แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1744 ไอ้บ้านี่ปีนกำแพงมาเหรอ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
กานต์พลันแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา ใบหน้าเย็นชามองตรง ราวกับว่าคนที่เพิ่งพูดคุยยิ้มแย้มกับธเนศพลเมื่อกี้ไม่ใช่เขาอย่างไรอย่างนั้น
ธเนศพลเริ่มรู้สึกปวดท้อง
“แกลงไปเอาน้ำมาให้ฉันหน่อย”
กานต์มองออกว่าธเนศพลกำลังปวดท้อง จึงรีบลุกขึ้นเดินออกไป
หลายปีมานี้เขามีโรคภัยแฝงอยู่ในร่างกายไม่น้อย แต่ด้วยสถานะและตำแหน่งที่สูงส่งจึงไม่สามารถบอกให้โลกภายนอกรู้ และกานต์ก็เป็นหนึ่งในส่วนน้อยที่รู้เรื่องนี้
เมื่อเห็นสีหน้าซีดๆ และเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของธเนศพล กานต์ก็ไม่กล้าเสียเวลา หลังจากที่เดินลงมาข้างล่าง ชมพูก็ยื่นน้ำอุ่นที่เริ่มเย็นแล้วไปให้กานต์
“อาการปวดท้องของพ่อกำเริบอีกแล้วเหรอ?”
“อืม เธอมียาไหม?”
“อยู่ในห้องฉัน พี่รอแป็บ”
ชมพูวิ่งกล้บมาที่ห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อก่อนกานต์สามารถเข้าออกห้องเธอได้ตามสบาย แต่ว่าตอนนี้รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะถึงยังไงเขาก็ขึ้นชื่อว่ามีเจ้าของแล้ว
เมื่อนึกถึงไอรา มุมปากของกานต์ก็ยกขึ้น แต่เมื่อนึกถึงอาการของธเนศพล ก็คิดได้ว่าจะมาอารมณ์ดีในเวลาแบบนี้ไม่ได้ จึงรีบเก็บสีหน้าและรอยยิ้มเอาไว้
ในตอนที่ชมพูเดินถือยาออกมาก็เห็นกานต์ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าเย็นชา ดวงตาของเธอพลันหม่นแสงลง รู้สึกค่อนข้างอึดอัด
“อะนี่ พ่อฉันน่าจะยังมีเรื่องอยากคุยกับพี่ ฉันไม่ขึ้นไปนะ”
“อืม”
กานต์พยักหน้า รับยาจากมือของชมพูมา แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
ธเนศพลเจ็บจนตัวงอ กานต์จึงรีบเข้าไปป้อนยาเข้าปาก บีบจมูกเขาเอาไว้แล้วกรอกน้ำตามลงไป
คนบนโลกที่กล้าทำกับธเนศพลอย่างนี้ก็มีแค่กานต์เท่านั้น
ธเนศพลสำลักจนไอค่อกแค่ก ดวงตาเหมือนใบมีดตวัดฉับมองมาที่กานต์ แต่กานต์กลับทำเป็นมองไม่เห็นเสียอย่างนั้น หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จก็ก้าวถอยหลัง กลับมานั่งลงที่เดิมด้วยรอยยิ้มตาหยี
กว่าจะกลืนยาลง ธเนศพลจึงหอบหายใจเหนื่อย “แกกล้ามากนะ ไม่กลัวฉันจะ……”
“ไม่กลัว น้าพล ผมอยากพักร้อน”
คำพูดของกานต์ทำให้ธเนศพลนิ่งไปเล็กน้อย
“พักกับผีสิ แกก่อเรื่องไว้ให้ฉันขนาดนี้ ยังมีหน้ามาพูดว่าอยากพักร้อนอีกเหรอ? แล้วก็ ตัวประกันคนนั้นโวยวายอยากเจอแกให้ได้ แกจะว่ายังไง?”
