แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่1441 อย่ามาขวางหูขวางตาฉันที่นี่
“ฉันใช้เงินตัวเองประมูลก็ได้แล้ว ทำไมต้องให้นายยืมด้วย?”
บุริศร์กรอกตามองบน
เจตต์หัวเราะคิกคัก “ประธานบุริศร์มีธุรกิจยิ่งใหญ่ กำไรเล็กน้อยคงไม่เข้าตา เร็วซี ฉันจะกลับไปดำเนินการ จะได้เข้าร่วมประมูลพอดี”
บุริศร์ไม่สนจำนวนเงิน ถ้าไม่ใช่เพราะความสำเร็จของบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลเดี๋ยวนี้ตกต่ำลง เขาคงไม่บอกข่าวนี้กับเจตต์
เงินจำนวนนี้ซื้อกลับมาก็ไร้ประโยชน์ชั่วคราว แต่เมื่อรัฐบาลวางแผนสำหรับปีหน้า เมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าจะทำอะไร บริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลก็จะทำกำไรได้
แม้เจตต์จะเป็นลูกเขยของตระกูลปวนะฤทธิ์ แต่ถ้าตระกูลรัตติกรวรกุลถูกตระกูลปวนะฤทธิ์ช่วยเหลือด้านการเงิน นิสัยอย่างเจตต์ก็คงยากจะรับไหว รู้จักกับเขามานานหลายปี บุริศร์รู้อย่างถ่องแท้
มันต่างกันถ้าเขาให้ยืมเงิน
อย่างมากที่สุดมันก็เป็นการหมุนเงินระหว่างพี่น้อง
บุริศร์เขียนเช็คให้เขาโดยตรง
“ไปขึ้นเช็คที่ธนาคารเอง แต่เงินนี่คงทำอะไรชั่วคราวไม่ได้ เงินนี่ของนายก็เท่ากับติดอยู่ในศาลข้างในปีนี้ นายคิดให้ดี”
เจตต์โบกมือก่อนพูด “ถ้านายไม่บอกข่าวนี้กับฉัน ปีหน้าก็ไม่รู้ว่าบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลจะปิดตัวลงหรือไม่ ฉันรู้น่า”
“เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุล”
บุริศร์เชื่อในฝีมือการทำธุรกิจของเจตต์ แต่ในช่วงเวลานี้หุ้นของบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่นัก
ใบหน้าของเจตต์มีแววเย็นชาพาดผ่าน
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ผู้ถือหุ้นบางคนหาเรื่อง มีการทะเลาะกันภายใน ฉันจัดการมันได้”
“อยากให้ช่วยก็บอกมาแล้วกัน ฉันเงินเยอะเสียจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรแล้ว ถ้าต้องการ บอกฉันได้ทุกเมื่อ”
“รู้แล้วน่า เรื่องที่ควรพูดฉันไม่เกรงใจหรอก ขอบใจนะ”
เจตต์เก็บเช็ค “เรื่องนี้อย่าบอกภาวินีกับนรมนนะ ฉันจัดการตัวตลกไม่กี่ตัวด้วยตัวเองได้ แต่ถ้าช่วงนี้นายว่าง ก็ช่วยรวบรวมหุ้นของบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลหน่อย”
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา บุริศร์ก็เข้าใจ
“นายวางแผนจะไล่ผู้ถือหุ้นของบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลออกไป?”
“พวกเขาไม่ต้องการให้ฉันเป็นประธานอีกต่อไป แล้วฉันจะเก็บพวกเขาไว้ทำไมละ? นายพูดเอง ว่าตอนนี้นายรวยมากเสียจนไม่รู้จะใช้กับอะไร ในเมื่อรวยเสียขนาดนี้ ไอ้ของที่มันทำให้ฉันว้าวุ่นใจจะอยากเอามาเพิ่มความวุ่นวายให้ฉันทำไมกันเล่า? งั้นก็ยืมมือนายนำหุ้นทั้งหมดกลับมาเสียเลย ภายหลังถ้าจะทำอะไรจะได้สะอาดตรงไปตรงมา”
เจตต์พูดชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องใหญ่นี่
บุริศร์พยักหน้า
“ได้ แต่นายไม่กลัวว่าภายหลังฉันจะเอาหุ้นทั้งหมดของบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลเป็นของฉันเหรอ?”
