้แล้ว”
“ก็นอนตรงเบาะหลังไง พวกเขาบอกว่าจะมารับแกให้ได้ ฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไง”
ชินทรพูดด้วยใบหน้าเอ็นดู
นรมนไม่สนใจที่จะบ่นชินทรอีกต่อไป เมื่อขึ้นมาบนรถก็เริ่มสั่งสอนลูกทั้งสองคนว่า
“ดึกขนาดนี้ทำไมไม่นอนจะตามมาทำไม?”
“หม่ามี๊ ดูน้องเล็กสิ”
กานต์เบี่ยงตัวออก ทำให้นรมนเห็รภาณที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างหลังเขา
ดวงตาของนรมนแสบร้อนขึ้นมาในทันที
ลูกชายคนเล็กของเธอผอมมาก
ไม่จำเป็นต้องถามก็รู้ว่าต้องทรมานแค่ไหน เธอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก จึงเข้าไปอุ้มภาณขึ้นมา ความรู้สึกเหมือนได้ของที่สูญหายไปกลับมาอีกครั้งทำให้เธอสะอื้นออกมา
กิจจาเอ่ยพูดเสียงเบาว่า “หม่ามี๊ น้องเล็กไม่เป็นอะไรมาก แค่เสียเลือดไปเยอะ และต้องพักรักษาตัว อีกอย่างคุณตาก็เป็นคนช่วยน้องเล็กกลับมาด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ นรมนก็หันมามองชินทร ซึ่งเขาก็กำลังเดินเข้ามาพอดี
นรมนเอ่ยพูดเสียงเบา “ขอบคุณค่ะพ่อ”
“ยัยเด็กบื้อ”
ชินทรลูบหัวนรมน รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ หลังจากนี้เขาจะมีช่วงเวลาที่อบอุ่นแบบนี้ใช่ไหม?
ในขณะที่คิด ก็มีรถคันหนึ่งขับตรงมาที่พวกเขาด้วยความรวดเร็ว