หัวคิ้วของกานต์ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ที่พริมรตาอยากเจอเขาก็เพราะว่าชอบเขาแค่นั้นหละ ตอนนี้เขาขึ้นชื่อว่ามีเจ้าของแล้ว ไม่อยากไปพูดคุยอะไรให้เปลืองน้ำลายกับคนป่วยหรอกนะ
คิดมาถึงตรงนี้ กานต์ก็พูดนิ่งๆว่า “ค่ารักษาคิดที่ผม ถ้าไม่พอก็เพิ่มค่าของบำรุงและจ้างหมอกับพยาบาลที่ดีที่สุดให้เธอด้วยก็ได้ ส่วนเรื่องอื่นผมช่วยไม่ได้หรอกนะ”
“แกทำอย่างนี้ไม่กลัวคนเขาว่าแกใช้เงินฟาดหัวเหรอ?”
“ไม่กลัว ตอนนี้ผมยังต้องกลัวอะไรอีก?”
กานต์ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าชีวิตการเป็นทหารของเขาจะเกิดข้อผิดพลาดแบบนี้
แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ให้มันเกิดไป เขาแค่ต้องรับผิดชอบก็เท่านั้น
“น้าพล ผมรู้ว่าน้าคงลำบากใจ และผมก็รู้ว่าคนนอกจะว่าผมยังไง น้าให้ผมอยู่ที่นี่ ผมก็จะอยู่ที่นี่ แต่ว่าน้าพาคนออกไปด้วยได้ไหม? ผมรับรองว่าผมจะอยู่แต่ในนี้ไม่ออกไปไหน ให้คนมาเฝ้าเยอะขนาดนี้ ไม่เท่ากับว่าเป็นการบอกนัยๆว่าผมอยู่ที่นี่เหรอ?”
คำพูดของกานต์ทำให้ธเนศพลรู้ตัวในชั่ววินาที
เขาให้กานต์อยู่ที่นี่ไม่ใช่เพราะคิดจะกักบริเวณจริงๆ ก็แค่ล่องูออกมาจากรูก็เท่านั้น เมื่อได้ยินที่กานต์พูดออกมาแบบนี้ เขาจึงเอ่ยพูดอย่างลำบากใจว่า “ตอนนี้หูของแกสูญเสียประสาทการได้ยิน ถ้าต้องปล่อยให้อยู่ที่นี่คนเดียวฉันไม่สบายใจน่ะสิ แบบนี้แหละดีแล้ว ให้ชมพูอยู่ด้วยเถอะ”
“ให้เธอไปเถอะครับ สิ่งที่เธอต้องการผมให้เธอไม่ได้ ถ้าน้าให้เธออยู่ก็มีแต่จะทำให้เธอเสียใจ น้าพล ผมรู้สึกกับเธอแค่น้องสาวคนหนึ่งจริงๆ ต่อให้ไม่มีไอรา ผมกับเธอก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เธอมาอยู่ที่นี่ผมก็มีแต่เสียเวลาเปล่า น้าให้เธอกลับไปประจำตำแหน่งดีกว่า อย่างน้อยก็ยังมีนะโมที่พอจะทำให้เธออารมณ์ดีได้”
กานต์พูดเปิดประเด็น
ด้านธเนศพลกลับนิ่งไป
“นะโม? แกหมายถึงลูกชายของชวกรเหรอ?”
“ที่ฐานทัพก็มีกันแค่ห้าคน น้าคิดว่าจะยังมีใครชื่อนะโมอีกเหรอ”
กานต์มองบนใส่ธเนศพล
ธเนศพลปัดจมูก เอ่ยพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “เด็กนั่นชอบชมพู?”
“อืม แต่ก็ต้องดูด้วยว่าชมพูเต็มใจหรือเปล่า”
“ฉันเข้าใจแล้ว แต่ว่าแกจะไม่ลองพิจารณาตำแหน่งลูกเขยฉันอีกครั้งจริงๆเหรอ? กานต์ เป็นลูกเขยฉันมีแต่ได้กับได้นะ อย่างน้อยฉันก็……”
ธเนศพลยังพูดไม่จบ ก็ถูกกานต์กระชากพาออกไปนอกห้อง แถมยังปิดประตูใส่หน้าเสียงดัง “ตึง”
เมื่อชมพูเห็นว่าพ่อตัวเองถูกกานต์โยนออกมาข้างนอก ก็ทำตัวไม่ถูก
“พ่อ เดี๋ยวฉันทำอะไรให้ทานนะ”
ธเนศพลกลับไม่ได้คิดอะไรมาก ไอ้แสบนี้ไม่ได้ทำกับเขาอย่างนี้แค่ครั้งสองครั้งสักหน่อย อีกอย่างเขาก็ไม่อายเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาวด้วย
เมื่อนึกถึงคำพูดของกานต์ ธเนศพลถึงได้สังเกตว่าดวงตาของชมพูแดงก่ำ คงเป็นเพราะกานต์พูดออกไปตรงๆ เลยทำให้ลูกสาวเสียใจอย่างนี้
ความรู้สึกที่ชมพูมีให้กานต์ธเนศพลรับรู้มาตลอด แต่ใครใช้ให้ไอ้แสบกานต์ไม่คิดเหมือนกับลูกสาวเขาล่ะ?