“ถ้านายมรหน้าไปทำ ฉันคงไม่มีความเห็น ภายหลังฉันกับภาวินีจะย้ายเข้ามาอยู่กับนาย นายก็จัดการบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลแทนฉันแล้วกัน ฉันจะได้มีอิสระไม่มีพันธะ”
เจตต์พูดอย่างไม่สนใจ แต่บุริศร์รู้ดี ไม่ใช่คนที่น่าไว้ใจ เขาจะไม่นำเรื่องนี้มาให้เขาจัดการ
กระแสความอบอุ่นพาดผ่านใจของบุริศร์
แต่ก่อนไม่เคยคิดว่าจะได้กลายมาเป็นพี่น้องกับเจตต์จริงๆ ตอนนี้เพราะเขาได้กลายเป็นญาติกับนรมน ก็เลยได้กลายมาเป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเขาด้วย (aaa)
“รีบไสหน้าไป อย่ามาอยู่ที่นี่ให้ขวางหูขวางตา”
บุริศร์ยิ้มจางพลางพูดกับเจตต์ ทันใดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นบุณพจน์นั่นเองที่โทรมา คาดว่าคงรู้ข่าวที่นรมนท้องแล้ว ก็เลยโทรมาแสดงความยินดี
เมื่อเจตต์เห็นว่าบุริศร์ต้องการจะรับสาย เขาจึงรีบพูดว่า “ฉันไปก่อนนะ จะไปดูภาวินีสักหน่อย แล้วก็น่าจะกลับเลย ที่บ้านยังมีเรื่องให้จัดการอีกเป็นกอง”
“โอเค ไม่ส่งนะ”
“อย่ามาไม้นี้”
เจตต์โบกมือลาก่อนจะออกไป
บุริศร์กดรับสาย
“พี่”
หัวใจของเขารู้สึกอุ่นวาบ (aaaaa)
บนโลกใบนี้ที่สุดแล้วยังมีสายเลือดเดียวกันกับเขา ความรู้สึกนี่มันดีมาก
บุณพจน์พิงขอบหน้าต่าง มองดูเมฆข้างนอก พูดพลางยิ้มไปว่า “ยินดีด้วยนะ”
“ผมไม่ได้ต้องการคำแสดงความยินดีของพี่ จริงสิ พี่สะใภ้ละ?”
เมื่อบุณพจน์ได้ยินบุริศร์เรียกผู้หญิงของเขาว่าพี่สะใภ้ เขาก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างดีใจไม่ได้
“ร่างกายฟื้นฟูแล้วละ ดีมากแล้ว พรวลัยต้องการไปเยี่ยมนรมน แต่ถูกผมห้ามไว้ หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ผมยังไปไม่ได้”
เมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะมา จริงๆแล้วบุริศร์ก็ค่อนข้างที่จะตั้งตารอคอย แต่เพราะว่าบุณพจน์บอกว่ามีเรื่องทำให้มาไม่ได้ ก็คงเกิดเรื่องขึ้นจริง
“ผมหวังว่าพี่กับพี่สะใภ้จะมาหาผมด้วยกันที่นี่”
“จบเรื่องแล้ว ฉันกับพรวลัยจะไปอยู่ที่บ้านตระกูลโตเล็ก ได้ยินว่าเมืองชลธีวิวสวยแถมอากาศดี คงเหมาะกับชีวิตวัยเกษียณ”
เวลาที่บุณพจน์พูดแบบนี้ บุริศร์ตั้งตารอสิ่งที่เธอพูด
“จริงไหม? อย่าอำผมเล่น”
“อำอะไรกันละ? ว่าแต่นาย เป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บจนเกือบตาย ทำไมถึงหุนหันพลันแล่นขนาดนั้น? ไม่โทรหาฉัน? อย่างไรฉันก็เป็นพี่นาย มีคนรออยู่ข้างหลังนะ”
เมื่อบุณพจน์ได้ยินข่าว เขาอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง “ตอนนี้ร่างกายเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่มีอะไรแล้ว นรมนช่วยผมเอาไว้”
“นายติดหนี้เธอ ดูแลเธอดีๆ ละ”
“รู้แล้วน่า”
นานแล้วที่บุริศร์ไม่ได้คุยกับบุณพจน์แบบนี้ (aaaaa)
“แล้วช่วงนี้พี่ยุ่งเรื่องอะไร?”
“ค่ายกลกระบี่สายแร่”
คำพูดของบุณพจน์ทำให้เส้นประสาทของบุริศร์เครียดเขม็ง
“สมชัยกับฉัตรพลยังไม่ยอมแพ้เหรอ?”
