แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1715 เจ้านายใหม่ของแกเป็นใคร
“ฉันเคยเห็นนายที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำพูดของกิมจิแล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นหน้าตาของกิมจิแล้วก็อึ้งไปสักพัก จากนั้นก็รีบก้มหน้าลงทันที
“คุณจำคนผิดแล้ว”
“งั้นเหรอ?”
กิมจิหัวเราะเยาะ อดไม่ได้ที่จะเข็นรถเข็นเข้าไปใกล้แล้วพูดว่า “ฉันก็ว่าแล้วทำไมวิธีการสอบสวนของอาณาจักรรัตติกาลที่โหดเหี้ยมขนาดนี้ ทำไมแกถึงสามารถทนได้ ที่แท้ก็เป็นคนเก่าคนแก่นี่เอง แกว่าใช่ไหมล่ะ? อนณ!”
เมื่อเขาพูดชื่อของฝ่ายตรงข้ามออกมาอย่างแม่นยำ ฝ่ายตรงข้างถึงกับสั่นไปทั้งตัว จากนั้นก็พูดว่า “คุณจำคนผิดแล้ว”
“จะจำผิดหรือไม่ ก็แยกแยะได้ง่ายนิดเดียว ตรวจสอบดีเอ็นเอก็รู้แล้ว ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อน เคยเก็บดีเอ็นเอของทุกคนไว้หมดแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดของกิมจิ อนณถึงกับทำตาโต ส่วนคนอื่นก็รู้สึกเข้าใจมากขึ้นแล้ว
“ผู้จัดการกิมจิครับ คุณบอกว่าเขาเป็นคนของอาณาจักรรัตติกาลเหรอ?”
“มีแต่คนกันเองเท่านั้นจึงจะรู้ขั้นตอนในการสอบสวนได้ดีที่สุด อีกทั้งฉันยังจำได้ว่าอาณาจักรรัตติกาลตอนนั้นกลัวการถูกทรมานให้สารภาพ เคยให้มีการทดสอบการฝึกร่างกายอย่างเข้มงวดมาก่อน ดังนั้นแค่ลงโทษเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วไม่มีผลอะไรหรอก”
สีหน้าของกิมจิเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าอาณาจักรรัตติกาลเคยปรับเปลี่ยนมาหลายครั้งแล้ว คนเก่าแก่ที่เคยอยู่ในอาณาจักรรัตติกาลในอดีตต่างก็แยกย้ายกันไปเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่ว่าในความทรงจำของกิมจิก็ยังจำได้ดีเสมอมา ดังนั้นตอนแรกที่กิมจิได้เห็นหน้าอนณนั้น ก็รู้สึกคุ้นหน้ามาก ในสมองก็ค้นพบข้อมูลที่เกี่ยวกับคนนี้ออกมาได้อย่างรวดเร็ว
คนคนนี้ก็คือคนเก่าแก่ของอาณาจักรรัตติกาลในอดีต!
อนณถูกเปิดเผยฐานะแล้วแต่กลับเงียบเฉยไม่พูดอะไร แต่กิมจิกลับโกรธจนตัวสั่น
เขาคว้าเอาแส้ที่อยู่ข้างๆออกมาแล้วฟาดลงบนร่างของอนณอย่างแรง ลงมือด้วยพลังที่แรงมากทีเดียว ทำให้เกิดเป็นรอยแผลปริออกเป็นทางจนสามารถเห็นเนื้อข้างใน
“เป็นถึงหน่วยเก่าของอาณาจักรรัตติกาล ตอนนี้ถึงกับย้อนกลับมาแว้งกัดเจ้านายตัวเอง แม่งเอ๊ยแกยังคู่ควรที่พูดว่าตัวเองมาจากอาณาจักรรัตติกาลอีกเหรอ?”
อนณมีความสามารถพอตัวอยู่เหมือนกัน
คนที่กินจิเคยคิดจะสนับสนุนให้เขาขึ้นมาเป็นผู้ช่วย เสียดายตอนนั้นอาณาจักรรัตติกาลตอนนั้นถูกยุบไปเสียก่อน เขาจึงได้แต่สนับสนุนให้เขาไปทางที่ดีกว่านี้ แต่คิดไม่ถึงว่าคนคนนี้ถึงกับหันกลับมาแว้งกัดนรมรได้
อนณกัดฟันไว้แน่น สายตาแสดงความรู้สึกละอายใจออกมา แต่ก็ไม่แก้ตัวใดๆ ยอมรับการลงโทษจากกิมจิโดยไม่ขัดขืน
เมื่อเห็นเขาเช่นนี้แล้ว สายตาของกิมจิก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น
“ใคร? เจ้านายใหม่แกเป็นใคร?”