เขาคงไม่เห็นลูกสาวของเขาเกาะอยู่บนคานตลอดไปหรอกใช่ไหม?
คิดมาถึงตรงนี้ ธเนศพลก็ถอนหายใจออกมา “ชมพู ไม่ต้องทำแล้ว วันนี้น้องชายแกกลับบ้าน แกไปเก็บของแล้วกลับไปกับฉันเถอะ แม่กับน้องไม่ได้เจอแกนานแล้ว เรากลับไปทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันหน่อยเป็นไง”
“แต่ว่าพี่กานต์……”
ขณะที่พูดชมพูก็มองไปทางห้องกานต์
ทำไมธเนศพลจะไม่รู้ล่ะว่าชมพูกำลังคิดอะไร?
เป็นครั้งแรกที่เขาต้องตัดกานต์ออกไปจากการรวมตัวทานข้าวของครอบครัว แม้ว่าจะรู้สึกเสียใจแต่ท่าทีของกานต์เด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมาก กลัวก็แต่ว่าหลังจากนี้เขากับชมพูคงไม่มีวาสนาร่วมกันแล้ว ซึ่งคงทำให้เธอเสียใจมากแน่ๆ เพราะเลือกตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังจะดีกว่า
“สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ปกติ เขากลับไปกับเราไม่ได้”
“งั้นฉันจะอยู่ที่นี่กับพี่กานต์”
“ชมพู เขาอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ฉันรู้ว่าแกชอบกานต์ แต่ว่าบางเรื่องไม่ใช่แค่ชอบแล้วจะเป็นไปได้ ฟังฉัน กลับบ้านกับฉันซะ”
ธเนศพลพูดมาขนาดนี้ ชมพูจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ แต่แสดงออกชัดเจนว่าไม่มีความสุข
คนที่เฝ้าอยู่รอบๆต่างก็ถูกธเนศพลไล่ไปจนเกลี้ยง
กานต์ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองคนอื่นๆขับรถออกไปทีละคน เห็นแบบนั้นดวงตาของเขาก็ลุกโชนไปด้วยความตื่นเต้น
เขาเงยหน้ามองบ้านข้างๆ ที่นั่นไม่เปิดไฟ มีแค่ห้องเดียวที่เปิดไฟสว่างจ้า เงาของคนข้างในวูบไหวไปมา เห็นแบบนั้นมุมปากของกานต์ก็ยกขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็ทำเรื่องที่ไร้สาระที่สุดในช่วงนี่สิบปีที่ผ่านมา โดยการกระโดดขึ้นกำแพง แล้วปีนไปยังระเบียงข้างๆ ขยับนิ้วมือเพียงเบาๆ หน้าต่างก็เปิดออก
กานต์กระโดดลงพื้นขาเดียว ไอราพลันสะดุ้งโหยง ปีนหน้าต่างเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงขนาดนี้ เป็นใครก็ตกใจกันทั้งนั้น แต่เมื่อเธอเห็นว่าเป็นกานต์ ก็อ้าปากกว้าง
ไอ้บ้านี่ปีนกำแพงมาเหรอ?!
ไม่สิ!
เขากำลังจะทำอะไร?
ช่างหัวเรื่องปืนกำแพงไปก่อน ตอนนี้เขาจะแกะกระดุมทำไม?
ไอรายืนแข็งเป็นหินอยู่กับที่ มองกานต์ก้าวเท้ายาวๆเข้ามาหาเธอด้วยท่วงท่าสง่า