“พวกเขายอมแพ้ได้ยังไง? พรวลัยเดาเรื่องนี้ได้ถูกไว้ไม่มีผิด ในมือของฉัตรพลยังมีคนที่มีค่ายกลกระบี่ น่าจะเป็นญาติของพรวลัย ตอนนี้ยังไม่ยืนยันตัวตน แต่เพราะว่าเรื่องนี้ทำให้หลายวันมานี่อารมณ์ของพรวลัยไม่ค่อยดีนัก และเพราะการตายของกล้าณรงค์ ฉัตรพลใกล้บ้าจนจะทำให้ค่ายกลกระบี่คนนั้นแตกระแหงไป อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก พรวลัยเหนื่อยเล็กน้อย ฉันที่อยู่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ทำได้เพียงหาใครสักคนมาทำลายธุรกิจของฉัตรพล ทำลายเส้นสายเงินทุนของเขา”
บุณพจน์พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างเจ็บใจ
สองวันแล้วที่พรวลัยไม่ได้พักผ่อนได้เต็มตา ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่มีร่างกายใครทนไหวหรอก
บุริศร์ขมวดคิ้วแน่น
“หาคนที่มีพลังค่ายกลกระบี่นั่นไม่เจอเหรอ?”
“ตอนนี้ยังหาไม่เจอ แต่มีเบาะแสว่าอาจจะอยู่ในประเทศF นายก็รู้ว่าฉันเข้าประเทศF ไม่ได้ นายมีเส้นสายอยู่ที่โน้น ก็ช่วยฉันสักหน่อยแล้วกัน”
ทันใดบุริศร์ก็นึกถึงหงส์ขึ้นมา
เธอไปแล้ว แต่กลับเป็นเพราะเรื่องของจณัตว์ที่ไปแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ของจิตใจเธอยังไม่ค่อยสู้ดีนัก ถ้าหากนำเรื่องนี้มอบหมายให้หงส์ก็คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“พี่ ผมมีเส้นสายก็จริง แต่ตอนนี้คงไม่ค่อยสะดวก”
“ไม่เป็นไร ฉันก็แค่ลองพูด ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรรอก เดี๋ยวฉันค่อยคิดหาทางอื่นเอาก็ได้”
บุณพจน์ไม่ได้พูดอะไร แต่บุริศร์รู้ดี ถ้าหากไม่สุดจริง บุณพจน์คงไม่โทรมาบอกเขาเรื่องนี้แน่
บางทีคนคนนั้นอาจจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับพรวลัย
ตอนนี้บุริศร์ถอนตัวจากภารกิจนี้แล้ว และไม่มีขอบเขตอำนาจที่จะไปประเทศFเพื่อตรวจสอบคนคนนั้น ตอนนี้มีเพียงหงส์และจณัตว์ที่ทำได้ แต่พ่อบุญธรรมของจณัตว์เพิ่งประสบอุบัติเหตุ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่มีเวลาและพลังที่จะมาจัดการเรื่องนี้
เมื่อคิดไตร่ตรองอย่างดีแล้วหงส์คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหงส์ทำเรื่องนี้สำเร็จ ทั้งตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็ดี และตระกูลแหลมวิไลก็ดี กับทางหงส์ที่เป็นลูกสาวของสมชัยในฐานะนี้บางทีอาจคงคลี่คลาย
“พี่ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ผมจะพยายามให้คนของผมหาตำแหน่งของคนคนนั้นให้เจอ พี่จะทำอย่างไร? ช่วยเขาออกมาเหรอ?”
เมื่อบุณพจน์ได้ยิน เขาก็มีกำลังวังชาขึ้นมาทันที
“ใช่ นายก็รู้ว่าครอบครัวของพรวลัยไม่อยู่แล้ว แม้จะไม่รู้ว่าคนคนนี้จะเป็นญาติฝ่ายไหนของพรวลัย แต่อย่างไรก็เป็นคนในครอบครัวฝั่งภรรยา เธอต้องการมีคนในครอบครัวฝั่งภรรยา”
คำพูดของบุณพจน์ชัดเจน บุริศร์เข้าใจในทันที
“โอเค ผมจะจัดการ แต่ไม่รับประกันนะว่าจะสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ไม่เป็นไร แค่นายจัดการฉันทางนี้ก็สบายใจไปเปราะหนึ่งแล้ว อย่างไรความสามารถของคนของนาย ฉันก็เชื่อใจน่า”
เมื่อได้คำพูดของบุณพจน์ บุริศร์ก็ยิ้มออกมา