อนณยังคงกัดฟันไว้แน่นไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา
สายตาของกิมจิรู้สึกค่อนข้างเสียใจ
“อยากจะตายอยู่ที่นี่ถึงจะพอใจจริงๆเหรอ?”
“หัวหน้ากิมจิ คุณตีผมให้ตายไปเลย”
ในที่สุดอนณก็ยอมปริปากพูดแล้ว แต่ไม่ใช่คำตอบที่กิมจิต้องการจะฟัง
“ตีแกให้ตายเหรอ? หลังจากนั้นก็ให้เจ้านายที่อยู่เบื้องหลังแกเอามาเป็นข้ออ้างในการเล่นงานคุณนายใช่ไหม? อนณอย่างน้อยแกก็เคยกินข้าวในอาณาจักรรัตติกาลมาตั้งหลายปี แกไม่มีความรู้สึกผูกพันกับอาณาจักรรัตติกาลแม้แต่นิดเดียวเลยใช่ไหม? แกอยากจะนั่งมองดูอาณาจักรรัตติกาลกลายเป็นเป้าหมายโจมตีของทุกฝ่ายใช่ไหม?”
“ไม่ใช่! ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับอาณาจักรรัตติกาลทั้งนั้น”
อนณพูดด้วยความร้อนใจ กิมจิก็เข้าใจแล้ว
“ฝ่ายนั้นมุ่งเป้าไปที่คุณนายและประธานบุริศร์ใช่ไหม?”
คำพูดเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของอนณซีดลงบ้างเล็กน้อย
สายตาของกิมจิก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
เขาโยนแส้ลงไปบนพื้นข้างๆ แล้วพูดกับคนที่อยู่ด้านข้างว่า “ไปสืบมา ตอนนี้ฐานะของอนณคืออะไร? ไม่ว่าจะลึกลับขนาดไหนก็ต้องสืบมาให้ได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆก็โทรศัพท์ไปให้คุณชายกานต์ก่อน ฉันไม่เชื่อว่าด้วยฐานะตำแหน่งและเทคนิคความสามารถของคุณชายกานต์แล้ว ถ้าคิดอยากจะรู้ฐานะของใครสักคนจะไม่สามารถสืบหามาได้!”
กิมจิพูดเช่นนี้ ทำให้อนณ ลนลานทันที
“ไม่ได้นะ! หัวหน้ากิมจิ คุณทำอย่างนี้จะทำร้ายคุณชายกานต์ไปด้วย!”
“แต่ว่า คุณนายเป็นแม่ของคุณชายกานต์! แกทำอย่างนี้หรือว่าไม่ได้ทำร้ายคุณชายกานต์หรือ?”
สายตาของกิมจิเยือกเย็นจนน่ากลัว ถึงกับทำให้ อนณพูดอะไรไม่ออก
เขาก้มหน้าลงเงียบเฉยไม่พูดอะไร กิมจิก็ไม่ได้บีบบังคับเขา แต่สั่งให้คนคอยดูให้ดีๆ ตัวเขาเองก็เข็นรถเข็นมาถึงที่ห้องของนรมน
หลังจากนรมนได้นอนงีบไปสักพัก เมื่อได้ยินเสียงรถเข็นก็รีบลืมตาขึ้นมา
“มีความคืบหน้าหรือเปล่า?”
“อึม”
กิมจิพยักหน้าแล้วรินน้ำอุ่นแก้วหนึ่งให้กับนรมน
เดิมทีนรมนก็ไม่ได้อยากดื่มเท่าไรนัก แต่เมื่อเห็นสายตาห่วงใยของกิมจิแล้ว สุดท้ายก็ต้องรับเอาไว้
“เป็นคนเก่าที่เคยอยู่ในอาณาจักรรัตติกาล อนณ”
หลังจากที่ได้ยินกิมจิพูดถึงชื่ออาณาจักรรัตติกาลติกาลแล้ว มือของนรมนก็สะดุดเล็กน้อย
“คนของเรณุกาเหรอ?”
“ไม่ใช่”
กิมจิส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าในอดีตเรณุกาเคยเป็นเจ้าแม่ของอาณาจักรรัตติกาลก็จริง แต่เธอก็เสียชีวิตไปนานแล้ว คนที่ตายไปนานแล้วจะไม่มีอำนาจในการสั่งการอะไรได้อีก ต่อให้เธอเคยฝังคนพวกนี้ไปก็ตาม ในสภาวะที่ไร้ผู้นำเช่นนี้ไม่สามารถทำอย่างนี้ได้หรอก ฉันกลับมีข้อสันนิษฐานเป็นอย่างอื่น”
“พูดมา”
ในใจของนรมนรู้สึกกังวลเล็กน้อย
กิมจิมองไปยังนรมนและบุริศร์ที่นอนสลบอยู่ พูดเสียงเบาว่า “กลัวว่าจะเป็นคนเบื้องบนสั่งมา”
“อึม?”
นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจกรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
บุริศร์เพื่อประเทศชาติแล้วต้องออกรบอยู่ที่สนามรบข้างนอก คนที่อยู่เบื้องบนถึงกับใจร้ายขนาดนี้เชียวเหรอ?
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว สิ่งที่พวกเขาทุ่มเทออกไปนั้นมันคืออะไร?
จู่ๆนรมนก็รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาทันที
“กิมจิ ถ้าออกจากอาณาจักรรัตติกาลไปแล้วคุณคิดอยากจะทำอะไรล่ะ?”
นรมนไม่ได้พูดต่อจากเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ แต่กลับถามคำถามเช่นนี้ออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้กิมจิรู้สึกอึ้งไปเลย
“ออกจากอาณาจักรรัตติกาลเหรอ ?”
“ใช่ ถ้าหากไม่มีอาณาจักรรัตติกาลแล้ว คุณก็กลับสู่สังคมเหมือนเดิม เดินไปตามทางภายใต้แสงอาทิตย์ สิ่งที่คุณอยากจะทำที่สุดคืออะไรล่ะ?”
นรมนตอนนี้เหมือนกับเป็นเพื่อนเก่าแก่คนหนึ่งของกิมจิ จึงทำให้ในใจที่ตึงเครียดและกังวลของกิมจิกลับรู้สึกผ่อนคลายลง
“อาจไม่แน่จะไปเปิดร้านบาร์เหล้าสักแห่ง จริงๆแล้วผมก็ชอบดื่มเหล้าอยู่เหมือนกัน”
“งั้นเหรอ?”
นรมนนึกภาพท่าทางเมามายของกิมจิแล้ว อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “งั้นคุณก็เลือกสถานที่มาเลย ถึงเวลานั้นฉันจะลงทุนให้คุณเอง”
“ไม่ต้องหรอก เงินทุนที่ใช้เปิดร้านบาร์ผมก็ยังพอมีอยู่”
ดูเหมือนว่ากิมจิจะเข้าใจในการตัดสินใจของนรมนแล้ว
พวกเขาได้ทุ่มเททั้งกายใจให้กับอาณาจักรรัตติกาลมากเกินไปแล้ว แต่ว่ายิ่งถูกคนใกล้ชิดที่สุดทรยศหักหลังตัวเองก็ยิ่งยากที่จะยอมรับได้
กิมจิถอนหายใจเฮือกแล้วพูดว่า “พักผ่อนให้มากก่อนเถอะ เรื่องข้างนอกให้ผมเป็นคนจัดการดีกว่า”
“ได้”
นรมนมองดูกิมจิเดินออกจากห้องไป ค่อยๆกุมมือบุริศร์ไว้ แล้วเอามือของเขามาวางบนหน้าตัวเอง พูดด้วยเสียงเบาๆว่า “จะเป็นเขาหรือเปล่า? พี่น้องที่คุณไว้ใจมากที่สุด เพื่อเขาแล้วคุณถึงกับทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างมาอยู่สนามรบนอกประเทศ เพียงเพราะว่าอยากจะให้เขาได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างสะดวก แต่ว่าตอนนี้ล่ะ? ถ้าหากปืนของเขาเล็งมาที่ฉันกับคุณ คุณควรจะทำยังไง? บุริศร์ เวลานี้โชคดีที่คุณยังสลบอยู่ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเผชิญกับเรื่องที่เจ็บปวดที่เกิดขึ้นตรงหน้าเช่นนี้”
พูดจบ เธอก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
จะเป็นธเนศพลไหมนะ?
ตอนนั้นอาณาจักรรัตติกาลในอดีตถูกยุบไปก็ล้วนเป็นแผนการของธเนศพลทั้งนั้น ตอนนี้ถึงกับเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น เป็นเพราะกลัวอะไรเหรอ?
กลัวว่าบุริศร์จะแย่งชิงตำแหน่งนั้นกับเขาเหรอ?
เป็นไปได้ไหม?
บุริศร์ก็ได้โอนย้ายทรัพย์สินไปยังต่างประเทศแล้วยังไม่พออีกเหรอ? พวกเขาอยากจะให้ทำยังไงกันแน่ถึงจะยอมปล่อยเธอและบุริศร์ไป?