“เรื่องนี้จบลง พี่ก็พาพี่สะใภ้กลับมาแล้วกัน ไม่ว่าคนข้างนอกจะพูดอะไร ผมก็ไม่สนหรอก”
“โอเค”
อายุของบุณพจน์ก็มากแล้ว หลังจากเรื่องนี้จบลงเขาก็วางแผนที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับพรวลัย
มีเวลาเหลือไม่มาก เขาเพียงแค่อยากให้พรวลัยใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกหน่อย ที่บอกว่าจะอยู่ในบ้านตระกูลโตเล็กเป็นเรื่องตลก แต่เรื่องที่จะกลับไปปักหลักที่เมืองชลธีคือเรื่องจริง เขาเริ่มซื้อบ้านที่เมืองชลธีเอาไว้แล้ว
พี่น้องคุยกันได้ไม่กี่คำถึงค่อยวาง
เจตต์พาขวัญตากลับไปแล้ว ทางฝั่งนรมนก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง เมื่อบุริศร์มาถึงห้องของนรมน ก็เห็นเธอนอนหลับอย่างเหนื่อยล้าอยู่ เขาจึงออกไป
นรมนขี้เซามากหลังจากตั้งครรภ์ ในตอนแรกบุริศร์ค่อนข้างกังวล แต่เมื่อหลังจากหาหมอจึงได้รู้ว่า นี่เป็นเรื่องปกติเมื่อตั้งครรภ์ เขาเลยปล่อยให้เธอนอนหลับไป
เพียงแค่ร่างกายนรมนแข็งแรง ไม่ว่าจะอ้วนหรือผอม บุริศร์ไม่สน
เขาไปห้องทำงาน เพื่อส่งข้อความให้หงส์
หงส์อยู่บนเครื่องบินตอนนี้ หลังลงจากเครื่องบินก็คงได้รับข้อความของเขา
เป็นเวลากว่าห้าชั่วโมงกว่าหงส์จะถึงประเทศF เมื่อลงจากเครื่องเธอก็ได้รับข้อความจากบุริศร์ เมื่อเธอเอามาอ่าน พลันนิ่งไปทันที
ภารกิจที่บุริศร์ให้เธอทำ เธอค่อนข้างจะลำบากใจ แต่เมื่อเป็นคำสั่งของเฮียบุริศร์ เธอก็ต้องทำให้สำเร็จ
หงส์มองไปสถานการณ์รอบๆ อย่างระมัดระวังตัว ราวกับมากกว่าเมื่อก่อน เธอรู้สึกว่าค่อนข้างจะอันตรายอย่างมากเลยทีเดียว
เมื่อตอนแรกที่ออกจากประเทศF หงส์ไม่ได้ถอนกำลังของเธอออก ตอนนี้ที่กลับมาเลยไม่ได้ทำให้ใครตกใจ เพียงแค่ติดต่อคนของตัวเอง ก็มีรถคันหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบงันที่เขตแดน ก่อนที่หงส์จะขึ้นรถคันนั้นไป
“ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อหงส์ขึ้นรถเธอก็เริ่มถามคำถาม
พฤธารีบตอบว่า “พระอนุชาฉัตรพลมีเรื่องกับพระราชาครับ ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างรุนแรง คิดไม่ถึงเลยว่าถึงแม้ในปีนี้พระอนุชาฉัตรพลจะไม่อยู่ แต่อิทธิพลของเขาก็ได้แทรกซึมเข้าสู่คณะรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภาไม่น้อยเลย ดังนั้นพระราชาจึงไม่เอารัดเอาเปรียบอะไร หลังจากการตายของกล้าณรงค์ ฉัตรพลจึงไปหาตระกูลแหลมวิไล จะให้ตระกูลแหลมวิไลช่วยเหลือ แต่ถูกตระกูลแหลมวิไลปฏิเสธมา แต่แล้วกลับปรากฏข่าวออกมาว่าหัวหน้าตระกูลแหลมวิไลแอบพบพระอนุชาฉัตรพลในตอนเย็น เมื่อพระราชาโกรธจึงเดินหน้าเข้าไปฆ่าหัวหน้าตระกูลแหลมวิไลด้วยตัวเองครับ”
เมื่อได้ยินเรื่องที่พฤธารายงาน หงส์ก็ขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน
สมชัยไม่ใช่คนที่หุนหันพลันแล่น แม้ว่าเอกฉัทจะไปหาฉัตรพล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะร่วมมือกับฉัตรพลนี่ ทำไมสมชัยถึงได้กระทำการฆ่าเอกฉัทอย่างก้าวร้าวด้วยน้ำมือตัวเองกันนะ?
มีเรื่องอะไรที่พวกเขาไม่รู้อีกหรือเปล่า?
หรือว่าในมือของเอกฉัทมีหลักฐานอะไรที่ไม่เอื้อผลประโยชน์ต่อสมชัย ดังนั้นก่อความหายนะมาให้ตัวเอง
หงส์ไม่เข้าใจ เธอรู้สึกว่าสถานการณ์ในประเทศF ยิ่งยุ่งเหยิงขึ้นทุกวันแล้ว